สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 66.1 รักษาเมืองทั้งห้าเอาไว้ เจ้าไสหัวไปซะ (1)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 66.1 รักษาเมืองทั้งห้าเอาไว้ เจ้าไสหัวไปซะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ จะให้ส่งเทียบเชิญอันใดเล่า?

แล้วยังเป็นเทียบเชิญที่มิใช่สาส์นท้ารบ

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ในแววตามีความหยอกล้อกึ่งเคร่งขรึม

หลี่เหวยหยุดคำพูดของตน หันกลับออกไปแล้วกลับมาในเวลาไม่นาน ในมือถือเทียบเชิญสีทองฉบับหนึ่งเข้ามา

“เป็นคังจวิ้นอ๋องแห่งซีเยว่ขอรับ” หลี่เหวยกล่าว ความงงงวยปรากฏอยู่ในแววตาอย่างชัดเจน เขาเดินเข้าไปยื่นเทียบเชิญนั้นให้กับองค์รัชทายาทหนานฮวา

องค์รัชทายาทหนานฮวาเหลือบตามองแวบหนึ่ง ทว่ากลับเอนกายอยู่บนพนักเก้าอี้ ปรากฏความไม่แน่ใจอยู่ในดวงตาของเขา ไม่มีการขยับเคลื่อนไหวใดใด หรือพูดจาอันใดเป็นเวลาเนิ่นนาน

นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เหวยเห็นว่าเขาไม่ขยับเขยื้อน จึงอธิบายขึ้น “คังจวิ้นอ๋องแห่งซีเยว่นัดพบฝ่าบาทขอรับ”

“ฉู่ฉีเฟิง?” องค์รัชทายาทหนานฮวาหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง จึงหยิบเทียบเชิญนั้นขึ้นมาพิจารณาดูอีกหน พลิกไปพลิกมาราวกับต้องการพลิกหาสิ่งใดบนเทียบเชิญนั้น

“ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขานัดพบข้าเป็นการส่วนตัวเช่นนั้นหรือ?” องค์รัชทายาทหนานฮวาเพียงแค่หัวเราะเสียงเย็นออกมา และโยนเทียบเชิญนั้นลงบนโต๊ะ

เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เพียงแต่เลิกคิ้วมองไปทางหลี่เหวย

“หลังจากการศึกเมื่อวานนี้แล้ว สถานการณ์กองทัพยังระส่ำระสายจนถึงเวลานี้ ทางด้านซีเยว่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ข้าน้อยจึงไม่ได้สนใจนัก” หลี่เหวยเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง เขามีความละอายใจบนสีหน้า “ฝ่าบาทรอสักครู่ ข้าน้อยจะให้คนไปสอดแนมประเดี๋ยวนี้ขอรับ”

สีหน้าท่าทางขององค์รัชทายาทหนานฮวาไม่เปลี่ยน ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

หลี่เหวยหันกายเดินออกไปอย่างรีบเร่ง

เขายังคงนั่งเอนหลังอยู่บนพนักเก้าอี้แล้วถอนใจยืดยาว เงยหน้าขึ้นมองยอดกระโจมของกระโจมใหญ่ คิ้วขมวดและเป็นเวลาเนิ่นนานสายตาจึงได้กลับมาตกอยู่บนเทียบเชิญนั้น ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่ยากเกินบรรยาย

ฉู่ฉีเฟิงนัดพบเขา? เพื่ออันใด? เพราะฉู่สวินหยางใช่หรือไม่?

เมื่อคิดถึงสาวน้อยผู้นั้น ในใจของเขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เกิดเบื่อหน่ายขึ้นมาอีกครั้ง

ลาภยศสรรเสริญในช่วงครึ่งแรกของชีวิตนั้นเขายังไม่เคยลิ้มรสความรู้สึกจากมือของผู้อื่น แม้ว่าจะเป็นการผลักเรือตามน้ำอยู่หลายส่วนก็ตาม

ทว่าสาวน้อยผู้นั้นช่างไม่เหมือนใครจริงๆ

นางกล้าหาญที่จะเข้ามาในกองทัพของศัตรูที่มีทหารนับแสนเพียงลำพังคนเดียว? จะบอกว่านางทะนงตนจนเกินเหตุหรือจะบอกว่านางบ้าคลั่งจนไม่รู้ดีชั่วเล่า?

ต้องเผชิญหน้ากับการถูกลอบสังหาร แม้จะเป็นชายหนุ่มที่ผ่านการศึกบนสนามรบมาแล้วยังคงยากที่จะทำได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ทว่านางกลับทำได้

สุดท้ายเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ของเงาร่างที่ร่วงหล่นลงไปปรากฏแก่สายตานั้น ภายในใจยิ่งเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาอีก

แน่นอนว่าเขาเพียงแต่ให้คำอธิบายกับตนเอง ว่าไม่พอใจที่ตนเองไม่ได้จัดการนางด้วยน้ำมือของตน เพื่อลบล้างการดูหมิ่นนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกจิตใจสงบลงมาก จึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

หลี่เหวยออกไปเป็นเวลาค่อนข้างนาน เขายังไม่ทันได้กลับมา ด้านนอกมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น

ชายหนุ่มที่เดิมทีหลับตางีบจึงลืมตาขึ้น สายตาคมปลาบนั้นเปล่งประกายราวกับมีพลังของทำลายล้างชนิดหนึ่ง

“ฝ่าบาท…” องครักษ์ที่ทำการเฝ้าประตูอยู่ด้านนอกส่งเสียงร้องเรียกเข้ามาอย่างร้อนรน

“มีเรื่องอันใด?” องค์รัชทายาทหนานฮวาถามขึ้น ในน้ำเสียงมีความเย็นชาอยู่หลายส่วน

“องค์ชายหกเสด็จมาถึงแล้วขอรับ” องครักษ์ผู้นั้นตอบ “แจ้งว่าต้องการพบหน้าฝ่าบาทสักครู่ ฝ่าบาทสะดวกหรือไม่ขอรับ?” “เจ้าหก?” ริมฝีปากขององค์รัชทายาทหนานฮวายกยิ้มขึ้น ทว่ากลับเยียบเย็นยิ่งนัก เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหลับตาลงอีกครั้ง “บอกกับเขาว่าข้าไม่มีเวลา ค่อยว่ากันเถิด”

“ขอรับ” องครักษ์ผู้นั้นไม่ถามอันใด รับคำแล้วถอยออกไป

เสียงเอะอะโวยวายจากไกลๆ ที่ดังต่อเนื่องเมื่อสักครู่ค่อยๆ เงียบลงไป

เวลาผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วยาม หลี่เหวยจึงกลับเข้ามาจากด้านนอกกระโจมอีกครั้ง

“ฝ่าบาท” หลี่เหวยกล่าว ยกมือขึ้นคำนับ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก

องค์รัชทายาทหนานฮวาหรี่ตาลง พิงพนักเก้าอี้ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ทว่ากลับเอ่ยถามขึ้นตรงๆ “เวลาผ่านไปเพียงข้ามคืน เจ้าหกมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วนัก?”

“เดือนที่แล้วองค์ชายหกเสด็จซีเป่ยเพื่อดูแลเรื่องน้ำของตูเจี้ยนขอรับ ได้ยินว่ากำลังเดินทางกลับเมืองหลวงทว่าผ่านละแวกนี้ ทราบว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่จึงขอเข้าพบเพราะเป็นทางผ่านขอรับ” หลี่เหวยตอบ

“ทางผ่านหรือ? ทางผ่านนี้ไกลไปเสียหน่อยหรือไม่?” องค์รัชทายาทหนานฮวาหัวเราะเสียงเย็น สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วจึงเริ่มเปิดการสนทนาโดยไม่สนใจเขาอีกต่อไป “เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบเป็นอย่างไรบ้าง? ทางซีเยว่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”

“ไม่มีอันใดขอรับ” หลี่เหวยกล่าว สีหน้าแววตาเคร่งขรึมกว่าเมื่อสักครู่หลายส่วนนัก กระทั่งถอนใจเล็กน้อย “ท่านหญิงสวินหยางถูกคังจวิ้นอ๋องและคนอื่นๆ ช่วยขึ้นมาจากหน้าผา ได้ยินว่าเวลานั้นเป็นองครักษ์ที่กระโดดลงไปพร้อมกันดึงขึ้นมา นางไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดขอรับ”

“อ้อ?” องค์รัชทายาทหนานฮวานั่งตัวตรง ยื่นมือไปยกถ้วยน้ำชาและฝาน้ำชาดื่มลงคำหนึ่ง รู้สึกว่าน้ำชาเย็นชืดเสียแล้ว คิ้วที่ขมวดแน่นจึงคลายลง แววตาลุ่มลึกอย่างประหลาด ครู่หนึ่งจึงถอนใจลึกๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างคลุมเครือว่า “นางช่างดวงแข็งนัก”

“ขอรับ” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หลี่เหวยรู้สึกว่าไม่ใช่ความบังเอิญแน่ๆ เมื่อรับคำแล้วจึงกล่าวสืบเนื่องต่อไปว่า “ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อคืนในแคว้นฉู่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พูดกันว่าหลังจากท่านหญิงสวินหยางรอดมาได้นั้นนางเข้าออกแคว้นฉู่นับครั้งไม่ถ้วน ทว่าสถานการณ์โดยละเอียดยังไม่แน่ชัด ทว่ารุ่ยชินอ๋องฉู่ซิ่นได้ถูกกองกำลังทหารคุ้มครองส่งกลับเมืองหลวงไปแล้วขอรับ”

“อะไรกัน?” หว่างคิ้วขององค์รัชทายาทกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง ถอนใจอย่างจนปัญญาพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าแน่ใจว่าได้ข่าวมาไม่ผิดใช่หรือไม่? ไม่ได้จัดการเขาที่นี่หรอกรึ?” แต่คุ้มครองส่งกลับเมืองหลวง?”

“ถูกคุ้มครองส่งกลับเมืองหลวงแล้วขอรับ” หลี่เหวยกล่าว คิดแล้วในใจพลันเต็มไปด้วยความสับสน “ฝ่าบาท เรื่องนี้…จะมีผลกระทบต่อพวกเราหรือไม่ขอรับ?”

“แน่นอน…” องค์รัชทายาทหนานฮวาค่อยๆ ถอนหายใจออกมา แล้วเอนกายลงพิงกับพนักเก้าอี้อีกครั้ง เท้าศอกไว้บนโต๊ะสีหน้าเคร่งขรึม

ตลอดมาผู้ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับทางแคว้นฉู่คือฉางซือหมิง แม้จะใช้ชื่อของเขาจึงสามารถดึงฉู่ซิ่นเข้าเป็นพวกได้

แต่ในเรื่องนี้เขากลับยังมีไพ่ตายเหลืออยู่ในมือ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยออกหน้าว่าตนมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าว เหตุผลเดียวก็คือเมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแล้วจะได้ดึงตัวออกออกไปอย่างขาวสะอาด

ฉู่ซิ่นถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง เขากลับไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะนำเรื่องยุ่งยากเดือดร้อนมาให้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไม่ยอมรับก็เพียงพอแล้ว ไม่มีผู้ใดจับจุดอ่อนของเขาเอาไว้ในมือ

เพียงแต่การกระทำเช่นนี้ของฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางนั้นกลับผิดจากปกติอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้

สายตาคมปลาบจ้องไปที่เทียบเชิญบนโต๊ะ องค์รัชทายาทหนานฮวาครุ่นคิด แววตาค่อยๆ ลุ่มลึก ในที่สุดจึงตัดสินใจพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ตอบเทียบเชิญแก่ฉู่ฉีเฟิง ข้าจะไปพบเขา”

“ขอรับ” หลี่เหวยรับคำ หันกายเดินออกไป เดินไปได้สองก้าก็วนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหันจึงย้อนกลับมาอีกครั้ง “ใช่แล้วขอรับ ฝ่าบาท ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”

“พูด” องค์รัชทายาทหนานฮวากล่าว ส่งสายตาเป็นประกายคำถามให้เขา

—————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 66.1 รักษาเมืองทั้งห้าเอาไว้ เจ้าไสหัวไปซะ (1)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 66.1 รักษาเมืองทั้งห้าเอาไว้ เจ้าไสหัวไปซะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ จะให้ส่งเทียบเชิญอันใดเล่า?

แล้วยังเป็นเทียบเชิญที่มิใช่สาส์นท้ารบ

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ในแววตามีความหยอกล้อกึ่งเคร่งขรึม

หลี่เหวยหยุดคำพูดของตน หันกลับออกไปแล้วกลับมาในเวลาไม่นาน ในมือถือเทียบเชิญสีทองฉบับหนึ่งเข้ามา

“เป็นคังจวิ้นอ๋องแห่งซีเยว่ขอรับ” หลี่เหวยกล่าว ความงงงวยปรากฏอยู่ในแววตาอย่างชัดเจน เขาเดินเข้าไปยื่นเทียบเชิญนั้นให้กับองค์รัชทายาทหนานฮวา

องค์รัชทายาทหนานฮวาเหลือบตามองแวบหนึ่ง ทว่ากลับเอนกายอยู่บนพนักเก้าอี้ ปรากฏความไม่แน่ใจอยู่ในดวงตาของเขา ไม่มีการขยับเคลื่อนไหวใดใด หรือพูดจาอันใดเป็นเวลาเนิ่นนาน

นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เหวยเห็นว่าเขาไม่ขยับเขยื้อน จึงอธิบายขึ้น “คังจวิ้นอ๋องแห่งซีเยว่นัดพบฝ่าบาทขอรับ”

“ฉู่ฉีเฟิง?” องค์รัชทายาทหนานฮวาหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง จึงหยิบเทียบเชิญนั้นขึ้นมาพิจารณาดูอีกหน พลิกไปพลิกมาราวกับต้องการพลิกหาสิ่งใดบนเทียบเชิญนั้น

“ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขานัดพบข้าเป็นการส่วนตัวเช่นนั้นหรือ?” องค์รัชทายาทหนานฮวาเพียงแค่หัวเราะเสียงเย็นออกมา และโยนเทียบเชิญนั้นลงบนโต๊ะ

เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เพียงแต่เลิกคิ้วมองไปทางหลี่เหวย

“หลังจากการศึกเมื่อวานนี้แล้ว สถานการณ์กองทัพยังระส่ำระสายจนถึงเวลานี้ ทางด้านซีเยว่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ข้าน้อยจึงไม่ได้สนใจนัก” หลี่เหวยเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง เขามีความละอายใจบนสีหน้า “ฝ่าบาทรอสักครู่ ข้าน้อยจะให้คนไปสอดแนมประเดี๋ยวนี้ขอรับ”

สีหน้าท่าทางขององค์รัชทายาทหนานฮวาไม่เปลี่ยน ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

หลี่เหวยหันกายเดินออกไปอย่างรีบเร่ง

เขายังคงนั่งเอนหลังอยู่บนพนักเก้าอี้แล้วถอนใจยืดยาว เงยหน้าขึ้นมองยอดกระโจมของกระโจมใหญ่ คิ้วขมวดและเป็นเวลาเนิ่นนานสายตาจึงได้กลับมาตกอยู่บนเทียบเชิญนั้น ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่ยากเกินบรรยาย

ฉู่ฉีเฟิงนัดพบเขา? เพื่ออันใด? เพราะฉู่สวินหยางใช่หรือไม่?

เมื่อคิดถึงสาวน้อยผู้นั้น ในใจของเขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เกิดเบื่อหน่ายขึ้นมาอีกครั้ง

ลาภยศสรรเสริญในช่วงครึ่งแรกของชีวิตนั้นเขายังไม่เคยลิ้มรสความรู้สึกจากมือของผู้อื่น แม้ว่าจะเป็นการผลักเรือตามน้ำอยู่หลายส่วนก็ตาม

ทว่าสาวน้อยผู้นั้นช่างไม่เหมือนใครจริงๆ

นางกล้าหาญที่จะเข้ามาในกองทัพของศัตรูที่มีทหารนับแสนเพียงลำพังคนเดียว? จะบอกว่านางทะนงตนจนเกินเหตุหรือจะบอกว่านางบ้าคลั่งจนไม่รู้ดีชั่วเล่า?

ต้องเผชิญหน้ากับการถูกลอบสังหาร แม้จะเป็นชายหนุ่มที่ผ่านการศึกบนสนามรบมาแล้วยังคงยากที่จะทำได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ทว่านางกลับทำได้

สุดท้ายเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ของเงาร่างที่ร่วงหล่นลงไปปรากฏแก่สายตานั้น ภายในใจยิ่งเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาอีก

แน่นอนว่าเขาเพียงแต่ให้คำอธิบายกับตนเอง ว่าไม่พอใจที่ตนเองไม่ได้จัดการนางด้วยน้ำมือของตน เพื่อลบล้างการดูหมิ่นนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกจิตใจสงบลงมาก จึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

หลี่เหวยออกไปเป็นเวลาค่อนข้างนาน เขายังไม่ทันได้กลับมา ด้านนอกมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น

ชายหนุ่มที่เดิมทีหลับตางีบจึงลืมตาขึ้น สายตาคมปลาบนั้นเปล่งประกายราวกับมีพลังของทำลายล้างชนิดหนึ่ง

“ฝ่าบาท…” องครักษ์ที่ทำการเฝ้าประตูอยู่ด้านนอกส่งเสียงร้องเรียกเข้ามาอย่างร้อนรน

“มีเรื่องอันใด?” องค์รัชทายาทหนานฮวาถามขึ้น ในน้ำเสียงมีความเย็นชาอยู่หลายส่วน

“องค์ชายหกเสด็จมาถึงแล้วขอรับ” องครักษ์ผู้นั้นตอบ “แจ้งว่าต้องการพบหน้าฝ่าบาทสักครู่ ฝ่าบาทสะดวกหรือไม่ขอรับ?” “เจ้าหก?” ริมฝีปากขององค์รัชทายาทหนานฮวายกยิ้มขึ้น ทว่ากลับเยียบเย็นยิ่งนัก เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหลับตาลงอีกครั้ง “บอกกับเขาว่าข้าไม่มีเวลา ค่อยว่ากันเถิด”

“ขอรับ” องครักษ์ผู้นั้นไม่ถามอันใด รับคำแล้วถอยออกไป

เสียงเอะอะโวยวายจากไกลๆ ที่ดังต่อเนื่องเมื่อสักครู่ค่อยๆ เงียบลงไป

เวลาผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วยาม หลี่เหวยจึงกลับเข้ามาจากด้านนอกกระโจมอีกครั้ง

“ฝ่าบาท” หลี่เหวยกล่าว ยกมือขึ้นคำนับ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก

องค์รัชทายาทหนานฮวาหรี่ตาลง พิงพนักเก้าอี้ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ทว่ากลับเอ่ยถามขึ้นตรงๆ “เวลาผ่านไปเพียงข้ามคืน เจ้าหกมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วนัก?”

“เดือนที่แล้วองค์ชายหกเสด็จซีเป่ยเพื่อดูแลเรื่องน้ำของตูเจี้ยนขอรับ ได้ยินว่ากำลังเดินทางกลับเมืองหลวงทว่าผ่านละแวกนี้ ทราบว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่จึงขอเข้าพบเพราะเป็นทางผ่านขอรับ” หลี่เหวยตอบ

“ทางผ่านหรือ? ทางผ่านนี้ไกลไปเสียหน่อยหรือไม่?” องค์รัชทายาทหนานฮวาหัวเราะเสียงเย็น สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วจึงเริ่มเปิดการสนทนาโดยไม่สนใจเขาอีกต่อไป “เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบเป็นอย่างไรบ้าง? ทางซีเยว่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”

“ไม่มีอันใดขอรับ” หลี่เหวยกล่าว สีหน้าแววตาเคร่งขรึมกว่าเมื่อสักครู่หลายส่วนนัก กระทั่งถอนใจเล็กน้อย “ท่านหญิงสวินหยางถูกคังจวิ้นอ๋องและคนอื่นๆ ช่วยขึ้นมาจากหน้าผา ได้ยินว่าเวลานั้นเป็นองครักษ์ที่กระโดดลงไปพร้อมกันดึงขึ้นมา นางไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดขอรับ”

“อ้อ?” องค์รัชทายาทหนานฮวานั่งตัวตรง ยื่นมือไปยกถ้วยน้ำชาและฝาน้ำชาดื่มลงคำหนึ่ง รู้สึกว่าน้ำชาเย็นชืดเสียแล้ว คิ้วที่ขมวดแน่นจึงคลายลง แววตาลุ่มลึกอย่างประหลาด ครู่หนึ่งจึงถอนใจลึกๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างคลุมเครือว่า “นางช่างดวงแข็งนัก”

“ขอรับ” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หลี่เหวยรู้สึกว่าไม่ใช่ความบังเอิญแน่ๆ เมื่อรับคำแล้วจึงกล่าวสืบเนื่องต่อไปว่า “ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อคืนในแคว้นฉู่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พูดกันว่าหลังจากท่านหญิงสวินหยางรอดมาได้นั้นนางเข้าออกแคว้นฉู่นับครั้งไม่ถ้วน ทว่าสถานการณ์โดยละเอียดยังไม่แน่ชัด ทว่ารุ่ยชินอ๋องฉู่ซิ่นได้ถูกกองกำลังทหารคุ้มครองส่งกลับเมืองหลวงไปแล้วขอรับ”

“อะไรกัน?” หว่างคิ้วขององค์รัชทายาทกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง ถอนใจอย่างจนปัญญาพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าแน่ใจว่าได้ข่าวมาไม่ผิดใช่หรือไม่? ไม่ได้จัดการเขาที่นี่หรอกรึ?” แต่คุ้มครองส่งกลับเมืองหลวง?”

“ถูกคุ้มครองส่งกลับเมืองหลวงแล้วขอรับ” หลี่เหวยกล่าว คิดแล้วในใจพลันเต็มไปด้วยความสับสน “ฝ่าบาท เรื่องนี้…จะมีผลกระทบต่อพวกเราหรือไม่ขอรับ?”

“แน่นอน…” องค์รัชทายาทหนานฮวาค่อยๆ ถอนหายใจออกมา แล้วเอนกายลงพิงกับพนักเก้าอี้อีกครั้ง เท้าศอกไว้บนโต๊ะสีหน้าเคร่งขรึม

ตลอดมาผู้ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับทางแคว้นฉู่คือฉางซือหมิง แม้จะใช้ชื่อของเขาจึงสามารถดึงฉู่ซิ่นเข้าเป็นพวกได้

แต่ในเรื่องนี้เขากลับยังมีไพ่ตายเหลืออยู่ในมือ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยออกหน้าว่าตนมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าว เหตุผลเดียวก็คือเมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแล้วจะได้ดึงตัวออกออกไปอย่างขาวสะอาด

ฉู่ซิ่นถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง เขากลับไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะนำเรื่องยุ่งยากเดือดร้อนมาให้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไม่ยอมรับก็เพียงพอแล้ว ไม่มีผู้ใดจับจุดอ่อนของเขาเอาไว้ในมือ

เพียงแต่การกระทำเช่นนี้ของฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางนั้นกลับผิดจากปกติอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้

สายตาคมปลาบจ้องไปที่เทียบเชิญบนโต๊ะ องค์รัชทายาทหนานฮวาครุ่นคิด แววตาค่อยๆ ลุ่มลึก ในที่สุดจึงตัดสินใจพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ตอบเทียบเชิญแก่ฉู่ฉีเฟิง ข้าจะไปพบเขา”

“ขอรับ” หลี่เหวยรับคำ หันกายเดินออกไป เดินไปได้สองก้าก็วนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหันจึงย้อนกลับมาอีกครั้ง “ใช่แล้วขอรับ ฝ่าบาท ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”

“พูด” องค์รัชทายาทหนานฮวากล่าว ส่งสายตาเป็นประกายคำถามให้เขา

—————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+