สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 106.2 จนมุม (2)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 106.2 จนมุม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉู่อี้เจี่ยนมองเห็นความไม่พอใจในดวงตาของนางอย่างชัดเจน ทว่าในใจกลับรู้สึกสนุกในทันใด จึงเอ่ยหยอกล้อว่า “ทำไม? ยอมให้เขาเข้ามาพัวพันไม่ได้หรือ? กลัวเขาจะติดร่างแหไปด้วยหรือ?”

ฉู่สวินหยางสีหน้าเหมือนจะลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้ ข้ายังปฏิเสธได้อีกหรือ ท่านต้องการของยืนยัน ข้าให้ท่านชิ้นหนึ่งก็ได้”

นางเอ่ยพลางล้วงถุงเงินใบใหม่มากอีกใบออกมาจากในถุงเงินที่ติดตัวส่งให้

สีใบเมเปิ้ลบนถุงเงินร้อนแรงดุจเปลวเพลิง

ฉู่อี้เจี่ยนถือไว้ในมือพลางมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย…

ใครจะว่างและเบื่อ ถึงขั้นซ่อนถุงเงินไว้ในถุงเงินอีกใบ!

ทว่าเขาพอจะรู้นิสัยของฉู่สวินหยาง และรู้ว่านางจะไม่เล่นตุกติกตามใจชอบในเวลานี้

ฉู่อี้เจี่ยนมองแล้วมองอีก จนแน่ใจว่าถุงเงินนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ จึงพับซองจดหมายยัดเข้าไปและโยนให้องครักษ์ที่รออยู่หน้าประตูว่า “ไปจวนเฉินเดี๋ยวนี้ มอบสิ่งนี้ให้ใต้เท้าเหยียนหลิง แล้วไม่ต้องบอกอะไรอีกทั้งนั้น”

“ขอรับ องค์ชาย!” องครักษ์ขานรับ แล้วค้อมตัวถอยออกไป

ฉู่สวินหยางรอจนเขาไปแล้ว ถึงจะดึงสายตากลับมามองฉู่อี้เจี่ยนว่า “แล้วไงล่ะ? พวกเราจะทำอะไร?”

“เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปเถอะ คนที่มีปณิธานต่างกันไม่มีทางร่วมงานกันได้ ไม่ใช่ว่าพวกเราจะทำอะไร แต่ข้าจะทำอะไรต่างหาก!” ฉู่อี้เจี่ยนพูดจบก็หันตัวออกไปข้างนอก แล้วเอ่ยกับองครักษ์ในเรือนว่า “เฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี อย่าให้นางออกไปจากห้องนี้ไปได้!”

“ขอรับ!” องครักษ์ขานรับพร้อมกัน

หลังจากนั้นก็เป็นเสียงเดินจากไปอย่างรวดเร็วของฉู่อี้เจี่ยน

ฉู่ซินรุ่ยซ่อนอยู่ที่ไกลและคอยมองตลอด แต่ก็กลัวว่าจะถูกฉู่อี้เจี่ยนจับได้ จึงรอจนเขาเดินไปไกลแล้วถึงจะเดินออกมาจากหลังกำแพง นางมองเรือนด้านหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล พลางพึมพำว่า “พี่ห้าพาผู้หญิงคนนี้กลับมา จะทำอะไรกันแน่?”

“เหมือนมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ!” สองสาวใช้เออออตามไปด้วย สีหน้าเป็นกังวลมากกันทั้งคู่

ฉู่ซินรุ่ยตั้งสติแล้วเดินเข้าไป

ฉู่อี้เจี่ยนเพิ่มกำลังคนทั้งในและนอกเรือนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเตรียมรับมือฉู่สวินหยางอย่างแน่นหนา

“ท่านหญิง!” พอเห็นนางเดินมา องครักษ์นอกเรือนก็รีบคารวะ

“อืม! ข้ามาหาพี่ห้า เขาอยู่หรือไม่?” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ยถาม

“ไม่ขอรับ องค์ชายไปเรือนหลักแล้ว น่าจะไปเยี่ยมท่านอ๋องขอรับ” องครักษ์ตอบ

“อ้อ งั้นข้าไปหาเขาที่นั่นดีกว่า!” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ย นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปอย่างเยือกเย็น

แน่นอนว่านางไม่ได้ไปหาฉู่อี้เจี่ยนที่เรือนหลัก แต่กำลังพยายามคิดถึงท่าทางแปลกๆ ของฉู่อี้เจี่ยนอย่างเต็มที่

“พี่ห้าเพิ่งจะส่งเฉินซื่อไปทำอะไร?” จู่ๆ ฉู่ซินรุ่ยก็เอ่ยถาม

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ เขาเดินเร็วมาก น่าจะไปทำงานบางอย่างที่สำคัญมากเจ้าค่ะ” ฮวนเกอตอบ

“ฮวนเกอ เจ้าไปคอยดูไว้ อีกเดี๋ยวรอเขารายงานผลกับพี่ห้าแล้วก็พาเขาไปพบข้า” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ย แล้วหันตัวกลับเรือนของตนเองไปก่อน

เพราะทางฉู่อี้เจี่ยนเกิดอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน แล้วเขาก็ยังไม่ยอมบอกอะไรนางสักอย่าง เวลานี้ฉู่ซินรุ่ยจึงรู้สึกไม่สบายใจมาก หลังจากกลับมาแล้วนางก็เดินอยู่ในห้องไม่หยุด

จนกระทั่งผ่านไปเกินครึ่งชั่วยามฮวนเกอถึงจะพาเฉินซื่อคนสนิทของฉู่อี้เจี่ยนกลับมา

“คารวะท่านหญิง!” เพราะฉู่ซินรุ่ยกับฉู่อี้เจี่ยนเป็นพี่น้องที่ใจตรงกันมาตลอด ดังนั้นตอนที่เฉินซื่อถูกนางเรียกมาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

ฉู่ซินรุ่ยก้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้และประคองถ้วยชาไว้ในมือ นางคิดหาคำเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงจะค่อยๆ แสร้งถามอย่างไม่สนใจว่า “เมื่อครู่พี่ห้าให้เจ้าไปทำอะไรหรือ?”

เฉินซื่ออึ้งไป ทันใดนั้นเขาถึงจะรู้สึกผิดปกติ และเงยหน้ามองนางทันที

ขอเพียงฉู่ซินรุ่ยเอ่ยปากก็จะไม่ให้หลบเลี่ยงได้อีก นางแค่เอ่ยว่า “อย่าตอบส่งๆ ข้าต้องการฟังความจริง มาถึงขั้นนี้วันนี้เวลานี้แล้ว แต่เจ้าก็ไม่ต้องกลัวไป ข้าเพียงแค่ลองถามดูเท่านั้น ต่อให้พี่ห้ารู้เข้าก็คงไม่ซักไซ้อะไรเจ้า แผนเดิมตกลงกันไว้หมดแล้วไม่ใช่หรือ? หลังจากเขาได้ตัวฉู่สวินหยางกับฉู่ฉีเหยียนแล้วจะเข้าวังเลย อยู่ดีๆ จะพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาอีกทำไม?”

ฉู่อี้เจี่ยนคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าฉู่สวินหยางจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องของฮั่วชิงเอ๋อร์ ดังนั้นจึงวางแผนซ้อนแผน รอฉวยโอกาสคุมทั้งสองคนไว้ในมือ

แผนเดิมของพวกเขาคือลงมืออย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว หลังจากได้ตัวคนแล้ว ฉู่อี้เจี่ยนก็จะเข้าวังทันที

ทว่าเวลานี้เกิดอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน อันที่จริงเฉินซื่อก็รู้สึกไม่สบายใจมากเช่นกัน เขากัดฟันครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ท่านหญิง ความจริงแล้วเมื่อครู่องค์ชายส่งข้าไปส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ใต้เท้าเหยียนหลิงที่จวนเฉินขอรับ บอกว่าเชิญใต้เท้าเหยียนหลิงเข้าวังเดี๋ยวนี้ และให้คิดหาทางทำให้ฝ่าบาททรงฟื้นก่อนขอรับ”

“ทำให้พระองค์ทรงฟื้นหรือ?” ฉู่ซินรุ่ยตกใจ จนถ้วยชาในมือร่วงหล่นลงพื้นเสียงดัง

“ขอรับ!” เฉินซื่อพยักหน้า “องค์ชายว่าเช่นนั้น บอกว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ควรให้ฝ่าบาทได้ทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองขอรับ”

ฉู่ซินรุ่ยตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก

ถึงฮ่องเต้หมดสติ ในวังก็ยังมีฉู่อี้อันอยู่ เดิมทีพวกเขาทำเรื่องนี้ก็เท่ากับช่วงชิงชัยชนะท่ามกลางอันตรายอยู่แล้ว และกำลังคนที่ใช้ได้ในมือก็มีจำกัด ดังนั้นต้องทำอะไรที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงให้ได้ถึงจะดี

ทว่าฉู่อี้เจี่ยนทำเช่นนี้…

เขากำลังเล่นอยู่กับไฟอย่างชัดเจน

ฝ่ามือของฉู่ซินรุ่ยเริ่มเหงื่อออกเล็กน้อย นางดูเหมือนกระวนกระวายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีไปทั้งตัว

แม้แต่สาวใช้สองคนข้างกายนางก็ล้วนเห็นนางสติหลุดแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกวุ่นวายใจตามไปด้วยเช่นกัน และเอ่ยเสียงสั่นว่า “ท่านหญิง เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”

“ไม่เป็นไร!” ฉู่ซินรุ่ยตอบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด

ฮวนเกอถือผ้าเช็ดหน้าจะเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากให้นาง แต่กลับถูกนางยกมือขวางไว้

ฉู่ซินรุ่ยเดินกลับไปกลับมาในห้องอย่างร้อนใจ ความคิดหมุนวนในสมองอย่างรวดเร็ว จนนางคิดทบทวนไม่หยุด

ช่วงนี้ฉู่อี้เจี่ยนท่าทางผิดปกติมาก ไม่ใช่ว่านางไม่รู้สึก ทว่าเรื่องใหญ่ขนาดเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของคนเช่นนี้ ตอนนี้เขาคิดอย่างไรกันแน่?

ฉู่ซินรุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกกังวล

ทันใดนั้นพลันนึกถึงเรื่องในคืนวันเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นขึ้นมา แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างกะทันหัน

“ฮวนเกอ ชิงเกอ พวกเจ้าออกไปให้หมดก่อน!” ฉู่ซินรุ่ยหยุดฝีเท้าและสั่งอย่างเฉียบขาด

สองสาวใช้นิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่านางจะทำอะไร ทว่าพอเห็นนางสีหน้าจริงจัง ก็รีบถอยออกไปพร้อมกับปิดประตู

เฉินซื่อยังคงคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น เขาก้มหน้ามองกระเบื้องปูพื้นตลอด และไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“พี่ห้าปิดบังข้าเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” ฉู่ซินรุ่ยเข้าประเด็นทันที นางเดินไปถึงตรงหน้าเฉินซื่อ แล้วก้มมองเขาจากที่สูงกว่า “เจ้ารู้อะไรบ้าง? บอกข้ามา!”

“ข้า…ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นขอรับ” เฉินซื่อตอบ พลางพยายามก้มศีรษะต่ำไม่ให้ตนเองเผยความรู้สึกออกไป “ข้าทำงานและเชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายมาตลอด ส่วนเรื่องอื่น…”

“เจ้าคอยติดตามพี่ห้าอย่างใกล้ชิดมาตลอดเลยหรือ?” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ยแทรกคำพูดของเขาเสียงเฉียบขาด นางหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเย็นชาตามไปด้วย และค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา “ถึงบางเรื่อง เขาจะไม่ได้บอกเจ้าเอง แต่ที่เจ้ารู้ได้ก็ไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะแกล้งไม่รู้ตบตาข้า เจ้าก็ดูออกแล้ว พี่ห้าจิตใจสับสนวุ่นวาย ข้าจำเป็นต้องรู้ว่าใจเขาคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นต่อให้ต้องเตือนก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน!”

“เอ่อ…” เฉินซื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทว่ายังคงก้มศีรษะลงต่ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 106.2 จนมุม (2)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 106.2 จนมุม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉู่อี้เจี่ยนมองเห็นความไม่พอใจในดวงตาของนางอย่างชัดเจน ทว่าในใจกลับรู้สึกสนุกในทันใด จึงเอ่ยหยอกล้อว่า “ทำไม? ยอมให้เขาเข้ามาพัวพันไม่ได้หรือ? กลัวเขาจะติดร่างแหไปด้วยหรือ?”

ฉู่สวินหยางสีหน้าเหมือนจะลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้ ข้ายังปฏิเสธได้อีกหรือ ท่านต้องการของยืนยัน ข้าให้ท่านชิ้นหนึ่งก็ได้”

นางเอ่ยพลางล้วงถุงเงินใบใหม่มากอีกใบออกมาจากในถุงเงินที่ติดตัวส่งให้

สีใบเมเปิ้ลบนถุงเงินร้อนแรงดุจเปลวเพลิง

ฉู่อี้เจี่ยนถือไว้ในมือพลางมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย…

ใครจะว่างและเบื่อ ถึงขั้นซ่อนถุงเงินไว้ในถุงเงินอีกใบ!

ทว่าเขาพอจะรู้นิสัยของฉู่สวินหยาง และรู้ว่านางจะไม่เล่นตุกติกตามใจชอบในเวลานี้

ฉู่อี้เจี่ยนมองแล้วมองอีก จนแน่ใจว่าถุงเงินนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ จึงพับซองจดหมายยัดเข้าไปและโยนให้องครักษ์ที่รออยู่หน้าประตูว่า “ไปจวนเฉินเดี๋ยวนี้ มอบสิ่งนี้ให้ใต้เท้าเหยียนหลิง แล้วไม่ต้องบอกอะไรอีกทั้งนั้น”

“ขอรับ องค์ชาย!” องครักษ์ขานรับ แล้วค้อมตัวถอยออกไป

ฉู่สวินหยางรอจนเขาไปแล้ว ถึงจะดึงสายตากลับมามองฉู่อี้เจี่ยนว่า “แล้วไงล่ะ? พวกเราจะทำอะไร?”

“เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปเถอะ คนที่มีปณิธานต่างกันไม่มีทางร่วมงานกันได้ ไม่ใช่ว่าพวกเราจะทำอะไร แต่ข้าจะทำอะไรต่างหาก!” ฉู่อี้เจี่ยนพูดจบก็หันตัวออกไปข้างนอก แล้วเอ่ยกับองครักษ์ในเรือนว่า “เฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี อย่าให้นางออกไปจากห้องนี้ไปได้!”

“ขอรับ!” องครักษ์ขานรับพร้อมกัน

หลังจากนั้นก็เป็นเสียงเดินจากไปอย่างรวดเร็วของฉู่อี้เจี่ยน

ฉู่ซินรุ่ยซ่อนอยู่ที่ไกลและคอยมองตลอด แต่ก็กลัวว่าจะถูกฉู่อี้เจี่ยนจับได้ จึงรอจนเขาเดินไปไกลแล้วถึงจะเดินออกมาจากหลังกำแพง นางมองเรือนด้านหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล พลางพึมพำว่า “พี่ห้าพาผู้หญิงคนนี้กลับมา จะทำอะไรกันแน่?”

“เหมือนมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ!” สองสาวใช้เออออตามไปด้วย สีหน้าเป็นกังวลมากกันทั้งคู่

ฉู่ซินรุ่ยตั้งสติแล้วเดินเข้าไป

ฉู่อี้เจี่ยนเพิ่มกำลังคนทั้งในและนอกเรือนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเตรียมรับมือฉู่สวินหยางอย่างแน่นหนา

“ท่านหญิง!” พอเห็นนางเดินมา องครักษ์นอกเรือนก็รีบคารวะ

“อืม! ข้ามาหาพี่ห้า เขาอยู่หรือไม่?” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ยถาม

“ไม่ขอรับ องค์ชายไปเรือนหลักแล้ว น่าจะไปเยี่ยมท่านอ๋องขอรับ” องครักษ์ตอบ

“อ้อ งั้นข้าไปหาเขาที่นั่นดีกว่า!” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ย นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปอย่างเยือกเย็น

แน่นอนว่านางไม่ได้ไปหาฉู่อี้เจี่ยนที่เรือนหลัก แต่กำลังพยายามคิดถึงท่าทางแปลกๆ ของฉู่อี้เจี่ยนอย่างเต็มที่

“พี่ห้าเพิ่งจะส่งเฉินซื่อไปทำอะไร?” จู่ๆ ฉู่ซินรุ่ยก็เอ่ยถาม

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ เขาเดินเร็วมาก น่าจะไปทำงานบางอย่างที่สำคัญมากเจ้าค่ะ” ฮวนเกอตอบ

“ฮวนเกอ เจ้าไปคอยดูไว้ อีกเดี๋ยวรอเขารายงานผลกับพี่ห้าแล้วก็พาเขาไปพบข้า” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ย แล้วหันตัวกลับเรือนของตนเองไปก่อน

เพราะทางฉู่อี้เจี่ยนเกิดอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน แล้วเขาก็ยังไม่ยอมบอกอะไรนางสักอย่าง เวลานี้ฉู่ซินรุ่ยจึงรู้สึกไม่สบายใจมาก หลังจากกลับมาแล้วนางก็เดินอยู่ในห้องไม่หยุด

จนกระทั่งผ่านไปเกินครึ่งชั่วยามฮวนเกอถึงจะพาเฉินซื่อคนสนิทของฉู่อี้เจี่ยนกลับมา

“คารวะท่านหญิง!” เพราะฉู่ซินรุ่ยกับฉู่อี้เจี่ยนเป็นพี่น้องที่ใจตรงกันมาตลอด ดังนั้นตอนที่เฉินซื่อถูกนางเรียกมาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

ฉู่ซินรุ่ยก้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้และประคองถ้วยชาไว้ในมือ นางคิดหาคำเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงจะค่อยๆ แสร้งถามอย่างไม่สนใจว่า “เมื่อครู่พี่ห้าให้เจ้าไปทำอะไรหรือ?”

เฉินซื่ออึ้งไป ทันใดนั้นเขาถึงจะรู้สึกผิดปกติ และเงยหน้ามองนางทันที

ขอเพียงฉู่ซินรุ่ยเอ่ยปากก็จะไม่ให้หลบเลี่ยงได้อีก นางแค่เอ่ยว่า “อย่าตอบส่งๆ ข้าต้องการฟังความจริง มาถึงขั้นนี้วันนี้เวลานี้แล้ว แต่เจ้าก็ไม่ต้องกลัวไป ข้าเพียงแค่ลองถามดูเท่านั้น ต่อให้พี่ห้ารู้เข้าก็คงไม่ซักไซ้อะไรเจ้า แผนเดิมตกลงกันไว้หมดแล้วไม่ใช่หรือ? หลังจากเขาได้ตัวฉู่สวินหยางกับฉู่ฉีเหยียนแล้วจะเข้าวังเลย อยู่ดีๆ จะพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาอีกทำไม?”

ฉู่อี้เจี่ยนคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าฉู่สวินหยางจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องของฮั่วชิงเอ๋อร์ ดังนั้นจึงวางแผนซ้อนแผน รอฉวยโอกาสคุมทั้งสองคนไว้ในมือ

แผนเดิมของพวกเขาคือลงมืออย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว หลังจากได้ตัวคนแล้ว ฉู่อี้เจี่ยนก็จะเข้าวังทันที

ทว่าเวลานี้เกิดอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน อันที่จริงเฉินซื่อก็รู้สึกไม่สบายใจมากเช่นกัน เขากัดฟันครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ท่านหญิง ความจริงแล้วเมื่อครู่องค์ชายส่งข้าไปส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ใต้เท้าเหยียนหลิงที่จวนเฉินขอรับ บอกว่าเชิญใต้เท้าเหยียนหลิงเข้าวังเดี๋ยวนี้ และให้คิดหาทางทำให้ฝ่าบาททรงฟื้นก่อนขอรับ”

“ทำให้พระองค์ทรงฟื้นหรือ?” ฉู่ซินรุ่ยตกใจ จนถ้วยชาในมือร่วงหล่นลงพื้นเสียงดัง

“ขอรับ!” เฉินซื่อพยักหน้า “องค์ชายว่าเช่นนั้น บอกว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ควรให้ฝ่าบาทได้ทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองขอรับ”

ฉู่ซินรุ่ยตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก

ถึงฮ่องเต้หมดสติ ในวังก็ยังมีฉู่อี้อันอยู่ เดิมทีพวกเขาทำเรื่องนี้ก็เท่ากับช่วงชิงชัยชนะท่ามกลางอันตรายอยู่แล้ว และกำลังคนที่ใช้ได้ในมือก็มีจำกัด ดังนั้นต้องทำอะไรที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงให้ได้ถึงจะดี

ทว่าฉู่อี้เจี่ยนทำเช่นนี้…

เขากำลังเล่นอยู่กับไฟอย่างชัดเจน

ฝ่ามือของฉู่ซินรุ่ยเริ่มเหงื่อออกเล็กน้อย นางดูเหมือนกระวนกระวายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีไปทั้งตัว

แม้แต่สาวใช้สองคนข้างกายนางก็ล้วนเห็นนางสติหลุดแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกวุ่นวายใจตามไปด้วยเช่นกัน และเอ่ยเสียงสั่นว่า “ท่านหญิง เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”

“ไม่เป็นไร!” ฉู่ซินรุ่ยตอบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด

ฮวนเกอถือผ้าเช็ดหน้าจะเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากให้นาง แต่กลับถูกนางยกมือขวางไว้

ฉู่ซินรุ่ยเดินกลับไปกลับมาในห้องอย่างร้อนใจ ความคิดหมุนวนในสมองอย่างรวดเร็ว จนนางคิดทบทวนไม่หยุด

ช่วงนี้ฉู่อี้เจี่ยนท่าทางผิดปกติมาก ไม่ใช่ว่านางไม่รู้สึก ทว่าเรื่องใหญ่ขนาดเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของคนเช่นนี้ ตอนนี้เขาคิดอย่างไรกันแน่?

ฉู่ซินรุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกกังวล

ทันใดนั้นพลันนึกถึงเรื่องในคืนวันเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นขึ้นมา แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างกะทันหัน

“ฮวนเกอ ชิงเกอ พวกเจ้าออกไปให้หมดก่อน!” ฉู่ซินรุ่ยหยุดฝีเท้าและสั่งอย่างเฉียบขาด

สองสาวใช้นิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่านางจะทำอะไร ทว่าพอเห็นนางสีหน้าจริงจัง ก็รีบถอยออกไปพร้อมกับปิดประตู

เฉินซื่อยังคงคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น เขาก้มหน้ามองกระเบื้องปูพื้นตลอด และไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“พี่ห้าปิดบังข้าเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” ฉู่ซินรุ่ยเข้าประเด็นทันที นางเดินไปถึงตรงหน้าเฉินซื่อ แล้วก้มมองเขาจากที่สูงกว่า “เจ้ารู้อะไรบ้าง? บอกข้ามา!”

“ข้า…ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นขอรับ” เฉินซื่อตอบ พลางพยายามก้มศีรษะต่ำไม่ให้ตนเองเผยความรู้สึกออกไป “ข้าทำงานและเชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายมาตลอด ส่วนเรื่องอื่น…”

“เจ้าคอยติดตามพี่ห้าอย่างใกล้ชิดมาตลอดเลยหรือ?” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ยแทรกคำพูดของเขาเสียงเฉียบขาด นางหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเย็นชาตามไปด้วย และค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา “ถึงบางเรื่อง เขาจะไม่ได้บอกเจ้าเอง แต่ที่เจ้ารู้ได้ก็ไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะแกล้งไม่รู้ตบตาข้า เจ้าก็ดูออกแล้ว พี่ห้าจิตใจสับสนวุ่นวาย ข้าจำเป็นต้องรู้ว่าใจเขาคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นต่อให้ต้องเตือนก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน!”

“เอ่อ…” เฉินซื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทว่ายังคงก้มศีรษะลงต่ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 106.2 จนมุม (2)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 106.2 จนมุม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉู่อี้เจี่ยนมองเห็นความไม่พอใจในดวงตาของนางอย่างชัดเจน ทว่าในใจกลับรู้สึกสนุกในทันใด จึงเอ่ยหยอกล้อว่า “ทำไม? ยอมให้เขาเข้ามาพัวพันไม่ได้หรือ? กลัวเขาจะติดร่างแหไปด้วยหรือ?”

ฉู่สวินหยางสีหน้าเหมือนจะลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้ ข้ายังปฏิเสธได้อีกหรือ ท่านต้องการของยืนยัน ข้าให้ท่านชิ้นหนึ่งก็ได้”

นางเอ่ยพลางล้วงถุงเงินใบใหม่มากอีกใบออกมาจากในถุงเงินที่ติดตัวส่งให้

สีใบเมเปิ้ลบนถุงเงินร้อนแรงดุจเปลวเพลิง

ฉู่อี้เจี่ยนถือไว้ในมือพลางมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย…

ใครจะว่างและเบื่อ ถึงขั้นซ่อนถุงเงินไว้ในถุงเงินอีกใบ!

ทว่าเขาพอจะรู้นิสัยของฉู่สวินหยาง และรู้ว่านางจะไม่เล่นตุกติกตามใจชอบในเวลานี้

ฉู่อี้เจี่ยนมองแล้วมองอีก จนแน่ใจว่าถุงเงินนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ จึงพับซองจดหมายยัดเข้าไปและโยนให้องครักษ์ที่รออยู่หน้าประตูว่า “ไปจวนเฉินเดี๋ยวนี้ มอบสิ่งนี้ให้ใต้เท้าเหยียนหลิง แล้วไม่ต้องบอกอะไรอีกทั้งนั้น”

“ขอรับ องค์ชาย!” องครักษ์ขานรับ แล้วค้อมตัวถอยออกไป

ฉู่สวินหยางรอจนเขาไปแล้ว ถึงจะดึงสายตากลับมามองฉู่อี้เจี่ยนว่า “แล้วไงล่ะ? พวกเราจะทำอะไร?”

“เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปเถอะ คนที่มีปณิธานต่างกันไม่มีทางร่วมงานกันได้ ไม่ใช่ว่าพวกเราจะทำอะไร แต่ข้าจะทำอะไรต่างหาก!” ฉู่อี้เจี่ยนพูดจบก็หันตัวออกไปข้างนอก แล้วเอ่ยกับองครักษ์ในเรือนว่า “เฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี อย่าให้นางออกไปจากห้องนี้ไปได้!”

“ขอรับ!” องครักษ์ขานรับพร้อมกัน

หลังจากนั้นก็เป็นเสียงเดินจากไปอย่างรวดเร็วของฉู่อี้เจี่ยน

ฉู่ซินรุ่ยซ่อนอยู่ที่ไกลและคอยมองตลอด แต่ก็กลัวว่าจะถูกฉู่อี้เจี่ยนจับได้ จึงรอจนเขาเดินไปไกลแล้วถึงจะเดินออกมาจากหลังกำแพง นางมองเรือนด้านหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล พลางพึมพำว่า “พี่ห้าพาผู้หญิงคนนี้กลับมา จะทำอะไรกันแน่?”

“เหมือนมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ!” สองสาวใช้เออออตามไปด้วย สีหน้าเป็นกังวลมากกันทั้งคู่

ฉู่ซินรุ่ยตั้งสติแล้วเดินเข้าไป

ฉู่อี้เจี่ยนเพิ่มกำลังคนทั้งในและนอกเรือนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเตรียมรับมือฉู่สวินหยางอย่างแน่นหนา

“ท่านหญิง!” พอเห็นนางเดินมา องครักษ์นอกเรือนก็รีบคารวะ

“อืม! ข้ามาหาพี่ห้า เขาอยู่หรือไม่?” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ยถาม

“ไม่ขอรับ องค์ชายไปเรือนหลักแล้ว น่าจะไปเยี่ยมท่านอ๋องขอรับ” องครักษ์ตอบ

“อ้อ งั้นข้าไปหาเขาที่นั่นดีกว่า!” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ย นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปอย่างเยือกเย็น

แน่นอนว่านางไม่ได้ไปหาฉู่อี้เจี่ยนที่เรือนหลัก แต่กำลังพยายามคิดถึงท่าทางแปลกๆ ของฉู่อี้เจี่ยนอย่างเต็มที่

“พี่ห้าเพิ่งจะส่งเฉินซื่อไปทำอะไร?” จู่ๆ ฉู่ซินรุ่ยก็เอ่ยถาม

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ เขาเดินเร็วมาก น่าจะไปทำงานบางอย่างที่สำคัญมากเจ้าค่ะ” ฮวนเกอตอบ

“ฮวนเกอ เจ้าไปคอยดูไว้ อีกเดี๋ยวรอเขารายงานผลกับพี่ห้าแล้วก็พาเขาไปพบข้า” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ย แล้วหันตัวกลับเรือนของตนเองไปก่อน

เพราะทางฉู่อี้เจี่ยนเกิดอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน แล้วเขาก็ยังไม่ยอมบอกอะไรนางสักอย่าง เวลานี้ฉู่ซินรุ่ยจึงรู้สึกไม่สบายใจมาก หลังจากกลับมาแล้วนางก็เดินอยู่ในห้องไม่หยุด

จนกระทั่งผ่านไปเกินครึ่งชั่วยามฮวนเกอถึงจะพาเฉินซื่อคนสนิทของฉู่อี้เจี่ยนกลับมา

“คารวะท่านหญิง!” เพราะฉู่ซินรุ่ยกับฉู่อี้เจี่ยนเป็นพี่น้องที่ใจตรงกันมาตลอด ดังนั้นตอนที่เฉินซื่อถูกนางเรียกมาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

ฉู่ซินรุ่ยก้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้และประคองถ้วยชาไว้ในมือ นางคิดหาคำเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงจะค่อยๆ แสร้งถามอย่างไม่สนใจว่า “เมื่อครู่พี่ห้าให้เจ้าไปทำอะไรหรือ?”

เฉินซื่ออึ้งไป ทันใดนั้นเขาถึงจะรู้สึกผิดปกติ และเงยหน้ามองนางทันที

ขอเพียงฉู่ซินรุ่ยเอ่ยปากก็จะไม่ให้หลบเลี่ยงได้อีก นางแค่เอ่ยว่า “อย่าตอบส่งๆ ข้าต้องการฟังความจริง มาถึงขั้นนี้วันนี้เวลานี้แล้ว แต่เจ้าก็ไม่ต้องกลัวไป ข้าเพียงแค่ลองถามดูเท่านั้น ต่อให้พี่ห้ารู้เข้าก็คงไม่ซักไซ้อะไรเจ้า แผนเดิมตกลงกันไว้หมดแล้วไม่ใช่หรือ? หลังจากเขาได้ตัวฉู่สวินหยางกับฉู่ฉีเหยียนแล้วจะเข้าวังเลย อยู่ดีๆ จะพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาอีกทำไม?”

ฉู่อี้เจี่ยนคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าฉู่สวินหยางจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องของฮั่วชิงเอ๋อร์ ดังนั้นจึงวางแผนซ้อนแผน รอฉวยโอกาสคุมทั้งสองคนไว้ในมือ

แผนเดิมของพวกเขาคือลงมืออย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว หลังจากได้ตัวคนแล้ว ฉู่อี้เจี่ยนก็จะเข้าวังทันที

ทว่าเวลานี้เกิดอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน อันที่จริงเฉินซื่อก็รู้สึกไม่สบายใจมากเช่นกัน เขากัดฟันครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ท่านหญิง ความจริงแล้วเมื่อครู่องค์ชายส่งข้าไปส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ใต้เท้าเหยียนหลิงที่จวนเฉินขอรับ บอกว่าเชิญใต้เท้าเหยียนหลิงเข้าวังเดี๋ยวนี้ และให้คิดหาทางทำให้ฝ่าบาททรงฟื้นก่อนขอรับ”

“ทำให้พระองค์ทรงฟื้นหรือ?” ฉู่ซินรุ่ยตกใจ จนถ้วยชาในมือร่วงหล่นลงพื้นเสียงดัง

“ขอรับ!” เฉินซื่อพยักหน้า “องค์ชายว่าเช่นนั้น บอกว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ควรให้ฝ่าบาทได้ทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองขอรับ”

ฉู่ซินรุ่ยตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก

ถึงฮ่องเต้หมดสติ ในวังก็ยังมีฉู่อี้อันอยู่ เดิมทีพวกเขาทำเรื่องนี้ก็เท่ากับช่วงชิงชัยชนะท่ามกลางอันตรายอยู่แล้ว และกำลังคนที่ใช้ได้ในมือก็มีจำกัด ดังนั้นต้องทำอะไรที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงให้ได้ถึงจะดี

ทว่าฉู่อี้เจี่ยนทำเช่นนี้…

เขากำลังเล่นอยู่กับไฟอย่างชัดเจน

ฝ่ามือของฉู่ซินรุ่ยเริ่มเหงื่อออกเล็กน้อย นางดูเหมือนกระวนกระวายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีไปทั้งตัว

แม้แต่สาวใช้สองคนข้างกายนางก็ล้วนเห็นนางสติหลุดแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกวุ่นวายใจตามไปด้วยเช่นกัน และเอ่ยเสียงสั่นว่า “ท่านหญิง เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”

“ไม่เป็นไร!” ฉู่ซินรุ่ยตอบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด

ฮวนเกอถือผ้าเช็ดหน้าจะเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากให้นาง แต่กลับถูกนางยกมือขวางไว้

ฉู่ซินรุ่ยเดินกลับไปกลับมาในห้องอย่างร้อนใจ ความคิดหมุนวนในสมองอย่างรวดเร็ว จนนางคิดทบทวนไม่หยุด

ช่วงนี้ฉู่อี้เจี่ยนท่าทางผิดปกติมาก ไม่ใช่ว่านางไม่รู้สึก ทว่าเรื่องใหญ่ขนาดเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของคนเช่นนี้ ตอนนี้เขาคิดอย่างไรกันแน่?

ฉู่ซินรุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกกังวล

ทันใดนั้นพลันนึกถึงเรื่องในคืนวันเทศกาลไหว้พระจันทร์นั้นขึ้นมา แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างกะทันหัน

“ฮวนเกอ ชิงเกอ พวกเจ้าออกไปให้หมดก่อน!” ฉู่ซินรุ่ยหยุดฝีเท้าและสั่งอย่างเฉียบขาด

สองสาวใช้นิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่านางจะทำอะไร ทว่าพอเห็นนางสีหน้าจริงจัง ก็รีบถอยออกไปพร้อมกับปิดประตู

เฉินซื่อยังคงคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น เขาก้มหน้ามองกระเบื้องปูพื้นตลอด และไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“พี่ห้าปิดบังข้าเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” ฉู่ซินรุ่ยเข้าประเด็นทันที นางเดินไปถึงตรงหน้าเฉินซื่อ แล้วก้มมองเขาจากที่สูงกว่า “เจ้ารู้อะไรบ้าง? บอกข้ามา!”

“ข้า…ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นขอรับ” เฉินซื่อตอบ พลางพยายามก้มศีรษะต่ำไม่ให้ตนเองเผยความรู้สึกออกไป “ข้าทำงานและเชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายมาตลอด ส่วนเรื่องอื่น…”

“เจ้าคอยติดตามพี่ห้าอย่างใกล้ชิดมาตลอดเลยหรือ?” ฉู่ซินรุ่ยเอ่ยแทรกคำพูดของเขาเสียงเฉียบขาด นางหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเย็นชาตามไปด้วย และค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา “ถึงบางเรื่อง เขาจะไม่ได้บอกเจ้าเอง แต่ที่เจ้ารู้ได้ก็ไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะแกล้งไม่รู้ตบตาข้า เจ้าก็ดูออกแล้ว พี่ห้าจิตใจสับสนวุ่นวาย ข้าจำเป็นต้องรู้ว่าใจเขาคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นต่อให้ต้องเตือนก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน!”

“เอ่อ…” เฉินซื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทว่ายังคงก้มศีรษะลงต่ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+