ซ่างเย่ 41 หอดอกท้อ

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 41 หอดอกท้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จิ่วชิง เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?” ฟู่หยุนเจี๋ยค่อย ๆ เดินเข้ามา

นกพิราบ?

ในคุกกว้างแห่งนี้ทำไมถึงมีนกพิราบบินเข้ามาได้นะ หรือเป็นเพราะบังเอิญ?

“พี่สอง เจ้าอยากกินนกพิราบย่างไหม?” ฟู่หยุนเซียวถามอย่างประชดประชัน

ฟู่จิ่วชิงยังคงยืนหลับตาอยู่ตรงนั้น เพียงแค่หันตัวมาเล็กน้อยด้วยทีท่าที่เฉยชาตามปกติ แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าเผยให้เห็นถึงใบหน้าขาวซีดของเขา “เจ้าตาบอดแล้วเหรอ?”

ลมที่พัดเข้ามาจากข้างนอกทำให้แสงเทียนบนโต๊ะสั่นไหว แกว่งไปมาจนใจก็เต้นแรงตามไปด้วย

ฟู่หยุนเจี๋ยถอยกลับไปที่เดิมและพูดว่า “พูดเพียงสองสามคำก็โมโห? ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ออกไปสักที?”

ฟู่จิ่วชิงที่ไม่ได้ตอบโต่อะไรมองมายังทั้งสองคนด้วยสายตาที่เยือกเย็นอยู่ชั่วขณะ ชั่วขณะหนึ่ง เขาก้มศีรษะลงและไอเล็กน้อย และนกพิราบที่อยู่นอกหน้าต่างก็กระพือปีกออกไป

“พรุ่งนี้” เขาตอบด้วยเสียงเบา

ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวต่างมองหน้ากัน พรุ่งนี้? พรุ่งนี้จะออกไปได้เหรอ?

พระจันทร์ที่นอกหน้าต่างช่างสวยงามเหลือเกิน!

เรือนซ่างอี๋

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาจาง ๆ ทางหน้าต่าง ทำให้ทั้งห้องสว่างไสวอย่างอบอุ่น

จิ้นเย่วบิดขี้เกียจลุกขึ้นจากเตียง เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้านั้นเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่เพิ่งจัดทำขึ้น ทำมาจากผ้าที่ก่อนหน้านี้แม่บ้านนำมาให้เธอเลือกสี เธอจำได้ เธอเลือกแต่สีฟ้าอ่อน แต่เมื่อเปิดดู…สีฟ้าที่ว่ามีเพียงแค่ตัวเดียวที่เธอใส่เมื่อวาน ส่วนที่เหลือนั้นเหมือนกับสีขาวพระจันทร์ และขาวเบจของฟู่จิ่วชิง

จิ้นเย่วขมวดคิ้วยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอย่างงุนงง

“คุณหญิง?” ซวงจือเดินเข้ามา “เมื่อวานไม่รู้ว่าใครทำร้ายข้าน้อยเจ้าค่ะ…”

จิ้นเย่วตกใจ “มีขโมย?”

นายและคนใช้ต่างจ้องมองกัน และรีบสำรวจของในห้อง

กล่องไข่มุกและเครื่องประดับที่อยู่บนโต๊ะแป้งก็ยังอยู่ครบ ของมีค่ามีราคาก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีขโมย

“ไม่ต้องหาแล้ว” จิ้นเย่วเหมือนจะนึกอะไรออก เธอครุ่นคิด หลังจากนั้นเธอก็มองไปยังประตู “ต่อไปเวลาที่ข้านอนหลับเจ้าไม่ต้องเฝ้าอยู่ข้างนอก เข้ามาข้างในแล้วใส่กลอนประตูไว้”

ซวงจือพยักหน้า “ข้าน้อยรับทราบเจ้าค่ะ!”

ที่ประตูใหญ่ของตระกูลฟู่มีทหารจากในวังขององค์ชายเล็กและคนจากหน่วยงานราชการ เข้ามาในห้องของเธอและไม่ได้เอาของมีค่าไป ไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรและไม่แตะต้องอะไรเลย แสดงว่า…จะมีใครอีกนอกจากองค์ชายเล็ก?

ขณะออกจากเรือน จิ้นเย่วตั้งใจให้ซวงจือใส่กลอนทั้งประตูบ้านและประตูเรือนภายนอก

ตอนนี้ทุกคนในตระกูลฟู่ก็ไม่มีใครอยู่ บรรดาคนใช้ทั้งหลายก็ถูกต้อนให้ไปอยู่รวมกันหลังจวน ที่เหลือก็ถูกนำไปคุมขังในคุก ตอนนี้ทั้งจิ้นเย่วและซวงจือยังถือว่าปลอดภัย โชคดีที่ผู้ชายที่บุกเข้ามาถึงห้องไม่ได้ทำอะไรพวกเธอ ถ้าทำอะไรลงมีหวัง…มันสายเกินกว่าจะเสียใจ!

“คุณหญิง เราจะไปไหนก่อนเจ้าคะ?” ซวงจือถาม ข้ายังมีข้อข้องใจที่ยังคิดไม่ออก”

เช่นหากจะลอบสังหาร ทำไมต้องใช้ทหารองครักขององค์ชายเล็ก? ทำไมต้องเป็นที่จวนฟู่? แล้วทำไมต้องเป็นตอนงานเทศกาลไหว้พระจันทร์? ลูกกะตาและดอกกุหลาบนั่นหมายถึงอะไร? คนงานที่จมน้ำตายที่บ้านพักส่วนตัวของพ่อบ้านเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ทำไมถึงถูกปิดปาก?

วันนี้บนท้องถนนมีคนเข้าออกหนาแน่น

โคมไฟที่แขวนประดับบนถนนยังคงแขวนอยู่อย่างนั้น คงเพราะเพิ่งผ่านช่วงเทศกาลงานไหว้พระจันทร์ ทำให้ยังมีกลิ่นอายของงานเทศกาลหลงเหลืออยู่

ทันใดนนั้นเธอก็ถูกกระแทกเข้าที่บริเวณไหล่จนทำให้ตัวเธอเซ โชคดีที่ได้ซวงจือเข้ามาพยุงไว้

“คุณหญิง  เธอก็มองค้อนไปยังคนที่เดินมาชน

คนที่เดินมาชนเป็นผู้หญิงที่สวมชุดสีแดงราวกับเพลิงไฟ

ดูไปแล้วหญิงสาวผู้นี้รูปร่างผอมเพรียวและสง่า แต่งหน้าสวยงาม เวลาที่มองคนหางตาและคิ้วเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เธอจะต้องหลงใหลอย่างแน่นอน

น่าเสียดาย จิ้นเย่วไม่ใช่ผู้ชาย

ถูกเธอจ้องมองแบบนี้ ทำให้จิ้นเย่วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

“ทำไมเจ้าเดินไม่ดูทางบ้างเลย? ตั้งใจชนมาขนาดนี้ไม่รู้จักขอโทษหรือยังไง?” ซวงจือตะโกนออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เสียงขาดความมั่นใจเล็กน้อย ถึงยังไงก็ไม่ยอมแพ้

คุณชายบอกให้เธอดูแลคุณหญิงให้ดี หากดูแลคุณหญิงได้ดี ต่อไปจะได้รับเงินเป็นสองเท่า!

“เจ้าเด็กคนนี้อารมณ์โกรธไม่ธรรมดา” เสียงของผู้หญิงคนนั้นแหบเล็กน้อย

จิ้นเย่วได้ยินแล้วถึงกับขนลุก พร้อมกับดึงมือซวงจือกลับมา “ไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ!”

“โถ!” ผู้หญิงชุดแดงสังเกตุมาที่สองคนนายและบ่าว “เป็นโชคชะตาที่ทำให้เรามาเดินชนกันได้ที่บนถนนนี้ ไม่ต้องคิดมากหรอก! แม่เด็กน้อย เก็บอารมณ์หน่อยนะ ไม่งั้นคงยากจะออกเรือน!”

ซวงจือจ้องเขม็ง “ก็ยังดีกว่าเจ้า!”

“ไม่มีหน้าอก ไม่มีก้น ดีกว่าข้าตรงไหน?” หญิงชุดแดงยิ้มอย่างเย็นชา มองดูซวงจือในดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ตัวก็เตี้ย คอก็สั้น เอวก็หนา แถมยังเป็นคนใช้ อยู่บนถนนยังจะกล้า…”

จิ้นเย่วกัดฟันเก็บความโกรธของเธอไว้พร้อมกับดึงซวงจือไปข้างหลัง และเดินวนรอบผู้หญิงคนนั้น “ส่วนเจ้าวัน ๆ ไม่ทำอะไร ทำไมข้าถึงไม่เห็นประโยชน์ของเจ้า? พูดจาส่อเสียด ไร้เหตุผล เพียงแค่รูปร่างหน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร? มันทำให้เจ้าดูฉลาดขึ้นงั้นหรือ?”

สาวชุดแดงโกรธจนสั่น “เจ้า…”

“เจ้าอะไร?” จิ้นเยว่เย้ยหยัน ม้วนแขนเสื้อขึ้น และสะบัดข้อมือพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวคนนั้น “วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะไม่ถือโทษโกรธเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังกล้าที่จะยุ่งกับคนของข้า ข้าจะถอดชุดของเจ้า ให้เจ้าได้หายใจสะดวกขึ้น จะได้ไม่ต้องทนเก็บอารมณ์ไว้!”

“คอยดู!” สาวชุดแดงกระทืบเท้าด้วยความโกรธจัดและเดินออกไป

ซวงมือตาเบิกกว้างพร้อมกับยกนิ้วให้ “คุณหญิงเก่งมากเจ้าค่ะ!”

“ข้าก็ดูมาจากคนอื่น” จิ้นเย่วหัวเราะด้วยความชอบใจ

คนแก่ในหมู่บ้านก็มักยืนเท้าเอวตะคอกใส่คนอื่นแบบนี้ไม่ใช่หรือ? แบบนั้นถือจะเรียกน่าเกลียด

ที่เธอทำยังถือว่าเมตตา ยังไม่ถึงขั้นเอาจริงถึงตาย!

“ไปกันเถอะ ตามให้ทัน!” จิ้นเย่วมองตามไปที่ชุดสีแดงสดที่กำลังเลี้ยวเข้าไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง เธอยกกระโปรงขึ้นแล้วรีบวิ่งตามอย่างรวดเร็ว

“คุณหญิง ไม่ไปที่ว่าการอำเภอแล้วหรือเจ้าคะ? เมื่อสักครู่คุณหญิงบอกว่าปล่อยไป” ซวงจือถามด้วยความกังวล

คุณหญิงด่าเสร็จก็จะไปลงมือทะเลาะอีกหรือ?

“ข้าได้กลิ่นผิดปกติบนตัวนาง” จิ้นเย่วขมวดคิ้ว เธอยืนอยู่หน้าร้านที่หญิงสาวคนนั้นเข้าไป เธอรู้สึกชอบกล “หอดอกท้อ? อะไรคือหอดอกท้อ?”

ใบหน้าของซวงจือเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีราวกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก “คุณหญิง…ดอกท้อหรือเจ้าคะ!”

“บนตัวของนางมีกลิ่นจาง ๆ ของดอกไม้ และยังมีกลิ่นคาวเลือดอ่อน ๆ เราเข้าไปดูกันเถอะ!” จิ้นเย่วเดินเข้าไปข้างใน

ซวงจือรีบคว้าตัวเธอไว้ “คุณหญิง เรากลับไปที่ว่าการอำเภอก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ! เราอย่าเพิ่งทำให้งูตื่น นางเข้าไปข้างในแล้ว กลับมาเราค่อยถามเจ้าของร้านจะดีกว่า หรือว่า…คุณหญิงก็ ก็ไปถามคุณชายได้เจ้าค่ะ!”

ประโยคสุดท้ายซวงจือพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะกระซิบ ดูเหมือนจะสั่นเกร็งด้วยความกลัวอะไรบางอย่าง

จิ้นเย่วแทบจะไม่เคยเข้ามาในเมืองเหิงโจวเลย ปกติเธอจะอยู่กับพ่อที่ในหมู่บ้านจิ้น หากจะไปตลาดก็ไปแค่ตลาดในหมูบ้าน เธอเคยไม่รู้จักหอดอกท้อว่ามันคือสถานที่แบบไหน? แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในหมูบ้านเล่าให้ฟังว่า มีเหล้าประเภทหนึ่งชื่อว่าเหล้าดอกท้อ เลยคิดว่าที่นี่คงเป็นร้านเหล้า?!

“งั้นก็ได้!” จิ้นเย่วเดินย้อนกลับไปทางที่ว่าการอำเภอ

ยังไงก็คงหนีไม่พ้น ไปหาฟู่จิ่วชิงก่อนแล้วค่อยว่ากัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซ่างเย่ 41 หอดอกท้อ

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 41 หอดอกท้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จิ่วชิง เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?” ฟู่หยุนเจี๋ยค่อย ๆ เดินเข้ามา

นกพิราบ?

ในคุกกว้างแห่งนี้ทำไมถึงมีนกพิราบบินเข้ามาได้นะ หรือเป็นเพราะบังเอิญ?

“พี่สอง เจ้าอยากกินนกพิราบย่างไหม?” ฟู่หยุนเซียวถามอย่างประชดประชัน

ฟู่จิ่วชิงยังคงยืนหลับตาอยู่ตรงนั้น เพียงแค่หันตัวมาเล็กน้อยด้วยทีท่าที่เฉยชาตามปกติ แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าเผยให้เห็นถึงใบหน้าขาวซีดของเขา “เจ้าตาบอดแล้วเหรอ?”

ลมที่พัดเข้ามาจากข้างนอกทำให้แสงเทียนบนโต๊ะสั่นไหว แกว่งไปมาจนใจก็เต้นแรงตามไปด้วย

ฟู่หยุนเจี๋ยถอยกลับไปที่เดิมและพูดว่า “พูดเพียงสองสามคำก็โมโห? ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ออกไปสักที?”

ฟู่จิ่วชิงที่ไม่ได้ตอบโต่อะไรมองมายังทั้งสองคนด้วยสายตาที่เยือกเย็นอยู่ชั่วขณะ ชั่วขณะหนึ่ง เขาก้มศีรษะลงและไอเล็กน้อย และนกพิราบที่อยู่นอกหน้าต่างก็กระพือปีกออกไป

“พรุ่งนี้” เขาตอบด้วยเสียงเบา

ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวต่างมองหน้ากัน พรุ่งนี้? พรุ่งนี้จะออกไปได้เหรอ?

พระจันทร์ที่นอกหน้าต่างช่างสวยงามเหลือเกิน!

เรือนซ่างอี๋

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาจาง ๆ ทางหน้าต่าง ทำให้ทั้งห้องสว่างไสวอย่างอบอุ่น

จิ้นเย่วบิดขี้เกียจลุกขึ้นจากเตียง เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้านั้นเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่เพิ่งจัดทำขึ้น ทำมาจากผ้าที่ก่อนหน้านี้แม่บ้านนำมาให้เธอเลือกสี เธอจำได้ เธอเลือกแต่สีฟ้าอ่อน แต่เมื่อเปิดดู…สีฟ้าที่ว่ามีเพียงแค่ตัวเดียวที่เธอใส่เมื่อวาน ส่วนที่เหลือนั้นเหมือนกับสีขาวพระจันทร์ และขาวเบจของฟู่จิ่วชิง

จิ้นเย่วขมวดคิ้วยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอย่างงุนงง

“คุณหญิง?” ซวงจือเดินเข้ามา “เมื่อวานไม่รู้ว่าใครทำร้ายข้าน้อยเจ้าค่ะ…”

จิ้นเย่วตกใจ “มีขโมย?”

นายและคนใช้ต่างจ้องมองกัน และรีบสำรวจของในห้อง

กล่องไข่มุกและเครื่องประดับที่อยู่บนโต๊ะแป้งก็ยังอยู่ครบ ของมีค่ามีราคาก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีขโมย

“ไม่ต้องหาแล้ว” จิ้นเย่วเหมือนจะนึกอะไรออก เธอครุ่นคิด หลังจากนั้นเธอก็มองไปยังประตู “ต่อไปเวลาที่ข้านอนหลับเจ้าไม่ต้องเฝ้าอยู่ข้างนอก เข้ามาข้างในแล้วใส่กลอนประตูไว้”

ซวงจือพยักหน้า “ข้าน้อยรับทราบเจ้าค่ะ!”

ที่ประตูใหญ่ของตระกูลฟู่มีทหารจากในวังขององค์ชายเล็กและคนจากหน่วยงานราชการ เข้ามาในห้องของเธอและไม่ได้เอาของมีค่าไป ไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรและไม่แตะต้องอะไรเลย แสดงว่า…จะมีใครอีกนอกจากองค์ชายเล็ก?

ขณะออกจากเรือน จิ้นเย่วตั้งใจให้ซวงจือใส่กลอนทั้งประตูบ้านและประตูเรือนภายนอก

ตอนนี้ทุกคนในตระกูลฟู่ก็ไม่มีใครอยู่ บรรดาคนใช้ทั้งหลายก็ถูกต้อนให้ไปอยู่รวมกันหลังจวน ที่เหลือก็ถูกนำไปคุมขังในคุก ตอนนี้ทั้งจิ้นเย่วและซวงจือยังถือว่าปลอดภัย โชคดีที่ผู้ชายที่บุกเข้ามาถึงห้องไม่ได้ทำอะไรพวกเธอ ถ้าทำอะไรลงมีหวัง…มันสายเกินกว่าจะเสียใจ!

“คุณหญิง เราจะไปไหนก่อนเจ้าคะ?” ซวงจือถาม ข้ายังมีข้อข้องใจที่ยังคิดไม่ออก”

เช่นหากจะลอบสังหาร ทำไมต้องใช้ทหารองครักขององค์ชายเล็ก? ทำไมต้องเป็นที่จวนฟู่? แล้วทำไมต้องเป็นตอนงานเทศกาลไหว้พระจันทร์? ลูกกะตาและดอกกุหลาบนั่นหมายถึงอะไร? คนงานที่จมน้ำตายที่บ้านพักส่วนตัวของพ่อบ้านเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ทำไมถึงถูกปิดปาก?

วันนี้บนท้องถนนมีคนเข้าออกหนาแน่น

โคมไฟที่แขวนประดับบนถนนยังคงแขวนอยู่อย่างนั้น คงเพราะเพิ่งผ่านช่วงเทศกาลงานไหว้พระจันทร์ ทำให้ยังมีกลิ่นอายของงานเทศกาลหลงเหลืออยู่

ทันใดนนั้นเธอก็ถูกกระแทกเข้าที่บริเวณไหล่จนทำให้ตัวเธอเซ โชคดีที่ได้ซวงจือเข้ามาพยุงไว้

“คุณหญิง  เธอก็มองค้อนไปยังคนที่เดินมาชน

คนที่เดินมาชนเป็นผู้หญิงที่สวมชุดสีแดงราวกับเพลิงไฟ

ดูไปแล้วหญิงสาวผู้นี้รูปร่างผอมเพรียวและสง่า แต่งหน้าสวยงาม เวลาที่มองคนหางตาและคิ้วเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เธอจะต้องหลงใหลอย่างแน่นอน

น่าเสียดาย จิ้นเย่วไม่ใช่ผู้ชาย

ถูกเธอจ้องมองแบบนี้ ทำให้จิ้นเย่วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

“ทำไมเจ้าเดินไม่ดูทางบ้างเลย? ตั้งใจชนมาขนาดนี้ไม่รู้จักขอโทษหรือยังไง?” ซวงจือตะโกนออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เสียงขาดความมั่นใจเล็กน้อย ถึงยังไงก็ไม่ยอมแพ้

คุณชายบอกให้เธอดูแลคุณหญิงให้ดี หากดูแลคุณหญิงได้ดี ต่อไปจะได้รับเงินเป็นสองเท่า!

“เจ้าเด็กคนนี้อารมณ์โกรธไม่ธรรมดา” เสียงของผู้หญิงคนนั้นแหบเล็กน้อย

จิ้นเย่วได้ยินแล้วถึงกับขนลุก พร้อมกับดึงมือซวงจือกลับมา “ไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ!”

“โถ!” ผู้หญิงชุดแดงสังเกตุมาที่สองคนนายและบ่าว “เป็นโชคชะตาที่ทำให้เรามาเดินชนกันได้ที่บนถนนนี้ ไม่ต้องคิดมากหรอก! แม่เด็กน้อย เก็บอารมณ์หน่อยนะ ไม่งั้นคงยากจะออกเรือน!”

ซวงจือจ้องเขม็ง “ก็ยังดีกว่าเจ้า!”

“ไม่มีหน้าอก ไม่มีก้น ดีกว่าข้าตรงไหน?” หญิงชุดแดงยิ้มอย่างเย็นชา มองดูซวงจือในดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ตัวก็เตี้ย คอก็สั้น เอวก็หนา แถมยังเป็นคนใช้ อยู่บนถนนยังจะกล้า…”

จิ้นเย่วกัดฟันเก็บความโกรธของเธอไว้พร้อมกับดึงซวงจือไปข้างหลัง และเดินวนรอบผู้หญิงคนนั้น “ส่วนเจ้าวัน ๆ ไม่ทำอะไร ทำไมข้าถึงไม่เห็นประโยชน์ของเจ้า? พูดจาส่อเสียด ไร้เหตุผล เพียงแค่รูปร่างหน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร? มันทำให้เจ้าดูฉลาดขึ้นงั้นหรือ?”

สาวชุดแดงโกรธจนสั่น “เจ้า…”

“เจ้าอะไร?” จิ้นเยว่เย้ยหยัน ม้วนแขนเสื้อขึ้น และสะบัดข้อมือพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวคนนั้น “วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะไม่ถือโทษโกรธเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังกล้าที่จะยุ่งกับคนของข้า ข้าจะถอดชุดของเจ้า ให้เจ้าได้หายใจสะดวกขึ้น จะได้ไม่ต้องทนเก็บอารมณ์ไว้!”

“คอยดู!” สาวชุดแดงกระทืบเท้าด้วยความโกรธจัดและเดินออกไป

ซวงมือตาเบิกกว้างพร้อมกับยกนิ้วให้ “คุณหญิงเก่งมากเจ้าค่ะ!”

“ข้าก็ดูมาจากคนอื่น” จิ้นเย่วหัวเราะด้วยความชอบใจ

คนแก่ในหมู่บ้านก็มักยืนเท้าเอวตะคอกใส่คนอื่นแบบนี้ไม่ใช่หรือ? แบบนั้นถือจะเรียกน่าเกลียด

ที่เธอทำยังถือว่าเมตตา ยังไม่ถึงขั้นเอาจริงถึงตาย!

“ไปกันเถอะ ตามให้ทัน!” จิ้นเย่วมองตามไปที่ชุดสีแดงสดที่กำลังเลี้ยวเข้าไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง เธอยกกระโปรงขึ้นแล้วรีบวิ่งตามอย่างรวดเร็ว

“คุณหญิง ไม่ไปที่ว่าการอำเภอแล้วหรือเจ้าคะ? เมื่อสักครู่คุณหญิงบอกว่าปล่อยไป” ซวงจือถามด้วยความกังวล

คุณหญิงด่าเสร็จก็จะไปลงมือทะเลาะอีกหรือ?

“ข้าได้กลิ่นผิดปกติบนตัวนาง” จิ้นเย่วขมวดคิ้ว เธอยืนอยู่หน้าร้านที่หญิงสาวคนนั้นเข้าไป เธอรู้สึกชอบกล “หอดอกท้อ? อะไรคือหอดอกท้อ?”

ใบหน้าของซวงจือเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีราวกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก “คุณหญิง…ดอกท้อหรือเจ้าคะ!”

“บนตัวของนางมีกลิ่นจาง ๆ ของดอกไม้ และยังมีกลิ่นคาวเลือดอ่อน ๆ เราเข้าไปดูกันเถอะ!” จิ้นเย่วเดินเข้าไปข้างใน

ซวงจือรีบคว้าตัวเธอไว้ “คุณหญิง เรากลับไปที่ว่าการอำเภอก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ! เราอย่าเพิ่งทำให้งูตื่น นางเข้าไปข้างในแล้ว กลับมาเราค่อยถามเจ้าของร้านจะดีกว่า หรือว่า…คุณหญิงก็ ก็ไปถามคุณชายได้เจ้าค่ะ!”

ประโยคสุดท้ายซวงจือพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะกระซิบ ดูเหมือนจะสั่นเกร็งด้วยความกลัวอะไรบางอย่าง

จิ้นเย่วแทบจะไม่เคยเข้ามาในเมืองเหิงโจวเลย ปกติเธอจะอยู่กับพ่อที่ในหมู่บ้านจิ้น หากจะไปตลาดก็ไปแค่ตลาดในหมูบ้าน เธอเคยไม่รู้จักหอดอกท้อว่ามันคือสถานที่แบบไหน? แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในหมูบ้านเล่าให้ฟังว่า มีเหล้าประเภทหนึ่งชื่อว่าเหล้าดอกท้อ เลยคิดว่าที่นี่คงเป็นร้านเหล้า?!

“งั้นก็ได้!” จิ้นเย่วเดินย้อนกลับไปทางที่ว่าการอำเภอ

ยังไงก็คงหนีไม่พ้น ไปหาฟู่จิ่วชิงก่อนแล้วค่อยว่ากัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+