ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิตเล่มที่ 6 บทที่ 163 นางหาทางกลับบ้านไม่พบอีกต่อไปแล้ว

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต Chapter เล่มที่ 6 บทที่ 163 นางหาทางกลับบ้านไม่พบอีกต่อไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ราชบัณฑิตน้อยในอนาคตที่โหดเหี้ยมเหลี่ยมจัด อำมหิตเลือดเย็น เขาในยามนี้ เป็นคนแบบเดียวกับเขาในอนาคตหรือไม่?

เซี่ยยวี่หลัวไม่มีสมาธิ เข็มในมือไม่ทันระวังตัวทิ่มใส่ปลายนิ้ว ยังดีที่ไม่หนักเท่าไร ไม่มีเลือดไหล เพียงมีผิวถลอกเล็กน้อยเท่านั้น

เซี่ยยวี่หลัวบีบปลายนิ้วเบาๆ กลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

นางเย็บแขนเสื้อเสร็จเพียงข้างเดียว ก็พาเด็กสองคนขึ้นเตียง หลังจากเล่านิทานจบ เซียวจื่อเมิ่งก็หลับไปอย่างรวดเร็ว เซียวจื่อเซวียนพลิกตัวไปมาเป็นครั้งคราว

เซี่ยยวี่หลัวสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย

ในความฝัน นางฝันเห็นข้างกายเซียวยวี่มีสตรีรูปโฉมงดงามอย่างมิอาจหาผู้ใดทัดเทียมหนึ่งคน นางพักพิงอยู่ในอ้อมอกของเซียวยวี่อย่างมีความสุข นางมองเซียวยวี่ด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความรัก ยามเซียวยวี่มองนางแววตาก็อ่อนโยนดุจสายน้ำ

ทั้งสองคนรักใคร่กลมเกลียว สตรีผู้นั้นจ้องเซี่ยยวี่หลัวอย่างไม่มีความหวั่นเกรง ทั้งยังหัวเราะเสียงดัง

นางหัวเราะเสียงดัง ในริมฝีปากสีแดงสดดุจโลหิตคือฟันสีขาวดุจหิมะ มืดหม่นเย็นเยียบ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ทำให้รู้สึกหนาวสั่นสะท้าน

สตรีรูปงามผู้นั้นกล่าวกับเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางดุร้าย ว่าเซียวยวี่จะเอาชีวิตนาง!

เซียวยวี่หายไปนานแล้ว

จากนั้น บนพื้นก็มีเลือดไหลนอง ทั้งยังมีกระดูกและชิ้นเนื้อกระจัดกระจาย

นางตายแล้ว ตายอย่างน่าเวทนานัก!

เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนลุกพรวดขึ้นนั่ง

เซียวจื่อเซวียนยังไม่ได้นอน ได้ยินเสียงก็รีบลุกขึ้น อาศัยแสงจันทร์สลัวจากภายนอก มองเห็นพี่สะใภ้ใหญ่แสดงสีหน้าตื่นตกใจ บนหน้าผากก็มีเหงื่อซึมชื้น จึงกล่าวด้วยความเห็นใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไปขอรับ? ฝันร้ายหรือขอรับ? ”

เซี่ยยวี่หลัวกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างยากลำบาก ผ่อนลมหายใจยาว

โชคดี โชคดีที่เป็นเพียงแค่ความฝัน!

ทว่า แค่ความฝัน ก็ทำให้นางตกใจถึงเพียงนี้ แค่นี้ก็พอจะดูออกว่าสิ่งที่ปรากฏในความฝัน เป็นภาพที่น่าหวาดกลัวเพียงใด

เซียวจื่อเซวียนรินน้ำให้เซี่ยยวี่หลัวถ้วยหนึ่ง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบดื่มน้ำขอรับ”

เซี่ยยวี่หลัวรับมาดื่ม จิตใจที่ตื่นตกใจจนสติเตลิดจึงสงบลงเล็กน้อย

“ทำให้เจ้าตื่นใช่หรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวสงบสภาวะจิตใจ เอ่ยถามเสียงเบา

เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ นอนหลับสนิท หายใจเสียงดัง ทั้งยังส่งเสียงกรนเล็กน้อย

เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “ไม่ใช่ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ายัง… ยังไม่ได้นอนขอรับ! ”

ไม่ได้นอน?

เซี่ยยวี่หลัว “เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ” กล่าวจบ กำลังจะเอื้อมมือไปอังหน้าผากเซียวจื่อเซวียน

เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้ไม่สบายขอรับ ข้าเพียง… เพียงแค่นอนไม่หลับ! ”

นอนไม่หลับ?

เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ อย่างไรนางก็นอนไม่หลับ “จื่อเซวียน ถ้าอย่างไรไปนั่งในลานบ้านกันไหม? ”

เซียวจื่อเซวียนรีบขานตอบ ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งสองคนจึงออกไปยังลานบ้านเงียบๆ สายลมยามราตรีในค่ำคืนของเดือนห้า โบกพัดผ่านร่างกายก็ยังเย็นอยู่เล็กน้อย ก่อนเซี่ยยวี่หลัวจะออกมา หยิบผ้าห่มผืนเล็กออกมา พาดไว้บนตัวเซียวจื่อเซวียน

ทั้งสองคนนั่งอยู่ใต้ชายคา มองดูหมู่มวลดาราที่ทอประกายแสงบนท้องฟ้า

ยามนี้พระจันทร์มีเพียงครึ่งเสี้ยว ไม่สว่างนัก หมู่มวลดาราที่อยู่รอบๆ จึงดูสว่างเป็นพิเศษ

เซียวจื่อเซวียนเช็ดจมูกทีหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองไปให้ “คิดอะไรอยู่? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามเขา

ผ้าเช็ดหน้ามีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกับบนตัวพี่สะใภ้ใหญ่ ทั้งหอมทั้งน่าสูดดม เพียงได้ดมหนึ่งครั้ง จิตใจก็จะสงบลงได้

เซียวจื่อเซวียนเช็ดจมูกเสร็จก็พับผ้าเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง “กำลังคิดเรื่องของพี่ใหญ่ขอรับ”

พี่ใหญ่ใกล้จะสอบเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่สอบเป็นอย่างไรบ้าง

เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจความหมายของเซียวจื่อเซวียน “เจ้ากำลังเป็นห่วงพี่ใหญ่ของเจ้า? ”

เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยเสียงขึ้นจมูก ขานตอบทีหนึ่ง “ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่สอบเป็นอย่างไรบ้าง! “

เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าควรปลอบใจเขาอย่างไร

จะบอกเขาว่าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าสอบไม่ผ่านแน่ หรือจะพูดโกหกทั้งที่รู้ความจริงว่า พี่ใหญ่ของเจ้าสอบผ่านแน่?

แต่ดูเหมือนว่าพูดอย่างไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น!

หากบอกว่าสอบไม่ผ่าน ก็เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา นางไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเซียวยวี่เลยไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าสอบผ่าน ถึงเวลายิ่งมีความหวังมากเพียงใด ก็จะยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น

เซี่ยยวี่หลัวก็แหงนหน้าขึ้นมองทางช้างเผือกบนท้องฟ้า

หมู่มวลดาราทอประกายแสง ราวกับบนม่านสีดำหนึ่งผืนถูกประดับด้วยอัญมณีจำนวนนับไม่ถ้วน ที่เปล่งประกายแสงระยิบระยับ

ช่างงามเหลือเกิน!

เซียวจื่อเซวียนสูดลมหายใจจนเกินเสียง เหมือนจะร้องไห้แล้ว “พี่ใหญ่บอกว่า หากปีนี้เขาสอบไม่ผ่านอีก เขาจะไม่สอบอีกแล้ว”

เรียนหนังสือไม่ประสบผลสำเร็จ ต้องเสียเงินตลอด นอกจากนั้น ยังต้องเสียเงินจำนวนมากด้วย

“ไม่ว่าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าจะสอบได้ดีหรือไม่ หากสอบได้ดี พวกเรามีความสุข ต่อให้ผลสอบไม่ดี พวกเราก็ยังมีความสุข ปีนี้ไม่ไหว ปีหน้าค่อยสอบใหม่! ” เซี่ยยวี่หลัวปลอบใจเขา ก่อนจะแหงนหน้ามองหมู่มวลดาราบนท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วจึงกล่าวต่อช้าๆ “ชีวิตนี้พี่ใหญ่ของเจ้าต้องเดินบนเส้นทางการสอบเป็นขุนนาง…”

ราชบัณฑิตน้อยในอนาคต จะสอบได้อันดับหนึ่งในการสอบทั้งสามระดับ จากนั้นจะเดินบนเส้นทางสายใหญ่อย่างราบรื่น เดินไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต

“พี่ใหญ่จะกลับมาทำไร่ไถนา ไม่แตะต้องตำราอีก” เซียวจื่อเซวียนบอกเล่าคำพูดที่เซียวยวี่เคยกล่าวไว้

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เด็กโง่ แล้วพี่ใหญ่ของเจ้าจะทำไร่ไถนาเพื่ออะไรงั้นหรือ? “

“เพื่อเลี้ยงดูข้ากับน้องสาวขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอีกครั้ง “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่เลี้ยงดูพวกเจ้าได้ดีหรือไม่? “

“ดีแน่นอนขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

“ในเมื่อข้าสามารถเลี้ยงดูพวกเจ้าได้ เหตุใดถึงต้องให้พี่ใหญ่ของเจ้าละทิ้งสิ่งที่เขาชอบที่สุดอย่างการเรียนหนังสือด้วยเล่า? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยท่าทีจริงจัง “ข้าสามารถเลี้ยงดูพวกเจ้าให้ดี ข้าก็สามารถดูแลพี่ใหญ่ของพวกเจ้าให้ดีได้เช่นกัน! “

ไม่จำเป็นจริงด้วย

ผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนของพี่สะใภ้ใหญ่ก็สามารถแลกกับผลกำไรหนึ่งส่วนของฮวาหม่านยีได้ สูตรอาหารหนึ่งสูตรสามารถแลกเงินกลับมาได้ห้าตำลึง นางโดดเด่นถึงเพียงนั้น ทั้งยังงดงามและอ่อนโยนถึงเพียงนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ทั่วหล้าไม่มีใครเทียบกับพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาได้

แต่หากพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ชอบพี่ใหญ่ ยืนกรานจะจากไปเล่า?

พี่ใหญ่จะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่ที่ดีถึงเพียงนี้จากที่ไหนได้อีก

“พี่สะใภ้ใหญ่…” เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการเหม่อลอย กัดริมฝีปาก เหมือนอยากพูดอะไรกับนาง

“อยากพูดอะไรงั้นหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเป็นการให้กำลังใจ “ไม่มีอะไรที่จะพูดกับพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ อยากพูดอะไรก็พูดได้เลย! “

เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัว ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน… ท่านยังรังเกียจพี่ใหญ่หรือไม่ขอรับ? “

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเหงื่อตกเล็กน้อย “เรื่องนั้น… ไม่ ไม่รังเกียจแล้ว”

นางมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจท่านราชบัณฑิตน้อยในอนาคตกัน ท่านราชบัณฑิตน้อยรังเกียจนางน่ะสิไม่ว่า!

“เช่นนั้น… ท่านยังจะไปจากพี่ใหญ่ ไปจากพวกเราหรือไม่ขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความวิตก

คำถามนี้…

เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร

ในอนาคตท่านราชบัณฑิตน้อยจะมีภรรยาที่เหมาะสม ส่วนนาง เป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวในนามภรรยาก็เท่านั้น

ใช่ว่านางอยากจากไป หากเพียงแต่ นางจำเป็นต้องจากไป

นางได้แต่อาศัยความสามารถของตัวเองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเด็กสองคน และชะตาชีวิตของตัวเอง แต่เซียวยวี่… นางไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจและชะตาชีวิตของเขาได้!

เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวอะไรอยู่นาน เซียวจื่อเซวียนรู้สึกวิตกจนทนไม่ไหว จับมือของเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น แววตาเป็นประกาย มองนางด้วยสีหน้าวิตกกังวล “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปจากพวกเราหรือไม่ขอรับ? “

เขาวิตกมาก

เซี่ยยวี่หลัวเอื้อมมือออกมา โอบกอดเซียวจื่อเซวียนไว้ในอ้อมอก “ข้าจะไม่ไปจากพวกเจ้า! “

เว้นเสียแต่ พวกเจ้าจะไม่ต้องการข้าแล้ว

นางไม่ได้กล่าวประโยคหลังออกมา เวลาย่อมเดินไปข้างหน้า คนที่เซียวยวี่ชอบพอย่อมปรากฏตัว สตรีที่สวรรค์กำหนดไว้จะดูแลเซียวยวี่ จะรักใคร่เอ็นดูเด็กสองคน และหน้าที่ของนาง ก็จะสิ้นสุดลงแต่เพียงแค่นั้น

ถึงเวลา ไม่ต้องให้พวกเขาพูด นางก็สมควรจะจากไปได้แล้ว

เซียวจื่อเซวียนได้ยินดังนั้น ก็ดีอกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร ทั้งสองคนพิงอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด แหงนหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า

“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านว่า ตอนนี้พวกเรามีชีวิตดีถึงเพียงนี้ ท่านพ่อท่านแม่จะรู้หรือไม่ขอรับ? “

“ต้องรู้แน่ พวกท่านอยู่บนสวรรค์ จะคอยเฝ้ามองพวกเรา! ” เซี่ยยวี่หลัวมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า พร้อมกล่าวช้าๆ

สีหน้าของนางดูหดหู่เล็กน้อย แหงนหน้ามองดวงดาราบนท้องฟ้าด้วยอาการเหม่อลอย รู้สึกว่าบัดนี้ตัวนางก็เสมือนดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า มองดูเหมือนจะอยู่ใกล้ แต่ความจริง…

อยู่ไกลจนไม่กล้าคาดคิด!

“จื่อเซวียน เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ให้พี่ใหญ่ของเจ้ากลับบ้านมาทำไร่ไถนาแน่! ข้าจะให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำที่สุด จนกว่าเขาจะประสบความสำเร็จตามที่วาดฝันไว้”

ปีนป่ายขึ้นไปถึงตำแหน่งที่นางไม่อาจเอื้อมไปแตะได้อีก

เหมือนดวงดาราที่สว่างที่สุดบนท้องนภา สามารถฉายแสงสาดส่องไปยังผู้คนมากมาย แต่กลับสาดส่องไม่ถึงตัวนาง

ตอนนี้เซียวจื่อเซวียนเชื่อเซี่ยยวี่หลัวทั้งหมด เชื่อคำพูดของนาง นางกล่าวอะไร เขาก็เชื่อเช่นนั้น

“พี่สะใภ้ใหญ่ ขอบคุณขอรับ! ท่านไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ข้าจะพยายามไปพร้อมกับท่าน! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางเอื้อมมือไปโอบเขาไว้ ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงแหงนหน้ามองดวงดาราบนท้องฟ้า ดาวศุกร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุดบนท้องฟ้า เปล่งกระกายแสงระยิบระยับอยู่บนนั้น

เซี่ยยวี่หลัวชี้ดาวดวงนั้น พร้อมกล่าวกับเซียวจื่อเซวียน “จื่อเซวียน เจ้าดูดาวที่สว่างที่สุดดวงนั้น นั่นคือดาวศุกร์! ต่อให้พวกเราหลงทางในยามค่ำคืน ขอเพียงเห็นดาวศุกร์ ก็จะไม่หลงทางอีก มันจะส่องเส้นทางกลับบ้านของเราจนสว่าง เพียงแต่ ข้าหาทางกลับบ้านของข้าไม่พบอีกต่อไปแล้ว! ”

บางทีนางอาจกลับไปไม่ได้อีกแล้ว

เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจความหมายของนาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ขอเพียงเป็นทางกลับบ้านข้าล้วนจำได้ ข้าจะพาท่านกลับบ้านเอง! ”

เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร

ทางกลับบ้าน?

นางหลงทางนานแล้ว

ต่อให้เป็นดวงดาวที่สว่างเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ทั้งสองคนจึงกลับไปนอน เซียวจื่อเซวียนได้รับการปลอบใจจากเซี่ยยวี่หลัว เอนตัวลงก็หลับสนิทแล้ว แต่คืนนี้เซี่ยยวี่หลัวกลับรู้สึกกระวนกระวายนอนไม่หลับ

นางคิดถึงครอบครัวของนาง คิดถึงท่านพ่อท่านแม่ ท่านปู่ท่านย่า ท่านตาท่านยาย ทั้งยังครุ่นคิดว่า หากเซียวยวี่กลับมา จุดจบอันน่าเวทนาของนางที่เขียนไว้ในนิยายจะยังเกิดขึ้นหรือไม่

หลังจากเซี่ยยวี่หลัวในนิยายไปจากเซียวยวี่ ก็ราวกับมีเทพเจ้าแห่งความโชคร้ายมาสิงสู่ก็มิปาน มีชีวิตอยู่ในความมืดมิดและหวาดกลัวไร้ที่สิ้นสุด นางกลัวชีวิตเช่นนั้น

นางที่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขภายใต้แสงตะวัน จะเผชิญกับวันคืนที่มืดหม่นไร้แสงตะวันอย่างไร?

เซี่ยยวี่หลัวพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ

เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของเด็กสองคนที่อยู่ข้างกาย ราวกับเสียงดนตรีที่ไพเราะ เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดฟุ้งซ่านอีก แต่ตั้งใจฟังเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของเด็กสองคนแทน

ท่ามกลางเงาราตรีที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงหายใจของเด็กสองคน สภาวะจิตใจของเซี่ยยวี่หลัวที่ทั้งสิ้นหวังและกระวนกระวายผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ไม่ว่าเหตุผลที่สวรรค์พานางมาที่นี่คืออะไร อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้นางทนดูเด็กสองคนนี้เผชิญกับชะตากรรมอันน่าอนาถในอนาคตอีกครั้งไม่ใช่หรือ?

ไม่ว่าเซียวยวี่จะรังเกียจหรือเกลียดชังนาง นางไม่ได้ทำผิดต่อผู้ใด เลี้ยงดูเด็กสองคนให้ดี ภารกิจของนางก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว

รอให้เซียวยวี่กลับมา ดูว่าเขามีท่าทีอย่างไรแล้วกัน ทิ้งเงินไว้ให้พวกเขา ต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องทุกข์ใจเรื่องเงินอีก ส่วนนาง ก็จะไปจากบุรุษที่อันตรายเสียยิ่งกว่าอะไรผู้นี้ ไปใช้ชีวิตของนางเอง

หลังจากคิดตกแล้ว สภาพจิตใจของเซี่ยยวี่หลัวก็ดีขึ้นไม่น้อย

นิยายเรื่องนี้จะเผยแพร่ทุกวัน วันละ 2 ตอน เวลา 13.10 น. และ 17.10 น. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด