สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 34.5 ท่าไม้ตายขัดขวางความรัก! (5)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 34.5 ท่าไม้ตายขัดขวางความรัก! (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางเลียนแบบทั้งคำพูดและการกระทำของเขา แต่กลับไม่ชำนาญและไม่คล่องแคล่วจนเรียกได้ว่ายังด้อยฝีมือนัก

แต่กับคนที่ชอบก็เป็นเช่นนี้ เวลาที่ชายหญิงต่างมีใจให้กันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพียงแค่กอดหรือจูบเบาๆ ก็ทำให้รู้สึกทั้งใจสั่นและตื่นเต้นดีใจ

เหยียนหลิงจวินถูกนางทับไว้ใต้ร่าง ถึงแม้เขาจะชอบใจ แต่ก็รู้สึกว่ารับไม่ค่อยได้ เขาอยากจะลองพลิกเป็นฝ่ายกระทำอยู่หลายครั้ง

แต่เหมือนนางตั้งใจไม่ยอมอ่อนข้อให้จนเขาลำบากใจ เขาจะใช้กำลังกับนางจนเจ็บจริงก็ไม่ได้ แม้จะพยายามฝืนต่อต้านอยู่หลายครั้งก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า

เหยียนหลิงจวินใช้แขนกดหลังนางไว้แล้วหมุนตัวนางไปไว้ข้างตัว ขณะที่เขาวิเคราะห์สถานการณ์และคาดคะเนความเป็นไปได้แล้วกำลังจะจูบตอบไป…

กลับเห็นฉู่สวินหยางรีบลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน นัยน์ตาของนางฉายแววเจ้าเล่ห์ แล้วนางก็ปลีกตัวถอยออกไปโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

เหยียนหลิงจวินงับได้แต่ความว่างเปล่า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดใจจนหน้าแดงก่ำ

ฉู่สวินหยางยังคงดันหน้าอกเขาไว้และกึ่งซบอยู่บนตัวเขา นางเลิกคิ้วมองและย้อนถาม

 “ใครหลอกง่ายกันแน่?”

เหยียนหลิงจวินไร้ซึ่งคำตอบ

ผู้หญิงคนนี้เหมือนเป็นเด็กน้อยเวลาที่คิดแต่จะเล่น

เดิมทีเหยียนหลิงจวินก็ทำตัวไม่ถูกเพราะตอนนี้โดนนางล้มทับอยู่แบบนี้อยู่แล้ว พอได้ฟังหน้าก็ยิ่งเปลี่ยนสีไปมาไม่หยุด เดี๋ยวดำสลับขาว เดี๋ยวขาวสลับแดง

ฉู่สวินหยางยังคงรอยั่วยุเขา

ทันใดนั้นเขาก็ลดแรงลง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “อย่ามาเฉไฉ หลัวเถิงนั่นอย่างไรกันแน่?”

ทว่าฉู่สวินหยางได้ยินแล้วกลับชะงักไปคล้ายทำตัวไม่ถูก

เหยียนหลิงจวินเห็นนางเหม่อลอย นัยน์ตาก็ทอประกายวาบ เขาสบโอกาสกอดกระชับร่างบางและฉวยโอกาสพลิกตัวทับนางไว้ใต้ร่างได้ในที่สุด

ครั้งนี้เขาทำไปเพื่อกู้หน้าเท่านั้นและไม่เปิดโอกาสให้ฉู่สวินหยางได้ตอบกลับเช่นกัน เขาพยายามควบคุมตนเองและบดจูบอย่างเร่าร้อน

ฉู่สวินหยางดิ้นรนเท่าไรก็ไม่ได้ผลและยังโดนเขาเล้าโลมอีก นางไม่คิดอะไรอีกแล้ว ตอนนี้จิตใจช่างสั่นไหว ได้เพียงแต่กอดคอเขาและจูบตอบไป

เหยียนหลิงจวินทั้งกลุ้มใจและตื่นเต้น จนไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกันแน่แล้วจริงๆ

เขาชอบที่นางเป็นแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ฉู่สวินหยางตอบโต้เขาอย่างเอาแต่ใจเช่นนี้ก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบจนอยากจะกระอักเลือด

เพื่อยับยั้งความรู้สึกอันซับซ้อนจนอธิบายไม่ถูกนี้ เขาจึงไม่คิดอะไรมากอีกแล้ว เพียงแค่ทำไปตามความรู้สึก เขาเต็มใจที่จะครอบครองและพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นางสามารถให้ได้ที่สุด

คราแรกเหมือนสองคนกำลังต่อสู้กัน ทว่าภายหลังคล้ายถูกอารมณ์ชักนำไปจนเริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่ จุมพิตนี้แสนยาวนาน พวกเขาทำให้อุณหภูมิทั้งรถพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดจนร้อนรุ่มไปหมด ในที่สุดเหยียนหลิงจวินก็ดันตัวหลบออกไปด้วยสติสุดท้ายอันน้อยนิด และซบหน้าหอบหายใจหนักตรงไหปลาร้าของฉู่สวินหยางเงียบๆ เพื่อปรับลมหายใจ

ฉู่สวินหยางคล้ายอ่อนระทวยจนไร้เรี่ยวแรงเช่นกัน นางปล่อยให้เขาซบไม่คิดขยับหนี จนกระทั่งเหยียนหลิงจวินดีขึ้นพอตัวแล้ว เขาก็ลุกขึ้นนั่งและส่งมือให้นาง

ฉู่สวินหยางจับมือเขาอย่างไม่อิดออด แต่หลังจากลุกขึ้นนั่งแล้วนางก็สะบัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วลงไปนั่งจัดเสื้อผ้าและทรงผมให้เรียบร้อยอยู่บนพรม

เหยียนหลิงจวินเอนหลังกึ่งพิงผนังรถ เขาอมยิ้มมุมปากมองนางไปพลางๆ

ฉู่สวินหยางจัดการตนเองเรียบร้อยแล้วก็เงยหน้าจ้องเขาเขม็งอย่างไม่พอใจอีกหน แล้วยกชายกระโปรงขึ้นจะลงไปจากรถ

“อ๊ะ!” เหยียนหลิงจวินร้อนใจจนรีบคว้าข้อมือนางไว้ แล้วฉวยโอกาสก้าวไปกางแขนขวางทางและกักตัวนางไว้ระหว่างตัวเขากับรถ เขาก้มหน้าไปคลอเคลียปลายจมูกกับนาง พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังพูดไม่จบเลย!”

ฉู่สวินหยางทนการเล้าโลมของเขาไม่ไหว แต่สุดท้ายพอนึกถึงที่ลืมตัวไปเมื่อครู่ นางก็หน้าหนาไม่เท่าเขา

อีกทั้งตอนนี้นางก็กำลังตกใจ จึงแสร้งทำเป็นเขินอาย แล้วขยับคอหนีไปด้านข้างอย่างอึดอัด พลางเอ่ยอย่างไม่มั่นใจว่า “อะไร?”

“ต่อไปอยู่ให้ห่างคนแซ่หลัวนั่นหน่อย!” เหยียนหลิงจวินกล่าว แม้เสียงจะยังคงเบามาก แต่กลับเจือความโกรธแค้นอย่างไร้สาเหตุ “ไม่งั้นข้อตกลงระหว่างเราเป็นโมฆะ แล้วข้าจะให้ท่านลุงไปสู่ขอเจ้าจากองค์รัชทายาทเดี๋ยวนี้!”

ทีแรกฉู่สวินหยางได้ยินประโยคแรกของเขาก็แปลกใจจนไม่ได้ใส่ใจนัก

ทว่าพอได้ยินประโยคหลังนางก็เปลี่ยนใจทันที และหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “ถ้าเจ้าอยากไปก็ไปเถอะ อย่างไรท่านพ่อก็ไม่มีทางตกลงหรอก”

นางรู้นิสัยฉู่อี้อันดีที่สุด ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องของนางแม้แต่เรื่องเดียว แต่เหยียนหลิงจวินเป็นคนที่มีเบื้องหลังน่าสงสัยเช่นนี้ ยังไงก็ไม่มีทางผ่านด่านเขาได้ง่ายๆ แน่นอน

เหยียนหลิงจวินไม่รู้จะตอบโต้นางอย่างไรแล้วจริงๆ จึงก้มลงไปจูบปลายจมูกนาง ยั่วให้นางตกใจเล่น แล้วย้ำอีกครั้งว่า “ข้าบอกว่าต่อไปให้เจ้าอยู่ห่างคนแซ่หลัวนั่นไว้หน่อย จำได้แล้วหรือไม่?”

ฉู่สวินหยางยังคงรู้สึกแปลกใจ “เมื่อวานแค่บังเอิญเจอกันแล้วคุยกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”

“แค่คุยกันนิดหน่อยหรือ?” แต่เหยียนหลิงจวินกลับข่มขู่

“ฮองเฮาเสด็จสวรรคตแล้ว จุดยืนของตระกูลหลัวก็กลับมาเป็นกลางอีกครั้ง หากเวลานี้ข้าจะมีน้ำใจกับพวกเขาก็ไม่ผิดนัก” ฉู่สวินหยางยิ่งขมวดคิ้ว

เรื่องที่นางกำลังติดต่อกับคนของตระกูลหลัวตอนนี้เป็นเรื่องปกติมาก เหยียนหลิงจวินช่างเข้าใจยากเสียจริง

“เจ้าไม่คิดว่าเจ้าเด็กนั่นมีน้ำใจกับเจ้าเป็นพิเศษหรือ?” เหยียนหลิงจวินคิดว่าหากพูดจาอ้อมค้อมกับนางต่อไปก็คงต้องบังคับกันจนช้ำใจแล้ว จึงจำเป็นต้องเอ่ยให้ตรงประเด็นตั้งแต่แรก

ฉู่สวินหยางฟังแล้วกลับชะงักไป แล้วก็รู้สึกว่าน่าขำ “เจ้าคิดมากไปแล้ว…”

“ข้าคิดมากหรือ? เขาบุ่มบ่ามบุกมาถึงที่ขนาดนี้แล้ว ข้าคิดมากไปจริงหรือ?” แต่เหยียนหลิงจวินยังไม่ยอม “เมื่อวานเจ้าเชิญเขาเข้าไปดื่มชาในวังหรือ?”

“ทีแรกก็ตกลงกันเรียบร้อยตั้งแต่บนถนนแล้ว…” ฉู่สวินหยางเอ่ย

“ช่างเถอะ ข้าไม่อยากฟังแล้ว” เหยียนหลิงจวินเอ่ยแทรกคำพูดนางด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่พอใจอย่างชัดเจน แล้วย้ำเตือนอีกรอบ “เอาเป็นว่าต่อไปก็อยู่ให้ห่างเขาหน่อย!”

ฉู่สวินหยางคิดว่าเสียเวลาอยู่ที่นี่กับเขานานไปแล้วก็ไม่อยากกวนอีก จึงตอบรับแบบขอไปที

“ต่อไปจะติดต่อกันน้อยลงแล้วกัน!”

นางพูดไปก็อยากถามเขาว่าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แต่คิดแล้วก็รู้สึกว่าไร้สาระ สุดท้ายจึงเงียบไป

เหยียนหลิงจวินก็รู้ว่าโอ้เอ้อยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก จึงคลอเคลียปลายจมูกกับแก้มนางอีกหนแล้วถึงปล่อยตัวนางไป เขาปัดผมที่ตกลงมาบนไหล่ไปข้างหลังให้นาง พลางเอ่ยว่า “เข้าไปเถอะ อย่างมากหนึ่งชั่วยาม พระชายาก็น่าจะฟื้นแล้ว”

“อื้ม!” ฉู่สวินหยางก้มหน้าพยักหน้า แล้วหันตัวลงจากรถไป

เหยียนหลิงจวินก็ตามลงมาด้วยและกระโดดขึ้นหลังม้า

ฉู่สวินหยางกลับเข้าไปก่อน แล้วเขาก็พาเชินหลานขับรถม้าออกไปนอกตรอก

ทว่าพอออกมาจากตรอกแล้วเงยหน้าขึ้นกลับเห็นม้าของหลัวเถิงหยุดอยู่ใต้ต้นหลิวไม่ไกลนัก และกำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

———————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด