ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต 3 บทที่ 81 หลัวซื่อย่อมได้รับผลกรรม

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต Chapter 3 บทที่ 81 หลัวซื่อย่อมได้รับผลกรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชาวบ้านมองส่งแผ่นหลังของทั้งสามคนที่เดินจากไป ต่างก็กระซิบพูดคุยกัน

เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ ไม่ได้บีบคั้นผู้อื่นเหมือนแต่ก่อน ช่างเปลี่ยนไปมากเสียจริง

นี่เป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้สองพี่น้องจริงหรือ?

หรือว่าไม่อยากมีเรื่องผิดใจกับหลัวซื่อ?

หรือจะรูปงามแต่เป็นคนโง่เขลา?

ไม่เข้าใจเลยว่าเซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดอะไรกันแน่!

เถียนเอ๋อไปดูหลัวซื่อ “แม่เสี่ยวฮวา เจ้าไม่เป็นอะไรจริงหรือ? “

เซี่ยยวี่หลัวลงมืออย่างเบาหวิว น่าจะไม่เป็นอะไรกระมัง?

หลัวซื่อกระโดดโลดเต้นครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างได้ใจ “ข้าจะเป็นอะไรได้ สบายดี! เซี่ยยวี่หลัวนั่นแรงน้อยเหมือนลูกแมว อย่างมากก็เหมือนเกาให้ข้าหายคัน”

เถียนเอ๋อถอนหายใจ “ข้าว่านางมีดีแค่หน้าตา สมองใช้การไม่ได้ ยังดีที่เจ้าเลือกวิธีนี้ ไม่อย่างนั้น ต้องชดใช้ทั้งค่ายารักษาและไก่ให้นาง ไม่คุ้มกันเลย”

หลัวซื่อเบ้ปาก “ให้นาง? เฮอะ ข้าสู้ยอมเก็บไว้ใช้รักษาตัวเองดีกว่า ข้าจะไม่ยอมให้นางแม้แต่ครึ่งอิแปะ! “

เถียนเอ๋อชูนิ้วโป้ง “เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ ! “

เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเด็กสองคนกลับบ้าน

“ยังเจ็บหรือไม่?” เซี่ยยวี่หลัวถามถึงบาดแผลของเซียวจื่อเซวียน

เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า ไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่เป็นห่วง “พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่เจ็บแล้วขอรับ! “

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว “เด็กโง่ ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก อย่าว่าแต่หมวกหนึ่งใบเลย ต่อให้เป็นของล้ำค่า โดนแย่งไปแล้วก็ปล่อยให้โดนแย่งไป ตัวเจ้าสำคัญที่สุด เข้าใจหรือไม่? “

ยังดีที่วันนี้เป็นหลัวซื่อ หากเป็นนักเลงหรืออันธพาลคนอื่นล่ะ? เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ ดังนั้นนางจึงต้องคุยกับเด็กๆ ให้ชัดเจน มีเพียงชีวิตของตัวเองเท่านั้นที่สำคัญที่สุด!

เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางอัดอั้นใจ “แต่นั่นเป็นของที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำ จื่อเมิ่งก็ชอบถึงเพียงนั้น…”

“เด็กโง่! ” เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดเซียวจื่อเซวียนไว้ในอ้อมอก “ถ้าชอบ พี่สะใภ้ใหญ่ยังทำให้อีกได้…”

แต่ที่บ้านไม่มีหมวกแล้ว!

เซี่ยยวี่หลัวนึกขึ้นได้ว่า ในหีบของตัวเองยังมีผ้าฝ้ายละเอียดสีขาวอีกจำนวนหนึ่ง จึงกล่าว “จื่อเมิ่ง พี่สะใภ้ใหญ่จะปักผ้าเช็ดหน้าให้เจ้าผืนหนึ่ง ดีหรือไม่? “

ปักผ้าเช็ดหน้าไม่ต้องใช้เงิน

เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้าด้วยท่าทางว่าง่าย “ดีเจ้าค่ะ! “

เซี่ยยวี่หลัวนำเข็มและด้ายออกมา เริ่มปักผ้าเช็ดหน้า

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งนั่งอยู่ข้างๆ นาง ดูนางปักผ้าเช็ดหน้า เมื่อสังเกตเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนเหมือนอยากกล่าวอะไรแต่ไม่กล้ากล่าว เซี่ยยวี่หลัววางเข็มลง ยิ้มพร้อมกล่าว “อยากถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่า เหตุใดถึงตีแม่เสี่ยวฮวาเบาขนาดนั้น ใช่หรือไม่? “

เซียวจื่อเซวียนรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้า “ขอรับ! “

คนในหมู่บ้านต่างก็ว่าพี่สะใภ้ใหญ่โง่เขลา

พวกเขาต่างกล่าวว่า ยืนกรานจะเอาเงินและไก่ดีกว่ากันมาก อย่างไรเสีย เรื่องนี้แม่เสี่ยวฮวาก็เป็นฝ่ายผิด

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “วางใจได้ นางไม่สุขสบายแน่! “

เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจ “อะไรนะขอรับ? ” ช่วงที่พวกเขากลับมา แม่เสี่ยวฮวาวิ่งได้ กระโดดได้ ยังพูดจาด้วยน้ำเสียงมีพลังเต็มเปี่ยมอยู่เลย!

เซี่ยยวี่หลัวกระพริบตา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้า? “

“แน่นอนขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนพูดโพล่งออกมาโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

เซียวจื่อเมิ่งก็รีบกล่าวเสียงใส “ข้าก็เชื่อพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ”

นางไม่เข้าใจอะไรมากนัก เห็นว่าพี่สะใภ้ใหญ่ตีแม่เสี่ยวฮวา นึกว่าเรื่องจบไปแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวคิ้วงามโก่งโค้ง “เช่นนั้นพวกเราก็รอต่อไป! “

เคราะห์กรรมที่หลัวไห่ฮวาจะได้รับ คือหลังจากนี้ต่างหาก!

เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยมและแย้มรอยยิ้ม เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจ แต่ก็ยังเชื่อพี่สะใภ้ใหญ่

เวลานั้นพี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกเขาว่า จะช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้เขา!

เขาเชื่อพี่สะใภ้ใหญ่

เซี่ยยวี่หลัวตัดด้ายเส้นสุดท้ายออก มองดูผ้าเช็ดหน้าที่ตัวเองปัก พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ไม่เลว!

เด็กสองคนดูไปดูมา ทนความง่วงไม่ไหวจนผล็อยหลับไป เซี่ยยวี่หลัวปลุกพวกเขาจนตื่น “จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง ตื่นได้แล้ว”

เด็กสองคนขยี้ตา ตื่นขึ้นแล้ว

พี่รองช่วยสวมใส่เสื้อผ้าให้น้องสาว เซี่ยยวี่หลัวเทน้ำอุ่นหนึ่งถ้วยให้สองพี่น้อง ชงน้ำผึ้งหนึ่งช้อนวางไว้บนโต๊ะ ก่อนไปห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็น

เด็กสองคนสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ เดินไปกินน้ำผึ้งที่อยู่บนโต๊ะ

เมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบวางไว้บนโต๊ะ เซียวจื่อเมิ่งมองจนแววตานิ่งอึ้ง

บนผ้าเช็ดหน้า ปักลายแมวแสนน่ารัก บนหัวของมันผูกปมผีเสื้อสีแดงขนาดใหญ่ กำลังลืมตากว้างจ้องมองพร้อมยิ้มให้นาง!

ด้านล่างมีผ้าเช็ดหน้าอีกหนึ่งผืน บนนั้นก็ปักลายแมวไว้หนึ่งตัว แต่มันไม่ได้ติดปมผีเสื้อ แต่ผูกปมผีเสื้อไว้ใต้คอ

แมวสองตัวนี้ มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียหนึ่งตัว!

ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้!

เซี่ยยวี่หลัวที่กำลังง่วนกับการทำอาหารอยู่ในห้องครัวได้ยินเสียงร้องแหลมดังขึ้นจากในห้อง จากนั้นจึงเป็นเสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างรีบร้อน เด็กสองคนพุ่งพรวดจากในห้องมาถึงห้องครัว กอดเซี่ยยวี่หลัวด้วยความตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ สวยเหลือเกิน สวยเหลือเกินเจ้าค่ะ! “

จะไม่สวยได้อย่างไร?

พวกเขาเพิ่งเคยเห็นการปักลายแมวที่เหมือนมนุษย์!

ช่างดูดี ช่างน่ารัก ช่างสวยเหลือเกิน!

เซี่ยยวี่หลัวใส่ฟืนอยู่หลังเตาไฟ มือโอบเด็กสองคนไว้ ให้พวกเขานั่งอยู่บนตักนาง ยิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้ง “พวกเจ้าชอบก็ดีแล้ว”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านปักผ้าเช็ดหน้าได้ดูดีกว่าพี่หมิงจูมากทีเดียว! ข้าไม่เคยเห็นผ้าเช็ดหน้าที่ดูดีขนาดนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ! นางปักแต่ดอกไม้ใบหญ้า ไม่เคยปักแมวเลย ไม่เคยปักลายแมวที่น่ารักขนาดนี้! “

เซียวจื่อเซวียนก็ชอบมาก “พี่สะใภ้ใหญ่ ดูดีจริงๆ ข้าชอบมากขอรับ! “

เขาชอบจนลืมความเจ็บที่ถูกหลัวซื่อตีไปเลย แย้มรอยยิ้ม แต่กลับกระทบกับแผลตรงมุมปาก เจ็บจนเขาต้องรีบหุบยิ้ม ได้แต่กลั้นรอยยิ้มนั้นไว้

เซี่ยยวี่หลัวได้ฟังวาจาของเด็กสองคน ก็ฉุกคิดบางอย่างได้ หากตนเองนำผ้าเช็ดหน้าไปขายในตัวเมืองล่ะ?

ฝีมือการปักผ้าเช็ดหน้าของนางถือว่าธรรมดา แต่แมวที่ปักบนผ้าเช็ดหน้าโดดเด่นไม่เหมือนใคร หากสามารถขายลวดลายเหล่านี้ให้ร้านปักผ้าได้ แล้วรับเงินจากการขายลวดลาย ก็ทั้งสะดวกและประหยัดเวลาไม่ใช่หรือ?

นี่ถือเป็นหนทางสู่ความร่ำรวยเลยทีเดียว

เซี่ยยวี่หลัวตัดสินใจแล้วจึงลงมือทำทันที วันรุ่งขึ้นก็พาเด็กสองคนไปในตัวเมืองแต่เช้า

เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนไปเลือกหาร้านขายผ้าหนึ่งร้าน

นางจงใจเลือกร้านขายผ้าที่ค่อนข้างใหญ่ ร้านใหญ่มักไม่หลอกลวงลูกค้า ร้านนั้นมีชื่อว่าฮวาหม่านยี ชื่อร้านฟังดูดีมีสง่า หลังจากเข้าไป ภายในร้านขนาดใหญ่มีลูกค้าอยู่สี่ถึงห้าคน บ้างก็กำลังวัดขนาดร่างกาย บ้างก็กำลังเลือกผ้า

บนชั้นวางสินค้าด้านหลัง มีผ้าหลากหลายสีสันนานาชนิดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ด้านในยังมีการจัดวางดอกไม้สดตามฤดูกาล มองแวบเดียวก็รู้สึกชื่นตาสบายใจ

ขณะเซี่ยยวี่หลัวเดินเข้าไป เถ้าแก่ก็เห็นนางแล้ว

เถ้าแก่ร้านฮวาหม่านยีเป็นสตรีผู้หนึ่ง มีนามว่าฮวาเหนียง

ฮวาเหนียงเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง “แม่นางผู้นี้ จะซื้ออะไรงั้นหรือ? “

นั่นเป็นเพราะเซี่ยยวี่หลัวมีหน้าตางดงาม การแต่งตัวก็ไม่ธรรมดา เมื่อนางเข้ามา แม้ฮวาเหนียงอยากมองไม่เห็นยังยากเลย

แม่นางน้อยรูปโฉมงดงามกว่าดอกไม้เสียอีก ที่สำคัญคือรูปร่างดูดีด้วย ไม่ว่าจะใส่เสื้อตัวไหนในร้านก็ล้วนแต่ดูดี

เซี่ยยวี่หลัวกวาดสายตามองดูเสื้อผ้าที่ลูกค้าภายในร้านสวมใส่ ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าหรูหราสง่างาม ผ้าและเสื้อสำเร็จรูปที่วางไว้บนชั้นวางสินค้า ล้วนแต่เป็นสินค้าคุณภาพดี เป็นระดับที่คนสวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายอย่างนางไม่อาจซื้อได้

แต่ขณะที่เถ้าแก่เนี้ย*ผู้นี้มองนาง กลับไม่มีท่าทางดูถูกดูแคลนแม้แต่น้อย ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าที่ตัวเองเลือกร้านนี้ ถือว่าเลือกไม่ผิด

(*คำเรียกหญิงจีนที่เป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นภรรยาของเถ้าแก่)

เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้าสองก้าว แย้มรอยยิ้มให้ฮวาเหนียง “เถ้าแก่เนี้ย ข้ามีของอยากขายให้ท่าน! ”

ฮวาเหนียงยังคงแย้มรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นเดิม นางเปิดร้านมาหลายสิบปี เคยผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวน่าจะมาจากหมู่บ้านละแวกนี้ จึงยิ้มพร้อมกล่าว “ได้ แม่นางน้อยจะขายอะไรงั้นหรือ? กล่องบนโต๊ะเก็บเงินของข้า ขายสิ่งของที่รับซื้อมา ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้า พื้นรองเท้า ถุงหอม ล้วนมีทั้งหมด! ”

เมื่อสตรีที่แต่งงานแล้วและหญิงสาวจำนวนไม่น้อยปักผ้าเช็ดหน้าหรือถุงหอมที่ดูดีขึ้นมา หรือทำพื้นรองเท้าที่ดูดี ล้วนแต่นำมาขายที่นี่ นางไม่รับถูกขายแพง ให้ราคาตามคุณภาพและลักษณะของสินค้า อย่างมากก็เอากำไรส่วนต่างเพียงสองถึงสามอิแปะเท่านั้น

นางทำการค้าอย่างสุจริตไม่หลอกลวงผู้อื่น จึงมีสัมพันธ์อันดีกับผู้คนเป็นวงกว้าง เป็นผู้มีชื่อเสียงอันดีในแวดวงช่างปักผ้าในละแวกนี้

เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม นำผ้าเช็ดหน้าที่ปักให้เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเมื่อวานออกมา ยื่นส่งให้ฮวาเหนียง “เถ้าแก่เนี้ย ท่านลองดูนี่…”

เดิมทีฮวาเหนียงกำลังจะดู แต่มีลูกค้าคนสำคัญเข้ามาทางประตูพอดี นางจึงไม่ได้ดู เพียงตะโกนเรียก “ถงเต๋อ รับซื้อผ้าเช็ดหน้าของแม่นางท่านนี้ด้วย! ”

จากนั้นจึงมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตารู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะไปรับรองลูกค้าคนอื่น

เรื่องเล็กแค่นี้ ให้ลูกจ้างดูแลก็พอแล้ว!

เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งผ้าเช็ดหน้าในมือให้ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างเห็นว่าเป็นผ้าฝ้ายละเอียด จึงกล่าว “ผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าฝ้ายละเอียดเช่นนี้ ปกติจะรับผืนละสามอิแปะ”

พวกเขาจะนำไปขายห้าอิแปะ ทำตามกฎเกณฑ์เช่นนี้มาตลอด หากขายไม่ออกจริงๆ ก็จะมอบให้สาวใช้หรือหญิงรับใช้สูงวัยที่ซื้อของจำนวนมากเป็นของที่ระลึก

เหล่าคุณหนูและฮูหยินในเรือนใหญ่ ย่อมไม่เห็นของเช่นนี้อยู่ในสายตา

เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “ข้าอยากขายห้าตำลึง! ”

ถงเต๋อเบิกตากว้างจ้องมองเซี่ยยวี่หลัว ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด น้ำเสียงยังคงเรียบสงบเหมือนเมื่อครู่ “เช่นนั้นท่านคงมาผิดที่แล้ว ท่านไปหาร้านอื่นเถอะ! ”

เขาไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นเซี่ยยวี่หลัว ทั้งยังกล่าววาจาจากใจกับเซี่ยยวี่หลัว “ราคาที่ท่านเรียกมา ไม่มีร้านไหนรับแน่ หากเจอกับร้านที่ไม่คิดเจรจาด้วย เกรงว่าจะไล่ตะเพิดท่านออกจากร้าน! ”

ตั้งราคาสูงถึงเพียงนั้น เจ้านึกว่าเจ้ากำลังขายผ้าเช็ดหน้าทอจากเส้นไหมทองคำหรืออย่างไร!

จะขายราคาสูงก็ต้องดูคุณภาพด้วย เพียงผ้าเช็ดหน้าผ้าฝ้ายธรรมดา สามอิแปะถือว่ามากพอแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด