[นิยายแปล]グリード×グリード (Greed x Greed) 18
ตอนที่ 18
「อะไรกัน!?」
「……แกเป็นใคร !? ฉันน่าจะร่ายเวทย์สกัดกั้นไว้แล้วนี่……」
ขณะที่ตกใจจู่ๆก็มีกำแพงเพลิงปรากฏขึ้น มานะเองก็ยังคงพูดด้วยความใจเย็น
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
「ฮะฮะ นั่นเรียกว่าเวทย์งั้นเหรอ? อุ้ยตาย ถ้างั้นก็โดนชั้นยึดครองแล้วล่ะ ด้วยเหตุนี้เธอไม่ใช่เจ้าของบาเรียนี่อีกแล้ว」
「หะ! ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวเนี่ยนะ……」
ดูเหมือนว่าเวทย์บาเรียของมานะจะโดนพังทลายและโดนแทนที่แทบจะทันที
แน่นอนว่าเรื่องแบบนั้นทำได้ แต่เป็นเทคนิคชั้นสูง
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ สายตาของชายคนนั้นก็จ้องมาที่ชั้น
「แล้วก็…..แกสินะที่เป็นเจ้านายของจอมมาร」
ขณะที่แมมมอนอยู่ในร่างชั้น แต่ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะรู้เรื่องของชั้นเป็นอย่างดี
「นาย เป็นใครกันแน่……」
「ข้ามีนามว่าเลบอย ข้าจะพาเจ้าไปหานายของข้า เพราะตอนนี้นายของข้ากำลังหิวสุดๆไปเลยล่ะ」
ชายที่เรียกตัวเองว่าเลบอย ยื่นมือขวามาหาเรา และก็มีก้อนเปลวเพลิงพุ่งออกมาใส่พวกเรา
「ไร้ร่ายงั้นเหรอ!?」
「อึก……『เมจิกชิลด์(魔盾)』!」
เพื่อตอบสนองต่อเวทย์ไร้ร่ายมานะสร้างโล่เวทมนตร์ขึ้นมาทันทีและสกัดกั้นการโจมตีของเลบอย
เฮ้ยเฮ้ย เวทย์ไร้ร่ายเลยเรอะ……!
แม้ว่าจะเป็นเทคนิคชั้นสูง แต่ก็ไม่มีคนธรรมดาที่จะทำมันได้เลยนะ
ขณะที่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เลบอยก็ผิวปาก
「เฮ้อ~! กันได้งั้นเหรอเนี่ย เธอคนนี้เป็นผู้คุ้มกันจอมมารงั้นเหรอ?」
「ฮะ…..ผู้คุ้มกันจอมมารงั้นเหรอยะ อย่ามาล้อกันเล่นนะ――――『กระสุนวารี(水霊弾)』!」
มานะร่ายเวทย์และใช้เวทย์ที่ชั้นไม่รู้จัก สร้างกระสุนน้ำและยิงใส่เลบอย
「เฮ้ เฮ้……เวทย์ระดับต่ำแบบนั้นไม่มีทางได้ผลกับข้า! ……!?」
เลบอยใช้เวทย์ไฟ และโจมตีสวนมานะ แต่ว่ามันก็สูสี
ในขณะนั้นเองกระสุนน้ำก็ระเบิดและไอน้ำจำนวนมากก็ถูกสร้างขึ้นจากการระเบิด
จากนั้นไอน้ำก็ปกคุลมและปิดการมองเห็น
แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่ในเวลานี้เองเลบอยก็หายตัวไป มานะเองก็จ้องมองมาที่ชั้นขณะพูด
「……เดี๋ยวดิฉันจะทำลายกำแพงเพลิงนี้ออกไป ดังนั้นรีบหนีไปให้เร็วที่สุด」
「มานะ?」
「แม้ว่านายจะหนีไปแต่พวกนั้นก็อาจจะตามไปได้ ดังนั้น ฉันจะเป็นคนหยุดมันไว้เอง」
「……เข้าใจแล้ว」
ถึงแม้ชั้นอยู่ต่อไปแต่ก็ไม่สามารถช่วยมานะในการต่อสู้ได้ ถ้าทำแบบนั้นชั้นก็เป็นตัวถ่วง
ชั้นพยักหน้าตอบรับคำแนะนำของเธอ รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้และมานะก็พยักหน้า
「ก็อย่างที่บอกไป ทันทีที่ออกจากโรงงานร้าง ให้ติดต่อสาขาที่ห้าและเรียกขอความช่วยเหลือทันที」
「เข้าใจแล้ว」
งานของชั้นตอนนี้คือหนีออกไปจากที่นี่และขอความช่วยเหลือจากหน่วยต่อต้านมายา
หลังจากเราตกลงกันเสร็จ ไอน้ำก็ระเหยไปในทันที
「คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะดูฉลาดขึ้นงั้นเหรอ? คิดว่าไงล่ะ? ประชุมเพลิงเสร็จรึยัง?」
「ก็นะ ระหว่างที่รอไอน้ำจางก็ประชุมกันเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ」
เห็นได้ชัดว่ามานะจงใจสร้างไอน้ำขึ้นมา และดูเหมือนจะซื้่อเวลาได้สักพัก อาจเป็นเพราะพลังเวทย์
「……หนอยแน่ ถ้างั้นข้าเองก็จะเอาเจ้าไปด้วยเช่นกัน」
จากนั้น เลบอยก็โกรธจัดที่โดนมานะขัดขวาง
แต่……。
「ไม่มีทางปล่อยให้แกผ่านไปได้หรอก――――『คมดาบวารี(水刃)』!」
มานะเปิดใช้งานเวทย์อย่างรวดเร็วและปล่อยไปทางเลบอย
เป็นคมดาบน้ำและบินขนานไปกับพื้น
「นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม…ไม่มีทางหยุดข้าได้ด้วยการโจมตีกระจอกๆแบบนี้หรอก!」
เลบอยยิงเปลวเพลิงออกมาอีกกครั้ง
ในขณะนั้นมานะก็เปิดใช้งานเวทย์
「――――『ปืนใหญ่วิญญาณน้ำ(水霊砲)』!」
ยิงเลเซอร์ออกไปทางออกโรงงานทิศทางตรงกันข้ามกับที่เลบอยอยู่
เลเซอร์นั้นตัดผ่านกำแพงเพลิงสร้างทางออกให้ชั้น
「วิ่ง!」
「เข้าใจแล้ว!」
เมื่อได้รับสัญญาณจากมานะ ชั้นจึงวิ่งไปข้างนอกสุดกำลัง
เลบอยผงะไปชั่วครู่ขณะที่เห็นแผนการของพวกเรา
「แม้ว่าจะเป็นเจ้านายของจอมมาร แต่ก็ยังวิ่งหนีแบบนี้เนี่ยนะ…? ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้หนีไปหรอก!」
อย่างไรก็ตาม เลบอยเอามือวางไว้บนพื้น กำแพงไฟที่แยกออกก็เริ่มโหมกระหน่ำ กลายเป็นอสรพิษเพลิงสองตัวเข้ามาหาชั้นจากทั้งสองด้าน
「คู่ต่อสู้ของแกน่ะคือฉัน――――『มังกรวารี(水龍)』!」
มานะสร้างมังกรน้ำขึ้นมาสกัดกั้นการโจมตี
ด้วยเหตุนี้ ชั้นจึงหนีออกไปได้และไปที่สาขาห้าโดยเร็วที่สุด
「แฮ่ก แฮ่ก…….หมอนั่นเป็นใคร……!」
『น่าจะเป็นมือสังหารของเบลเซบับ』
แมมมอนตอบด้วยความเหนื่อยหน่ายกับชั้นที่กำลังตกใจ
การพูดขณะวิ่งต้องใช้พลังกายมหาศาล จึงเปลี่ยนมาคุยทางจิต
「(เบลเซบับ เจ้านายพวกหัวหมูงั้นเหรอ!)」
『ก็ใช่น่ะสิ นอกจากนี้ ชายคนนั้นยังทำพันธสัญญาปีศาจด้วย』
「(เอ๋?)」
『ชิ….ไม่รู้สิถ้าเป็นตัวข้าก่อนที่จะโดนปิดผนึกหมอนั่นไม่คณามือหรอก แต่ตอนนี้ข้ารับมือไม่ไหว……』
เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นทำพันธสัญญาปีศาจ
「(แล้วรู้ได้ไงว่าทำพันธสัญญา?)」
『ประการแรกเลย คุณภาพของพลังเวทย์ พลังเวทย์ที่สัมผัสได้มันมีพลังของปีศาจปนมาด้วย และเวทย์ที่ใช้น่ะ ไร้ร่ายใช่ไหม นั่นเองก็เป็นเวทย์ของเจ้าปีศาจ』
「(เข้าใจล่ะ……)」
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ใช่ไร้ร่ายของแท้ แต่เป็นของที่หยิบยืมมา ดังนั้นก็เหมือนกับพวกต้มตุ๋น
หากเป็นแบบนี้ พิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า มีความเป็นไปได้ที่ความสามารถดังกล่าวจะทำให้เวทย์ธาตุไฟใช้โดยไม่ต้องร่าย
มันไม่น่าจะใช่เทคนิคไร้ร่ายจริงๆ มีความเป็นไปได้อื่นที่จะใช้การโจมตีนอกเหนือจากธาตุไฟ
ชั้นกำลังวิ่งไปพร้อมกับวิเคราะห์พลังของเลบอย แต่อาจเป็นเพราะสงบสติลงได้ จึงมีเวลาสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบตัว
นั่นเป็นเหตุผลที่เจอเหตุการณ์แปลกๆ
「(อย่าบอกนะว่า……)」
『……มันมากันแล้ว』
แมมมอนบ่นออกมา แล้วชั้นก็รีบถอยห่าง
น่าแปลกที่ชั้นไม่รู้สึกถึงตัวตนของใครเลยในบริเวณนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ครั้งแรก
「(มีบาเรียงั้นเหรอ!)」
เพื่อที่จะรู้ว่าอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ก็เลยได้อ่านเกี่ยวกับพวกบาเรีย
มีบาเรียหลายประเภท ซึ่งหนึ่งในนั้นใช้ได้ผลเป็นประเภทพื้นที่ ใช้สกัดกั้นการรับรู้
และอีกอย่างคือบาเรียอันทรงพลังที่แยกบุคคลๆหนึ่งออกมาในมิติอื่นเหมือนครั้งที่แล้ว
กายทำลายบาเรียต้องใช้เทคนิคชั้นสูง และชั้นก็ทำลายมันเองไม่ได้
「แม้แต่แมมมอนเองก็ทำไม่ได้เหรอ?」
『ใช่ ตอนนี้ข้าไม่ได้มีพลังมากขนาดนั้น』
「แล้วเอาไง……」
『ก็เหมือนกับครั้งที่แล้ว ไอ้เจ้าเบลเซบับดูท่าจะเต็มที่กับข้าน่าดู』
「พูดได้น่าไม่อายเลยนะ」
แมมมอนล้อเลียนเบลเซบับ และชั้นเองก็ตบมุขกลับ
「อย่างงี้ก็ขอความช่วยเหลือไม่ได้……」
『สาวน้อยคนนั้นคงจะทำลายบาเรียนี่ได้』
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ต้องพึ่งมานะอีกแล้ว
เข้าใจว่าเป็นประเภทแยกออกจากมิติหนึ่ง แต่ชั้นไม่รู้ว่าจะมีอะไรอีกรึเปล่า
ตัวอย่างเช่นถ้าเป็นระดับสูงสุด มันสามารถเปลี่ยนการไหลเวียนของเวลาในบาเรียได้ ไม่ว่าจะใช้เวลาเป็นปีๆในบาเรีย แต่ด้านนอกกลับผ่านไปแค่ 1 วินาที
หากเป็นแบบนั้นสถานการณ์ตอนนี้ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น แต่จากที่อ่านเอกสารมา มีเพียงไม่กี่คนที่ทำได้และต้องเป็นผู้ทำสัญญากับคลาสเทพอีกด้วย
「นี่ คิดว่าบาเรียนี้ถูกใช้งานโดยเบลเซบับหรือเปล่า?」
『ไม่ สัมผัสพลังเวทย์ไม่ได้เลย นอกจากนี้หมอนั่นเกลียดบาเรียแบบนี้ และไม่คิดจะใช้มันด้วย』
ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมเบลเซบับถึงเกลียดบาเรีย แต่การที่รู้ว่าจอมมารไม่ได้ใช้ก็ถือว่าโชคช่วย
ถ้าเราสามารถซื้อเวลารอให้มานะมาช่วยได้
แต่……。
「ถึงวิ่งแบบนี้ต่อไปก็คง……」
『เปล่าประโยชน์น่า ก่อนอื่นเลยนะ แม่สาวคนนั้นแพ้แน่นอน』
「หาาาาาาา?」
『แม่สาวนั่นกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ』
「อ่อนแอ……?」
ทำไมถึงได้เป็นแบบนั้น
อย่างไรก็ตามแมมมอนที่รู้อะไร ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
นั่นไม่ใช่ประเด็น อย่างที่แมมมอนบอก ถ้าเธอเอาชนะไม่ได้เธอก็ช่วยชั้นไม่ได้
ตอนนี้มานะกำลังซื้อเวลาให้ชั้นอยู่ แต่ชั้นไม่มั่นใจว่าจะรอดได้ไหมหากมีคนตามมา
「ถ้างั้น…ไปร่วมมือกับมานะแล้วช่วยกันไม่ดีกว่าเหรอ……?」
ถ้ามานะคนเดียวไม่ไหว พวกเราก็แค่ช่วยกัน
……บอกตามตรงไม่อยากกลับไปหรอกนะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดชั้นเองก็ไม่อยากเสียเพื่อนร่วมงานไปเช่นกัน
หากพวกเราแพ้ทุกอย่างก็จบ
「……นี่ถ้ามานะและชั้นร่วมมือกันโอกาสชนะมีมากแค่ไหน?」
『อย่างน้อยโอกาสก็เยอะกว่าการหนีเข้าไปในบาเรียนี่』
「แล้วทำไมแกถึงดูใจเย็นขนาดนั้น……」
แม้ว่าชั้นจะหัวหมุนสุดๆ แต่แมมมอนยังคงสงบสติอารมณ์ได้
จากนั้นแมมอนก็หัวเราะออกมา
『แน่นอนข้าเองก็ว้าวุ่นไม่น้อย แต่ถ้าข้ารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครโอกาสรอดมันก็ไม่ใช่ศูนย์』
「นั่นเป็นวิธีเดียวในการเอาชนะสินะ?」
『แล้วเจ้าจะอวดเบ่งทำเพื่อ นี่เป็นผลงานข้านะ』
ไม่มีทางที่จะเอาชนะเลบอยหากไม่รู้จุดอ่อน
ดังนั้นชั้นควรจะหนีต่อไปหรือช่วยมานะ……。
คิดแล้วก็ตบแก้มสรุปผลแบบไม่ต้องคิด
「……ไปกันเถอะแมมมอน」
『หะ? จะไปหาแม่สาวน้อยคนนั้นน่ะเหรอ? จะต่อสู้กับเจ้านั่นจริงๆเรอะ?』
「ก็เออสิฟะ ถ้ามีโอกาสชนะมันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง」
『แม้ว่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็ต่ำเตี้ยมากเลยนะ?』
「ก็รู้อยู่หรอก แต่ว่ารู้จักคำนี้ไหม High Risk High Return?」
『แน่นอนสิฟะ』
「หากเป็นแบบนี้มันก็ต้องลองกันสักตั้ง」
ท้ายที่สุดแล้วอัตราต่อรองก็ยังคงเท่าเดิม แต่ก็ยังดีที่ว่ามีโอกาสชนะอยู่
เพราะงั้น……。
「ชั้นเองก็รู้สึกแย่เอามากๆที่ต้องทิ้งมานะไว้แบบนั้น」
『ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวก็น่าจะสบายเจ้าแล้วแท้ๆ』
「ใจจริงก็อยากทำแบบนั้น แต่ถ้ารู้ว่านางไม่มีโอกาสชนะ ชั้นก็ไม่อยากทิ้งไว้หรอก เพราะงั้นช่วยชั้นทำงานซะดีๆ」
ชั้นเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต้องขอบคุณการฝึกงานนี่
「ถ้างั้นพวกเราก็กลับไปหามานะกันเถอะ!」
『เฮ้อ…..ตามใจเจ้าเลยเหอะ』
「……อ่า แต่ว่าช่วยร่ายเวทย์ลบตัวตนให้ชั้นได้ไหม?」
ชั้นต้องการความปลอดภัยเป็นอันดับแรก!แมมมอนประหลาดใจที่ได้ยินชั้นพูดแบบนั้น
Comments