[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 94 บทที่ 6 11

Now you are reading [นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” Chapter 94 บทที่ 6 11 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่6ตอนที่11

 

 

「ไอเชี้ยโนโซมุ!!」

 

 

 

เคนไล่ตามลิซ่าอย่างสิ้นหวังขณะสาปแช่งโนโซมุ

 

 

มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้

 

 

ตอนนั้น ที่บอกความจริงกับมันเพราะอยากให้มันอารมณ์เสียจนจิตใจแหลกสลายไม่กล้าทำอะไรอีกเลย

 

 

อย่างไรก็ตาม มันก็กลับมาอีกครั้ง แถมข้างหลังยังมี ไอริสดิน่า ฟรานซิส อัจฉริยะผู้มากความสามารถเทียบเท่ากับลิซ่า

 

 

ได้ยินข่าวลือว่าเธอคนนั้นเป็นห่วงโนโซมุมาก……。

 

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ลิซ่าเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย และรู้สึกว่าชัดเจนขึ้นหลังการฝึกพิเศษจบลง จำได้ว่าตอนนั้นโนโซมุมันอยู่ใกล้กับลิซ่า

 

 

แม่งมาขวางได้ตลอด……。

 

 

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเกลียดชังและความแค้นภายในอกมีไฟแค้นสุมอยู่

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาต้องรีบลงมือกับลิซ่าให้เธอใจเย็นลง

 

 

เคนกำลังก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับความโกรธเกรี้ยวแต่ชั่วขณะหนึ่งทัศนวิสัยของเขาก็เบลอและบิดเบี้ยว

 

 

 

「อะไรวะ!?」

 

เคนขยี้ตา อย่างไรก็ตาม ทัศนวิสัยโดยรอบไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

นี่หลอนไปเองงั้นเหรอ?

 

 

เคนหยุดอยู่กับความรู้สึกลึกลับที่เข้ามาโจมตีเขา แต่ก็สังเกตเห็นว่าลิซ่ากำลังวิ่งหนีไป

 

 

 

「อืม ! ถ้าไม่รีบ……!」

 

เคนพยายามวิ่งไล่ตามขณะหอบหายใจอย่างสิ้นหวังที่หน้าอกของเขามีความรู้สึกเหมือนกลัวตาย อย่างเมื่อสองปีก่อน เขากลัวว่าลิซ่าจะหายไป

 

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาไล่ตามลิซ่าไม่ทันอีกแล้ว เพราะจู่ๆเธอก็ได้หายตัวไปหลังจากไล่ตามเธอ

 

 

◆◇◆

 

 

บนหลังคาบ้านเรือนในเมือง มีชายชราคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ไล่ตามหญิงสาวผมแดง

 

「เข้าใจแล้ว ต้นตอของความกังวลของเจ้าหนุ่มนั่นคือแม่สาวคนนั้น….แต่ว่ามันแย่มาก ตอนที่เขาโดนยั่วยุนั่น มันอันตรายมาก……」

 

เสียงของซอนเน่นั้นหายไปท่ามกลางรัตติกาล

 

 

ซอนเน่ลูบเคราสีขาวของเขา แต่ทันใดนั้นใบหน้าก็บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเสียใจ

 

 

 

「ไม่สิ เรื่องนี้ข้าเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ……」

 

ซอนเน่นึกถึงภาพที่เขาเพิ่งทำนายให้กับโนโซมุก่อนหน้านี้

 

 

ในขณะนั้นซอนเน่พยายามแทรกแซงเข้าไปในตัวของโนโซมุ

 

 

จุดประสงค์ก็คือต้องการทราบภาพรวมของสถานะปัจจุบันของโนโซมุ เบลาตี้

 

 

ตอนนี้ตัวเขาอยู่ในสภาพแบบไหนกันแน่ ในตัวของเขามีทั้งพลังและวิญญาณของมังกรหลับไหลอยู่ เพื่อนที่จะค้นหา ดังนั้นเขาจะต้องตรวจสอบไปจนถึงแก่นแท้ของจิตวิญญาณของโนโซมุ

 

 

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระหากคิดตามปกติ

 

 

โครงสร้างของจิตวิญญาณนั้นซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวิญญาณที่โดนอะไรแปลกปลอมเข้าสถิตย์อย่างเช่นตัวโนโซมุในตอนนี้

 

 

ไม่มีใครสามารถเข้าใจโครงสร้างได้อย่างสมบูรณ์ และเขาก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเกิดอะไรขึ้นหากทำมันออกมาไม่ดี

 

 

แม้ว่าจะเป็นจอมเวทย์ที่รับใช้ราชาของประเทศ แต่ว่าทักษะต่างๆเกี่ยวกับด้านวิญญาณมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก

 

 

 

「แต่ไม่เข้าใจเลย ทำไมสกิลของข้าถึงโดนปฏิเสธ……」

 

อย่างไรก็ตามใบหน้าของซอนเน่คือสกิลของเขาใช้ไม่ได้ผล และเขาคิดว่ามันไม่มีทางที่จะล้มเหลวได้เลย

 

「มันก็ยังแน่นอนที่ว่าจิตวิญญาณของเจ้าหนูนั่นเปลี่ยนไป แต่ว่าจุดเริ่มต้นนั่นมันเปลี่ยนไปได้ยังไง……」

 

เขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของโนโซมุในตอนที่ขับไล่มังกรจักรกล และเขาคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น เขาจึงพยายามสืบหาต้นตอ และเริ่มต้นการทำนาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้จะทำได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถอ่านจิตวิญญาณของเขาได้

 

 

หากใช้การเสริมความแข็งแกร่งด้านพลังเวทย์ที่เป็นตัวขัดขวาง ก็จะทำให้รู้สถานะที่แน่ชัดของเขาได้ แต่ในทางกลับกัน มันจะไปกระตุ้นมังกรในตัวโนโซมุ

 

 

โชคดีที่เขาไม่หลุดการควบคุม แต่เมื่อตอนที่จิตวิญญาณของเขาถูกสับเปลี่ยนกะทันหันมันทำให้ซอนเน่ถึงกับเหงื่อไหลพราก

 

「……ยังไงก็ตาม เจ้าหนุ่มผมทองนั่นควรจะต้องให้หมอนั่นอยู่เงียบๆสักพัก……」

 

เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันแล้วการให้โนโซมุเจอเจ้าหนุ่มผมบลอนด์นี่บ่อยๆมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

 

 

เมื่อคิดเช่นนั้น ซอนเน่ก็กระดิกนิ้วไปในอากาศ จากนั้นวงเวทย์ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าซอนเน่

 

 

เมื่อวงเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในอากาศกระจัดกระจายไปและเข้าไปล้อมรอบตัวเคน สภาพแวดล้อมที่เคนเห็นก็จะบิดเบี้ยวไปอย่างสมบูรณ์

 

 

จากนั้น เคนที่น่าจะไล่ตามลิซ่าไปก็ได้เห็นภาพหลอน

 

 

เมื่อเห็นเคนที่ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น เขาก็หันไปมองป่าที่เขาออกไปสำรวจเมื่อตอนกลางวัน

 

 

 

「ณ ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าจะทำได้แล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วนะ พ่อหนุ่ม….นอกจากนี้ข้ามีธุระต้องไปทำให้เสร็จ คราวที่แล้วก็หาไม่เจอแต่คราวนี้ต้องหาให้เจอให้ได้……」

 

ซอนเน่พึมพำเช่นนั้นพร้อมถอนหายใจ

 

 

อย่างไรก็ตามเข้าเปลี่ยนท่าทางแล้วรีบไปที่ป่าอย่างรวดเร็ว ท่าทีของตาแก่หื่นกามไม่เหลืออีกต่อไป

 

 

 

「ที่สำคัญคือแม่หนูคนนั้น……」

 

 การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโนโซมุก่อนหน้านี้ก่อนที่เขาจะได้เปลี่ยนแปลงและระเบิดพลังออกมาและไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีนั้นเอง……。

 

 

ซอนเน่เล่ห์มองขึ้นไปบนฟ้า

 

 

ดวงจันทร์และดวงดาวที่ลอยอยู่เหนือบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงเป็นประกายดั่งเดิม ซอนเน่ประทับใจกับภาพตรงหน้า

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครได้รู้ว่า มรสุมในอกลูกใหญ่ได้พัดผ่านหายไปแล้ว

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม……..เอ่อริกรินาเรียหายไปไหนแล้ว……」

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็นึกถึงชุนกะที่หายไปและเริ่มหลั่งน้ำตาออกมา ท่าทางนั่นทำเอาตัวเขาหมดแรงเพราะคิดถึงนางแบบสุดที่รัก

ชายชราเริ่มกลับไปที่ป่าอีกครั้งพร้อมกับทลายความตึงเครียด

 

 

นกที่นอนหลับอยู่ภายใต้ช่องว่างใต้หลังคานั้นก็ทำได้แต่มองไปที่ตาแก่อย่างแปลกประหลาด

 

 

◆◇◆

 

 

โนโซมุและคามิลล่าไล่ตามลิซ่ามาและวิ่งต่อไปในเมืองยามค่ำคืน ใจนั้นสั่นเทา

 

 

ถึงกระนั้นโนโซมุก็ยังคงวิ่งต่อไป

 

 

ในความคิดของโนโซมุ เขาเห็นลิซ่าที่วิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง

 

 

เธอปฏิเสธตัวเขา ทั้งๆที่เขาพยายามเข้าหาและแก้ความเข้าใจผิด รูปลักษณ์ของเธอนั้นซ้อนทับกับตัวเองก่อนที่จะได้พบกับอาจารย์

 

 

เขานั้นได้หันหลังให้กับความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า และมันก็เหมือนกันราวกับว่ากำลังหาทางอื่น

 

 

แต่ว่าความจริงในตอนนี้ก็ทำให้โนโซมุรู้อีกครั้ง ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้จักลิซ่าเลยแม้แต่น้อย

 

 

โนโซมุยังคงวิ่งต่อไป และเรียกคามิลล่าที่อยู่ข้างๆ

 

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก คามิลล่า บอกผมที ลิซ่าเป็นยังไงบ้างในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้!?」

 

「ฮะ!ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ! ป่านนี้แล้วคิดจะทำอะไรทั้งๆที่นายทรยศลิซ่าแท้ๆ……!」

 

「ผมไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!!」

 

โนโซมุปฏิเสธเสียงแข็งต่อคามิลล่าที่พยายามปฏิเสธตัวเขา

 

 

โนโซมุนั้นใจเต้นรัวเพราะการที่ขยับร่างกายมากเกินไปจากนั้นเขาก็พูดมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

อย่างไรก็ตาม คำนั้นกลับให้ผลตรงกันข้ามกับคามิลล่า คามิลล่าที่คอยดูแลรักษาสภาพจิตใจของลิซ่ามาอย่างยาวนาน

 

 

สำหรับคามิลล่าคำพูดของโนโซมุเป็นอะไรที่รับไม่ได้

 

 

 

「อย่ามาพูดบ้าๆ ! แล้วทำไมลิซ่าถึงได้เจ็บปวดถึงขนาดนั้นล่ะ! เธอกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แถมยังนิ่งเฉยอยู่ตลอดเวลาในห้องเรียน ! รู้ไหมว่าฉันต้องคอยเตือนสติเธออยู่เป็นระยะๆ!」

 

 

 

เปลวไฟแห่งความโกรธนั้นสุมอยู่ในดวงตาและคามิลล่าก็บ่นใส่โนโซมุที่ไม่ได้รู้อะไรเลย

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุยังคงพูดต่อไปแม้ว่าจะเห็นคามิลล่าโกรธอยู่แบบนั้นก็ตาม

 

「……ผมเองก็ไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองไม่ผิดหรอก มันเป็นความจริงที่ผมไม่ได้ใส่ใจเธอให้ดีพอ แต่ตอนที่ผมอยู่กับลิซ่า ผมไม่เคยคิดถึงใครอื่นนอกจากเธอเลยจริงๆ!」

 

โนโซมุยังคงพูดต่อไปแม้ว่าจะโดนโกรธจัดขนาดนั้น คามิลล่าก็รู้สึกได้ว่าเหมือนฟิวส์ขาด

 

 

คว้าตัวโนโซมุที่อยู่ข้างๆและกดลงไปที่ทางเดินหินตรงนั้น

 

「อึก!」

 

โนโซมุขมวดคิ้วด้วยความตกใจและความเจ็บปวดที่แล่นผ่านแผ่นหลังของเขา แต่คามิลล่าที่โกรธเคือง ก็ไม่เคยรู้เรื่องของโนโซมุเช่นกัน

 

 

คามิลล่าที่พยายามยกมือขึ้นและจะตบโนโซมุนั้น…

 

「คามิลล่าซังหยุดนะคะ」

 

ไอริสที่อยู่ข้างหลังจับมือของคามิลล่าไว้แน่น

 

 

ชั่วขณะหนึ่งความเงียบก็ไหลผ่านระหว่างทั้งสาม

 

 

ไอริสค่อยๆพูดหลังจากที่คามิลล่าสงบลง

 

「คามิลล่าซัง เขาไม่ได้ทำอะไรแบบที่เธอคิดเลยนะ อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ」

 

「อะไรล่ะนั่น ! เหตุผลฟังไม่ขึ้น……」

 

ความโกรธของคามิลล่านั้นพุ่งเป้าไปที่ไอริสที่ปกป้องโนโซมุ

 

 

คามิลล่าพยายามเมินคำพูดของไอริส แต่ไอริสก็พูดต่อทั้งๆแบบนั้น

 

「ถ้างั้นขอถามหน่อยนะคะ ว่าทำไมถึงตัดสินใจได้ว่าโนโซมุคุงนอกใจ?」

 

「เพราะลิซ่าเห็นภาพนั้นต่อหน้าต่อตายังไงล่ะ ! ต่อหน้าต่อตาของเธอ คนที่เป็นที่รักยิ่งกำลังทรยศเธอ ! ลิซ่านั้นเดือดดาลมาก ! เป็นเธอจะเข้าใจความรู้สึกของลิซ่าในขณะนั้นรึเปล่าล่ะ!?」

 

「ลิซ่าเห็นโนโซมุจริงๆน่ะเหรอคะ? ไม่คิดว่ามันจะมีเทคโนโลยีอะไรที่ถูกพัฒนาทำมาเพื่อปิดบังใบหน้าบ้างเลยเหรอคะ? หรือไม่คิดว่าเป็นคนหน้าเหมือนบ้างเหรอคะ?」

 

「แล้วถ้างั้น……!」

 

คามิลล่าขึ้นเสียงของเธอขณะยังแสดงความโกรธออกมาให้เห็น แต่เมื่อเธอจ้องมองไปที่ไอริส ดวงตาของไอริสยังคงแสดงความเย็นชาออกมาให้เห็น

 

「ต้องการจะพูดอะไรกันแน่!?」

 

ท่าทีอันเงียบสงบของไอริสนั้นราวกับน้ำแข็ง จากนั้นคำพูดของไอริสก็เป็นการเหมือนเอาน้ำราดลงในจิตใจที่แสนร้อนรนของคามิลล่า

 

「ฉันหมายถึง ไม่คิดว่านั่นเป็นการแสดงละครจัดฉากบ้างเหรอคะ? ทำไมโนโซมุถึงไปอยู่ตรงนั้นในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะพอดีเลยล่ะ และเธอเคยเห็นตัวโนโซมุก่อนหน้านี้ไหม แล้วใครกันที่ได้รับผลประโยชน์จากการเกิดเหตุการณ์นี้มากที่สุด?」

 

「ไม่มีทาง ! เรื่องแบบนั้น……」

 

เป็นไปไม่ได้ คำพูดของคามิลล่าที่พยายามจะพูดก็ติดขัดอยู่ในลำคอด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

ยังไงก็ตาม พอมาคิดดูดีๆแล้วท่าทางของ “เขา” ไม่แปลกไปหน่อยเหรอเมื่อเร็วๆนี้?

 

 

รอยยิ้มที่ดูจะเหมือนเดิมแต่ให้ความรู้สึกแปลกๆ เขาที่มักจะปกป้องโนโซมุ แต่แล้วก็เริ่มมาปฏิเสธตัวตนของโนโซมุ

 

 

ในทัศนคติของเคน คามิลล่ารู้สึกว่าเขาสูญเสียความเป็นตัวเองไปทีละนิด

 

 

ฟีโอที่อยู่ข้างหลังก็เปิดปากพูด

 

「ข้าน้อยเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของไอริสดิน่าเช่นกัน ข้าน้อยก็คิดว่าตอนแรกมันก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เมื่อนึกถึงตอนนี้แล้วมันผิดแปลกไปจากข่าวลือเหล่านั้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมื่อช่วงสองปีก่อนตอนที่โนโซมุโดน “พันธนาการ” เข้าควบคุมร่างกาย และถ้าโนโซมุคิดจะนอกใจจริงๆ เธอคิดจริงๆเหรอว่าโนโซมุจะต้องมากังวลเรื่องแบบนี้ด้วยน่ะ?」

 

 

 

ฟีโอยักไหล่ขณะพูดอะไรบางอย่างที่ฟังดูน่ากลัวเล็กน้อย

 

 

แน่นอนถ้าโนโซมุเป็นเสือผู้หญิงโนโซมุก็คงไม่ยึดติกับลิซ่าขนาดนี้ เขาอาจจะออกจากเมืองอาร์คาซัมโดยไม่มีเหตุผลให้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ

 

 

 

「……แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริง ! ทำไมหมอนั่นถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำเลย? ถ้าคิดว่าลิซ่าสำคัญจริงๆ! ถ้าเขาบริสุทธิ์จริง มันก็ต้องมีหลักฐานมาแสดงสิไม่ใช่พูดด้วยตัวเอง!」

 

「มันก็ไม่ต่างกันเลยไม่ใช่เหรอสำหรับพวกเธอ ถ้าโนโซมุคุงเป็นเพื่อนของพวกเธอจริงๆ พวกเธอก็น่าจะใช้หัวคิดสักหน่อยนะคะ?」

 

 

 

ตาของคามิลล่าสั่นเทาเมื่อได้ยินคำพูดของไอริสดิน่า เธออารมณ์เสียแบบเห็นได้ชัด

 

 

อย่างไรก็ตามใบหน้าของคามิลล่ายังคงแข็งทื่อ เธออารมณ์เสีย และไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพวกไอริสดิน่า

 

 

เพราะความไม่สมเหตุสมผล

 

 

 

“เพื่อนสนิทของฉันต้องมาเจ็บปวดเพราะโนโซมุ”

 

ตลอดสองปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ

 

 

คามิลล่าและไอริสต่างเงียบ ทั้งสองต่างมองหน้ากันราวกับกำลังแลกเปลี่ยนบางสิ่ง

 

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นโนโวมุที่โดนคามิลล่าคร่อมตัวอยู่ก็ลุกขึ้นมา

 

 

เธอแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆโนโซมุก็ลุกพรวดมาทั้งๆที่เธอคร่อมเขาไว้อยู่ และคามิลล่าก็รีบกระเด้งตัวออกมาทันที

 

 

โนโซมุยืนขึ้นและเผชิญหน้ากับคามิลล่า

 

 

เธอยังคงจ้องมองไปยังโนโซมุ แต่เขากลับมองไปข้างหน้า

 

 

 

「ตอนวิ่งไปผมจะเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟังเอง ยังไงก็เถอะรีบตามลิซ่าไปก่อนดีกว่า อย่างน้อยๆในตอนนี้ก็อยากจะพูดอะไรสักอย่าง」

 

โนโซมุวิ่งไล่ตามลิซ่าอีกครั้ง

 

 

ไอริสและฟีโอก็ตามไปด้วย คามิลล่าเองก็วิ่งไปพร้อมกับจ้องเขม็ง

 

 

 

「เอาแบบนั้นก็ได้」

 

「อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ทรยศลิซ่าเลย เคนเป็นคนสร้างข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมาเองและปลอมตัวเป็นผม」

 

「หลักฐานล่ะ……?」

 

「ไม่มีหรอก แต่เมื่อไม่นานมากนี้ผมได้ยินจากปากเขาโดยตรง ในขณะนั้นเคนใช้ความสามารถของเขา“หน้ากากน้ำสะท้อนใจ”ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นบุคคลอื่นได้」

 

「…………」

 

「และเคนยังพูดใส่ผมอีกว่า“แกมันก็แค่ตัวที่คอยฉุดรั้งลิซ่าเอาไว้ ตัวแกไม่เหมาะกับลิซ่าเลยสักนิด”เขาพูดออกมาแบบนั้น……」

 

คามิลล่ายังคงเงียบขณะฟังคำพูดของโนโซมุ ทั้งสี่ยังคงวิ่งไปอย่างเงียบๆ

 

 

โนโซมุเปิดปากพูดอีกครั้งขณะที่วิ่งออกไป

 

「คามิลล่า……」

 

「อะไร……」

 

「ขอถามอีกครั้ง ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลิซ่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาให้ผมฟังได้ไหม……」

 

โนโซมุถามเกี่ยวกับลิซ่าอีกครั้ง ดวงตาของคามิลล่ายังคงเคร่งขรึมและท่าทางก็ลนๆ

 

 

เรื่องราวของโนโซมุมันไม่น่าเชื่อถือเลยหรือว่าพยายามปิดซ่อนความสิ้นหวังเอาไว้

 

 

 

「…………」

 

ไม่มีคำตอบใดๆ และคามิลล่ายังคงวิ่งต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุนั้นไม่ได้ยอมแพ้และยังคงพูดซ้ำๆ

 

 

สองปีที่ผ่านมาเธอจับตาเฝ้ามองดูมาตลอด ในช่วงเวลานั้น โนโซมุไม่รู้เลยว่าลิซ่ารู้สึกยังไง

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกว่าเธอน่าจะเสียใจไปตลอดชีวิตหากไม่เล่ามันออกไปในตอนนี้

 

 

 

「เธอจะโกรธจะเกลียดผมเท่าไรก็ได้ แต่ไม่สำคัญหรอกผมไม่สนใจขอร้องล่ะช่วยเล่าเรื่องราวของลิซ่าให้ผมฟัง ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆถ้าไม่รู้เรื่องของลิซ่าเลยแม้แต่น้อย!」

 

 

 

น้ำเสียงที่แสนซื่อตรงของโนโซมุมันทะลุจิตใจของคามิลล่า

 

 

เธอกัดริมฝีปากของเธอและก้มหน้าลงช้าๆและค่อยๆพูด

 

「……ลิซ่านั้นไม่เคยก้าวไปข้างหน้าเลยนับแต่นั้นมา」

 

คามิลล่าเริ่มเล่าอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนอย่างช้าๆท่ามกลางโนโซมุที่กำลังจ้องเธอ

 

 

◆◇◆

 

 

โนโซมุที่ได้ยินเรื่องราวสองปีที่ผ่านมาจากคามิลล่า ก็รีบวิ่งไปทั่วเมืองยามราตรีแบบสุดกำลังของเขา ความเสียใจที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจและหน้าอกของเขากำลังถูกกัดเซาะด้วยความเสียใจนั่น

 

 

 

「บ้าเอ้ยยยยยยยยยยย.…」

 

เขาหน้าแดงออกมาเพราะความโกรธ

 

 

สิ่งที่ลิซ่าต้องดิ้นรนและทุกข์ทนทรมานมาตลอดสองปีที่ผ่านมา เพราะเธอเป็นโรคกลัวความรัก

 

 

แม้ว่าเธอพยายามเอาชนะมัน และพยายามเค้นความกล้าหาญมากแค่ไหน แต่เธอก็ปฏิเสธเคนทุกวิถึทาง

 

 

เมื่อได้ยินว่าลิซ่าต้องปรึกษาปัญหากับคามิลล่าอยู่บ่อยครั้งและร้องไห้ออกมาทุกครั้ง โนโซมุก็โกรธตัวเองอย่างมาก

 

 

นี่เขามัวแต่ทำอะไรอยู่?

 

 

 

「โนโซมุ……」

 

ไอริสส่งเสียงแห่งความกังวลออกมาจากด้านหลัง แต่ตอนนี้โนโซมุไม่รับรู้อีกต่อไป

 

 

โนโซมุออกวิ่งอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธที่มีต่อตัวเขาเอง

 

 

ไม่นานนักก็เห็นลิซ่าที่เดินอยู่ท่ามกลางความมืด

 

「อืม ! เจอแล้ว」

 

ช่วงเวลาที่เขาเห็นลิซ่า ขาของโนโซมุก็วิ่งเร็วกว่าที่เคย พยายามก้าวไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดแม้สักวินาทีหนึ่งก็ยังดี

 

 

แม้ว่าจะดีใจที่ไม่เห็นเคนอยู่ตรงนี้ แต่ว่าตอนนี้เธอสำคัญกว่า

 

 

โนโซมุวิ่งผ่านทางกลางความมืดมิด วินาทีถัดมามือขวาของโนโซมุก็คว้าข้อมือของลิซ่า

 

 

ลิซ่าหันมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

 

 

「ลิซ่า!」

 

「เอ๋!!ปล่อยนะ! ฉันเกลียดนายยยยย!!」

 

ลิซ่าเริ่มอาละวาดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังกึกก้องและโนโซมุก็พยายามกำข้อมือของลิซ่าเอาไว้แน่น

 

 

ฝ่ามือนั้นเย็นและสั่นเล็กน้อย

 

 

ถ้าเธอได้เห็นตัวโนโซมุก่อนก็คงไม่มีวันที่เขาจะจับมือลิซ่าได้

 

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาจับข้อมือของเธอไว้ได้แล้ว และตอนนี้เธอเองก็อารมณ์เสียอย่างมาก

 

 

 

「ลิซ่า ช่วยฟังผมหน่อย จริงๆแล้วผมน่ะ……」

 

「ฉันเกลียดนาย ! ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น!」

 

การโผล่มาของโนโซมุ น้ำเสียงของโนโซมุ การจ้องมองของโนโซมุ ตัวตนที่คอยหลอกหลอนเธอมาตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอพยายามปฏิเสธเขามาตลอด

 

 

เธอพยายามปิดบังมันอย่างสิ้นหวัง โดยทำเป็นมองไม่เห็นโนโซมุ และพูดราวกับไม่สนใจใยดี

 

「ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ! ทำไมถึงยังอยู่ในเมืองนี้อีก ! ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ! หายไปซะ! อย่าได้มาหลอกหลอนกันอีกเลย!!」

 

「อึก!」

 

ทันใดนั้น โนโซมุก็ตกใจอย่างมาก และมือที่แกว่งไปมาก็ตบหน้าของโนโซมุ

 

 

ความร้อนที่ส่งผ่านไปยังแก้มทะลุผ่านศีรษะ และในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็เข้ามาในใจของโนโซมุ

การดูถูกเหยียดหยาม การประณามต่างๆ การกลั่นแกล้ง

 

 

ความทรงจำด้านลบ เป็นเพราะว่าโดนปฏิเสธอย่างชัดเจน

 

“ใครกันแน่ที่ต้องทนทุกข์ ทำไมถึงไม่เชื่อผม ผมเองก็ทรมานมาหลายปีแล้วเหมือนกัน!?”

 

โนโซมุเองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบนั้นชั่วครู่ และเขาพยายามปัดเป่าอารมณ์ด้านลบที่สะสมอยู่ในใจ เหมือนกับตอนที่ฆ่าพวกไซคลอปส์

 

“จะลังเลมันไปทำไม! นั่นคือสิ่งที่ยัยนี่ควรจะได้รับ ! แกสมควรที่จะทำลายนังผู้หญิงโง่เง่านั่นตราบเท่าที่แกต้องการ ถึงเวลาแล้วที่แกต้องคิดบัญชีกับยัยผู้หญิงเส็งเคร็งนี่!”

 

เสียงของเทียแมตดังก้องอยู่ในหัวของผม แน่นอน ผมจำได้ตอนที่ผมถูกทรยศ ผมเองก็ขุ่นเขืองใจเป็นอย่างมาก

 

 

แรงกระตุ้นอันแสนมืดมนเพราะลิซ่าที่เข้าใจเขาผิดมาโดยตลอด โนโซมุรู้สึกว่ามันชัดเจนมันกำลังหมุนวนอยู่ในอกของเขา

 

“ไม่เหมือนแม่สาวที่และจิ้งจอกที่อยู่หลังแก แกจะทำลายชีวิตยัยนี่มันก็ถูกแล้ว? คนที่ต้องการแกแล้วนี่ แม่สาวตรงนั้นเป็นคนที่ยอมรับในตัวแก เหตุใดจึงยังต้องมัวรีรอ และมายุ่งกับยัยผู้หญิงงี่เง่านี่อีก?”

 

เสียงของเทียแมตนั้นเป็นเหมือนคำพูดอันหอมหวานกระซิบอยู่ข้างหู

 

 

เสียงนั้นค่อยๆซึมซับเข้าไปในหัวใจของโนโซมุราวกับว่ามันกำลังยั่วยวนเขา เหมือนกับยาพิษอันหอมหวาน

 

“เพียงแค่ทำลายมัน แล้วแกก็จะได้หลุดพ้นจากคำสาปจากยัยผู้หญิงเส็งเคร็งนี่เสียที……”

 

เทียแมตกระซิบบอกให้บดขยี้ลิซ่าให้แหลกเป็นผุยผง ทุกครั้งที่มังกรยักษ์นั่นกระซิบวิสัยทัศน์ของโนโซมุก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ

 

 

อย่างไรก็ตาม..…。

 

 

 

 

「ลิซ่า……」

 

「ไม่นะ ไม่……」

 

เสียงของลิซ่านั้นอ่อนลง และตัวเธอนั้นบอบางเหมือนกระดาษไปแล้ว พร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อเลยหากสัมผัส

 

 

หน้าอกของโนโซมุรู้สึกเจ็บปวดขณะที่เห็นรูปร่างนั่น

 

 

ตัวเธอเองก็กำลังทรมาน ซึ่งเป็นสิ่งที่โนโซมุเคยรู้สึกมาก่อน

 

 

เมื่อเคนบอกความจริงกับเขาว่าตัวเขาเหมาะกับโนโซมุเสียงมากกว่า

 

 

ในขณะนั้นเอง โนโซมุก็รู้สึกอารมณ์เสียและโกรธจัด ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครเขาก็ใช้พลังของเขาอย่างไม่เลือกหน้าและสังหารศัตรูทั้งหมด

 

 

เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ตัวเขากำลังหนีอยู่นั้น ความจริงที่เขากำลังมองออกไป ผู้คนต่างใช้สิ่งต่างๆเพื่อปกป้องตัวเอง

 

 

ตอนนี้ลิซ่าเองก็พยายามรักษาตัวเองไว้ด้วยการหนีความจริง ไม่สิ มันอาจจะเป็นเหมือนตัวเขาเมื่อสองปีที่แล้ว  

 

 

 

「…………」

 

“เป็นอะไรไป รีบๆจัดการยัยผู้หญิงเส็งเคร็งนี่สักที?”

 

เทียแมตเริ่มบ่นต่อโนโซมุซึ่งหยุดตอบสนองต่อเสียงของเขา

 

“พอแล้วล่ะ……”

 

“……ว่าไงนะ?”

 

“ผมบอกว่าไม่เป็นไรไง ผมขอโทษ เรื่องนี้ผมจะจัดการมันด้วยตัวเอง”

 

ทันทีที่ได้ยินคำนั้นเทียแมตก็อ้าปากค้าง

 

 

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย สำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นราวกับว่าเขากำลังรอคอยมันอย่างใจจดใจจ่อกับสถานการณ์ตรงหน้า

 

 

 และโนโซมุก็ค่อยๆพูดสิ่งที่เขาปรารถนาออกมา……。

 

 

 

「ลิซ่า ผมขอโทษนะครับ……」

 

มันเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูสงบราวกับระฆังที่สั่นไหว

 

「เอ๋……」

 

“ว่าไงน้าาาาาาาาาาาาาาา!?”

 

ใบหน้าของเทียแมตนั้นบิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

โนโซมุค่อยๆเอามือของเขาวางบนมือของลิซ่าอย่างช้าๆ มือของเธอเย็นราวกับน้ำแข็ง ราวกับว่าเป็นตัวตนของเธอในตอนนี้

 

 

มือของโนโซมุโอบมืออันแสนเย็นเฉียบของลิซ่าไว้อย่างอ่อนโยน โนโซมุค่อยๆขอโทษราวกับว่ากำลังจัดการกับบางสิ่งที่แสนบอบบางและแสนมีค่า

 

 

 

「ผมขอโทษทีหนีความจริงมาตลอด ขอโทษที่ไม่ได้สังเกตเรื่องของเธอเลย ผมผิดไปจริงๆ……」

 

ผมกับลิซ่าก็เหมือนกัน สิ่งแรกที่โนโซมุทำก็คือการสารภาพบาปและขอโทษเธอ

 

「ผมเองก็เคยวิ่งหนีความจริง ถ้าผมแคร์ลิซ่ามากกว่านี้ ผมก็ควรจะมาพูดคุยกับเธอ ไม่ว่าเธอจะสาปแช่งหรือก่นด่าผมมากมายแค่ไหนก็ตาม ผมผิดไปแล้วครับ」

 

เขาไม่ได้พยายามที่จะแก้ไขความเข้าใจผิด เขาหันหลังให้เธอและทิ้งเธอไว้ตามลำพัง และใช้ข้ออ้างความฝันของเธอในการหลบหนีความจริง

 

「ผมคิดว่าผมจะพยายามให้ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่ผมก็หนีความจริงไปฝึกฝนและไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ผมคิดว่าหากฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น สักวันหนึ่งเธอก็จะได้เชื่อว่ามันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย

งี่เง่าใช่ไหมล่ะครับ ผมที่หนีและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเธออย่างตรงไปตรงมา และไม่มีทางที่ลิซ่าจะได้เห็นในสิ่งที่ผมเป็นเลยจริงๆ……」

 

บาปที่ผมได้ก่อขึ้นกับเธอ โนโซมุพูดเรื่องนี้ออกมาและกล่าวขอโทษซ้ำๆ

 

“แก! แกกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย”

 

เสียงโกรธของเทียแมตดังก้องไปทั่วในหัวของโนโซมุ

 

 

ความโกรธนั่นรุนแรงมากต่อจิตใจที่อ่อนแอและทรุดตัวลงต่อหน้าโนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตามแต่ว่าโนโซมุก็ไม่ได้หนีหน้าเทียแมต

 

 

 

“ผมไม่เคยบอกเลยว่าผมจะทำร้ายลิซ่า ! ผมไม่ได้ตัดสินใจมาที่โรงเรียนนี้เพื่อทำแบบนั้น!”

 

 

 

“แล้วแกคิดว่ามันจะย้อนกลับไปเป็นดั่งเดิมได้จริงๆน่ะเหรอ? เปล่าประโยชน์ ความสัมพันธ์ของพวกแกพังทลายลงแล้ว ทำไมถึงได้ยึดติดกับมันมากนัก!”

 

โนโซมุไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาพังทลายลงไปแล้ว

 

 

แน่นอนว่ามิตรภาพในวัยเด็กนั้นแตกสลายไม่ว่าจะมองยังไง

 

 

 

“……ถูกต้อง แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมและลิซ่ามันพังทลายไปแล้ว อย่างที่นายพูดนั่นแหละ”

 

“ถ้าอย่างนั้นแกก็ควรจะตัดสายสัมพันธ์นี่ทิ้งซะ! และทำลายมันทิ้งลงไปอย่างสมบูรณ์ ! แค่ปล่อยมันทิ้งไปก็พอแล้ว!”

 

เทียแมตยังคงหงุดหงิด แต่โนโซมุส่ายหัวกับคำพูดนั่น

 

“ทิ้งงั้นเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะแบบนั้นมันก็เหมือนกับสองปีที่ผ่านมา ท้ายที่สุดแล้วผมก็ยังหนีความจริงอยู่ดี ความโกรธของลิซ่าที่มีต่อผมมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง!?”

 

การด่าท่อ การสาปแช่ง ดูถูกเหยียดหยาม ย่อมนำมาซึ่งความพึ่งพอใจอย่างแน่นอน แต่นอกเหนือจากนั้นยังจะมีอะไรอีกเล่า?

 

 

จะให้ผมพอใจกับสิ่งนั้นและใช้เวลาหัวเราะกับพวกไอริสและคนอื่นๆงั้นเหรอ? แล้วแบบนั้นผมจะยังสามารถมีหน้าไปเผชิญหน้ากับอาจารย์ได้อีกงั้นเหรอ? มันไม่ต่างกันเลย

 

 

คำตอบมันก็คือ ไม่ แม้แต่ชิโนะที่ถูกพี่สาวทรยศตัวเองและถูกญาติทอดทิ้งและหลบหนีมาเหมือนกับผม แต่ว่าเธอก็มีความสุขยามที่ได้พูดคุยเรื่องครอบครัวของเธอ

 

 

เธอคงโกรธ คงเกลียดเขา แต่ แน่ใจว่าเธอเองก็มีความรัก

 

 

หลายปีผ่านไปและที่สุดแห่งการดิ้นรน ท้ายที่สุดแล้วเธอก็สามารถยิ้มและพูดคุยเรื่องของครอบครัวของเธอได้ แม้ว่าจะมีร่องรอยของความเหงาอยู่ในรอยยิ้มของเธอก็ตาม

 

 

 

“ดังนั้นก็ข้ามมันไปซะสิ พวกเราจะไม่กลับไปสู่ความสัมพันธ์แบบเดิมๆ นายอาจจะพูดถูก คนเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้”

 

แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แม้แต่เทียแมตเองก็เป็นไปไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตาม ยังไงก็ต้องเอาชนะบาดแผลในอดีต และก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ แม้ว่าจะรักษาบาดแผลได้หรือไม่ก็ตาม

 

“อย่างไรก็ตาม มันอาจจะเดินผ่านเส้นทางที่แตกต่างจากเดิม แต่มันก็ยังเป็นเส้นทางที่ดีอยู่กว่าในตอนนี้!”

 

ความโกรธไม่ได้หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่ ยอมรับทุกสิ่งแบกรับทุกอย่างทั้งอดีตและปัจจุบัน ความโศกเศร้า ความท้อแท้ หดหู่ เสียใจ ผิดหวัง น้อมรับมันทุกๆสิ่ง เพื่อตัวผมเองและคนที่ผมอยากจะสนับสนุนไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม

 

 

นั่นคือบทสรุปสุดท้ายที่โนโซมุได้เลือกมัน

 

 

 

“อึก!แกกกกกกกกกกกก!!”

 

「อั่ก!」

 

เทียแมตเริ่มกดดันโนโซมุ

 

 

พลังมหาศาลที่ทำให้วิญญาณของโนโซมุต้องสั่นไหว

 

 

ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในหัว โนโซมุต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนั่น

 

「อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา~~!!」

 

โนโซมุจับมือของลิซ่าเบาๆขณะกัดฟันแน่นจนฟันหัก มือของโนโซมุสั่นสะท้านอย่างน่าประหลาด

 

 

ความอบอุ่นของโนโซมุส่งผ่านไปยังมือที่เย็นเฉียบของลิซ่า ความร้อนค่อยๆละลายลูกศรน้ำแข็งที่ปักคาใจเธอมานานนับสองปี

 

 

สีหน้าของลิซ่าค่อยๆผ่อนคลายลง ความอบอุ่นที่เธอได้รับในตอนนี้ราวกับว่าเธอตามหาสิ่งล้ำค่าที่หายไปจนเจอ

 

 

อย่างไรก็ตามความรู้สึกกลัวในใจของลิซ่านั้นไม่ได้หายไปโดยสมบูรณ์ แต่ว่าก็เริ่มมีปฏิกิริยาปฏิเสธลดลง แต่ร่างกายของเธอก็ยังไม่หยุดสั่น

 

「ลิซ่า……」

 

ลิซ่ายังคงปฏิเสธตัวโนโซมุต่อไป เธอมอลงที่พื้นและไม่แม้แต่จะมองหน้าโนโซมุ

 

「อืม….ผมเข้าใจแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะลิซ่า」

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่ได้โกรธลิซ่า และไม่เคยคิดจะโกรธด้วย

 

 

ตัวเธอก็ไม่ต่างตัวเขาในตอนนั้น โนโซมุก็แค่จับมือของเธอและยอมรับตัวเธอที่กำลังหนีความจริงนั้นอยู่

 

 

ลิซ่าพยายามจะหนีจากโนโซมุอย่างอ่อนแรง โนโซมุดึงมือของลิซ่าอย่างอ่อนโยน

 

 

จากนั้นโนโซมุก็ส่งมอบร่างของลิซ่าให้กับคามิลล่าอย่างอ่อนโยนราวกับระวังแก้วที่แตกหัก

 

 

 

「เอ๋?」

 

คามิลล่าทำเสียงตกใจ อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ดูอารมณ์เสียอยู่หน่อยๆแต่ก็รับร่างของลิซ่ามา

 

「คามิลล่าช่วยพาลิซ่ากลับไปที่หอพักหญิงด้วย ผมขอโทษนะ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องประครองร่างของลิซ่าตลอดเวลาแล้วสิ」

 

「…………」

 

คามิลล่าและลิซ่าจ้องมองไปที่โนโซมุด้วยแววตาเบิกกว้าง ไหล่ของลิซ่ายังคงสั่นเมื่อเห็นโนโซมุเหลือบมองมาที่เธอ

 

「ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เข้าไปใกล้เธออีกแล้ว」

 

โนโซมุพยายามยิ้มออกมาขณะที่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งหัวของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากำลังฝืนอย่างมาก

 

「ไปเถอะ」

 

ขณะที่โนโซมุเร่งเร้าให้พวกเธอกลับไป เขาก็หันไปมองทางหอพักหญิง

 

 

ในที่สุดคามิลล่าก็ค่อยๆพยุงไหล่ลิซ่าตามด้วยไอริสและฟีโอที่ตามไป

 

 

โนโซมุค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ลิซ่าต้องหวาดกลัวเขาอีก เขารักษาระยะห่างระหว่างลิซ่าอย่างมาก ขณะนั้นเขาพยายามจะอยู่นอกแนวสายตาของลิซ่าให้มากที่สุด

 

 

ในที่สุดก็ถึงหน้าประตูหอพักหญิง

 

 

โนโซมุเรียกลิซ่าและคนอื่นๆที่พยายามจะผ่านประตูหอพักไป

 

 

 

「ลิซ่า ฟังผมนะ ในวันนั้นที่เธอเห็นไม่ใช่ผม ผมซ้อมอยู่ที่ด้านนอกชานเมืองตลอดทั้งวัน」

 

ลิซ่ายังคงปฏิเสธที่จะหันไปหาโนโซมุ อย่างไรก็ตามเขายังคงอยู่ตรงนั้นไมไ่ด้ก้าวไปไหน

 

 

โนโซมุยังคงพูดต่อไปขณะจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆของลิซ่า

 

「ลิซ่าเคยบอกใช่ไหมว่าผมทรยศเธอ แต่จริงๆแล้วผมไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย ขอพูดไว้ตรงนี้ อย่างชัดเจนผมไม่เคยจะทรยศลิซ่า และไม่มีวันเด็ดขาด !」

 

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งและในที่สุดลิซ่าก็หายเข้าไปในหอพักโดยไม่พูดอะไร

 

 

ในขณะนั้นโนโซมุก็ค่อยๆล้มลงอย่างช้าๆ

 

 

 

「เอ๋ ! โนโซมุ!」

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」

 

ไอริสนั้นรับร่างของโนโซมุเอาไว้ ตัวโนโซมุนั้นราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าของโนโซมุนั้นซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด หายใจลำบาก แสดงสีหน้าแสนเจ็บปวด

 

 

ไอริสที่เห็นแบบนั้นก็เอาหน้าของเขามากอดไว้ที่อกของเธอ และวางมือลงบนแก้มของโนโซมุ

 

 

 

「โนโซมุ……」

 

「ฟู่ว ฟู่ว……」

 

ไอริสลูบแก้มของเขาเบาๆ

 

 

ใบหน้าของโนโซมุนั้นเย็นเฉียบเหมือนกับคนตาย ไอริสทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นโนโซมุต้องหอบหายใจอย่างเจ็บปวด

 

 

เมื่อลมหายใจของโนโซมุสงบลง ใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมา

 

 

 

「ขอบคุณนะไอริส ได้เธอช่วยไว้อีกแล้วสินะครับ……」

 

「ไม่หรอกค่ะ ที่สำคัญกว่านั้นไม่เป็นไรนะคะ?」

 

ไอริสรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินเสียงของโนโซมุอีกครั้ง แต่ความโล่งใจนั้นก็เกิดขึ้นได้ไม่นาน และแววตาของโนโซมุก็เริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง

โนโซมุยิ้มออกมาแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร”แล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตามไอริสยังคงมีสีหน้าเศร้าๆ

 

 

ในเวลานั้นฟีโอที่อยู่ด้านหลังก็เรียกโนโซมุ

 

 

 

「โนโซมุ มีความสุขไหม? ได้ระบายออกมาบ้างแล้วนิ」

 

「อ่าาาาา สำหรับตอนนี้ก็พอใจแล้ว หากจะพูดทุกเรื่องในตอนนี้ ที่ลิซ่าไม่ยอมรับ หากพยายามเปิดใจลิซ่า ตัวตนของเธอได้แหลกสลายแน่……」

 

เหตุผลที่เข้าใจได้เพราะความต้องการซึ่งกันและกัน การเผชิญหน้าของโนโซมุและมาร์เป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาได้เปิดใจพูดคุยกันเพราะทั้งคู่ที่มีความคิดเฉกเช่นเดียวกัน

 

 

อย่างไรก็ตามลิซ่านั้นกลับเลือกที่จะถอยหลังกลับแต่โนโซมุเลือกที่จะเดินไปข้าง ความต้องการของทั้งสองไม่ตรงกัน เพราะงั้นยังคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก

 

「สำหรับตอนนี้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว……」

 

โนโซมุหันหลับกลับมามองประตูที่ลิซ่าเดินผ่านไป แล้วหันหลังเดินจากไป

 

 

แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ผมก็สามารถสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปได้ ด้วยความรู้สึกที่ถูกเติบเต็มและความรู้สึกนั่นคงจะส่งผลในอนาคตในสักทางใดก็ทางหนึ่ง

 

 

 

「…………」

 

ไอริสจ้องมองแผ่นหลังของโนโซมุ

 

「โนโซมุ……」

 

มือของเธอกำไว้ที่อกแน่นก่อนที่เธอจะรู้ตัว

 

 

◆◇◆

 

 

 

 

เวลาได้ล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว และทุกคนในเมืองกำลังหลับใหล ณ สถาบันวิจัยกลอวรัม ซึ่งอยู่ติดกับสถาบันโซลมินาติ การทดสอบกำลังจะเริ่มขึ้น

 

 

วงกลมเวทย์ขนาดใหญ่และซับซ้อนถูกวาดขึ้นในห้องขนาดใหญ่และหินเวทย์ 6 ก้อนที่ถูกวางไว้อยู่ตรงกลางนั่น นักวิจัยในชุดแล็บมากมายกำลังเคลื่อนไหวไปทั่วห้องปฏิบัติการ

 

 

ในสถานที่ที่ห่างไกลจากนัวิจัยที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ยังมีกลุ่มคนที่ดูไม่เหมาะกับสถานการณ์นี้ด้วย

 

 

มาจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ เช่นมนุษย์และเผ่ามนุษย์สัตว์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดี

 

 

พวกเขาต่างเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองนี้ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเมืองอาร์คาซัมและยังมีบทบาทเป็นฑูตที่ส่งมาจากแต่ละประเทศ

 

 

มีหลากหลายเผ่าและแม้กระทั่งมีผู้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองนี้ด้วย นั่งก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าการทดลองนี้สำคัญแค่ไหน

 

 

สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่นักวิจัยที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายและวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

 

 

พวกเขาแทบไม่เคยเห็นวงเวทย์ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน บางคนกำลังมองหาสิ่งผิดปกติและสิ่งต้องห้าม แต่ส่วนใหญ่ก็มีความตึงเครียดกันหมด

 

 

ตรงหน้าพวกเขามีชายร่างยักษ์ ยืนอยู่จ้องมองการทดลองอย่างตั้งใจและเหล่าผู้มีอิทธิพลในเมือง

 

 

ชายคนนั้นแบกดาบยักษ์ที่สูงกว่าความสูงของตัวเอง นักรบสวมเกราะสีเงิน บางทีเพราะเหตุนั้นเองแรงกดดันถูกปลดปล่อยมาจากชายคนนั้น และพวกเขาก็หันไปจ้องเหล่านักวิจัยคนอื่นๆแทน

 

 

ชายหนุ่มในชุดขาวเรียกทอร์เกรนซึ่งเป็นผู้ควบคุมการทดลองนี้

 

「จิฮัด การเตรียมการสิ้นสุดแล้ว เริ่มการทดลองได้ตลอดเวลา」

 

「เข้าใจแล้ว ทุกคนกำลังจะเริ่มการทดลองแล้ว ดังที่กล่าวไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์ของการทดลองในครั้งนี้คือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับซากของอบีต ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่แถวป่าชายเมือง」

 

ในเวลานั้นมีการนำกล่องเหล็ดขนาดใหญ่เข้ามาในห้องปฏิบัติการ สายตาของมนุษย์ทุกคนต่างจับจ้องไปที่นั่น

 

 

โซ่เหล็กยังคงพันรอบๆกล่องและมีวงเวทย์ปิดผนึกวาดไว้ที่ด้านหนึ่งของกล่อง

 

 

เส้นวงเวทย์ยังคงส่องแสงจางๆแสดงว่าตราประทับที่วาไว้ยังคงใช้งานได้อยู่

 

 

จุดประสงค์ก็ดั่งที่จิฮัดได้กล่าวเอาไว้ว่ามีซากอบีตที่โนโซมุและเพื่อนๆเอาชนะมาได้ และพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของมัน

 

 

 

「ทุกคน การทดลองจะเริ่มแล้ว ถ้างั้นข้าจะเป็นคนเริ่มการทดลองเอง……」

 

เสียงของจิฮัดดังก้องไปทั่ว

 

 

มีการรวบรวมวัสดุจำนวนหนึ่งจากร่างกายและหินเวทย์ที่พังไปแล้ว จากเนื้อหาพบว่าร่างของสัตว์อสูรตัวนี้สร้างซ้อนทับหลายๆร่างของสัตว์อสูรหลายๆตัว

 

 

เนื่องจากไม่เพียงแต่มีกระดูกของพวกสัตว์อสูรสี่ขา เช่น หมาป่า ยังพบกระดูกของพวกสัตว์อสูรสองเท้าเช่นก็อบลินด้วย

 

 

กล้ามเนื้อที่ซ้อนทับกันกับความยุ่งเหยิงของร่างกายที่ยากจะอธิบายได้ ยังคงปล่อยรังสีอันดำมืดราวกับว่ามันปนเปื้อน

 

 

คนที่ตอบสนองต่อคำพูดของจิฮัดคือชายชราที่มีบรรยากาศอันสงบนิ่ง

 

 

ผมและเคราสีทองปนขาว รอยย่นที่เหี่ยวไปตามกาลเวลา แต่ดวงตาของเขายังคงมีซึ่งเจตจำนงอันแรงกล้า

 

 

เครื่องแต่งกายนั้นมีราคาแพงกว่าผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด นั้นมีเสื้อคลุมแขนของอาร์คาซัมนี้ซึ่งมีเครื่องหมายกากบาทระหว่างปากกาขนนก ดาบ และไม้เท้า

 

 

ชื่อของเขาคือ ไฮเบ๋า โฟก้า(ハイバオ・フォーカ) เขาเป็นประธานสภาที่ควบคุมอาร์คาซัมแห่งนี้

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก จิฮัด ทอร์เกรนและทุกๆคน」

 

คำที่แสนสง่างามดังก้องไปทั่วห้องปฏิบัติการ คำพูดของประธานทำให้เกิดความตึงเครียด

 

 

จิฮัดพยักหน้าและให้คำแนะนำแก่นักวิจัยที่กำลังรวบรวมมาจากทอร์เกรน หลังจากยืนยันได้ว่ามีนักวิจัยทั้งหมดหกคนยืนอยู่หน้าหินเวทย์ที่วางอยู่รอบตัวพวกเขา ทอร์เกรนก็ค่อยๆวาดวงเวทย์ขึ้นไปในอากาศ

 

 

ในเวลาต่อมา วงเวทย์ของผนึกที่วาดบนกล่องเหล็กก็หายไป จากนั้นโซ่ที่พันรอบกล่องก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

โซ่นั้นถูกสะบัดลงบนพื้นสะท้อนออกมา และกล่องเหล็กก็ค่อยๆเปิดออก

 

 

ในเวลาเดียวกัน ห้องปฏิบัติการก็เต็มไปด้วยอากาศที่อึดอัด นักวิจัยทุกคนต่างสูดหายใจลึกๆกับความรู้สึกไม่พึงประสงค์จากการบรรยากาศ

 

 

ขณะที่พวกจิฮัดกำลังเฝ้าดู ศพของสัตว์อสูรก็ถูกเปิดภายใต้วงเวทย์

 

 

สัตว์อสูรสีดำสนิท ศพซึ่งศีรษะถูกเป่าแหลกสลายและล้มลงจนทรุดตัวจนไม่สามารถรู้รูปร่างเดิมได้

 

 

สัตว์อสูรที่น่าจะตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ซากศพนั้นก็ทำให้คนในห้องตัวแข็ง

 

 

10 ปีที่แล้ว การรุกรานครั้งใหญ่ของสัตว์อสูรที่ทำลายสามประเทศได้ในพริบตา สัตว์อสูรที่ไม่ปรากฏชื่อในขณะนั้น การทดลองนี้จะค้นหาสาเหตุของโศกนาฏกรรม

 

 

ด้วยความคิดดังกล่าว ทอร์เกรน ผู้ดูแลการทดลองจึงค่อยๆอ้าปากพูด

 

 

 

「เริ่มการทดลอง……」

 

นักวิจัยที่ได้สติขึ้นมาก็จับมือและส่งพลังเวทย์ลงไปในหินเวทย์

 

 

วงกลมเวทย์นั้นมีแสงหกสี สีแดง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีขาว และ สีดำ เริ่มรั่วไหลออกมาจากหินเวทย์ที่วางเอาไว้

 

 

เมื่อแสนล้นออกมาจากหินเวทย์ ทอร์เกรนก็เปิดใช้งานวงเวทย์ที่วาดอยู่บนพื้น พลังเวทย์ทั้งหกก็ค่อยๆมาหลอมรวมกันรอบๆศพของอบีต

 

 

กระแสพลังเวทย์นั้นหมุนวนอย่างรุนแรงและเกิดเสียงดังอย่างมาก

 

 

จุดประสงค์ของการทดลองนี้ก็คือเพื่อการแสดงพลังเวทย์ทั้ง หก ธาตุพร้อมกันและวิเคราะห์ว่าศัตรูมีธาตุอะไรบ้าง

 

 

ในเวลาเดียวกัน จุดประสงค์ก็เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของพลังเวทย์ที่สั่นพ้องก็ถูกวิเคราะห์ด้วย เพื่อค้นหาว่ามันจะสร้างผลกระทบอะไรบ้างต่อสภาพแวดล้อม

 

 

พลังเวทย์ยังคงไหลเวียนอย่างรุนแรงและสั่นพ้องกับสภาพแวดล้อมที่น่าจะกลายเป็นเสียง

 

 

เครื่องมือที่ใช้ในการสังเกตยังคงทำงานอย่างถูกต้อง ในขณะที่จับตาดูด้วยความระมัดระวังคลื่นพลังเวทย์ก็ไหลลงผ่านวงเวทย์ตรงกลาง

 

 

และในที่สุดการสั่นพ้องของพลังเวทย์ก็มาถึงจุดสูงสุด

 

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อ แสงสีดำสนิทก็ระเบิดจากศูนย์กลางของพลังเวทย์ที่ส่องสว่างทั้งหกสี

 

 

 

「อึก!」

 

เหล่านักวิจัยแตกตื่น จากความปั่นป่วนในการควบคุมเวทมนตร์ที่ใช้ในการทดลองผิดพลาด

 

 

วังวนพลังเวทย์แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทในพริบตา ในขณะนั้นแขนทั้งหกก็โผล่มาจากส่วนลึกของพลังเวทย์นั่น

 

「คิย๊าาาาาาาาา!」

 

「อ่อก!」

 

เมื่อหนวดที่กระโดดออกมาสะบัดเหล่านักวิจัยไปรอบๆและคว้าหินเวทย์ทั้งหกที่วางเอาไว้ ถูกพาไปใจกลางกระแสพลังเวทย์ทันที

 

「ไฮเป๋า ทอร์เกรน รีบอพยพคนเร็วเข้า!」

 

ทหารเริ่มเคลื่อนไหวตามคำสั่งของจิฮัดและห้อมล้อม วังวนพลังเวทย์ที่ถูกย้อมออกเป็นสีดำ

 

 

นักวิจัยที่ปลอดภัยก็หนีออกจากห้องทดลองไปพร้อมกับเหล่าผู้มีอิทธิพล และทหารที่เหลือก็นำนักวิจัยที่บาดเจ็บออกไปด้วย

 

 

ขระสังเกตท่าทางของพวกนั้น จิฮัดค่อยๆอุ้มเพื่อนของเขาไว้บนหลัง

 

 

พลังเวทย์กำลังหมุนวนต่อหน้าและการปรากฏตัวของสัตว์อสูรก็ออกมา

 

 

 

「กรรรรรรรรรรรรรรร……」

 

สัตว์อสูรสีดำที่คำรามอยู่ในห้อง มีสีดำสนิทและดวงตาสีแดงนับไม่ถ้วนที่ถูกย้อมไปด้วยความเกลียดชังจากทั่วทั้งร่าง

 

「กร๊าซซซซซซซซซซซ!!」

 

มันยืนขึ้นด้วยขาทั้งสี่ ใบหน้าที่ชวนให้นึกถึงหมาป่านั้นแยกออกมา และฟันที่แหลมคมราวกับใบมีดนับไม่ถ้วนเผยออกมาพร้อมกับเสียงคำราม หางที่เหมือนใบมีดหลายๆอันถูกยกสูงขึ้นและจ้องไปยังเหยื่อตรงหน้า

 

「หึหึหึ……」

 

「อ่าาาาาาาาาาาา……」

 

สัตว์อสูรนั้นเริ่มเข่นฆ่าพวกทหารโดยไร้ซึ่งความปราณี

 

 

เจ้าสัตว์อสูรสีดำตัวนี้มันไม่มองข้ามเหยื่อที่กำลังหวาดกลัว

 

 

มันกระโดดใส่ทหารที่อยู่ใกล้ๆ

 

 

เสียงบดขยี้พื้นหินสะท้อนไปทั่ว และในวินาทีต่อมาขอบเขตการมองเห็นของทหารก็เห็นแต่ปากของสัตว์อสูร

 

 

จากนั้นกรามของมันก็จะปิดลงและคอของเหล่าทหารจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆและเข้าไปในท้องของมัน

 

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่ฟันของมันพยายามจะปิดลง ร่างของสัตว์อสูรก็ปลิวไปด้านข้าง

 

 

 

「อา……」

 

ทหารเปล่งเสียงตกตะลึงกับจิฮัดที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมดาบขนาดยักษ์ สัตว์อสูรที่โดนพัดไปกระแทกกับกำแพงทั้งๆแบบนั้นและส่งเสียงทุกข์ทรมานออกมา

 

 

 

「ทุกคนถอยไป ข้าจะจัดการมันเอง」

 

ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมาเหล่าทหารก็เริ่มถอยออกไป

 

 

สัตว์อสูรตัวนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ และมีทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

 

 

ทหารต่างเข้าแถวกันออกไปที่หน้าประตูทำให้เป็นกำแพงสุดท้ายที่ทำให้สัตว์อสูรไม่สามารถหนีไปได้

 

 

จิฮัดก้าวไปข้างหน้าและถือดาบยักษ์ไว้ที่สะโพก ส่วนอบีตเองก็ลดตัวลง

 

 

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ช่วงเวลาแห่งความเงียบเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง

 

 

ฝั่งอบีตชิงลงมือเคลื่อนไหวก่อน ขาทั้งสี่อันทรงพลังเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วใส่จิฮัด

 

 

กรามที่เปิดเข้าใกล้เพื่อฉีกร่างของจิฮัด แต่ก่อนที่ขากรรไกรจะจับตัวเขาไว้ เขาเหวี่ยงดาบยักษ์ที่เอาไว้ด้านข้าง

 

 

เคร้งงงงงง! เสียงสะท้อนของทั้งสองกระทบเข้าหากัน

 

 

มันเป็นฝ่ายสัตว์อสูรที่พยายามอย่างหนักเพื่อบดขยี้จิฮัด แต่จิฮัดก็รับมันไว้ได้อย่างชิวๆ

 

 

ดาบนยักษ์ของจิฮัดนั้นป้องกันเขี้ยวของสัตว์อสูรที่กัดและตัดเกราะเหล็กได้อย่างง่ายดาย

 

 

 พ่อหนุ่มดาบยักษ์   “เขี้ยวใหญ่”

 

 

ดาบยาวที่มีขนาดมหึมาที่สูงกว่าความสูงของร่างกายซึ่งกลายเป็นชื่อเล่นของจิฮัด

 

 

ดาบที่สร้างจากโลหะหายากจำนวนมากที่ถูกเรียกว่า “ทังกราโด้(タングラード)” เป็นดาบคู่ใจที่ช่วยให้เขาจัดการกับการรุกรานเมื่อสิบปีก่อน

 

 

ดาบที่เป็นดั่งอัญมณีไม่หักไม่งอได้โดยง่าย แต่ยังใช้เทคนิคเสริมความแข็งแกร่งของพวก “โทวโฮว” ซึ่งทำให้ตัวดาบนั้นมีความหนาและบางมาก

 

 

อย่างไรก็ตามน้ำหนักของมันนั้นโครตหนัก จึงเป็นดาบที่สร้างขึ้นเพื่อเขาเพียงคนเดียว

 

 

แม้ว่าจะสร้างดาบธรรมดาจากโลหะนี้ น้ำหนักก็จะมากกว่าเหล็กกล้าสองเท่า ดาบขนาดที่ใหญ่แถมสูงกว่าคนทั่วไปมันไม่ใช่สิ่งที่จะหยิบมาใช้กันได้ง่ายๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม จิฮัดนั้นเป็นคนเดียวที่ใช้ดาบยักษ์ขนาดนี้เพราะความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เหนือล้ำเสริมกับสกิลทำให้ใ้ชดาบยักษ์ได้อย่างคล่องแคล่ว

 

 

 

「ฟู่ววววว……」

 

จิฮัดหายใจออกสั้นๆ พยายามทำเค้นพลังจากทั่วร่างจนเส้นเลือดโผล่มาทั่วทั้งร่าง

 

 

ความสมดุลนั้นได้พังทลายและเห็นได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังเยอะกว่ามาก

 

 

 

「กร๊ากกกกกกกกก!?」

 

อบีตพยายามต้านกลับ บางทีเพราะแปลกใจที่โดนมนุษย์เพียงคนเดียวต้านทานมันได้

 

 

 

「ฟู่วววววววว!」

 

ในขณะนั้นเองจิฮัดถอยหลังไปครึ่งก้าว ผ่อนกำลังจากแขนทั้งสองข้าง และเบนร่างกาย

 

 

อบีตนั้นโจมตีวืดเพราะจู่ๆเป้าหมายก็ปล่อยพลังออกกะทันหัน

 

 

เพราะเป็นสัตว์สี่ขาก็เลยไม่เสียสมดุล แต่หากอีกฝ่ายผ่อนกำลังมากเกินไปก็จะจบด้วยการที่แรงทั้งหมดถูกทุ่มไปที่ขาหน้า

 

 

 

「ฟู่วววว!」

 

จิฮัดไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดรอดไป เขาก้าวเท้าออกไปทางด้านหลังและดาบยักษ์ก็ฟาดไปที่ด้านข้างของศัตรู

 

 

ใบมีดขนาดใหญ่ฟันเข้าไปในร่างของอบีตและตัดกล้ามเนื้อที่พยายามสร้างตัวใหม่และบดขยี้กระดูกของมัน

 

 

สัตว์อสูรปลิวออกไปอีกครั้ง และถูกกระแทกกับกำแพงอยู่หลายครั้ง แต่จิฮัดก็เข้าไปใกล้

 

「ย๊ากกกกกกกกกก!!」

 

จิฮัดเหวี่ยงดาบลงด้วยมือทั้งสองข้าง

 

 

การโจมตีครั้งก่อนได้ทำลายขาหน้าข้างหนึ่งของสัตว์อสูรสีดำ แต่เพราะมันคือสัตว์อสูรที่มีพลังในการฟื้นฟู เขาจึงไม่ยอมให้มันได้ทันได้ฟื้นฟูเด็ดขาด

 

 

ดังนั้น การโจมตีของจิฮัดไม่ได้จบลงที่สองสามครั้งแต่ซ้ำมันไปเรื่อยๆ

 

「ฮึก ! ย๊าห์!」

 

อย่างไรก็ตามจิฮัดที่โจมตีอย่างดุเดือดก็เหมือนกับกำลังทำอาหารอยู่ยังไงก็ไม่รู้

 

 

บางครั้งก็ละเอียดอ่อนและบางครั้งก็รุนแรง ความจริงที่ว่าสามารถขยับดาบยักษ์ได้โดยไม่เหนื่อยล้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีดีแค่พลัง

 

 

แม้ว่าจะฟาดใส่กันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่จิฮัดคิดว่าไม่ควรจะใช้เวลาเยอะมาก

 

 

 

「ฟู่ววววววว!!」

 

ดาบยักษ์ที่เหวี่ยงขึ้นอย่างรุนแรงและหางที่เข้ามาปัดป้องก็กระเด็นไปด้านข้าง

 

 

อย่างไรก็ตามหากอีกอันก็เข้ามาโจมตีในทิศทางตรงกันข้าม

 

 

จิฮัดทำให้ร่างกายของเขาแข็งดุจหินผาพร้อมกับปลุกพลังไปทั่วทั้งร่าง

 

 

 

「ฮ่าหหหหหหหหหหหหห์!!」

 

ขณะเหวี่ยงดาบยักษ์ขึ้นไป และบิดตัว การเคลื่อนไหวแบบหมุนก็เริ่มผ่านร่างยักษ์นั่น

 

 

ในเวลาต่อมาดาบยักษ์ก็ถูกเหวี่ยงลงมาทันทีพร้อมกับใบมีดที่ถูกหมุนกลับด้าน

 

 

ได้ยินเสียงคำรามและเศษพื้นหินที่ถูกบดขยี้รอยไปในอากาศพร้อมกับหางของสัตว์อสูรที่ถูกตัดออก

 

 

พร้อมกับเลือดสีดำที่กระฉุดออกมา เสียงอันแสนเจ็บปวดของสัตว์อสูรดังก้องไปทั่ว

 

 

 

「กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!」

 

อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดจากหากที่ถูกตัดทิ้งนั้นถูกกัดกินไปทั่วร่างและพยายามเหวี่ยงหางข้างอื่นใส่จิฮัด

 

 

อย่างไรก็ตามมันก็โดนตัดขาดอย่างสมบูรณ์

 

 

ขณะที่จ้องมองหางของมันตกลงพื้น สัตว์อสูรยังคงคำรามออกมาด้วยความแค้น

 

 

ความสามารถนั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทางเดียวที่จะหนีคือข้างหลังศัตรูตัวฉกาจ

 

 

หางที่ถูกตัดออกเริ่มงอกขึ้นมาใหม่ แต่ศัตรูตรงหน้าไม่ยอมปล่อย

 

 

ราวกับว่ามันรู้ว่าเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ได้ ก็พยายามจะหนีไม่ก็ทำให้ศัตรูตรงหน้าบาดเจ็บ

 

「ก๊าาาาาาาาาาาาาาาา!!」

 

เสียงคำรามที่บีบอัดไปด้วยพลังชีวิตของมัน จิฮัดจ้องมองสัตว์อสูรตรงหน้าด้วยความเงียบงัน

 

 

ปลุก คิให้ไหลไปทั่วทั้งร่างกาย

 

 

พลังงานจำนวนมากถูกปลดปล่อยจากร่างของจิฮัด แต่ยังรวมถึง “เขี้ยว” ขนาดใหญ่ด้วย

 

 

อบีตกระโดดและพยายามบดขยี้จิฮัดด้วยร่างกายอันใหญ่โต

 

 

อย่างไรก็ตาม เขี้ยวของสัตว์อสูรนั้นช้ากว่าที่จะจับร่างกายของจิฮัดและดาบยักษ์ก็ถูกฟาดออกไปด้วยแรงมหาศาล

 

 

ดาบขนาดยักษ์ฟันผ่านร่างของอบีต ฟันกรามข้างหนึ่งจากซ้ายไปขวาและตัดมันทั้งๆอย่างนั้น

 

 

ร่างของสัตว์อสูรถูกผ่าครึ่งและตายในทันที

 

 

จิฮัดที่เหวี่ยงดาบออกไปก็ลังเลอยู่เล็กน้อยและถอนหายใจ

 

 

อย่างไรก็ตาม ดวงตาสีแดงเข้มของสัตว์อสูรนั้นส่องประกายเจิดจ้า

 

 

 

「กาโออออออออออ!」

 

「หะ!」

 

วินาทีถัดมาครึ่งตัวของสัตว์อสูรที่ถูกแบ่งแยกออกกำลังกระโดดไปที่ทางออกของห้องทดลอง จิฮัดพยายามหยิบดาบเพื่อหยุดมันทันที แต่อีกครึ่งหนึ่งก็กระโดดเข้าหาเขา

 

 

 

「หนอยย!」

 

จิฮัดเดาะลิ้นขณะที่พยายามไปจับครึ่งตัวที่หลุด อีกครึ่งตัวมันก็มาขวางไว้อีก

 

 

ในขณะเดียวกันครึ่งร่างก็วิ่งไปที่ทางออก

 

 

ทหารต่างประหลาดใจกับสัตว์อสูรสีดำที่โผล่ออกมาอย่างไรก็ตามมีทหารคนหนึ่งกระโดดออกมาด้านหน้าสัตว์อสูร

 

 

 

「หยุดซะ ! ไม่ยอมให้แกผ่านที่นี่ไปหรอก!!」

 

เสียงตะโกนของเขาตะโกนใส่เพื่อนร่วมงานที่รออยู่ที่ทางออก

 

 

พวกทหารต่างเริ่มกลับมา

 

 

พวกเขาถือโล่และสร้างกำแพงขนาดใหญ่ป้องกันทางหนี

 

 

 

「กร๊าาาาาาาาาาาาาาาาก!!」

 

ได้ยินเสียงคำรามของมันและมันพุ่งเข้าชนกำแพงทหาร

 

 

ทหารถูกผลักดันออกไปและเขี้ยวของสัตว์อสูรก็เจาะร่างของชายที่กระโดดออกมาด้านหน้า

 

 

 

「อั่กกกกกกกก!!」

 

ทหารที่ถูกกัดแขนและลำตัวส่งเสียงกรีดร้องออกมา

 

 

อย่างไรก็ตาม เขากัดฟันแน่นและพยายามพลักดันสัตว์อสูรออกไป

 

 

 

「กร๊ากกกกกกกกกกกกก……!」

 

แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ครึ่งตัวของมัน แต่ก็เป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลัง

 

 

ทหารที่เดินไปรอบๆก็แทงไปที่ร่างของสัตว์อสูร

 

 

ดาบที่ถูกแทงเข้าไปทำให้มันเริ่มกรีดร้องออกมา

 

 

 

「กั่ก กาโออออออ!!」

 

「ตอนนี้แหละ ! ดันมันกลับไปซะ!」

 

ตอนนั้นเองแรงกดดันที่ดันโล่อยู่ก็ลดลง

 

 

ทหารที่ได้พลังกลับมาก็พยายามดันสัตว์อสูรกลับไป

 

 

ตัวมันเดินโซเซและถอยหลังไปถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ยอมแพ้และเงาขนาดใหญ่ก็เข้าปกคลุมสัตว์อสูร

 

 

ดวงตาสีแดงที่ถูกจับได้คือดาบยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงมาทางด้านหลังและอำนาจการทำลายล้างมันก็ยิ่งกว่ากิโยติน

 

 

ที่เท้าของจิฮัดจะเห็นได้ว่าอีกส่วนโดนจัดการไปแล้ว ทันทีที่มันเห็นร่างของจิฮัดร่างกายก็ราวกับเป็นอัมพาต

 

 

จิฮัดนั้นปล่อยจิตสังหารอย่างรุนแรงออกมาเพราะเห็นลูกน้องเขาบาดเจ็บ มันทำให้นึกถึงโศกนาฏกรรมเมื่อ 10 ปี ก่อน

 

「ตายไปซะเหอะมึง……」

 

จากนั้นเองก็ฟันใส่ร่างของอบีตลงอย่างรุนแรงโดยไม่ให้มันเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

 

「ไม่เป็นไร!?」

 

จิฮัดที่เห็นสัตว์อสูรถูกจัดการไปแล้วก็รีบเข้าหาลูกน้องของเขา

 

 

ทหารที่ถูกสัตว์อสูรกัดกำลังนั่งอยู่บนพื้น และเลือดก็ไหลไม่หยุด

 

「อ่าาา…..จบแล้วสินะครับ」

 

แม้ว่าเลือดจะไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ว่าก็ยังมีสติอยู่

 

 

จิฮัดลูบอกเมื่อได้ยินคำตอบ

 

 

นอกเหนือจากป่าแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถาบันวิจัย จึงมีสถานพยาบาลรองรับอยู่

 

 

อันที่จริงที่พวกแพทย์เข้ามาพร้อมกับเครื่องมือหน้าทางเข้าห้องแล้ว หากได้รับการรักษายังไงก็รอด

 

 

จิฮัดมอบหมายลูกน้องของเขาให้กับเหล่าแพทย์ และสั่งให้ทหารที่เหลือไปรายงานต่อทอร์เกรนและหันไปมองซากอบีตที่โดนโค่นลง

 

 

ร่างของสัตว์อสูรสีดำเริ่มทรุดตัวลงและกลายเป็นสภาพเดียวกับก่อนที่มาก่อนหน้านี้

 

 

อย่างไรก็ตาม ไร้ซึ่งความกดดันใดๆอีกแล้ว

 

 

 

「ท่านจิฮัด!」

 

ทอร์เกรนที่ได้ยินรายงานก็รีบวิ่งเข้ามา

 

 

ถามว่าจบแล้วเหรอ?

 

 

สัตว์อสูรที่กลายเป็นก้อนเนื้อนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว และไม่มีวี่แววของพลังชีวิตหลงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม หากดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เป็นความจริงที่ว่าการทดลองไม่ได้จบลงอย่างสวยงาม

 

 

ขณะที่จ้องมองลงไปที่ศพของอบีต หัวใจของจิฮัดก็มีคำถามมากมายไม่รู้จบ

 

 

 

ยาวแค่ไหนถามใจเธอดู ~ดูจำนวนหน้านะครับ ขนาดตัวอักษร 12 เท่านั้น  ดูเอานะครับว่ายาวแค่ไหน ผมแปลตั้งแต่บ่าย 3 ยัน 2 ทุ่ม นี่เพียงแค่ “ตอนเดียว” เท่านั้น เป็นนิยายที่มีตอนนึงยาวที่สุดเท่าที่เคยแปลมาเลย และจำนวนคำก็ไม่ใช่น้อยๆ เกือบ 10000คำ หัวจะปวด 

 

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *