สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 57.3 ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี! (3)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 57.3 ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี! (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉู่สวินหยางทายาให้เขาแล้ว แต่พอเห็นเขายังมีสีหน้าเช่นเดิมก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยเสียงเบาว่า “ก็กัดเจ้าแค่ครั้งเดียวไม่ใช่หรือ ใจแคบ!”

 

เหยียนหลิงจวินเอาแต่มองนางโดยไม่พูดไม่จา

 

เขาจงใจตีหน้าขรึม ฉู่สวินหยางถูกเขาจ้องจนเขินหน้าแดง ทว่าสุดท้ายก่อนที่นางจะทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา เหยียนหลิงจวินกลับกลั้นไม่ไหวจนหัวเราะเสียงดังออกมาเองก่อน

 

เขาโน้มตัวมาข้างหน้า

 

ฉู่สวินหยางก็เผลอเอนตัวไปข้างหลัง

 

เหยียนหลิงจวินกลัวนางจะตกเตียง จึงรีบยื่นมือไปรองหลังเอวของนางไว้ สีหน้าเขากลับมาเป็นปกตินานแล้วและเอ่ยเสียงใสว่า “ชดใช้!”

 

ฉู่สวินหยางมองหน้าเขาที่เข้ามาใกล้มากอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ฉกจูบเขาอย่างรวดเร็ว

 

เดิมทีนางอยากจะถอยออกมา แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายได้เตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาครอบครองริมฝีปากของนางอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นฝ่ายจูบแทน โดยไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสปลีกตัวออกมาแม้แต่นิดเดียว

 

เพราะด้านหลังตนเองว่างเปล่าไร้ที่พิง ฉู่สวินหยางก็ไม่กล้าขัดขืนแรงมากเกินไปเช่นกัน ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้กันเป็นครั้งแรกแล้ว ขณะที่แสร้งทำเป็นปฏิเสธนั้นพอถูกเขายั่วยวนปลุกปั่นอารมณ์ นางก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดและค่อยๆ จูบตอบเขาแต่โดยดี

 

เสียงฝนตกปรอยๆ ด้านนอกหยุดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ คล้ายจะมีเสียงลมพัดมาอย่างแผ่วเบา

 

ถึงแม้ในห้องยังถือว่าอุ่น แต่ฉู่สวินหยางก็ยังเผลอเบียดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีก

 

เหยียนหลิงจวินกอดนางไว้ จูบเดียวลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนเหมือนลืมตัวไปชั่วขณะ แม้กระทั่งตอนที่เขาสอดมือเข้าไปใต้เสื้อผ้าหลวมโพรกของนางทางด้านหน้าอีก ฉู่สวินหยางก็ไม่รู้สึกตัวสักนิด ทว่าแค่มือของเขาแตะต้องผิวกายอีกครั้ง นางก็สะดุ้งตกใจตื่นทันที

 

นางเงยหน้ามองเขาในทันใด แก้มแดงปลั่ง หอบเล็กน้อย และเอ่ยอย่างกังวลว่า “เดี๋ยวยังมีงานต้องทำอีกนะ!”

 

“ยังทันเวลา!” เหยียนหลิงจวินไม่ได้ฟังนางพูดอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเขาลากผ่านปลายจมูกนางไปและไล่เรื่อยไปจนถึงหลังหู สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผมนางเล็กน้อย พลางยิ้มเคลิบเคลิ้ม แล้วอ้าปากงับติ่งหูเล็กของนาง

 

ฉู่สวินหยางตัวสั่นเทิ้ม นางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเผลอเกร็งแขนกอดคอเขาแน่น

 

พอรู้สึกได้ว่านางตัวสั่นและประหม่า เหยียนหลิงจวินก็หัวเราะเสียงแหบต่ำอีก ริมฝีปากของเขาไล่เรื่อยลงไปตามคอจนไปถึงซอกคอของนาง

 

ฉู่สวินหยางทั้งสับสนทั้งกระวนกระวายจนเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี…

 

พูดจากใจลึกๆ แล้วนางไม่ได้รังเกียจที่ผู้ชายคนนี้ถึงเนื้อถึงตัว แต่อย่างไรก็เป็นครั้งแรกย่อมรู้สึกประหม่าและงุนงงไปเสียหมด

 

ร่างของนางสั่นเล็กน้อยยามที่โดนริมฝีปากของเขาสัมผัส ทว่าตอนที่กำลังไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรนั้นกลับรู้สึกปวดแสบตรงซอกคอขึ้นมา

 

ฉู่สวินหยางอึ้งจนชะงักไปชั่วขณะ ร่างของนางนิ่งไปอีกครั้ง กระทั่งตอนที่ปวดมากจริงๆ ถึงได้สติทันที นางยกมือลูบคอของตนเอง แม้ไม่มีเลือดออก แต่ทั้งชาทั้งปวดจนรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก

 

ทันใดนั้นนางถึงได้รู้ตัวว่าตนเองถูกหลอก พลางหันไปจ้องเขาอย่างดุร้ายทันที แล้วก็เจอกับใบหน้ายิ้มเอาแต่ใจของผู้ชายคนนี้อย่างที่คาดไว้จริงๆ เขาเลิกคิ้วและพูดกับนางว่า “ทำเช่นเดียวกับที่เจ้าทำกับข้า!”

 

ฉู่สวินหยางพลันรู้สึกกลุ้มใจในชั่วพริบตา สีหน้านางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทั้งโมโหทั้งอับอายระคนแค้นใจ

 

เหยียนหลิงจวินยื่นมือมาดึงคอเสื้อนางปิดให้เรียบร้อย แล้วกอดนางไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง เขาจูบปลายจมูกของนางและแซวอย่างอารมณ์ดีว่า “เป็นอะไรไป? ข้าไม่ทำอะไรต่ออีกหน่อย แล้วรู้สึกเสียดายหรือ?”

 

“เจ้า…” ฉู่สวินหยางหน้าแดงก่ำ เพราะถูกเขาย้อนเข้าให้จนพูดไม่ออก

 

เขาฝังหน้าลงไปตรงซอกคอของนางอีกครั้งและหัวเราะเสียงต่ำๆ ว่า “พวกเราไม่รีบร้อนนี่นา ต่อไปยังมีเวลาอีกนานชั่วชีวิต ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี อย่างไรก็รอให้ถึงวันแต่งงานเถอะ!”

 

ฉู่สวินหยางได้ยินแล้วก็รู้สึกใจอ่อนยวบอย่างบอกไม่ถูก และเงียบไม่พูดไม่จาไปครู่หนึ่ง

 

เหยียนหลิงจวินวางคางบนไหล่ของนาง เสียงของเขากลั้วหัวเราะเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่สีหน้าตอนนี้กลับยุ่งยากจนเดาใจไม่ถูกและเหมือนจะเจือความไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย

 

ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อใจหรือมั่นใจในตนเองมากนัก หลายครั้งเขาก็คิดจะแนบชิดนาง ตีตราของตนเองลงไปทุกส่วน และไม่ให้โอกาสนางได้ถอยหนีอีกเหมือนกัน

 

แต่ว่าตอนที่นางยังไม่ยินยอมพร้อมใจนั้น เขากลับพยายามยับยั้งอารมณ์ของตนเองอย่างที่สุด และบอกให้ตนเองควบคุมอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ให้ได้

 

หลังจากพบกันคืนนั้นที่เมืองหมิน เขาก็แน่ใจว่าเพียงแค่เขาเอ่ยปากขอ นางก็จะมอบกายให้เขาอย่างเต็มใจแน่นอน แต่ว่าของขวัญแบบนั้นกลับไม่ยุติธรรมกับนางเกินไป

 

ผู้หญิงที่เขาชอบคนนี้ควรจะมีชีวิตอยู่ด้วยการยืนอยู่ใต้เกียรติยศสูงส่งและจะให้ใครมาดูหมิ่นนางไม่ได้ คุ้มกับที่เขาอดทนทุ่มเทปกป้องอย่างสุดตัว

 

พอช่วยนางจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เหยียนหลิงจวินก็กอดฉู่สวินหยางไว้แล้วเอนกายนอนลง

 

ทีแรกเขากอดนางโดยที่ฉู่สวินหยางหันหลังให้เขา แต่หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ นางก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับเขา

 

เหยียนหลิงจวินก้มหน้าลงไปจูบเปลือกตาของนางและเอ่ยเสียงเบาว่า “ง่วงแล้วไม่ใช่หรือ? นอนหลับสักพักเถิด อย่างช้าที่สุดตอนบ่ายก็ต้องออกเดินทางแล้ว”

 

นิ้วมือของฉู่สวินหยางแตะคิ้วของเขา นางมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างยุ่งยากใจ

 

“ท่านพ่อพูดอะไรกับเจ้าใช่หรือไม่?”

 

นางเหมือนจะรู้สึกไม่สบายใจ จึงถือโอกาสถามเรื่องที่ฉู่อี้อันคุยกับเหยียนหลิงจวิน

 

“เจ้าคิดว่าเขาจะพูดอะไรกับข้า?” เหยียนหลิงจวินอมยิ้มแล้วถามกลับอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง

 

ฉู่สวินหยางได้ยินแล้วก็อดที่จะหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมาไม่ได้ นางยื่นมือไปโอบรอบคอและซ่อนใบหน้าไว้ตรงต้นคอของเขา

 

ฉู่อี้อันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของนางกับเหยียนหลิงจวินแน่นอน นางคาดการณ์เรื่องนี้ไว้นานแล้วเช่นกัน เพราะหากเขาคิดจะขัดขวางที่สองคนคบกันจริงก็คงจะไม่รอจนถึงวันนี้แน่

 

เพียงแต่ต่อให้เขาให้ท้ายกันเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกสบายใจแม้แต่นิดเดียว

 

“ก่อนที่ทุกอย่างที่นี่จะจบลง ข้าไม่อยากไปจากเขา!” ฉู่สวินหยางเอ่ย นางฝังหน้าลงไปตรงไหปลาร้าของเขาแทบมิด ไม่ให้เขาเห็นสีหน้าของตนเองได้

 

เหยียนหลิงจวินขมวดคิ้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในชั่วพริบตา

 

เขาค่อยๆ ตบหลังปลอบใจนาง ทว่าความรู้สึกไม่สบายใจกลับกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น…

 

ไม่เพียงแต่ท่าทีของฉู่อี้อันที่มีต่อเรื่องนี้ดูมีพิรุธอย่างยิ่ง แม้แต่ฉู่สวินหยางก็เหมือนกัน

 

พ่อลูกคู่นี้เหมือนกำลังจงใจปิดบังความลับบางอย่างที่น่าตกใจมากเอาไว้เพื่อปกป้องกันและกัน

 

แต่พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ฉู่สวินหยางบอกว่ากลับมาจากเมืองฉู่แล้วมีเรื่องจะคุยกับเขา หัวใจของเขาก็คล้ายจะเต้นผิดจังหวะอย่างไร้สาเหตุ…

 

สรุปแล้วเป็นเรื่องใหญ่โตที่ร้ายแรงอะไรกันแน่ ถึงทำให้ฉู่อี้อันทิ้งลูกสาวที่รักมาก ถึงขั้นขู่ว่าปล่อยนางไปไกลได้? และความลับแบบไหนกันที่สามารถทำให้คนแข็งแกร่งและห้าวหาญแบบฉู่สวินหยางฝืนอดทนและยอมอ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อปิดเป็นความลับเช่นนี้?

 

“อื้ม!” แม้ว่าจะรู้สึกกระวนกระวายใจแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเหยียนหลิงจวินก็เพียงแค่จูบขมับนาง “เจ้าจะว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ข้าตามใจเจ้าหมด แต่ตอนนี้นอนก่อนเถิด เจ้าบอกว่ารอให้กลับมาจากเมืองฉู่แล้วมีเรื่องจะคุยกับข้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นทุกอย่างก็รอให้กลับมาแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”

 

“อื้ม!” ฉู่สวินหยางหลับตาลงอย่างว่าง่ายแล้วเอนตัวมาพิงเขาอีก นางจัดท่าทางให้สบายและฝังหน้าลงไปตรงอกของเขาจนไร้ซึ่งช่องว่าง

 

—————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 57.3 ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี! (3)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 Chapter 57.3 ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี! (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉู่สวินหยางทายาให้เขาแล้ว แต่พอเห็นเขายังมีสีหน้าเช่นเดิมก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยเสียงเบาว่า “ก็กัดเจ้าแค่ครั้งเดียวไม่ใช่หรือ ใจแคบ!”

 

เหยียนหลิงจวินเอาแต่มองนางโดยไม่พูดไม่จา

 

เขาจงใจตีหน้าขรึม ฉู่สวินหยางถูกเขาจ้องจนเขินหน้าแดง ทว่าสุดท้ายก่อนที่นางจะทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา เหยียนหลิงจวินกลับกลั้นไม่ไหวจนหัวเราะเสียงดังออกมาเองก่อน

 

เขาโน้มตัวมาข้างหน้า

 

ฉู่สวินหยางก็เผลอเอนตัวไปข้างหลัง

 

เหยียนหลิงจวินกลัวนางจะตกเตียง จึงรีบยื่นมือไปรองหลังเอวของนางไว้ สีหน้าเขากลับมาเป็นปกตินานแล้วและเอ่ยเสียงใสว่า “ชดใช้!”

 

ฉู่สวินหยางมองหน้าเขาที่เข้ามาใกล้มากอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ฉกจูบเขาอย่างรวดเร็ว

 

เดิมทีนางอยากจะถอยออกมา แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายได้เตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาครอบครองริมฝีปากของนางอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นฝ่ายจูบแทน โดยไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสปลีกตัวออกมาแม้แต่นิดเดียว

 

เพราะด้านหลังตนเองว่างเปล่าไร้ที่พิง ฉู่สวินหยางก็ไม่กล้าขัดขืนแรงมากเกินไปเช่นกัน ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้กันเป็นครั้งแรกแล้ว ขณะที่แสร้งทำเป็นปฏิเสธนั้นพอถูกเขายั่วยวนปลุกปั่นอารมณ์ นางก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดและค่อยๆ จูบตอบเขาแต่โดยดี

 

เสียงฝนตกปรอยๆ ด้านนอกหยุดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ คล้ายจะมีเสียงลมพัดมาอย่างแผ่วเบา

 

ถึงแม้ในห้องยังถือว่าอุ่น แต่ฉู่สวินหยางก็ยังเผลอเบียดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีก

 

เหยียนหลิงจวินกอดนางไว้ จูบเดียวลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนเหมือนลืมตัวไปชั่วขณะ แม้กระทั่งตอนที่เขาสอดมือเข้าไปใต้เสื้อผ้าหลวมโพรกของนางทางด้านหน้าอีก ฉู่สวินหยางก็ไม่รู้สึกตัวสักนิด ทว่าแค่มือของเขาแตะต้องผิวกายอีกครั้ง นางก็สะดุ้งตกใจตื่นทันที

 

นางเงยหน้ามองเขาในทันใด แก้มแดงปลั่ง หอบเล็กน้อย และเอ่ยอย่างกังวลว่า “เดี๋ยวยังมีงานต้องทำอีกนะ!”

 

“ยังทันเวลา!” เหยียนหลิงจวินไม่ได้ฟังนางพูดอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเขาลากผ่านปลายจมูกนางไปและไล่เรื่อยไปจนถึงหลังหู สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผมนางเล็กน้อย พลางยิ้มเคลิบเคลิ้ม แล้วอ้าปากงับติ่งหูเล็กของนาง

 

ฉู่สวินหยางตัวสั่นเทิ้ม นางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเผลอเกร็งแขนกอดคอเขาแน่น

 

พอรู้สึกได้ว่านางตัวสั่นและประหม่า เหยียนหลิงจวินก็หัวเราะเสียงแหบต่ำอีก ริมฝีปากของเขาไล่เรื่อยลงไปตามคอจนไปถึงซอกคอของนาง

 

ฉู่สวินหยางทั้งสับสนทั้งกระวนกระวายจนเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี…

 

พูดจากใจลึกๆ แล้วนางไม่ได้รังเกียจที่ผู้ชายคนนี้ถึงเนื้อถึงตัว แต่อย่างไรก็เป็นครั้งแรกย่อมรู้สึกประหม่าและงุนงงไปเสียหมด

 

ร่างของนางสั่นเล็กน้อยยามที่โดนริมฝีปากของเขาสัมผัส ทว่าตอนที่กำลังไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรนั้นกลับรู้สึกปวดแสบตรงซอกคอขึ้นมา

 

ฉู่สวินหยางอึ้งจนชะงักไปชั่วขณะ ร่างของนางนิ่งไปอีกครั้ง กระทั่งตอนที่ปวดมากจริงๆ ถึงได้สติทันที นางยกมือลูบคอของตนเอง แม้ไม่มีเลือดออก แต่ทั้งชาทั้งปวดจนรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก

 

ทันใดนั้นนางถึงได้รู้ตัวว่าตนเองถูกหลอก พลางหันไปจ้องเขาอย่างดุร้ายทันที แล้วก็เจอกับใบหน้ายิ้มเอาแต่ใจของผู้ชายคนนี้อย่างที่คาดไว้จริงๆ เขาเลิกคิ้วและพูดกับนางว่า “ทำเช่นเดียวกับที่เจ้าทำกับข้า!”

 

ฉู่สวินหยางพลันรู้สึกกลุ้มใจในชั่วพริบตา สีหน้านางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทั้งโมโหทั้งอับอายระคนแค้นใจ

 

เหยียนหลิงจวินยื่นมือมาดึงคอเสื้อนางปิดให้เรียบร้อย แล้วกอดนางไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง เขาจูบปลายจมูกของนางและแซวอย่างอารมณ์ดีว่า “เป็นอะไรไป? ข้าไม่ทำอะไรต่ออีกหน่อย แล้วรู้สึกเสียดายหรือ?”

 

“เจ้า…” ฉู่สวินหยางหน้าแดงก่ำ เพราะถูกเขาย้อนเข้าให้จนพูดไม่ออก

 

เขาฝังหน้าลงไปตรงซอกคอของนางอีกครั้งและหัวเราะเสียงต่ำๆ ว่า “พวกเราไม่รีบร้อนนี่นา ต่อไปยังมีเวลาอีกนานชั่วชีวิต ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี อย่างไรก็รอให้ถึงวันแต่งงานเถอะ!”

 

ฉู่สวินหยางได้ยินแล้วก็รู้สึกใจอ่อนยวบอย่างบอกไม่ถูก และเงียบไม่พูดไม่จาไปครู่หนึ่ง

 

เหยียนหลิงจวินวางคางบนไหล่ของนาง เสียงของเขากลั้วหัวเราะเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่สีหน้าตอนนี้กลับยุ่งยากจนเดาใจไม่ถูกและเหมือนจะเจือความไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย

 

ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อใจหรือมั่นใจในตนเองมากนัก หลายครั้งเขาก็คิดจะแนบชิดนาง ตีตราของตนเองลงไปทุกส่วน และไม่ให้โอกาสนางได้ถอยหนีอีกเหมือนกัน

 

แต่ว่าตอนที่นางยังไม่ยินยอมพร้อมใจนั้น เขากลับพยายามยับยั้งอารมณ์ของตนเองอย่างที่สุด และบอกให้ตนเองควบคุมอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ให้ได้

 

หลังจากพบกันคืนนั้นที่เมืองหมิน เขาก็แน่ใจว่าเพียงแค่เขาเอ่ยปากขอ นางก็จะมอบกายให้เขาอย่างเต็มใจแน่นอน แต่ว่าของขวัญแบบนั้นกลับไม่ยุติธรรมกับนางเกินไป

 

ผู้หญิงที่เขาชอบคนนี้ควรจะมีชีวิตอยู่ด้วยการยืนอยู่ใต้เกียรติยศสูงส่งและจะให้ใครมาดูหมิ่นนางไม่ได้ คุ้มกับที่เขาอดทนทุ่มเทปกป้องอย่างสุดตัว

 

พอช่วยนางจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เหยียนหลิงจวินก็กอดฉู่สวินหยางไว้แล้วเอนกายนอนลง

 

ทีแรกเขากอดนางโดยที่ฉู่สวินหยางหันหลังให้เขา แต่หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ นางก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับเขา

 

เหยียนหลิงจวินก้มหน้าลงไปจูบเปลือกตาของนางและเอ่ยเสียงเบาว่า “ง่วงแล้วไม่ใช่หรือ? นอนหลับสักพักเถิด อย่างช้าที่สุดตอนบ่ายก็ต้องออกเดินทางแล้ว”

 

นิ้วมือของฉู่สวินหยางแตะคิ้วของเขา นางมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างยุ่งยากใจ

 

“ท่านพ่อพูดอะไรกับเจ้าใช่หรือไม่?”

 

นางเหมือนจะรู้สึกไม่สบายใจ จึงถือโอกาสถามเรื่องที่ฉู่อี้อันคุยกับเหยียนหลิงจวิน

 

“เจ้าคิดว่าเขาจะพูดอะไรกับข้า?” เหยียนหลิงจวินอมยิ้มแล้วถามกลับอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง

 

ฉู่สวินหยางได้ยินแล้วก็อดที่จะหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมาไม่ได้ นางยื่นมือไปโอบรอบคอและซ่อนใบหน้าไว้ตรงต้นคอของเขา

 

ฉู่อี้อันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของนางกับเหยียนหลิงจวินแน่นอน นางคาดการณ์เรื่องนี้ไว้นานแล้วเช่นกัน เพราะหากเขาคิดจะขัดขวางที่สองคนคบกันจริงก็คงจะไม่รอจนถึงวันนี้แน่

 

เพียงแต่ต่อให้เขาให้ท้ายกันเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกสบายใจแม้แต่นิดเดียว

 

“ก่อนที่ทุกอย่างที่นี่จะจบลง ข้าไม่อยากไปจากเขา!” ฉู่สวินหยางเอ่ย นางฝังหน้าลงไปตรงไหปลาร้าของเขาแทบมิด ไม่ให้เขาเห็นสีหน้าของตนเองได้

 

เหยียนหลิงจวินขมวดคิ้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในชั่วพริบตา

 

เขาค่อยๆ ตบหลังปลอบใจนาง ทว่าความรู้สึกไม่สบายใจกลับกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น…

 

ไม่เพียงแต่ท่าทีของฉู่อี้อันที่มีต่อเรื่องนี้ดูมีพิรุธอย่างยิ่ง แม้แต่ฉู่สวินหยางก็เหมือนกัน

 

พ่อลูกคู่นี้เหมือนกำลังจงใจปิดบังความลับบางอย่างที่น่าตกใจมากเอาไว้เพื่อปกป้องกันและกัน

 

แต่พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ฉู่สวินหยางบอกว่ากลับมาจากเมืองฉู่แล้วมีเรื่องจะคุยกับเขา หัวใจของเขาก็คล้ายจะเต้นผิดจังหวะอย่างไร้สาเหตุ…

 

สรุปแล้วเป็นเรื่องใหญ่โตที่ร้ายแรงอะไรกันแน่ ถึงทำให้ฉู่อี้อันทิ้งลูกสาวที่รักมาก ถึงขั้นขู่ว่าปล่อยนางไปไกลได้? และความลับแบบไหนกันที่สามารถทำให้คนแข็งแกร่งและห้าวหาญแบบฉู่สวินหยางฝืนอดทนและยอมอ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อปิดเป็นความลับเช่นนี้?

 

“อื้ม!” แม้ว่าจะรู้สึกกระวนกระวายใจแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเหยียนหลิงจวินก็เพียงแค่จูบขมับนาง “เจ้าจะว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ข้าตามใจเจ้าหมด แต่ตอนนี้นอนก่อนเถิด เจ้าบอกว่ารอให้กลับมาจากเมืองฉู่แล้วมีเรื่องจะคุยกับข้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นทุกอย่างก็รอให้กลับมาแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”

 

“อื้ม!” ฉู่สวินหยางหลับตาลงอย่างว่าง่ายแล้วเอนตัวมาพิงเขาอีก นางจัดท่าทางให้สบายและฝังหน้าลงไปตรงอกของเขาจนไร้ซึ่งช่องว่าง

 

—————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+