[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 17 บทที่ 2 8

Now you are reading [นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” Chapter 17 บทที่ 2 8 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่2ตอนที่8

 หลังจากที่บอกลากันแล้วโนโซมุกับมาร์ก็มาที่ “เรือนร่างของโค”…………

「ทำอะไรอยู่น่ะ! พี่ชาย!!」

มาร์โดนอิน่าเทศนาอีกครั้ง เพราะเขากลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดนั่นเลยโดนอิน่าเข้าใจผิด โนโซมุเลยบอกแค่ว่าเขาโกรธทิม่าเฉยๆ

「พี่ชายของเธอชอบแกล้งคนอื่นตลอดเลยล่ะ!!」

「………………หุบปากน่า! แกเองก็ไปยุ่งไม่เข้าเรื่อง! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแกสักหน่อย!!」

「พูดอะไรกันอยู่เหรอ!นี่ไปสร้างปัญหาให้คุณฮันนะกับเพื่อนๆมาอีกแล้วรึไงกันคะ!」

「…………คือว่า……」

การทะเลาะกันของทั้งสองเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นและโนโซมุก็หลุดวงสนทนาไปแล้ว

「ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ สองคนนี้ก็เป็นแบบนี้ทุกวันนั่นล่ะ」

「ฮันนะซัง」

ฮันนะเจ้าของ “เรือนร่างของโค” เสิร์ฟอาหารบนโต๊ะและนมแก้วหนึ่งให้โนโซมุและพูดว่าสองคนนี้ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะ

「สำหรับทั้งสองคนแล้วน่ะน้า การทะเลาะกันนี่ก็เหมือนการชิงดีชิงเด่นกันนั่นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาปกติเองแหละจ้ะ」

เมื่อมองไปภายในบาร์แล้วลูกค้าท่านอื่นๆก็หัวเราะออกมากับท่าทางของทั้งสองคน

เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

「พี่ชายของเธอที่ทำแบบนั้นบางทีอาจจะเพราะตกหลุกรักทิม่าซังก็ได้นะ!? เห็นไหมล่ะว่าหมอนี่มันร้ายขนาดไหนน่ะ!!」

「เห้ยๆเข้าใจผิดกันไปใหญ่ล่ะ! อย่าคิดเองเออเองแบบนั้นสิฟะ!!」

การแลกฝีปากกันก็ยังคงดำเนินต่อไป ส่วนโนโซมุก็ทำอะไรไม่ได้

ทั่วทั้งโรงแรมต่างสั่นสะเสือนเพราะเสียงทะเลาะของทั้งสอง เสียงมันดังถึงระดับนั้นเลยล่ะ

(แต่ว่านะคือว่าคุณลูกค้าไม่รำคาญกันเหรอครับ……………)

แม้จะมีสถานการณ์อันแสนรุนแรงตรงหน้าเกิดขึ้นแต่ลูกค้าก็ไม่สนใจ ราวกับกำลังสนุกที่เห็นพี่น้องสองคนนี้ทะเลาะกัน

 สิ่งที่แปลกไปยิ่งกว่านั้นก็คือการที่คนแถบๆนี้ เฉยชากับเรื่องเล่านี้ของสองพี่น้องและเรียกมันว่า “ก็ปกตินี่” ไปแล้วนั่นเอง…………。

◇◆◇

 ตู้มม!!!!

ขณะที่โนโซมุมองไปรอบๆอย่างตกตะลึงก็ได้ยินเสียงดังขึ้นระหว่างสองคนนั้น

(อะไรล่ะนั่น!!)

โนโซมุรีบหันไปมองตามทิศทางของเสียงก็พบกับอิน่าที่ยกเก้าอี้ของเคาน์เตอร์กระแทกกับพื้น

「ฮะ เฮ้ยคิดจะทำอะไรของเธอเนี่ย!!」

「ก็พี่ชายพูดเท่าไรก็ไม่ยอมฟังสักที! ถ้ารู้งี้แต่แรกไม่เปลืองน้ำลายพูดด้วยและลงมือซะก็สิ้นเรื่อง!! เตรียมตัวไว้ซะเถอะนะ!!」

อิน่าจับขาของเก้าอี้ไว้ทั้งสองข้างและดวงตาสีฟ้าของเธอนั้นส่องประกายแปลกๆ

「ย่าหหหหหหหหหหหห์!」

อิน่าฟาดเก้าอี้ไปที่หัวของมาร์ แต่ว่ามาร์ก็หลบด้วยความเร็วสูง แต่ใบหน้าของเขานั้นตกใจเป็นอย่างมากเกือบจะโดนเก้าอี้นั่นฟาดใส่หัวจนสลบแล้ว

「นะนี่ คิดจะฆ่ากันเลยรึไง!! ถ้าช้ากว่านี้นิดเดียวหัวข้าแตกไปแล้วนะเห้ย!!」

เมื่อโนโซมุจ้องมองดีๆก็เห็นมาร์ใช้เสริมพลังกายโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว

(…………ดะเดี๋ยวก่อนนะมาร์ใช้เสริมพลังกายเพื่อหลบการโจมตีเลยงั้นเหรอ?)

โนโซมุเองก็รู้สึกแปลกๆจึงหันไปมองทาง อิน่าแต่ก็พบว่าเธอใช้เสริมพลังกายเฉกเช่นเดียวกัน

(…………เห้ย?ข้าได้ยินมาว่าอิน่าไม่เคยฝึกต่อสู้มาก่อนไม่ใช่เหรอแล้วไหงใช้เสริมพลังกายได้ละนั่น?)

อย่างไรก็ตามฮันนะแลคนอื่นๆบอกว่าอิน่าไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้แต่บางทีเธออาจจะได้เชื้อสายมาจากมาร์ก็เลยทำให้ใช้เสริมพลังกายโดยไม่รู้ตัว

 …………หรือข้าควรจะบอกเขาดีว่าการทำลายคนในครอบครัวด้วยการเสริมพลังกายเนี่ยมันรุนแรงเกินไปนะ

(แม้ว่าสำหรับข้าอาจจะแค่หมดสติ แต่สำหรับมาร์ที่ไม่ได้รับการฝึกหนักเท่าข้าอาจจะหม่องก็ได้นะ…………)

「ดะดะดะเดี๋ยวก่อนนะ! เธอเองเป็นคนสอนข้าเองไม่ใช่เหรอว่าอย่าใช้ความรุนแรงน่ะ!!」

(อืม……ก็เป็นคำอ้อนวอนที่ดีสำหรับมาร์ที่กำลังจะโดนน้องสาวฆ่าตายละนะ………)

มาร์พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

อิน่าที่อายุแค่ 14 ปีและไม่สูงเท่าไรนัก แต่ว่ากลับเอาชนะพี่ชายคนนี้ เอาชนะมาร์ผู้ที่เป็นนักเรียน แรงค์ B ได้อย่างหน้าตาเฉย

ข้าคิดว่าสถานการณ์มันเริ่มแย่ลงข้าต้องช่วยแล้วล่ะ

「เอ่อ คือ อิน่าจัง แบบนี้มันก็เกินไปหน่อยนะครับ…………」

「ได้โปรดอย่ามารบกวนตอนนี้ได้ไหมคะคุณโนโซมุ!นี่เป็นวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งพี่ชายที่แสนงี่เง่าได้! บางทีเพราะคุณเป็นคนดีก็เลยไม่ชินกับเรื่องแบบนี้เท่าไรสินะคะ!!」

「ไม่ไม่ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ!ถึงตัวมาร์จะทำตัวงี่เง่าแค่ไหนก็เถอะครับ! แต่ว่าใจเย็นๆเถอะนะ!!」

เมื่อโนโซมุพยายามปลอบอิน่าที่กำลังเดือดอยู่ มาร์เองก็ส่ายหัวขึ้นลงอย่างรุนแรง มาร์เองก็รู้ว่าตอนนี้อิน่าหงุดหงิดมากๆ

「เปล่าประโยชน์! ถ้าฉันไม่จัดการพี่ชายในตอนนี้เรื่องมันจะบานปลายเข้าไปใหญ่ค่ะ!!」

(ไม่ใช่แล้วโว้ย!ข้ามั่นใจแน่ๆถ้าเธอทำแบบนั้นได้เสียใจภายหลังแน่ๆล่ะ!!)

อิน่าที่พยายามจะกระโดดไปฟาดมาร์นั้นถูกโนโซมุรั้งตัวไว้จากด้านหลัง แต่โนโซมุเองก็ต้องถึงกับสั่นเพราะเสริมพลังกายของอิน่าไม่ใช่เล่นๆเลย

(หะเห้ย แกร่งเกินไปแล้ว!!)

โนโซมุเองก็รีบใช้เสริมพลังกายโดยทันที แต่อิน่าที่ใช้เสริมพลังกายโดยไม่รู้ตัวนั้นผลมันรุนแรงกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามมาร์นั้นติดอยู่กับมุมห้องด้วยท่าทางหวาดกลัว

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นภาพที่เหมือนกับสามีภรรยาทะเลาะกันโดยมีลูกสาวมาห้ามปรามไว้

ไม่จำเป็นต้องพูดตัวสามีเป็นอิน่าแน่นอน ส่วนภรรยาคือมาร์ และลูกสาวที่พยายามจะหยุดยั้งคือโนโซมุ

ลูกค้าที่กำลังนั่งดูอยู่นั่นก็หัวเราะออกมา

เอ่อสำหรับข้าแล้วทำแบบนี้มันไม่ถูก แต่ตรงหน้าเรียกได้ว่าเป็นตลกคาเฟ่ก็ได้นะ

◇◆◇

 อย่างไรก็ตามสองคนนี้มีปัญหากันค่อนข้างรุนแรง………………。

ในตอนท้ายของตลกคาเฟ่นั่นเองเป็นมาร์ที่โดนเก้าอี้อิน่าฟาดไปในที่สุด อย่างไรก็ตามโนโซมุก็พยายามจะผ่อนแรงให้มาร์โดนเบาที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตาย แค่เป็นลมและถูกฮันนะลากไปที่ห้อง

 

นี่กะจะฆ่ามาร์………โดยไม่ให้ผุดได้เกิดเลยรึ?อิน่าเองก็กลับมาให้บริการกับเหล่าลูกค้าตามปกติ

 

(……เอ่อ ทางที่ดีอย่าไปทำให้อิน่าจังโกรธจะดีกว่านะ…………)

 

ด้วยการเสียสละอันล้ำค่าของเพื่อนแสนสำคัญโนโซมุเข้าใจดีแล้วว่า มีกฏเหล็กถูกตราตรึงไว้ในจิตใจว่าอย่าทำให้อิน่าโกรธเด็ดขาด

 

……อย่างไรก็ตามหากแก้ปัญหาของมาร์ได้ ตัวข้าเองก็ได้กำไรด้วยละนะ…………

ในที่สุดความวุ่นวายก็หยุดลงและโนโซมุเองก็ถอนหายใจพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้

แทนที่ลูกค้าจะแห่กันกลับ ลูกค้ากลับชอบใจเพราะอยากเข้ามาดูมวยของสองคนนี้จนร้านเกือบเต็ม มีเพียงโต๊ะของโนโซมุที่ว่าง

 

(คนที่อยู่แถวนี้จะเฉยชาจนแข็งแกร่งเกินไปละ……)

 

เมื่อโนโซมุคิดเช่นนั้นก็มีลูกค้าใหม่เปิดประตูร้านเข้ามา

 

「อะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ “เรือนร่างของโค”ค่ะ!」

 

อิน่ากล่าวต้อนรับแขกคนใหม่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง เธอให้การต้อนรับกับแขกอย่างดี

 

(……อิน่าจังก็คงผ่านเรื่องลำบากมาเยอะสินะ…………)

 

เมื่อโนโซมุเห็นเช่นนั้นก็ประทับใจแต่เมื่อโนโซมุเห็นลูกค้าที่เข้ามานั้นก็หน้าตึงทันที

 

「นี่เคน ร้านนี้น่ะเหรอ?」

 

「ใช่แล้วร้านนี้แหละที่เคยบอก อาหารอร่อยมากเลยล่ะ」

 

เป็นลิซ่ากับเคนเองที่เข้ามา

 

「เอ่อขอโทษนะคะตอนนี้เก้าอี้ที่ว่างอยู่เต็มไปหมดแล้วค่ะ ถ้ายังไงรบกวนนั่งแชร์โต๊ะกับลูกค้าคนอื่นได้ไหมคะ?」

 

「อืมมมก็ไม่รังเกียจหรอกนะ?ลิซ่าล่ะ」

 

「อืม ไม่เป็นไรหรอก」

 

「ขอบคุณมากค่ะ ถ้างั้นเชิญทั้งสองทางนี้ค่ะ」

 

อิน่าพูดเช่นนั้น เธอก็มาทางนี้พร้อมกับพวกเขา ตอนนั้นเองที่พวกเขาเห็นโนโซมุก็ส่งเสียงตกใจออกมา

 

 

「นั่นมัน?โนโซมุ?」

 

「!!」

 

ทันใดนั้นเองดวงตาของทั้งสามก็จับจ้องกัน ลิซ่านั้นระแวงตัวในทันที

 

「…………งะไง」

 

โนโซมุพยายามทักทายแต่ว่าน้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างมาก

 

「เอ่อ ไม่ทราบว่ารู้จักคุณโนโซมุด้วยเหรอคะ?」

 

「อะ อืม เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันน่ะ…………」

 

「เอ๋………งั้นเหรอคะ? แล้วจะเป็นอะไรไหมคะถ้าจะแชร์โต๊ะกัน…………?」

 

「อืม……ไม่มีปัญหาหรอกนะ…………」

 

อิน่าเองก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบๆนั้นเปลี่ยนไปในทันทีตอนที่ข้าเจอกับเพื่อนสมัยเด็ก แต่โนโซมุก็ยังยอมให้นั่งด้วยกันเพราะที่นั่งอื่นไม่ว่างแล้ว

 

「อะ เอ่อ…แน่ใจนะคะคุณลูกค้า?」

 

「เอ่อผมเองก็ไม่รังเกียจหรอกครับ……」

 

「……………อืม……」

 

เคนตอบขณะที่จ้องมองลิซ่า ลิซ่าเองก็ตอบตกลง

 

ทั้งสามคนนั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันบรรยากาศค่อนข้างแย่มาก ขณะที่โนโซมุนึกย้อนกลับไปถึงตัวเองอีกครั้ง

 

 

 

ก่อนเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นพวกเราสามคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ

ทั้งโรงเรียนเอย ทั้งเรื่องของครอบครัวที่บ้านเกิด ทั้งความฝัน

ลิซ่าอยากจะเป็นนักผจญภัยมาโดยตลอด ดังนั้นข้าก็เลยต้องไปด้วยกันกับลิซ่าและเคนอย่างช่วยไม่ได้  

 

ตอนนั้นเองพวกเราเองก็ไม่มีความเคลือบแคลงใจกันแม้แต่น้อยที่จะอยู่ด้วยกัน ถึงแม้สถานะมันจะดูยากลำบากก็ตามที

 

แต่ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้วเป็นข้าเองที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง

ตอนนั้นเองข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมลิซ่าถึงทิ้งข้าไป

ลิซ่ายังคงแสดงท่าทีรังเกียจใส่ข้า ไม่มีรอยยิ้มดั่งแสงอาทิตย์เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป มีแต่ความโกรธเกรี้ยวนั่นแสดงอยู่บนใบหน้า

ข้าที่เห็นเช่นนั้นก็พูดอะไรไม่ออก

 

「เอ่อโนโซมุนายเองก็มาที่ร้านนี้บ่อยเหรอ?」

 

เคนพูดกับข้า น้ำเสียงไม่ได้แสดงท่าทีเกลียดชังและข้าก็ค่อนข้างดีใจเพราะไม่รู้จะสู้หน้าลิซ่ายังไงดี

ถึงจะรู้ตัวดีว่าหนีมาตลอดก็เถอะ แต่ว่าอย่างน้อยขอให้ได้คุยกันสักนิดก็ยังดี

 

「อืม ก็มาบ่อยนั่นล่ะนะ ก็เพื่อนของข้าและญาติของเขาทำงานอยู่ที่นี่เจ้าของโรงแรมและก็น้องสาวของหมอนั่น」

 

「อืม ยังไงก็ตามผมได้ยินมาว่าที่นี่มีอาหารอร่อยๆอยู่ด้วย มันคืออะไรงั้นเหรอ?」

 

ข้านึกถึงเนื้อกระต่ายที่ฮันนะทำให้ทาน น้ำกราวี่ไหลเยิ้มทั่วเนื้อสุกสีน้ำตาล  

 

「อืมนั่นสินะ ตั้งตารอไว้ได้เลยมันอร่อยมาก」

 

「งั้นเหรอเนี่ย! ถ้างั้นก็ดีเลย เพราะเพื่อนผมเองก็แนะนำมาว่ามันอร่อยมากเหมือนกัน ก็เลยชวนลิซ่ามาทานด้วยกัน ดูเหมือนว่าจะหวังได้สินะ」

 

「…………อืม………ก็ดีละนะ……」

 

คำพูดของเคนที่บอกว่า “ทานด้วยกันกับลิซ่า”มันช่างปวดใจยิ่งนัก ข้ารู้สึกแบบนั้นตั้งแต่ที่เคนมาเดทกับลิซ่าแล้วล่ะ

 

เธอที่ยืนเคียงข้างเคน

 

เธอที่ยิ้มให้เคน

 

และตอนที่เธอต่อสู้ร่วมกันกับเคน

 

เธอเองดูท่าทางจะไว้ใจในตัวเคนมาก ราวกับจะไม่แยกจากกัน

 

 …………เป็นตัวข้าที่หนีการฝึก อดีตของข้าที่ไม่สามารถเติมเต็มให้เธอได้

 

 

 

หลับตาซะ ทำเป็นมองไม่เห็นเธอที่อยู่ตรงนี้

 

 

 ……แต่คนๆนั้นก็ทำให้ข้าได้รู้ตัว

 

ตัวเธอที่เอาชีวิตของตัวเองมาเดิมพันและคอยบอกกับข้าว่า “อย่าหนีจากความจริง”

 

 และคอยสอนข้าว่า……“ถึงแม้ว่าเจ้าจะหนีความจริง แต่ก็จงอย่าได้ลืมซะล่ะ”

 

เมื่อข้าได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนจะยอมรับตัวตนอันแสนต่ำต้อยของตัวเองได้ แม้ว่าจะยังไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ แต่ขอให้ข้าได้เผชิญหน้ากับความจริงที่ตัวเองกำลังหนีอยู่

 

 

…………ดังนั้นข้าจึงถามเธออีกครั้ง“ทำไมกันล่ะ…………”

◇◆◇

「นี่ลิซ่า ทำไมเธอถึงได้ทิ้งข้าไป?」

「!!!!」

 

ลิซ่าเบิกตากว้างและมองต่ำลง ร่างกายของเธอสั่นไหวราวกับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

 

「โนโซมุ นั่นมัน…………」

 

เคนพยายามจะหยุดข้า แต่ว่าข้าไม่สนใจ ตัวข้าที่หนีความจริงมาตลอดรวมถึงเหตุผลที่ถูกทิ้งนั้นข้าอยากจะรู้

 

ข้าพยายามลิซ่าที่คอยหลบหน้าข้าตลอด ข้าพยายามเผชิญหน้ากับเธอมาตั้งหลายครั้ง

 

เพราะแบบนั้นทำให้ข้าก้าวเดินต่อไปไม่ได้สักที เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากจะรู้เหตุผลเพื่อที่ข้าจะได้ก้าวต่อไปได้ ข้าไม่อยากหยุดอยู่กับอดีตอีกต่อไปแล้ว

 

 

「นี่ ทำไมกันล่ะ「……อย่ามาทำตัวงี่เง่าหน่อยเลยน่า。」หะ」

 

「ก็บอกว่าอย่ามางี่เง่าหน่อยเลย!!!!!!!」

 

เธอตะโกนเช่นนั้นพร้อมกับทุบโต๊ะด้วยเสียงอันดังเธอเตะเก้าอี้และยืนขึ้น

 

「มันสายไปแล้ว!มันสายเกินจะแก้ตัวแล้ว!!เพราะฉะนั้นอย่ามางี่เง่า!!!!!」

 

ข้าไม่สามารถพูดอะไรได้ น้ำเสียงของเธอที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นอกเหนือกว่านั้นความเศร้าโศกนั่นก็ทำให้เธอน้ำตาไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

◇◆◇

 

 

สวนสาธารณะเมืองอาร์คาซัม ยามเที่ยงคืน มีเงาๆหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืด

 

「มากกว่านี้อีก」

 

เป็นชายแก่คนหนึ่งเขาแต่งตัวด้วยชุดพ่อบ้านสีดำและกำลังเล่นอะไรบางอย่างอยู่ในมือ มือนั่นสวมถุงมือสีขาวเอาไว้อยู่

 

「ถึงแม้ว่านายจะบอกเช่นนั้นก็เถอะนะขอรับ เขาบอกกับข้าว่าให้เอามันกลับบ้านไปด้วย……」

 

ขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงความขัดแย้งกับนายของตัวเอง เขาเบนสายตาไปยังมุมหนึ่งของเมทืองและเริ่มเดินพร้อมกับบ่นพึมพำ กลายเป็นชายชรารูปหนึ่ง

 

「……ไม่ชอบเลยนะขอรับกับการที่ต้องมาปลอมตัวห่วยๆนี่ ทั้งนี้ก็ขึ้นกับอีกฝ่าย ว่าจะทำเรื่องเล่านั้นได้อย่างสบายๆหรือไม่……」

 

 

ภายในเมืองนั้นถูกความมืดมิดกลืนกินไปและรายล้อมไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงกรงล้อแห่งโชคชะตาเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆในยามที่ผู้คนไม่เคลื่อนไหว…………。

 

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *