ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิตเล่มที่ 11 บทที่ 301 พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าจะมารับท่าน

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต Chapter เล่มที่ 11 บทที่ 301 พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าจะมารับท่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวชอบกินถั่วแระ ท่านปู่ท่านย่าจึงถอนดอกไม้ที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้านออกทั้งหมด ถึงฤดูใบไม้ผลิก็หว่านเมล็ด

ไม่ว่าจะเป็นการพรวนดิน ปลูกถั่ว ถอนหญ้า และเก็บเกี่ยว พวกท่านทั้งสองล้วนลงมือทำด้วยตัวเอง ไม่ให้คนอื่นมาช่วย เมื่อถั่วแระเติบโตเต็มที่แล้ว ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวกลับไป บนโต๊ะต้องมีถั่วแระที่ท่านย่าต้มด้วยตัวเอง และท่านปู่ก็เป็นคนช่วยตัดปลายทั้งสองด้านของฝักถั่วให้ ไม่ให้แม่บ้านที่บ้านทำ

พวกท่านบอกว่าหลานสาวชอบกินอาหารที่พวกท่านทำ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดช่วย

เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา

นับแต่นี้ไปนางจะไม่ได้กินถั่วแระที่ท่านปู่ท่านย่าทำอีกแล้ว

ส่วนนางในตอนนี้จะเป็นเช่นไร หากรู้ว่านางหายตัวไป ท่านปู่ท่านย่าจะเศร้าโศกเสียใจหรือไม่ ยังมีท่านพ่อท่านแม่ที่รักนางที่สุด พอคิดถึงพวกท่าน เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกเศร้าโศกยิ่งนัก

นางสูดลมหายใจด้วยอาการสะอึกสะอื้น เช็ดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมา คัดแยกถั่วแระต่อ

เซียวยวี่กำลังเดินมาจากห้องหนังสือ เพิ่งเดินถึงตรงประตู ก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเซี่ยยวี่หลัว

เขาไม่ได้เคลื่อนไหว ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามมองดูเซี่ยยวี่หลัวเช็ดน้ำตา เขาเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของเซี่ยยวี่หลัว ทว่าหยาดน้ำตาโปร่งใสแวววาวแต่ละเม็ดร่วงหล่นลงมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า จู่ๆ เซียวยวี่ก็คิดถึงเรื่องที่เซียวจื่อเซวียนเคยกล่าว ว่าเห็นเซี่ยยวี่หลัวร้องไห้อยู่หลายครั้ง

ตอนนี้เซียวยวี่ก็เห็นเช่นกัน

นางร้องไห้ด้วยเหตุอันใด?

เซียวยวี่ไม่รู้ ทั้งไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวร้องไห้ เขากลับรู้สึกทรมานใจ

หยาดน้ำตาแต่ละหยด เปรียบดังเหล็กหลอมเหลวที่ถูกเผาจนแดง หยดลงบนหัวใจของเขา ทิ้งรอยประทับลึกๆ ไว้

เซี่ยยวี่หลัวตัดถั่วแระเสร็จ จึงเหยียดกายบิดขี้เกียจ กำลังจะเก็บของเพื่อนำไปล้างที่ริมแม่น้ำ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เซี่ยยวี่หลัวเงยหน้า เซียวยวี่เดินมา รับถั่วแระที่ตัดเสร็จแล้วไป พร้อมหยิบถังน้ำสะอาดหนึ่งใบ กล่าวเสียงเบา “ข้าไปล้างเอง”

“ข้าไปเอง! ” เซี่ยยวี่หลัวไม่เคยคิดจะรบกวนเซียวยวี่

เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง แววตาของเขาเป็นประกายมีชีวิตชีวา ประหนึ่งดวงดาราฉายแสงระยิบระยับ ราวกับว่ามองแวบเดียวก็สามารถมองทะลุเข้าไปในใจคนได้

“เจ้าปลุกเด็กสองคนให้ตื่นได้แล้ว ข้าล้างเสร็จก็จะกลับมา! ” เซียวยวี่กล่าวเสียงเบา มองดวงตาของเซี่ยยวี่หลัวที่ถูกขยี้จนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง คิดอยากกล่าวอะไร คำพูดถึงขอบปากแล้วกลับกล่าวไม่ออก จากนั้นจึงเดินไป

เดินถึงประตู เขาปิดประตูเบาๆ

เงาร่างของเขาหายไปด้านหลังประตู เซี่ยยวี่หลัวยังคงยืนอยู่ที่เดิม

อากาศในเดือนห้า สายลมเย็นสบายในยามเช้าพัดโชยมาจากร่องภูเขา หอบเอากลิ่นอายหอมสดชื่นของธรรมชาติและหมอกบางเบามาด้วย

เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ที่เดิม สูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้ง พยายามสะกดความเศร้าเสียใจไว้ หันขวับเข้าไปในห้องครัว

ต้มโจ๊กเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวเตรียมผักสดใหม่อีกหนึ่งอย่าง ก่อนไปปลุกเด็กสองคนให้ตื่น

เด็กสองคนล้วนว่าง่าย พอถูกปลุก ก็รีบลุกพรวดขึ้น ไม่งัวเงียขอนอนต่อ

เซียวจื่อเซวียนนั้นไม่ต้องดูแลอะไร เซี่ยยวี่หลัวไปสวมเสื้อผ้าและรองเท้าให้เซียวจื่อเมิ่ง หวีผมเสร็จจึงออกมา เซียวจื่อเซวียนก็ยืนอยู่ในลานแล้ว เขาแปรงฟันล้างหน้าเสร็จ เห็นเซี่ยยวี่หลัวออกมา จึงแย้มรอยยิ้มกว้าง “พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่ง”

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม มองดูเด็กที่อยู่ตรงหน้า ดวงหน้ามีความละม้ายคล้ายคลึงกับเซียวยวี่สามถึงสี่ส่วน ภายในใจเกิดความรู้สึกมากมายประดังเข้ามา “เจ้าพาน้องสาวไปล้างหน้าก่อน ข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าต่อ”

ล้างและหั่นผักไว้แล้ว ผัดครู่หนึ่งก็พอ ผัดผักเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงล้างกระทะ เทน้ำลงหม้อด้านในกึ่งหนึ่ง อีกเดี๋ยวจะต้มถั่วแระ ต้องนำถั่วแระไปลวกก่อน เช่นนี้ถึงจะกำจัดกลิ่นเหม็นเขียวของถั่วแระได้ พอผัดอีกครั้งจะยังเป็นสีเขียว ไม่เหมือนกับการนำไปผัดทันที ที่จะออกสีเหลืองเล็กน้อย

ผัดผักเสร็จ สองพี่น้องก็เข้ามาแล้ว ช่วยเซี่ยยวี่หลัวยกอาหารและชามกับตะเกียบไปยังห้องโถง เซียวจื่อเมิ่งไม่ถามเซี่ยยวี่หลัว วิ่งไปยังห้องของเซียวยวี่เพื่อหาเขา เอ่ยเรียกพี่ใหญ่อยู่หลายหนก็ยังไม่เห็นตัว จึงกลับห้องโถงด้วยความสงสัย เอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่ไปไหนเจ้าคะ? ”

เซียวจื่อเซวียนกล่าวตามสัญชาตญาณ “ทำไมหรือ? พี่ใหญ่ไม่อยู่ในห้องหรือ? ”

“อืม ไม่อยู่เจ้าค่ะ”

เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตอบ “พี่ใหญ่ไปล้างถั่วแระที่ริมแม่น้ำ น่าจะใกล้กลับมาแล้ว พวกเจ้าไปรับที่ประตูด้วย” เซี่ยยวี่หลัวกล้ารับประกันว่า นางเพียงพูดโพล่งออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรจริงๆ

เซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนวิ่งไปยังประตูใหญ่เพื่อรอเซียวยวี่ รอเพียงครู่เดียว ก็เห็นเซียวยวี่มาแต่ไกล

เซียวจื่อเมิ่งสาวเท้าก้าวเล็กวิ่งเข้าไปหา “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่…”

เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม เร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นสองก้าว กอดเซียวจื่อเมิ่งที่วิ่งมาหาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นจึงอุ้มขึ้นมา เดินไปพลางกล่าวไปพลาง “ออกมาได้อย่างไร? ”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าท่านไปล้างถั่วแระที่ริมแม่น้ำ ให้พวกเราออกมารับท่านเจ้าค่ะ”

เซียวยวี่แย้มรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม “พี่สะใภ้ใหญ่ให้เจ้ามารับข้าหรือ? ”

เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้า “เจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่กำลังทำงาน ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ก็น่าจะมารับท่านด้วยเจ้าค่ะ! ” เด็กเล็กไม่เข้าใจว่าอะไรคือการพูดปด พี่สะใภ้ใหญ่ให้นางออกมารับพี่ใหญ่ เช่นนั้นก็น่าจะออกมารับแทนพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่อย่างนั้นหากพี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยากรับพี่ใหญ่ จะบอกให้นางมารับทำไม?

เซียวยวี่แสยะปากแย้มรอยยิ้ม นางมารับเขา?

อย่างนั้นก็ไม่เลวจริงๆ

อีกด้านหนึ่งเซี่ยยวี่หลัวยกอาหารไปไว้ในห้องโถงแล้ว นางอยู่ใต้ชายคา เมื่อเห็นเซียวยวี่กลับมา ก็รีบเดินไปหา รับตะกร้ามาจากมือเขา พร้อมกล่าวเสียงเบา “กินข้าวได้แล้ว”

“ได้ กินด้วยกัน” เซียวยวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงหน้าของเขาฉายประกายยิ้มแย้ม

นางรออยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นเขากลับมาก็เดินเข้ามาหาอย่างเป็นกันเอง เช่นนี้ถือว่ามารับเขาใช่หรือไม่?

เซียวยวี่รู้สึกหัวใจร้อนรุ่ม

เซี่ยยวี่หลัวหันตัวกำลังจะขึ้นบันได ได้ยินเซียวยวี่กล่าวก็แทบสะดุด เซียวยวี่กล่าวตอบนาง นอกจากนั้น น้ำเสียงยังอ่อนโยนถึงเพียงนี้

นางทรงตัวไว้ได้ แสร้งทำทีเป็นหันกลับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซียวยวี่พาเด็กสองคนไปล้างมือในลาน ไม่เห็นท่าทางทุลักทุเลของนาง

เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก เกือบโดนเซียวยวี่เห็นเข้าแล้ว

เด็กสองคนใช้น้ำล้างมือเสร็จ ก็ตามเซียวยวี่เข้าห้องโถงไป เซี่ยยวี่หลัวเทถั่วแระลงไปในน้ำที่อุ่นเล็กน้อย ใส่ฟืนท่อนใหญ่เข้าไปในเตาไฟ ไม่ปิดฝาหม้อ ต้มด้วยไฟแรง คาดว่าต้องต้มประมาณหนึ่งเค่อ เซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้องโถงก่อน

ทั้งสามคนนั่งลงแล้ว ในชามข้าวต่างก็ตักข้าวไว้เต็มชาม แต่ยังไม่ได้เริ่มกิน

เซียวจื่อเมิ่งเห็นเซี่ยยวี่หลัวกลับมา จึงกล่าวเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ รีบมากินข้าวเถอะเจ้าค่ะ ข้าหิวจนไส้กิ่วแล้ว! ”

“หิวแล้วก็กินก่อน ไม่ต้องรอพี่สะใภ้ใหญ่” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว

หากเด็กหิวแล้วก็คือหิวจริง แทบอยากกินให้อิ่มในเสี้ยววินาทีเดียว

เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “ไม่ได้เจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกไว้ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่มา ยังกินไม่ได้ ข้าเชื่อฟังมาก ยังไม่ได้กินสักคำเลยเจ้าค่ะ! ”

เซี่ยยวี่หลัวตกใจเล็กน้อย หันมองไปทางเซียวยวี่ เซียวยวี่กำลังมองนางอยู่พอดี

สายตาของทั้งคู่สบประสานกันกลางอากาศ

ท่าทางประหลาดใจของเซี่ยยวี่หลัวปรากฏสู่สายตาเซียวยวี่ ประกายยิ้มแย้มในเบื้องลึกแววตาเขาดูแจ่มชัดยิ่งขึ้น

เมื่อพี่สะใภ้ใหญ่นั่งลง เด็กสองคนก็ทนไม่ไหวอีก หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินข้าว เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเซียวยวี่ที่อยู่ตรงข้าม

แววตาของเซียวยวี่ที่มองนางเมื่อครู่อ่อนโยนเกินไป อ่อนโยนจนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหวาดวิตก

เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้าอยู่ตลอด กินแต่อาหารตรงหน้าตัวเอง แม้แต่ไข่ไก่ก็ลืมปอก ลืมปอกของตัวเอง ทั้งยังลืมปอกให้เด็กสองคนด้วย

ไข่ไก่สี่ฟองที่สะท้อนแสงแวววาวนอนนิ่งอยู่กลางโต๊ะ ไม่มีใครแตะต้องพวกมัน ดูแล้วช่างน่าสงสารนัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด