[นิยายแปล]グリード×グリード (Greed x Greed) 22

Now you are reading [นิยายแปล]グリード×グリード (Greed x Greed) Chapter 22 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 22

「นี่ต้มข้าซะเปื่อยเลยนะ โดนเข้าเต็มๆ」

 

 

「……ก็มีแต่คนโง่ล่ะว้าที่โดนหลอก」

 

 

 

 

 

 

เลบอยก้าวเข้ามาอย่างสบายใจ พร้อมกับชายอีกคนที่ไฟท่วมตัว

 

 

 

 

ร่างกายของชายคนนั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิง โดยถือหอกในมือขวา และศีรษะของใครบางคนในมือซ้าย

 

 

 

 

 

 

『อืม นั่น…….เอมี่สินะ』

 

 

 

 

 

 

แมมมอนดูเหมือนจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของชายคนนั้น

 

 

เสียงของแมมมอนแม้จะอยู่ในร่างของชั้น ก็ยังถูกเอมี่นั้นได้ยิน จากนั้นก็ก้มศีรษะด้วยความเคารพ

 

 

 

 

 

 

「เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จอมมารแห่งความโลภรู้จักชั้น」

 

 

『ฮื่ม ถ้ารู้จักข้าดีก็ควรจะถอยไปซะดีกว่านะ』

 

 

 

 

 

 

เอมี่ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวต่อแมมมอนที่ทำท่าทีเขม่นใส่

 

 

 

 

 

 

「น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้…นายของชั้นปรารถนาในตัวของท่าน และถึงแม้จะอ่อนแอ หากเอาชนะจอมมารได้ ก็ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เช่นกัน」

 

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าทั้งเลบอยและเอมี่ไม่คิดจะให้พวกเราหนี

 

 

 

 

 

 

『……คาเนะฮิโตะ ระวังตัวเอาไว้ หมอนั่นเป็นปีศาจระดับสูง เหตุผลที่เลบอยสามารถใช้เวทย์ไร้ร่ายได้ก็เพราะมีพันธสัญญากับเอมี่นั่นแหละ』

 

 

「ขอบคุณสำหรับการแนะนำ」

 

 

 

 

 

 

ดูเหมือนเอมี่จะคิดว่าตัวเองได้เปรียบจึงทำท่าทีผ่อนคลาย

 

 

 แต่……。

 

 

 

 

 

 

「ตอนนี้ก็รู้จักชั้นแล้วถ้างั้นก็เชิญไปพักผ่อนให้เต็มที่ซะ!」

 

 

『หลบซะ คาเนะฮิโตะ!』

 

 

「อึก!」

 

 

 

 

 

 

ชั้นใช้เวทย์เสริมพลังกายและโดดออกจากจุดนั้นทันที

 

 

วินาทีถัดมาเสาเพลิงผุดขึ้นจากที่ๆชั้นเคยยืนอยู่

 

 

 

 

 

 

「เหหหหห? ได้ยินมาว่าเจ้านายของจอมมารนั้นเป็นแค่สวะแท้ๆ แต่ดูท่าจะมีไหวพริบดีนะเนี่ย? ถ้าเช่นนั้นเจอแบบนี้ล่ะเป็นไง?」

 

 

 

 

 

 

เมื่อเอมี่ชี้หอกตรงมาที่ชั้น วงเวทย์หลายอันก็ปรากฏและหอกเพลิงก็บินมาทางนี้

 

 

 

 

 

 

「โกหกน่า!? ใช้เวทย์ไร้ร่ายได้จริงเรอะ!」

 

 

『หากมีเวลามาพล่ามขนาดนั้น ก็รีบๆหนีจากตรงนี้เร็วโว้ย!』

 

 

「รู้แล้วน่า!」

 

 

 

 

 

 

แน่นอนว่าไม่ยอมอยู่แบบนี้หรอก แต่เหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้กำลังแบกมานะอยู่จะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตาม ศัตรูนั้นมีสองคน

 

 

ชั้นเองก็ต้องสนใจการเคลื่อนไหวของเลบอยเช่นกัน

 

 

 

 

 

 

『ไม่ต้องสนใจเลบอย! หากเจ้านายอัญเชิญข้ารับใช้มาแล้วจะไม่สามารถใช้เวทย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือพระเจ้าก็ตาม!』

 

 

「เข้าใจล่ะ!」

 

 

 

 

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ จะเรียกได้ว่าความหวังเพิ่มขึ้นมาก็ได้

 

 

 

 

 

 

「ตามที่คาดไว้ สังเกตเห็นด้วยสินะว่าเลบอยไม่สามารถใช้เวทย์ได้ แต่แล้วมันจะยังไง!」

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้น กำแพงเพลิงก็ปรากฏรอบตัวชั้น

 

 

 และ……。

 

 

 

 

 

 

「เผามันซะ」

 

 

 

 

 

 

กำแพงเพลิงสูงเสียดฟ้าและเปลวเพลิงก็ถล่มลงมาที่ชั้นที่อยู่ใจกลาง

 

 

บ้าเอ้ย…..รสนิยมห่วยแตกชะมัด……!

 

 

ชั้นรีบแบกมานะที่อยู่ด้านหลังมาไว้ในอ้อมแขนทันที และพุ่งเข้าสู่กำแพงเพลิง

 

 

 

 

 

 

「อึก ร้อนโว้ย……!」

 

 

 

 

 

 

กำแพงเพลิงเผาไหม้หลังชั้นอย่างไร้ความปราณี

 

 

อย่างไรก็ตามหากยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งชั้นและมานะก็คงจะถูกไฟเผาทั้งตัว

 

 

แม้ว่าจะทะลุกำแพงออกมาแล้ว แต่ความเสียหายก็ไม่ใช่เล่นๆ

 

 

 

 

 

 

「อึก….มานะ ไม่เป็นไรนะ……!」

 

 

「อะอืม……」

 

 

 

 

 

 

แม้ว่าจะระวังไม่ให้มานะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป……!

 

 

ขณะที่ปรับตัวได้แล้ว เอมี่ก็เข้าหาชั้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย

 

 

 

 

 

 

「อ่าว เป็นอะไรไปจอมมารแห่งความโลภนี่มีดีแค่ชื่องั้นเหรอ?」

 

 

『……』

 

 

 

 

 

 

แมมมอนไม่ตอบสนองต่อการยั่วยุของเอมี่

 

 

จริงๆแล้วชั้นต่างหากที่อ่อนแอ ไม่ใช่แมมมอน

 

 

อย่างไรก็ตาม แมมมอนไม่ได้สนใจ

 

 

จากนั้นราวกับไม่ชอบปฏิกิริยาของแมมมอน เอมี่ก็แสดงสีหน้าเกลียดชัง

 

 

 

 

 

 

「……โถ่วเอ้ยหมดสนุกกันพอดี ร้องให้มากกว่านี้สิ……」

 

 

 

 

 

 

พวกปีศาจนี่รสนิยมห่วยแตกจริงๆ ชอบฟังเสียงคนร้องครางงั้นเหรอ

 

 

เอมี่ปักหอกในมือขวาลงพื้นและแส้แห่งเปลวเพลิงก็มาแทนที่

 

 

 

 

 

 

「เอาล่ะ….กรี๊ดมันออกมา!」

 

 

「อึก!?」

 

 

 

 

 

 

จากนั้นก็ฟาดแส้อันร้อนแรงใส่ชั้นอย่างไร้ความปราณี

 

 

ชั้นคุกเข่าลงโดยพยายามปกป้องมานะเอาไว้

 

 

 

 

 

 

「ร้องซะ กรี๊ดสิ กรี๊ดซะ กรี๊ดมันออกมา!」

 

 

「คุ!」

 

 

 

 

 

 

เฮ้ย แมมมอนมันอยู่ในร่างชั้นมันไม่โดนดาเมจหรอก มีแต่ชั้นคนเดียวสิที่จะกรี๊ดนะ…

 

 

เอมี่ยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

 

จุดประสงค์ในตอนแรกก็คือจับตัวชั้น แต่ดูจากการกระทำแล้วดูเหมือนอยากจะทรมานมากกว่า

 

 

ในทางกลับกัน ไม่ได้ฆ่า แต่ทรมานไปเรื่อยๆ

 

 

 

 

 

 

「เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้ !  จอมมารเองก็คุกเข่าเป็นเหมือนกันเหรอ!?」

 

 

 

 

 

 

ชั้นอดทนต่อเสียงหัวเราะของเอมี่อย่างสิ้นหวัง

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน เลบอยที่ยืนดูอยู่ก็หยุดชะงัก

 

 

 

 

 

 

「พอได้แล้ว ถ้ามันเจ็บหนักไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่อร่อยกันพอดี」

 

 

「อ่า ทำเกินไปเหรอเนี่ย……」

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่มันหยุดโจมตี ชั้นก็พูดกับแมมมอน

 

 

 

 

 

 

「(นี่ แมมมอน นายบอกว่าปลดล็อคความสามารถใหม่แล้วใช่ไหม แล้วมันคืออะไร……)」

 

 

『อืม……ข้าเองก็ไม่เข้าใจ จำไม่เห็นได้เลยว่ามีความสามารถแบบนี้ด้วย……?』

 

 

「(ขอแบบเคลียร์ๆ!)」

 

 

『อืม ข้าได้ปลดล็อคความสามารถใหม่【กระเป๋าเงินแห่งความโลภ(強欲な財布)】มันเป็นสกิลที่ข้าไม่เคยใช้ด้วยซ้ำ สิ่งที่ต้องทำก็คือใส่เหรียญที่ได้มาจากกาชาประตูหมื่นอสูรลงไปในกระเป๋าเงินนี่!』

 

 

「(จะเกิดอะไรขึ้นถ้าใส่เข้าไป!)」

 

 

『จะไปรู้เรอะ ! ข้าบอกแล้วนี่ ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่ามีสกิลนี้ด้วย!』

 

 

「(แต่มันเป็นสกิลของแกเองนะเฟ้ย!)」

 

 

 

 

 

 

ขณะที่กำลังทะเลาะกับแมมมอนในหัว เอมี่ก็หันมามองทางชั้นด้วยสีหน้าอันน่ารังเกียจ

 

 

 

 

 

 

「เอ้า ท่านแมมมอนดูท่าจะอับจนหนทางน่าดูเลยนะ แต่ลืมไปแล้วรึไงว่าชั้นได้ยินเสียงน่ะ?」

 

 

「!」

 

 

 

 

 

 

ใช่แล้ว หมอนี่มันได้ยินเสียงของแมมมอนด้วย

 

 

จากนั้นเอมี่ก็หยิบหอกขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

 

 

 

「เอ่อ…ดูเหมือนจะวางแผนอะไรแปลกๆอยู่สินะ ถึงเวลาที่จอมมารจะต้องเข้านอนแล้วมั้ง?」

 

 

 

 

 

 

 แย่ แย่ แย่ แย่ แย่ แย่แล้วไง……!

 

 

 หากเป็นแบบนี้จบเห่แน่!

 

 

 

 

 

 

「แมมม่อน !….เอากระเป๋าเงินออกมา……เอามาให้ชั้นเร็วเข้า……!」

 

 

『ข้าไม่รู้ด้วยแล้วนะ!』

 

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนั้นแมมมอนเองจึงเอากระเป๋าเงินออกมาด้วยความรวดเร็ว

 

 

ขณะนั้นเองกระเป๋าเงินลายแปลกๆก็โผล่ขึ้นมาในมือของชั้น

 

 

 

 

 

 

「ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพยายามจะทำอะไร แต่คิดว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นงั้นเหรอ?」

 

 

 

 

 

 

เพื่อที่จะหยุดการกระทำของชั้น เอมี่พยายามเอาหอกในมือแทงมาที่ชั้น

 

 

แต่ก่อนหน้านั้น ชั้นเปิดกระเป๋าเงินแล้วใส่เหรียญก็อบลินที่ชั้นมีอยู่

 

 

 และ――――。

 

 

 

 

 

 

「!」

 

 

「อะไรกัน!?」

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นร่างกายของชั้นก็ถูกย้อมไปด้วยแสงอันเจิดจ้า

 

 

หอกของเอมี่ที่เข้ามาก็กระเด็นออกไป

 

 

ชั้นเองก็ตกตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าพลังเวทย์ในร่างลดลง

 

 

แมมมอนบอกว่าสกิลนี้ไม่ใช้พลังเวทย์ แต่เมื่อสังเกตเห็นพลังเวทย์ที่ลดลงเหมือนมันจะใช้พลังเวทย์ของเหรียญที่ใช้ในการอัญเชิญแทน

 

 

แม้จะไม่เสียพลังเวทย์ในการเอากระเป๋าเงินออกมา แต่พลังเวทย์จะถูกใช้ตามเหรียญที่ใส่เข้าไปข้างใน

 

 

ตอนแรกก็คิดว่าจะใช้เหรียญซุสแห่งความมืด แต่ตัวชั้นดันมีแค่เหรียญก็อบลิน

 

 

เหนือสิ่งอื่นใด พลังเวทย์จะถูกดูดกลืนไปตามเหรียญที่ใช้

 

 

ในขณะที่ใส่เหรียญลงไปแล้ว ร่างกายชั้นไม่ได้มีแค่แสงปกคลุม แต่ร่างกายของชั้นก็ลอยขึ้นอยู่กลางอากาศ

 

 

 และ――――。

 

 

 

 

 

 

「เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เอาจริงใช่ไหม……」

 

 

 

 

 

 

ชั้นที่สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

 

 

น่าแปลกที่ตอนนี้ชั้นกลายเป็นคาเมนไรเดอร์เป็นที่เรียบร้อย

 

 

ไม่รู้หรอกว่าหน้ากากเป็นรูปอะไร แต่มีบางอย่างคล้ายกับหมวกกันน็อคสวมอยู่ที่หัวของชั้น และเมื่อมองลงไปที่มือและขาก็มีชุดรัดรูปสีเขียว

 

 

 นี่มัน…สกิลของแมมมอนเหรอ?

 

 

 

 

 

 

「อะไรฟะเนี่ย รูปลักษณ์นั่น……!」

 

 

 

 

 

 

เอมี่และคนอื่นๆต่างตกใจกับภาพลักษณ์ของชั้น

 

 

จากนั้นแมมมอนก็เปิดปากพูด

 

 

 

 

 

 

『หวาาา ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะมีพลังแบบนี้ด้วย……』

 

 

「ไม่รู้จริงๆเรอะ!?」

 

 

『ไม่รู้เว้ย!』

 

 

 

 

 

 

ก็จริงอยู่ นึกภาพไม่ออกเลยว่าแมมมอนจะมีพลังแบบนี้

 

 

ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ชั้นทำอะไรได้บ้าง ด้วยเหตุผลบางอย่างแม้จะรับความเสียหายชั้นก็ยังเคลื่อนไหวได้

 

 

ชั้นเองก็อยากจะเห็นว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง แต่เอมี่ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดรอด

 

 

 

 

 

 

「……ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ล้มแกให้ได้อีกครั้งก็พอ!」

 

 

「!」

 

 

 

 

 

 

เอมี่หยิบหอกในมือขวาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแทงมาที่ชั้นสุดพลัง

 

 

ชั้นสามารถมองเห็นการโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย

 

 

ชั้นหลบถอยหลังครึ่งก้าว ก็หลบการโจมตีได้แล้ว

 

 

 

 

 

 

「หะ!?」

 

 

「ก็ไม่เข้าใจหรอกนะ….แต่ทางนี้ก็ขอเอาคืนบางเฟ้ย!」

 

 

「อ่อก!?」

 

 

 

 

 

 

ชั้นรวมพลังทั้งหมดไว้ที่หมัด จากนั้นก็ซัดเข้าไปที่หน้าของเอมี่

 

 

จากนั้นเอมี่ก็ปลิวออกไปกระแทกเข้ากับบ้านอีกหลายหลัง

 

 

 

 

 

 

「เอ๋……?」

 

 

「เอมี่!」

 

 

 

 

 

 

ขณะที่เลบอยกำลังตื่นตระหนกที่เอมี่ปลิวไป ชั้นก็ทำได้แต่ยืนงง

 

 

 นี่….มันไม่แรงเกินไปหน่อยเหรอ……?

 

 

ถึงแม้จะใช้เวทย์เสริมพลังกาย แต่ตามที่แมมมอนว่าเอาไว้ มันไม่พอที่จะทำความเสียหายด้วยซ้ำ

 

 

แต่หากมองภาพตรงหน้า ก็รู้สึกว่าจะเอาชนะได้ด้วยเวทย์เสริมพลังกายเพียงอย่างเดียว

 

 

นอกจากนี้ แม้ว่าร่างกายของเอมี่จะลุกเป็นไฟ แต่ชั้นก็ไม่ได้รับความเสียหาย

 

 

ขณะตกใจกับสภาพตรงหน้าแมมมอนก็ให้คำแนะนำ

 

 

 

 

 

 

『สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือความสามารถทางกายภาพของเจ้าตอนนี้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ก่อนที่เจ้าจะแปลงร่างเสียอีก ผลจากการที่ใช้เวทย์เสริมพลังกายเข้าไปด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งตอนนี้เจ้าสามารถเอาชนะเอมี่ได้ด้วยเวทย์เสริมพลังกายเพียงอย่างเดียวได้แล้ว』

 

 

「อืม เข้าใจล่ะ……」

 

 

『นอกจากนี้ การแปลงร่างนั่น ดูเหมือนที่เพิ่มพลังทางกายภาพจะเป็นแค่โบนัสเฉยๆเท่านั้น』

 

 

「เอ๋? หมายความว่าไง……」

 

 

 

 

 

 

ขณะที่ถามว่ามันคืออะไร เสาไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งมาจากทิศทางก่อนหน้านี้

 

 

 

 

 

 

「หนอยยยยยยย เข้าใจแล้ว ใช่แล้ว ไม่มีทางที่จอมมารจะกระจอกขนาดนั้น」

 

 

 

 

 

 

เมื่อเสาไฟระเบิดออกมา ก็มีเลือดไหลออกจากปากเอมี่

 

 

ชั้นต่อยไปจริงๆ แต่นั่นคือปีศาจนะ ความเสียหายขนาดนั้นมันบ้าอะไรกัน

 

 

 

 

 

 

「โอเค…ถ้าแบบนี้ทางนี้ก็ขอเอาจริงบ้าง……!」

 

 

「หาาา!?」

 

 

 

 

 

 

ขณะที่เอมี่พูด ก็กางแขนออกและมีปีกเปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนหลัง

 

 

เมื่อปีกกางออก วงเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกใช้งานพร้อมกัน และบอลเพลิงก็พุ่งมาทั้งหมด

 

 

 

 

 

 

「รับไปซะ!」

 

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี่เกินกว่าชั้นจะรับไหว

 

 

นอกจากนี้ยังมีมานะอยู่ด้านหลัง

 

 

ชั้นรู้สึกว่าสามารถต่อยลูกไฟเหล่านั้นสวนกลับไปได้เหมือนที่ต่อยเอมี่ แต่ก็ยังไม่สามารถสวนกลับได้ทั้งหมด

 

 

ขณะที่กำลังคิดหาทางออกอย่างสิ้นหวัง แมมมอนตะโกนออกมา

 

 

 

 

 

 

『คาเนะฮิโตะ ! จงนึกถึงเหรียญก็อบลินที่เจ้าใช้ไปก่อนหน้านี้ซะ!』

 

 

「เอ๋?」

 

 

『ไม่ต้องมาเอ๋ รีบทำเร็วเข้า!』

 

 

 

 

 

 

ไม่เข้าใจเลย แต่ก็ทำตามที่บอก ชั้นนึกภาพเหรียญก็อบลินที่ชั้นใช้แปลงร่างอยู่ในใจ

 

 

 

 

 

 

「!」

 

 

 

 

 

 

ครู่ต่อมาข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้ามาในหัวของชั้น

 

 

 นี่มัน……。

 

 

 

 

 

 

「คราวนี้ก็จบกันเสียที จอมมารแห่งความโลภ!」

 

 

 

 

 

 

 เอมี่นั้นมั่นใจในชัยชนะ ดังนั้นจึงเปิดใช้งานเวทมนตร์ ชั้นเองก็เปิดใช้งานสกิล โดยอาศัยข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามา

 

 

 และ……。

 

 

 

 

 

 

「【ก็อบลินระบาด(小鬼の繁栄)】!」

 

 

「หะ!?」

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่จะโกนออกไป ร่างกายของชั้นก็แตกสลาย

 

 

จำนวนที่เพิ่มมาคือสี่!

 

 

จากนั้นเอมี่และเลบอยที่เห็นก็ตกใจกับภาพตรงหน้า เพราะมีตัวชั้นอยู่ตรงหน้าตั้งสี่คน แต่ชั้นน่ะในตอนนี้สามารถทำได้แน่!

 

 

 

 

 

 

「「「「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกห์!」」」」

 

 

 

 

 

 

พวกเราทั้งสี่ที่เป็นร่างโคลนนิ่ง นั้นต่อยรัวไปที่บอลเพลิงที่เข้ามา และจัดการพวกมันทั้งหมด

 

 

 

 

 

 

「อะไร เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!?」

 

 

 

 

 

 

เลบอยกับเอมี่ต่างงง ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า แต่ในที่สุดชั้นก็เข้าใจมันสักที

 

 

ก่อนอื่นเลย【กระเป๋าเงินแห่งความโลภ】กับ【ประตูหมื่นอสูร】เป็นความสามารถที่คอมโบซึ่งกันและกัน โดยเหรียญที่ได้จากประตูหมื่นอสูร สามารถนำมาใช้แปลงร่างเป็นคาเมนไรเดอร์ได้ ซึ่งจะแปลงร่างเป็นตัวละครนั้นๆบนเหรียญที่ใช้งาน

 

 

และพลังจะแตกต่างกันไปตามเหรียญที่ใช้งาน

 

 

เหรียญที่ใช้ในครั้งนี้คือ 【ก็อบลิน】。

 

 

ผลที่ได้คือความสามารถในการเสริมพลังทางกายภาพ และอีกความสามารถหนึ่งคือความสามารถในการขยายพันธุ์

 

 

พลังในการสืบพันธุ์ของก็อบลินนั้นสูงมาก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการสร้างร่างโคลนของตัวเองขึ้นมา

 

 

อย่างไรก็ตาม มันมีขีดจำกัด จำนวนร่างโคลนที่สร้างได้ขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ของชั้น

 

 

นอกจากนี้ หากร่างโคลนแพ้ก็จะใช้พลังเวทย์ในการเรียกออกมาใหม่ ร่างโคลนเหล่านี้จะมีสเป็คเหมือนกับชั้นทุกประการ ซึ่งน่าทึ่งมาก

 

 

นี่คือเอฟเฟกต์การแปลงร่างของก็อบลิน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแปลงร่างเป็นซุสแห่งความมืด……。

 

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้สู้ได้แน่!

 

 

 

 

 

 

「พวกแกเล่นงานชั้นมาฝ่ายเดียวมากพอแล้ว คราวนี้ถึงตาฝ่ายชั้นโต้กลับบ้าง!」

 

 

「……ใครจะยอม……」

 

 

 

 

 

 

ด้วยวิธีนี้ศึกสุดท้ายระหว่างชั้นกับเอมี่ก็เริ่มต้นขึ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด