สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 72.3 ยอมได้งั้นเหรอ? (3)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 72.3 ยอมได้งั้นเหรอ? (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในใจของฮั่วชิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความสับสนมึนงง แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์เลวร้ายของฮั่วกังแล้วก็เลิกคิดและหันหลังเดินตามนางเข้าไป

ฉู่สวินหยางเองก็ไม่ได้พานางไปเรือนจิ่นฮว่าเหมือนอย่างเคย ทว่ากลับพามานั่งลงที่ห้องโถงหลัก

เมื่อข้ารับใช้ยกน้ำชามาให้ นางก็นั่งยกถ้วยชาขึ้นดื่มอยู่บนที่นั่งเจ้าบ้านอย่างช้าๆ ขึ้นไปหนึ่งคำ

ฮั่วชิงเอ๋อร์เองก็เดินเข้ามา เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนที่สูงส่งเยี่ยงนั้น ท่าทางของมันช่างเหมือนกับกษัตริย์กำลังก้มมองข้าราชบริพารก็ไม่ปาน จู่ๆ มันก็ทำให้นางรู้สึกห่างเหินมากเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงทำให้รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาเล็กน้อยภายในใจ

“ท่านหญิง!” ตอนที่นางเอ่ยออกมาก็เผลอเปลี่ยนสรรพนามไปอย่างไม่รู้ตัว พยายามคิดคำที่พูดออกมาอย่างรอบคอบ “เมื่อกี่วันก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าท่านได้รับอุบัติเหตุ คงไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมเจ้าคะ ข้าเห็นว่าท่าน…”

“เข้าประเด็นเถอะ ข้ายังมีธุระอื่นต้องไปทำอีก” ฉู่สวินหยางกล่าวแทรกขึ้นโดยไม่รอให้นางพูดจบประโยค

“ข้า…” ฮั่วชิงเอ๋อร์อึ้งไปชั่วครู่ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันใด

ฮั่วชิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด ฉู่สวินหยางเพียงแค่ออกเดินทางไปรอบเดียวเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ท่าทีปฏิบัติของนางถึงได้แตกต่างยิ่งกว่าหน้ากับหลังมือแบบนี้

ใช่ว่าฮั่วชิงเอ๋อร์จะไม่เคยพบเจอฉู่สวินหยางที่เย็นชาท่าทางเกรงขามแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นนางทำแบบนี้กับคนอื่น แต่วันนี้อีกฝ่ายที่นางกระทำด้วยเป็นตัวเอง อย่างไรมันก็ทำให้ฮั่วชิงเอ๋อร์รู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“ไม่พูดใช่ไหมงั้นก็ช่างเถอะ ชิงเถิง ส่งแขกด้วย!” ฉู่สวินหยางเองก็อยากไม่เสียเวลากับนางไปมากกว่านี้ จึงวางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้น

“ท่านพ่อของข้าป่วย หลายวันมานี้ไข้ขึ้นสูงไม่ลดเลย ตั้งแต่เมื่อวานก็ลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว ข้าเชิญหมอไปแล้วหลายคน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด คงมีแต่ท่านหมออาวุโสเฉินเท่านั้นที่พอจะช่วยได้” ในที่สุดฮั่วชิงเอ๋อร์ก็ฮึดแรงสู้ แววตากลอกกลิ้งไปทั่วห้องนั้นอย่างร้อนรนใจ สุดท้ายก็หันมามองฉู่สวินหยางแล้วรีบพูดขึ้น “แต่ท่านหมออาวุโสเฉินเป็นคนแปลก คนปกติเชิญเขาไม่ได้ สวินหยาง ข้ารู้มาว่าเจ้ากับจวนพวกเขาสนิทกัน เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่?”

“ข้าช่วยท่านพี่ไม่ได้หรอก!” ฉู่สวินหยางพูดตัดบทอย่างเย็นชาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเดินไปยังท้ายเรือนทันที

ฮั่วชิงเอ๋อร์ตกใจที่ถูกฉู่สวินหยางพูดใส่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาแข็งทื่อแบบนั้นเข้าใส่ จนทำตัวไม่ถูก ได้แต่ตะลึงมึนงงอยู่ตรงนั้น

ถึงแม้นิสัยของฉู่สวินหยางจะไม่นับว่าอ่อนโยน แต่ที่ผ่านมานางก็โอบอ้อมอารีมีมารยาททุกครั้ง ที่จริงนางเป็นคนที่เข้าหาง่ายด้วยซ้ำไป แต่ครั้งนี้ฮั่วชิงเอ๋อร์เพิ่งจะเคยเห็นฉู่สวินหยางเป็นแบบนี้ครั้งแรกจริงๆ

“น้องสวินหยาง!” เมื่อฮั่วชิงเอ๋อร์รู้สึกตัวก็รีบเดินตามไป พลางพูดขึ้นด้วยใบหน้าขาวซีดเซียว “เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ? ข้าไปทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า  ข้า…”

“มันไม่เกี่ยวกับท่านหรอก!” ฉู่สวินหยางกล่าว วันนี้นางอารมณ์เสียมากจนหาสาเหตุไม่ได้ นางแทบไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อแม้แต่วินาทีเดียว จึงเพียงกระตุกมุมปากขึ้นเสียดสีอย่างเย็นชา “การที่ท่านมาที่นี่วันนี้ ดูท่าฮูหยินฮั่วคงไม่รู้เรื่องนี้สินะเจ้าคะ? ไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าข้าจะช่วยไปคุยกับท่านหมออาวุโสเฉินให้ ถึงแม้ข้าจะเชิญเขามาได้จริงๆ…”

นางพูดไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นยะเยือกขึ้น นางจ้องมองดวงตาของฮั่วชิงเอ๋อร์ ในแววตาของนางราวกับมีเปลวไฟปะทุอยู่ มองดูแล้วรู้สึกถึงความชั่วร้ายแฝงอยู่พอสมควร

มือของฮั่วชิงเอ๋อร์สั่นระริก กว่าจะรู้สึกตัวก็ปล่อยแขนเสื้อนางออกแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว

จากนั้นฉู่สวินหยางจึงค่อยพูดอย่างเย็นชาขึ้นมาอีกครั้งว่า “ท่านกลับไปถามฮูหยินฮั่วเถิดว่าเขากล้าให้ท่านหมออาวุโสเฉินไปรักษาหรือไม่!”

พูดถึงแค่เรื่องที่ฮั่วกังทำกับเหยียนหลิงจวินลงไปก็พอ เขายังมีหน้าคิดจะเชิญเฉินเกิงเหนียนไปตรวจดูอาการให้อีกงั้นหรือ? กลัวว่าถ้าหากเฉินเกิงเหนียนเข้าประชิดตัวเขาได้เมื่อไร ตอนนั้นถึงจะเป็นเทพเซียนจากที่ไหนก็คงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว

ฉู่สวินหยางพูดจบก็ไม่มองฮั่วชิงเอ๋อร์อีก เดินเข้าไปด้านหลังทันที

ฮั่วชิงเอ๋อร์ยืนงงอยู่กับที่ กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น รู้สึกสับสนมึนงงขึ้นมาอีกครา…

นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าภายในช่วงเวลาที่ผ่านไปเมื่อครู่นั้นมันหมายความว่าอย่างไร

ฉู่สวินหยางเองก็อัดอั้นอารมณ์มาแล้วครึ่งค่อนวัน ในใจของนางเตือนสติอยู่เสมอว่าให้แยกแยะ สิ่งที่ฮั่วกังกระทำลงไปมันไม่เกี่ยวข้องกับฮั่วชิงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายถึงได้บังคับจิตใจเอาไว้ได้ จนต้องสะบัดแขนเสื้อเดินหนีออกมาทันทีแบบนั้น

ใบหน้าของฮั่วชิงเอ๋อร์ซีดขาวขึ้นเล็กน้อย ฉู่สวินหยางเองก็คร้านที่จะพูดอะไรให้มากความ จึงหันตัวเดินเข้าไปด้านหลังทันที

ตอนที่ฮั่วชิงเอ๋อร์ออกมาจากวังบูรพาตอนนั้นนางก็ยังคงรู้สึกสับสนมึนงงอยู่ไม่น้อย จากนั้นรับสั่งให้วนรถกลับไปจวนสกุลฮั่วทันที

หลายวันมานี้ฮั่วกังนอนติดเตียงลุกไม่ขึ้น ฮูหยินฮั่วเองก็ยุ่งหัวหมุน จนแทบไม่มีเวลามาจัดการดูแลนาง

ฮั่วชิงเอ๋อร์เดินเข้าเรือนไปอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนั้นฮูหยินฮั่วกำลังรีบร้อนเดินออกมาจากด้านในห้องพอดี เมื่อเห็นนางมีสภาพแบบนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วถามขึ้นไม่ได้ “เจ้าออกไปข้างนอกมารึ? ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วไงว่าไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปข้างนอกซี้ซั้ว ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย! ท่านพ่อของเจ้าก็ยังป่วยอยู่ เจ้าเลิกสร้างปัญหาทำให้ข้าวุ่นวายได้แล้ว!”

ฮั่วกังเจ็บป่วย เพราะฉะนั้นเรื่องทุกอย่างในเรือนจึงตกมาเป็นภาระหน้าที่ของฮูหยินฮั่ว หลายวันมานี้ฮั่วชิงเอ๋อร์ก็สงสารนางมาก แต่พอเมื่อครู่ได้ยินฉู่สวินหยางพูดแบบนั้น นางก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา เดิมทีนางอยากอดทนเก็บมันไว้ในใจ แต่เมื่อนึกถึงท่าทีเย็นชาของฉู่สวินหยางแบบนั้นแล้ว นางก็ควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ จึงเอ่ยถามฮูหยินฮั่วตรงๆ ว่า“ท่านแม่เจ้าคะ ช่วงนี้ท่านเอาแต่สั่งห้ามไม่ให้ข้าไปพบฉู่สวินหยาง ท่านบอกว่ากลัวข้าจะไปรบกวนนาง แต่ที่จริง…ท่านมีเหตุผลอื่นใช่ไหมเจ้าคะ!”

ฮูหยินฮั่วอึ้งไปชั่วขณะ แววตาสั่นคลอนเล็กน้อยจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางถอนหายใจพลางตบไหล่ฮั่วชิงเอ๋อร์เบาๆ “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าก็รู้นี่ว่าช่วงนี้งานยุ่งแค่ไหน แค่ดูแลท่านพ่อของเจ้าข้าก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว ข้าก็กลัวแค่ว่าเจ้าออกไปเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะปกป้องดูแลเจ้าไม่ได้เท่านั้นเอง วันนี้ท่านพ่อของเจ้าไข้ขึ้นสูง ข้าเองต้องรีบออกไปข้างนอกสักหน่อย เจ้าก็กลับห้องไปพักผ่อนเถิด!”

เมื่อนางพูดจบก็เดินออกไปทางประตูใหญ่อย่างรีบร้อน

ฮั่วชิงเอ๋อร์มองแผ่นหลังของนางจากไปจนเห็นนางออกไปนอกเรือน ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปยังเรือนหลักแล้วเดินเข้าไปในเรือนที่ตัวเองพักอาศัยอยู่

เมื่อนางเดินเข้าไปยังสวนดอกไม้แล้ว ฮูหยินใหญ่ก็ออกมาจากด้านหลังภูเขาปลอมที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องไป

ฮั่วกังนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าอิดโรย ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางก็ยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยถามว่า “ชิงเอ๋อร์ไปวังบูรพามางั้นรึ?”

“เจ้าค่ะ!” ฮูหยินฮั่วตอบด้วยใบหน้าเย็นชา “ไปหาท่านหญิงฉู่สวินหยางมาน่ะเจ้าค่ะ เจ้าเด็กคนนี้ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของท่านกับวังบูรพาเป็นแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ใช่หนทางที่ดีสักหน่อย!”

“เรื่องที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ เจ้าบอกนางหรือยัง?” ทว่าฮั่วกังกลับไม่สนใจคำพูดของนางสักนิด เขาเพียงแต่เอ่ยถามขึ้นมา

ฮูหยินฮั่วตกใจตัวสั่น พลางแกล้งทำเป็นพูดขึ้น “ท่านคิดดีแล้วใช่ไหมเจ้าคะ ข้ากับท่านมีบุตรสาวแค่ชิงเอ๋อร์คนเดียวนะ ท่านจะส่งตัวนางไปจวนอ๋องรุ่ยชินจริงๆ งั้นหรือ?”

—————————

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 72.3 ยอมได้งั้นเหรอ? (3)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 72.3 ยอมได้งั้นเหรอ? (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในใจของฮั่วชิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความสับสนมึนงง แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์เลวร้ายของฮั่วกังแล้วก็เลิกคิดและหันหลังเดินตามนางเข้าไป

ฉู่สวินหยางเองก็ไม่ได้พานางไปเรือนจิ่นฮว่าเหมือนอย่างเคย ทว่ากลับพามานั่งลงที่ห้องโถงหลัก

เมื่อข้ารับใช้ยกน้ำชามาให้ นางก็นั่งยกถ้วยชาขึ้นดื่มอยู่บนที่นั่งเจ้าบ้านอย่างช้าๆ ขึ้นไปหนึ่งคำ

ฮั่วชิงเอ๋อร์เองก็เดินเข้ามา เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนที่สูงส่งเยี่ยงนั้น ท่าทางของมันช่างเหมือนกับกษัตริย์กำลังก้มมองข้าราชบริพารก็ไม่ปาน จู่ๆ มันก็ทำให้นางรู้สึกห่างเหินมากเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงทำให้รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาเล็กน้อยภายในใจ

“ท่านหญิง!” ตอนที่นางเอ่ยออกมาก็เผลอเปลี่ยนสรรพนามไปอย่างไม่รู้ตัว พยายามคิดคำที่พูดออกมาอย่างรอบคอบ “เมื่อกี่วันก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าท่านได้รับอุบัติเหตุ คงไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมเจ้าคะ ข้าเห็นว่าท่าน…”

“เข้าประเด็นเถอะ ข้ายังมีธุระอื่นต้องไปทำอีก” ฉู่สวินหยางกล่าวแทรกขึ้นโดยไม่รอให้นางพูดจบประโยค

“ข้า…” ฮั่วชิงเอ๋อร์อึ้งไปชั่วครู่ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันใด

ฮั่วชิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด ฉู่สวินหยางเพียงแค่ออกเดินทางไปรอบเดียวเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ท่าทีปฏิบัติของนางถึงได้แตกต่างยิ่งกว่าหน้ากับหลังมือแบบนี้

ใช่ว่าฮั่วชิงเอ๋อร์จะไม่เคยพบเจอฉู่สวินหยางที่เย็นชาท่าทางเกรงขามแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นนางทำแบบนี้กับคนอื่น แต่วันนี้อีกฝ่ายที่นางกระทำด้วยเป็นตัวเอง อย่างไรมันก็ทำให้ฮั่วชิงเอ๋อร์รู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“ไม่พูดใช่ไหมงั้นก็ช่างเถอะ ชิงเถิง ส่งแขกด้วย!” ฉู่สวินหยางเองก็อยากไม่เสียเวลากับนางไปมากกว่านี้ จึงวางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้น

“ท่านพ่อของข้าป่วย หลายวันมานี้ไข้ขึ้นสูงไม่ลดเลย ตั้งแต่เมื่อวานก็ลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว ข้าเชิญหมอไปแล้วหลายคน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด คงมีแต่ท่านหมออาวุโสเฉินเท่านั้นที่พอจะช่วยได้” ในที่สุดฮั่วชิงเอ๋อร์ก็ฮึดแรงสู้ แววตากลอกกลิ้งไปทั่วห้องนั้นอย่างร้อนรนใจ สุดท้ายก็หันมามองฉู่สวินหยางแล้วรีบพูดขึ้น “แต่ท่านหมออาวุโสเฉินเป็นคนแปลก คนปกติเชิญเขาไม่ได้ สวินหยาง ข้ารู้มาว่าเจ้ากับจวนพวกเขาสนิทกัน เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่?”

“ข้าช่วยท่านพี่ไม่ได้หรอก!” ฉู่สวินหยางพูดตัดบทอย่างเย็นชาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเดินไปยังท้ายเรือนทันที

ฮั่วชิงเอ๋อร์ตกใจที่ถูกฉู่สวินหยางพูดใส่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาแข็งทื่อแบบนั้นเข้าใส่ จนทำตัวไม่ถูก ได้แต่ตะลึงมึนงงอยู่ตรงนั้น

ถึงแม้นิสัยของฉู่สวินหยางจะไม่นับว่าอ่อนโยน แต่ที่ผ่านมานางก็โอบอ้อมอารีมีมารยาททุกครั้ง ที่จริงนางเป็นคนที่เข้าหาง่ายด้วยซ้ำไป แต่ครั้งนี้ฮั่วชิงเอ๋อร์เพิ่งจะเคยเห็นฉู่สวินหยางเป็นแบบนี้ครั้งแรกจริงๆ

“น้องสวินหยาง!” เมื่อฮั่วชิงเอ๋อร์รู้สึกตัวก็รีบเดินตามไป พลางพูดขึ้นด้วยใบหน้าขาวซีดเซียว “เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ? ข้าไปทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า  ข้า…”

“มันไม่เกี่ยวกับท่านหรอก!” ฉู่สวินหยางกล่าว วันนี้นางอารมณ์เสียมากจนหาสาเหตุไม่ได้ นางแทบไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อแม้แต่วินาทีเดียว จึงเพียงกระตุกมุมปากขึ้นเสียดสีอย่างเย็นชา “การที่ท่านมาที่นี่วันนี้ ดูท่าฮูหยินฮั่วคงไม่รู้เรื่องนี้สินะเจ้าคะ? ไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าข้าจะช่วยไปคุยกับท่านหมออาวุโสเฉินให้ ถึงแม้ข้าจะเชิญเขามาได้จริงๆ…”

นางพูดไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นยะเยือกขึ้น นางจ้องมองดวงตาของฮั่วชิงเอ๋อร์ ในแววตาของนางราวกับมีเปลวไฟปะทุอยู่ มองดูแล้วรู้สึกถึงความชั่วร้ายแฝงอยู่พอสมควร

มือของฮั่วชิงเอ๋อร์สั่นระริก กว่าจะรู้สึกตัวก็ปล่อยแขนเสื้อนางออกแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว

จากนั้นฉู่สวินหยางจึงค่อยพูดอย่างเย็นชาขึ้นมาอีกครั้งว่า “ท่านกลับไปถามฮูหยินฮั่วเถิดว่าเขากล้าให้ท่านหมออาวุโสเฉินไปรักษาหรือไม่!”

พูดถึงแค่เรื่องที่ฮั่วกังทำกับเหยียนหลิงจวินลงไปก็พอ เขายังมีหน้าคิดจะเชิญเฉินเกิงเหนียนไปตรวจดูอาการให้อีกงั้นหรือ? กลัวว่าถ้าหากเฉินเกิงเหนียนเข้าประชิดตัวเขาได้เมื่อไร ตอนนั้นถึงจะเป็นเทพเซียนจากที่ไหนก็คงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว

ฉู่สวินหยางพูดจบก็ไม่มองฮั่วชิงเอ๋อร์อีก เดินเข้าไปด้านหลังทันที

ฮั่วชิงเอ๋อร์ยืนงงอยู่กับที่ กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น รู้สึกสับสนมึนงงขึ้นมาอีกครา…

นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าภายในช่วงเวลาที่ผ่านไปเมื่อครู่นั้นมันหมายความว่าอย่างไร

ฉู่สวินหยางเองก็อัดอั้นอารมณ์มาแล้วครึ่งค่อนวัน ในใจของนางเตือนสติอยู่เสมอว่าให้แยกแยะ สิ่งที่ฮั่วกังกระทำลงไปมันไม่เกี่ยวข้องกับฮั่วชิงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายถึงได้บังคับจิตใจเอาไว้ได้ จนต้องสะบัดแขนเสื้อเดินหนีออกมาทันทีแบบนั้น

ใบหน้าของฮั่วชิงเอ๋อร์ซีดขาวขึ้นเล็กน้อย ฉู่สวินหยางเองก็คร้านที่จะพูดอะไรให้มากความ จึงหันตัวเดินเข้าไปด้านหลังทันที

ตอนที่ฮั่วชิงเอ๋อร์ออกมาจากวังบูรพาตอนนั้นนางก็ยังคงรู้สึกสับสนมึนงงอยู่ไม่น้อย จากนั้นรับสั่งให้วนรถกลับไปจวนสกุลฮั่วทันที

หลายวันมานี้ฮั่วกังนอนติดเตียงลุกไม่ขึ้น ฮูหยินฮั่วเองก็ยุ่งหัวหมุน จนแทบไม่มีเวลามาจัดการดูแลนาง

ฮั่วชิงเอ๋อร์เดินเข้าเรือนไปอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนั้นฮูหยินฮั่วกำลังรีบร้อนเดินออกมาจากด้านในห้องพอดี เมื่อเห็นนางมีสภาพแบบนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วถามขึ้นไม่ได้ “เจ้าออกไปข้างนอกมารึ? ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วไงว่าไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปข้างนอกซี้ซั้ว ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย! ท่านพ่อของเจ้าก็ยังป่วยอยู่ เจ้าเลิกสร้างปัญหาทำให้ข้าวุ่นวายได้แล้ว!”

ฮั่วกังเจ็บป่วย เพราะฉะนั้นเรื่องทุกอย่างในเรือนจึงตกมาเป็นภาระหน้าที่ของฮูหยินฮั่ว หลายวันมานี้ฮั่วชิงเอ๋อร์ก็สงสารนางมาก แต่พอเมื่อครู่ได้ยินฉู่สวินหยางพูดแบบนั้น นางก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา เดิมทีนางอยากอดทนเก็บมันไว้ในใจ แต่เมื่อนึกถึงท่าทีเย็นชาของฉู่สวินหยางแบบนั้นแล้ว นางก็ควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ จึงเอ่ยถามฮูหยินฮั่วตรงๆ ว่า“ท่านแม่เจ้าคะ ช่วงนี้ท่านเอาแต่สั่งห้ามไม่ให้ข้าไปพบฉู่สวินหยาง ท่านบอกว่ากลัวข้าจะไปรบกวนนาง แต่ที่จริง…ท่านมีเหตุผลอื่นใช่ไหมเจ้าคะ!”

ฮูหยินฮั่วอึ้งไปชั่วขณะ แววตาสั่นคลอนเล็กน้อยจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางถอนหายใจพลางตบไหล่ฮั่วชิงเอ๋อร์เบาๆ “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าก็รู้นี่ว่าช่วงนี้งานยุ่งแค่ไหน แค่ดูแลท่านพ่อของเจ้าข้าก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว ข้าก็กลัวแค่ว่าเจ้าออกไปเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะปกป้องดูแลเจ้าไม่ได้เท่านั้นเอง วันนี้ท่านพ่อของเจ้าไข้ขึ้นสูง ข้าเองต้องรีบออกไปข้างนอกสักหน่อย เจ้าก็กลับห้องไปพักผ่อนเถิด!”

เมื่อนางพูดจบก็เดินออกไปทางประตูใหญ่อย่างรีบร้อน

ฮั่วชิงเอ๋อร์มองแผ่นหลังของนางจากไปจนเห็นนางออกไปนอกเรือน ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปยังเรือนหลักแล้วเดินเข้าไปในเรือนที่ตัวเองพักอาศัยอยู่

เมื่อนางเดินเข้าไปยังสวนดอกไม้แล้ว ฮูหยินใหญ่ก็ออกมาจากด้านหลังภูเขาปลอมที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องไป

ฮั่วกังนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าอิดโรย ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางก็ยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยถามว่า “ชิงเอ๋อร์ไปวังบูรพามางั้นรึ?”

“เจ้าค่ะ!” ฮูหยินฮั่วตอบด้วยใบหน้าเย็นชา “ไปหาท่านหญิงฉู่สวินหยางมาน่ะเจ้าค่ะ เจ้าเด็กคนนี้ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของท่านกับวังบูรพาเป็นแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ใช่หนทางที่ดีสักหน่อย!”

“เรื่องที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ เจ้าบอกนางหรือยัง?” ทว่าฮั่วกังกลับไม่สนใจคำพูดของนางสักนิด เขาเพียงแต่เอ่ยถามขึ้นมา

ฮูหยินฮั่วตกใจตัวสั่น พลางแกล้งทำเป็นพูดขึ้น “ท่านคิดดีแล้วใช่ไหมเจ้าคะ ข้ากับท่านมีบุตรสาวแค่ชิงเอ๋อร์คนเดียวนะ ท่านจะส่งตัวนางไปจวนอ๋องรุ่ยชินจริงๆ งั้นหรือ?”

—————————

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+