[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 130 บทที่ 7 14

Now you are reading [นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” Chapter 130 บทที่ 7 14 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 7 ตอนที่14

เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว วิคเตอร์และโนโซมุก็ย้ายไปที่ห้องเสริมสวยพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ

 

อนึ่งมิมูรุที่โดนซีน่าและโนโซมุทำสลบก็ถูกไปพักที่อีกห้อง

 

อย่างไรก็ตาม เธอเองก็โกรธมากเพราะไม่ได้ทานอาหารหรูเหมือนคนอื่นๆ เลยเอาขนมส่วนที่เหลือของทุกคนไปกินจนหมด

 

เหนือสิ่งอื่นใด ในตอนนั้น สายตาของซีน่าที่จ้องไปทานน้ำแข็งใส แต่ก็ต้องยกมือยอมแพ้เพราะสิ่งที่ตัวเองทำ

 

อนึ่งอาหารจำพวกเนื้อนั้นไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย

 

โนโซมุกำลังมองดูสภาพของเพื่อนๆขณะที่นั่งดื่มชา

 

ไอริสดิน่าและโซเมียยังคงพูดคุยกับวิคเตอร์ต่อเพราะไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว เลยมีเรื่องอยากพูดเป็นภูเขา

 

มาร์เองก็เริ่มคุยกับทิม่า ทอมและซีน่าก็เตรียมตัวสำหรับเวทมนตร์

 

จากเนื้อหาของการสนทนากันแล้ว ดูเหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมพลังเวทย์ บางทีอาจจะคุยเรื่องวิธีที่ทำให้มาร์คุมพลังเวทย์แบบผสานของเขาได้

 

มาร์และทอมเคยคุยกันครั้งคราวเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเวทมนตร์ แต่โนโซมุรู้สึกว่าพวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น

 

ฟีโอที่นั่งอยู่ข้างในจ้องมองท้องฟ้าพร้อมกับพุงกาง กำลังทำสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข

 

เพียงแต่บางครั้งก็พูดว่า “ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้วชีวิตนี้” และทำท่าเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างได้ทุกเมื่อ

 

ช่วงเวลาที่เงียบสงบผ่านไปได้ไม่นาน

 

เมื่อรู้ตัวอีกทีชาในถ้วยก็หมดลงเสียแล้ว

 

 

 

「โนโซมุ」

 

 

 

เมื่อวางถ้วยชาเปล่าๆลง ไอริสดิน่าก็เดินเข้ามาคุยกับเขา

 

 

 

「อา ไอริสได้คุยกับคุณวิคเตอร์บ้างรึยังครับ?」

 

 

 

「อืม ได้พูดคุยกันพอควรแล้วค่ะ ท่านพ่อเองก็บอกว่าจะมาพักที่เมืองนี้ระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นพวกเราในตอนนี้น่าจะมีเวลาได้คุยกันอีกเยอะเลยค่ะ」

 

 

 

หากสังเกตดีๆจะพบว่าวิคเตอร์ไม่ได้อยู่ในห้องเสริมสวยอีกต่อไปแล้ว น่าจะกลับไปที่ห้องนั่งเล่น(TN:หรือควรจะใช้ซาลอนดี?)

 

บางทีเขาอาจจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลยกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้ง

 

แม้ว่าจะไม่กว้างเท่าห้องรับประทานอาหาร แต่ห้องรับแขกนั้นมีขนาดประมาณ 20 เมตรซึ่งก็สวยงามมาก

 

ภาพที่ตกแต่งผนังและโต๊ะที่ดูหรูหรา

 

มีการแกะสลักที่ดูสวยงามบนพนักผิงอีกด้วย

 

งานทุกชิ้นเป็นงานฝีมือชั้นนำจึงสามารถเข้าใจได้โดยง่ายแม้จะไม่รู้ก็ตาม

 

 

 

「ถึงแบบนั้นก็เถอะ ยังคงใหญ่จนน่าตกใจเลยนะครับคฤหาสน์นี้ เป็นเรื่องแปลกมากเลยนะครับที่ไอริสสร้างคฤหาสน์ขนาดนี้เพื่อไปสถาบันโซลมินาติ……」

 

 

 

「ดิฉันเองก็ได้ยินมาว่าการใช้ชีวิตในหอพักเองก็ไม่เลว แต่ฉันต้องตอบรับความคาดหวังของท่านพ่อและเรียนพิเศษอยู่เสมอๆ นอกจากนี้หลังจากโซเมียเรียนจบแล้วพวกเราก็จะบริจาคบ้านหลังนี้ให้เป็นสถานบันเรียนพิเศษค่ะ」

 

 

 

โนโซมุเบิกตากว้างทันทีที่เธอบอกว่าจะบริจาคบ้านหลังนี้

 

นอกจากนี้ ไอริส ยังบริจาคคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกที่ว่าปล่อยของที่ไม่ใช้แล้วให้คนยากไร้ ชีวิตของเธอช่างแตกต่างจากพวกเราจริงๆ

 

 

 

「จะบริจาคง่ายๆแบบนั้นเลยเหรอครับ?」

 

 

 

「ทั้งฉันและท่านพ่อไม่มีเหตุผลจำเป็นต้องยึดติดกับมันค่ะ นอกจากนี้หากมีสถาบันสอนพิเศษเพิ่มมากขึ้น สถานศึกษาของเรานั้นเริ่มมีพื้นที่ไม่เพียงพอ แถมบ้านของดิฉันเองก็กว้างมาก จะช่วยอำนวยความสะดวกได้หลายๆอย่าง แถมจะดึงดูดคนจากอาณาจักรเพื่อนบ้านได้」

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับไอริส

 

แน่นอนว่าการเก็บคฤหาสน์หรูโดยไม่ใช้ มันย่อมมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

 

เพราะแบบนั้นการบริจาคจึงถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด มากกว่าจะรักษาอิทธิพลของตระกูลฟรานซิสและรัฐฟอร์ซิน่า และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้แต่ละอาณาจักรก็ได้รับการปรึกษาจากทางสถาบันแล้ว

 

 

 

「หากบริจาคให้กับทางสถาบัน บ้านพักอาจจะถูกทำลายเพื่อสร้างใหม่ ตอนช่วงนั้นฉันเองก็ต้องไปอาศัยอยู่ที่หอพักเป็นการชั่วคราว พอคิดแบบนั้นก็จใจหายนิดหน่อยค่ะ……」

 

 

 

โนโซมุคิดว่า “ไม่ คฤหาสน์นี่มันไม่ใช่บ้านพักชั่วคราว แต่มันคือบ้านจริงๆ” แต่ว่าเขาก็อุบเอาไว้

 

หากคิดว่าบ้านนี่เป็นแค่บ้านพักชั่วคราว บ้านจริงๆของตระกูลฟรานซิสจะใหญ่เพียงใด

 

ในสมองของโนโซมุมีปราสาทสีขาวล้อมรอบด้วยกำแพง แต่มันก็คงไม่ผิดจากนั้นแน่ๆ

 

 

 

「ไอริส เธอบอกว่าเสียดายคฤหาสน์หลังนี้ แต่แล้วทำไมถึงบริจาคล่ะ?」

 

 

 

「อืมมมมม นั่นสินะคะ……」

 

 

 

โนโซมุเองก็ได้แต่งุนงงกับท่าทางของไอริส

 

ในขณะที่ไอริสมองโนโซมุแอบมองเขาด้วยปลายสายตา เธอก็ทำหน้าอายๆออกมา

 

 

 

「อืม แล้วโนโซมุล่ะ ถ้าเรียนจบแล้วคิดจะทำอะไรงั้นเหรอคะ?」

 

 

 

「……อืม ถ้าให้ผมพูดตามตรง มันเป็นความจริงรึเปล่าที่ไอริสจะตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มอัศวินน่ะ?」

 

 

 

「อาา ฉันอยากจะเข้าหน่วยอัศวินเพื่อช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุด นอกจากนี้……」

 

 

 

ไอริสเหลือบไปมองอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าตางงๆ

 

โดยปกติแล้วเธอจะแสดงท่าทีสงบโนโซมุที่เห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้

 

 

 

「โซเมียจังสินะ?」

 

 

 

「อืม อืม ใช่แล้วล่ะต่อหน้าน้องสาวของฉัน ฉันเองก็อยากเป็นพี่สาวที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เธอ」

 

 

 

ไอริสเอ่อชื่อโซเมียอย่างลังเลเล็กน้อย

 

โดยปกติแล้วท่าทางของเธอจะสงบ แต่พอเป็นเรื่องของน้องสาวเธอก็ทำตัวว้าวุ่นบอกไม่ถูก

 

 

 

「โนโซมุไม่มีพี่น้องงั้นเหรอคะ?」

 

 

 

「อืม ผมเป็นลูกคนเดียวน่ะ」

 

 

 

「แถมทางครอบครัวก็คัดค้านหัวชนฝาเรื่องมาเรียนที่สถาบันโซลมินาติบ่อยๆด้วยสินะคะ」

 

 

 

「ครับ ก็ตามนั้นเลยโดยเฉพาะพ่อนี่ค้านหัวชนฝาถ้ายังอยู่ต่อสักวันได้ซัดกันแน่ๆล่ะ」

 

 

 

โนโซมุนึกถึงพ่อเขาขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น

 

พ่อหัวรั้นที่พยายามจะเลี้ยงดูเขาด้วยการทำนาเพียงอย่างเดียว

 

แม้ว่าผมจะพยายามขอมาเข้าเรียนที่นี่ แต่ก็ทำหน้าเหมือนกลืนแมลงเข้าปากไป 100 ตัว

 

 

 

「พ่อของไอริสดูจะเป็นคนดีมากเลยนะครับ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากันตรงๆแล้ว พูดตามตรงผมเองก็ประหม่า……」

 

 

 

「เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของท่านพ่อที่ชอบทำหน้าบึ้งตึงนั่นแหละค่ะ แต่ภายในแล้วค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมาและร่าเริง ต่อให้เผชิญกับปัญหา……」

 

 

 

「เอ๋..งั้นเหรอครับ」

 

 

 

ถึงจะบอกว่าตรงไปตรงมา แต่โนโซมุก็คิดว่าดูไม่เข้ากับบุคลิกเจ้าตัวเลย

 

แม้จะดูไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น แต่ก็มีความสง่างามจนจะบอกว่าเป็นคนจริงใจ

 

เป็นตัวตนที่สร้างขึ้นมาราวกับจะต้องให้ทุกคนคุกเข่ายอมรับ

 

โนโซมุยังคงเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง

 

เช่นเดียวกับเรื่องที่เรียกว่าที่นี่ว่า “ที่พักชั่วคราว” เพราะสภาพแวดล้อมเราต่างกันเกินไป

 

 

 

「……โนโซมุ อย่าบอกนะคะว่ากำลังคิดเรื่องเสียมารยาทอยู่น่ะ?」

 

 

 

「……ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะครับ?」

 

 

 

เหมือนกับอ่านความคิดของโนโซมุได้ ไอริสเดินเข้ามาจ้องหน้าด้วยความสงสัย

 

 

 

「โนโซมุเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยนะคะกับเรื่องแบบนี้……」

 

 

 

「เอ๊ะ?」

 

 

 

ไอริสนั้นรู้ดีว่าสภาพแวดล้อมของเธอต่างกับเขา แต่เธอก็รู้สึกว่าเขานั้นเหนือกว่าในด้านวิชาดาบและทักษะเอาตัวรอด

 

วิชาดาบที่สามารถเผชิญหน้ากับจิฮัดได้ตรงๆ

 

ในฐานะที่ไอริสเฝ้าดูอยู่ตลอด เธอคิดว่าคงไม่สามารถเอาชนะเขาได้

 

แม้ว่าจะสามารถใช้เวทย์โจมตีจากระยะไกล แต่ก็ต้องโดนการโจมตีระยะไกลของเขาแน่นอน

 

เมื่อโนโซมุเริ่มตระหนักถึงตัวเองที่เติบโตขึ้น เขาก็ดึงพลังทุกอย่างออกมาใช้

 

ยามที่เขาได้เข้าใกล้ผู้ใด คนๆนั้นจะได้เห็นนรกของจริง

 

การโจมตีของเขาบอกตามตรงว่าเป็นการสังหารในดาบเดียวเลยด้วยซ้ำ

 

หากจะตอบโต้กับ “แฟนท่อม” ของโนโซมุในการต่อสู้มีแต่จะต้องใช้ “คืนจันทราคราส” ในการตอบโต้เขา

 

อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่สามารถสร้างคมดาบชั่วพริบตาได้แบบโนโซมุ และเมื่อเธอใช้ “คืนจันทราคราส” ก็จะไม่มีเวลาให้ร่ายเวทย์อื่น

 

แถมคมดาบที่โนโซมุสร้างยังเป็นคมดาบบริสุทธิ์ที่ตัดทุกสิ่งได้ หากเขาเข้าถึงตัวเธอได้เธอก็แพ้

 

 

 

「จริงๆแล้วอาจารย์ของโนโซมุสอนมายังไงเหรอคะ……」

 

 

 

「……อย่าให้ผมนึกถึงเธอสิ」

 

 

 

ไอริสถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะเห็นหน้าของโนโซมุถอดสีขึ้นมา

 

ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งนั่นก็เกิดขึ้นจากความพยายามของตัวเอง ไอริสจ้องมองเขาที่ยืนกุมหัวทั้งๆแบบนั้น

 

 

 

「แต่ว่ารู้ไหมคะ รอบๆตัวโนโซมุน่ะเปลี่ยนไปมากอย่างสิ้นเชิง แต่โนโซมุน่ะไม่เปลี่ยนไปเลย……」

 

 

 

「สำหรับเรื่องอาจารย์นะครับ ผมจะเล่าให้ฟังว่าถ้าผมเผลอนิดเดียวเธอก็เอาศอกแรงๆกระแทกเข้าท้องผมทันที แถมยังโกรธเป็นฝืนเป็นไฟหากผมแย่งปลาเธอกินอีก แถมยังให้ผมเผชิญหน้ากับศัตรูร้อยตัวด้วยตัวคนเดียว บอกมาว่าถ้าทำไม่ได้ก็นอนตายให้พวกมันกินนั่นแหละ……」

 

 

 

ไอริสคิดอยู่สักพักขณะที่โนโซมุยังจมปลักกับความทรงจำอันเลวร้าย

 

ข่าวลือของโนโซมุที่ถูกเคน โนติสปลอมตัวได้หายไปจากทั่วทั้งสถาบัน นอกจากนี้ยังต้องสู้กับจิฮัดในทุกๆวัน แถมพลังของโนโซมุยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเขาในตอนนี้เป็นรุ่นพี่ที่ได้รับความนิยมจากรุ่นน้องอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่ค่อยได้ใส่ใจกับความคิดเห็นของคนรอบข้างและไม่ถือตนข่มเจ้า ใช้ชีวิตประจำตามปกติ

 

สิ่งที่เขาสนใจก็มีเพียงแค่เพื่อนๆกับเหล่ารุ่นน้องที่มาขอคำปรึกษาในการต่อสู้

 

แน่นอนว่าโนโซมุในตอนนี้ไม่สนเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศ

 

แม้ว่าเขาจะตระหนักได้ว่าตัวเองจะได้รับตำแหน่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เขาก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนไป

 

แถมดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับมันเอาไว้ด้วย

 

ไอริสที่มีความสามารถในการสังเกตผู้คน นั้นเข้าใจได้ดีถึงตัวโนโซมุที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

เพราะตัวเขาที่เป็นแบบนั้นทำให้เธอหลงรักเขาอย่างช่วยไม่ได้

 

ความคิดที่อยากจะครอบครองเขารุนแรงขึ้นทุกวัน

 

อย่างไรก็ตาม สภาพของโนโซมุที่ต้องเจ็บปวดนั้น แค่เธอเห็นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย

 

 

 

「โนโซมุ เคยคิดถึง……」

 

 

 

นี่ฉันพูดบ้าอะไรออกไป

 

ไอริสรีบกลืนคำพูดไปทันทีก่อนจะพูดออกไปจนหมด

 

เมื่อเหลือบมองสภาพโนโซมุที่กำลังกลัวตัวสั่น โนโซมุหายใจเข้าอย่างรุนแรงพร้อมกับแสดงท่าทีกระวนกระวาย ในที่สุดเขาก็เริ่มฟื้นตัวได้

 

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก ไอริส เมื่อกี้ว่ายังไงเหรอครับ?」

 

 

 

คำพูดของเธอที่หลุดปากไป ดูเหมือนว่าโนโซมุจะไม่ได้ยิน

 

แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ตระหนักถึงคำพูดที่ตัวเองเกือบหลุดออกไป ทันใดนั้นใบหน้าเธอก็แดงขึ้นมาทันที

 

พยายามกดแก้มที่เต่งตึงเพราะความอายอย่างเอาเป็นเอาตาย และแสร้งทำตัวปกติ

 

 

 

「……อา่โนโซมุแล้วเรื่องวิชาดาบใหม่ล่ะ」

 

 

 

「นี่ยังจะทำให้ผมทรมานยิ่งกว่าเดิมอีกงั้นเหรอครับ!?」

 

 

 

จิตใจที่คับแค้นที่ถูกปิดลงไปแล้ว ถูกไอริสที่เผลอหลุดปากพูดออกไปทำให้ชอกช้ำอีกครั้ง

 

โนโซมุที่กำลังเศร้ายังคงประท้วงต่อไอริส แต่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม

 

ไอริสที่กำลังอายเพราะความร้อนจากร่างกายที่พุ่งขึ้นสูงจากการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ในที่สุดทั้งสองก็ยิ้มให้กันและหัวเราะเบาๆ

 

 

 

「เอ่อ คืนนี้อากาศดีจังเนอะ……」

 

 

 

「ถ้าไอริสไม่ได้ตอกย้ำอดีตของผมมันก็คงจะดีจริงๆนั่นแหละครับ」

 

 

 

「อึก……」

 

 

 

ในขณะที่มองไปยังพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ทั้งสองก็ยืนอยู่อย่างมีความสุขกันชั่วขณะ

 

ในที่สุด ไอริสก็เริ่มจะทนไม่ไหวโอบกอดโนโซมุอย่างรวดเร็วและเข้าไปกอดแขนเขาอย่างเงียบๆ

 

ความรู้สึกอันนุ่มนิ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งแขนของโนโซมุ

 

 

 

「อะ ไอริส!?」

 

 

 

「เอาเถอะค่ะ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดี……」

 

 

 

โนโซมุที่งุนงงที่จู่ๆไอริสก็เข้าจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว

 

อย่างไรก็ตามไอริสก้มหน้าลงและนึกถึงบางอย่างออก

 

 

 

「โนโซมุจำคำพูดตอนนั้นได้ไหมคะ」

 

 

 

「เอ๊ะ?」

 

 

 

「เอ๋ อย่าบอกนะคะว่า……」

 

 

 

คำพูดที่แสดงความจริงใจเพื่อห้ามตัวเขาที่กำลังร้อนรนในตอนนั้น

 

อยากจะสลักมันไว้ในใจเขาให้เขาจำได้ ไอริสไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่แนบกายของเธอกับโนโซมุมากขึ้น

 

มากกว่านี้ มากกว่านี้ อยากจะใกล้ชิดเขา….

 

 

 

「ขอโทษนะทั้งสองคน」

 

 

 

「หวาาาาาาาาาาาาา!」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม มีคนเข้ามาขัดจังหวะของเธอ

 

ไอริสละสายตาจากโนโซมุและหันไปมองเจ้าของเสียงที่เข้ามาขัดจังหวะ

 

 

 

「มะมะมะมะแม่นมมีธุระอะไร?」

 

 

 

คนที่อยู่ตรงนั้นคือแม่นม เธอกำลังมองมาทางไอริสด้วยสีหน้างงๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มพูดธุระอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

 

「ได้รับคำสั่งจากนายท่านให้เรียกโนโซมุไปเข้าพบค่ะ?」

 

 

 

「ท่านพ่อน่ะเหรอ?」

 

 

 

「ค่ะ ต้องขอบคุณเหตุการณ์หลายๆอย่างเกี่ยวกับตระกูลวาจาร์ต……」

(จำไม่ได้ว่าแปลไว้ว่าอะไรลืมใครนึกออกช่วยบอกทีตระกูลที่เข้ามาเพื่อเอาเตาหลอมวิญญาณของโซเมีย)

 

 

 

ค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่มีคำพูดบางอย่างที่ติดใจไอริสอยู่

 

รายงานการโจมตีของตระกูลวาจาร์ตที่ไอริสส่งไปให้วิคเตอร์ ไม่ได้ระบุใจความที่จะสาวไปถึงความลับของโนโซมุ

 

ในเวลานั้น ไอริสเองก็ไม่รู้ถึงตัวตนของเทียแมต แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะให้ใครรู้เรื่องนี้มากนัก

 

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ไอริสรายงานไปว่าจู่ๆเขาก็แข็งแกร่งขึ้น

 

ดังนั้นไม่ได้รายงานเรื่อง “ปลดพันธนาการ” ออกไปและได้แต่บอกว่าคอยเฝ้าดูฝีมือด้านวิชาดาบของเขาเท่านั้น

 

มันอาจจะกลายเป็นเรื่องเขียนที่เกินจริงไปสักหน่อยที่ไม่บอกถึงความสามารถแต่เขาเอาชนะด้วยวิชาดาบเพียวๆ แถมยังบอกอีกว่าทักษะของเขาเหนือกว่าไอริส ตอนนั้นเธอก็เน้นย้ำเนื้อความในจดหมายเป็นอย่างดีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นวิคเตอร์คงจะเก่งในการสืบค้นข้อมูล กะอีแค่คำโกหกของลูกตัวเองเขาก็คงดูออกได้

 

การต่อสู้กับศัตรูแรงค์ S เดิมนั้นค่อนข้างจะยากอยู่แล้ว แต่ว่าการสู้พร้อมกับขับไล่ไปโดยไม่มีใครเสียชีวิตเลยต่างหากที่แปลก

 

ถ้าแบบนั้นวิคเตอร์อยากจะรู้ความลับของโนโซมุงั้นเหรอ

 

ไม่ มีความเป็นไปได้อื่นๆนอกจากนั้น

 

ประเด็นของโนโซมุไม่ได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เช่น ข่าวลือที่แพร่กระจายในตอนนี้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจาก เคน โนติส ที่ถูก อบิส กริฟ ใช้งาน และการสู้จำลองกับจิฮัด

 

สมองอันชาญฉลาดของเธอตั้งสมาธิได้ในไม่กี่วิ

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆไม่จำเป็นต้องไปคุยตัวต่อตัว

 

ไอริสคิดว่าโนโซมุเป็นคนเดียวที่ถูกเรียกเพราะงั้นต้องยืนยัน

 

 

 

「ถ้างั้นฉันจะไปด้วย ถ้าจะขอบคุณในเรื่องนั้นก็ต้องเรียกทุกๆคนไปด้วย」

 

 

 

「เกี่ยวกับท่านเหล่านั้นด้วย แน่นอนว่า นายท่านจะกล่าวขอบคุณด้วยตัวเอง วางใจได้ค่ะ」

 

 

 

ไอริสดิน่าคิดจะบอกว่ามีคนอื่นๆที่ช่วยในการต่อสู้

 

แต่ดูเหมือนว่าคำขอของไอริสจะถูกปฏิเสธ ไอริสเองก็ไม่มีเหตุผลต้องเถียงถ้าท่านพ่อจะแสดงความขอบคุณด้วยตัวเอง

 

ไอริสเงียบไปชั่วครู่ แต่โนโซมุก็เข้ามาขัด

 

 

 

「ทราบแล้วครับ ถ้างั้นคุณเมน่านำทางไปเลยครับ」

 

 

 

「โนโซมุ……」

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะที่ยังคุยกันไม่เสร็จเดี๋ยวกลับมา」

 

 

 

โนโซมุเดินตามเมน่าไปและออกจากห้อง

 

ไอริสมองแผ่นหลังของเขาด้วยดวงตาที่สั่นไหว

 

ทันใดนั้นโนโซมุก็กลับมายิ้มให้ไอริสเหมือนนึกขึ้นได้

 

 

 

「……และก็ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง」

 

 

 

โนโซมุกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับยิ้มให้เธอ

 

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดูเหมือนว่าไอริสดินาจะไม่ออกตัวแรง เพราะเป็นการสัมภาษณ์แบบสามฝ่าย」

 

 

 

เนื่องจากรู้ความคิดแล้ว จึงกล้าพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ

 

ไม่รู้หรอกนะว่าวิคเตอร์ต้องการอะไร โนโซมุเองก็ไม่ได้กังวล

 

และโนโซมุก็ออกจากห้องเสริมสวยไปพร้อมกับเมน่า

 

ไอริสที่อยู่จ้องมองปลายทางเดินที่เขาจากไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

「โนโซมุ ความรู้สึกของนายน่ะ……」

 

 

 

คำพูดที่เกือบจะพูดออกไปได้หลุดปากมาอีกครั้ง

 

สิ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของไอริสคือภาพของลิซ่าที่เข้ามาเป็นห่วงโนโซมุเพราะความรู้สึกผิด

 

เมื่อโนโซมุยังอยู่ในอาการโคม่า ไอริสก็กระวนกระวายกับสภาพของโนโซมุที่นอนเป็นผัก ขณะที่ลิซ่าได้แต่บอกความในใจของเธออย่างไม่ลดละ

 

อย่างไรก็ตาม คำพูดนั้นมันควรจะออกมาจากปากของโนโซมุเองเสียมากกว่า ไม่ใช่คำพูดอันไร้เหตุผลที่เธอทำตัวต่อเขาแบบนั้น

 

คำพูดของลิซ่าไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้โนโซมุรับฟัง เธอยังคงละอายใจต่อพฤติกรรมอันโง่เขลาของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ฉันเองก็ยังไม่กล้าสารภาพต่อโนโซมุและฉันเองก็ไม่ให้อภัยลิซ่า

 

ความรู้สึกอายที่ไม่กล้าพูดออกไปและความรู้สึกหึงหวงเขาจากการที่ลิซ่าเริ่มกลับมารุกเข้าหาเขา

 

ไอริสกอดแขนของตัวเองอย่างเจ็บปวดด้วยความรักที่เธอมีต่อโนโซมุ ลิซ่าที่กลับมาหาโนโซมุ และสิ่งที่ลิซ่าทำลงไป

 

ความร้อนของโนโซมุที่ยังอยู่ในแขนของเธอ เป็นความอบอุ่นเดียวที่คลายความกังวลใจของเธอได้

 

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *