เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 39

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 39 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 39

 

เมื่อฉันได้ยินคำอธิบายจากเคเยอร์ ฉันก็ตกตะลึงและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือประเพณีที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในคลาส A

 

พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘การละลายพฤติกรรม’ ดูเหมือนว่าเรื่องไร้สาระนี้เกิดขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาเท่าเทียมกัน

 

เป็นผลให้นักเรียนชั้นปีที่ 2 จะมาและสั่งนักเรียนชั้นปีที่ 1 หมอบและขณะเดียวกันก็จะย้ำเตือนให้พวกเราเอาชนะคลาส B ให้ได้และจะฆ่าพวกเราหากแพ้ พวกเขาลงมือทำในวันนี้ สุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดปีการศึกษา

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหมอบลงโดยไม่คำนึงถึงสถานะของพวกเขา โดยพวกเขาบอกว่ามีเพียงรุ่นพี่เท่านั้นที่เหนือกว่าไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม มันค่อนข้างไร้สาระที่ฉันจะทำตัวแบบนั้นกับเธอ

 

ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้เป็นประเพณีในคลาส A สาเหตุหลักมาจากการที่ฉันมุ่งเน้นเนื้อเรื่องไปที่คลาส B การไม่ยอมแพ้ต่อคลาส B ของคลาส A นั้นเป็นถูกบังคับโดยพวกรุ่นพี่ น่าจะประมาณนั้น?

 

นักเรียนคลาส B คงจะสนุกสนาน ได้ทานอาหารดีๆ กับรุ่นพี่ที่น่ารัก…

 

นักเรียนจากคลาส A แน่นอนว่ามีบุคลิกที่หลากหลายไม่ว่าจะอยู่ระดับใดก็ตาม?

 

ฉันแน่ใจว่าเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด…

 

“แล้วรุ่นพี่สามัญชนจะมาสอนน้องคลาส A แบบนี้ทุกปีเหรอ”

 

“นั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยิน….”

 

“แล้วเมื่อกี้ใครน่ะ”

 

“เธอเป็นนักเรียนปีที่สองและชื่อของเธอคือ… เธอชื่อ…อะไรนะ”

 

“เรดิน่า เธอยังไม่ได้บอกความสามารถของเธอให้เรารู้”

 

โคโน ลินต์ซึ่งอยู่ข้างๆ เขาบอกฉันแทน เดิมที นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สามัญชนจะมาบดขยี้อำนาจของราชวงศ์และขุนนาง ปีนี้เจ้าเปี๊ยกตัวน้อยเป็นผู้รับผิดชอบ

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระที่ทุกคนจะถูกปฏิบัติเช่นนั้น แต่เนื่องจากเป็นประเพณีที่ส่งต่อกันมา แม้ว่ามันจะทำร้ายความภาคภูมิใจของพวกเขาเล็กน้อย แต่มันคงเจ็บกว่าการต้องออกจากรอยัลคลาส

 

พวกเขาต้องคิดว่าขุนนางและราชวงศ์อื่น ๆ ของราชวงศ์ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ ไม่ว่าจะราชวงศ์หรือเหล่าขุนนางก็กลับกลืนกินความภาคภูมิใจของพวกเขาเก็บไว้ และกำลังดำเนินการอย่างเงียบ ๆ เพื่อสืบค้นเรื่องของขอทาน

 

“……”

 

ทุกคนมุ่งความสนใจมาที่ฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนเอาแต่อยู่ในโรงยิมโดยสงสัยว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ

 

“นี่นาย”

 

เลขที่ 4, แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวัน เรียกฉันด้วยความกังวล แฮเรียตคือคนที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์คนนั้นน่ะ

 

“มีอะไร?”

 

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นายจะรับผิดชอบให้พวกเรารึเปล่า”

 

ราวกับว่าเธอกำลังถามฉันว่าทำไมฉันถึงไม่ละทิ้งความภาคภูมิใจที่บิดเบี้ยวแล้วยอมๆไป เธอมีใบหน้าที่สวยแต่ดูดุร้ายและดูค่อนข้างงี่เง่า

 

“แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาล่ะ”

 

“พวกรุ่นพี่ก็จะมองพวกเราไม่ดีน่ะสิ”

 

ฉันคิดว่าเธอกำลังพูดถึงภาพลักษณ์ของเราในสายตาของพวกรุ่นพี่

 

“แล้วไง ถ้าพวกเขามองเราในแง่ร้าย? แล้วไงต่อ”

 

“ฮะ?”

 

“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าพวกรุ่นพี่มองเราในแง่ร้าย”

 

“นั่นสินะ….”

 

“จะไปเรียนไม่ได้หรือจะนอนไม่ได้? ถ้าพวกเขาโจมตีเรา เราก็แค่รายงานให้ครูทราบ ทำไมเธอถึงยอมหมอบลงง่ายๆในเมื่อเรื่องมันก็มีแค่นั้น? พวกเธอไม่มีความกล้าซักนิดเลยเหรอ? เธอมีศักดิ์ศรีน้อยกว่าฉันที่มาจากข้างถนนได้ไงเนี่ย? เฮ้อ”

 

ถอนหายใจ เมื่อฉันมองทุกคนอย่างดูถูกเหยียดหยาม ทุกคนยกเว้นเอลเลนและคลิฟฟ์แมนต่างมีใบหน้าร้อนผ่าว

 

พวกเขาอาจคิดว่าถ้าไม่ฟังพวกเขาจะมีปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงกัดฟันอดทน คิดเกี่ยวกับเกียรติยศและการยอมรับทางสังคมที่พวกเขาจะได้รับหลังจากจบการศึกษาจากรอยัลคลาส

 

พวกเขารู้สึกแย่ แต่พวกเขาก็พยายามที่จะทนกับมัน แต่เมื่อฉันเข้ามาทุกอย่างก็กลับตาลปัตร

 

“ยังไงก็ตาม มันเป็นความรับผิดชอบของนาย! ฉันทำสิ่งที่ฉันบอกไปแล้ว! เพราะงั้นมันไม่เกี่ยวกับฉัน! ใช่มั้ยล่ะ?”

 

แฮเรียตตะโกนใส่ฉันโดยคิดว่าเธอเพิ่งสูญเสียความภาคภูมิใจของเธอไป

 

“ฉันจะฆ่านานแน่ ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ชีวิตในวิหารของฉันต้องยุ่งเหยิง”

 

ดูเหมือนแฮเรียตจะคิดว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธอเพราะฉันอยู่นิ่ง ๆ และไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อน

 

ช่างเป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ

 

“ฆ่าฉัน? เธอคิดว่าจะพูดอะไรที่คิดออกมาก็ได้งั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันเอาชนะเธอไม่ได้งั้นสิ?”

 

“ว่าไงนะ?”

 

“เธอคิดว่า ไม่ว่าจะสถานะไหน หรือว่าจะเป็นชายเป็นหญิงถ้าอยู่ในวิหารทุกคนจะเท่าเทียมกันและตัดสินกันที่พรสวรรค์อย่างเดียวรึไง? ถ้าเธออยากทำตัวใหญ่โตที่นี่นักล่ะก็ ฉันคงจะต้องประทับรอยมือของฉันที่แก้มของเธอไว้ให้ซักสัปดาห์ละกัน เอามั้ยล่ะ”

 

ฉันค่อนข้างมีประสบการณ์เมื่อมันเกี่ยวกับเรื่องความตาย ก็ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่งอ่ะนะ

 

พวกเธอไม่เคยตายมาก่อนใช่มั้ยล่ะ? แต่ฉันเคย!

 

ขณะที่ฉันเข้าไปใกล้อีกก้าว แฮเรียตถอยกลับด้วยความตื่นตระหนก

 

“สิ่งเดียวที่แข็งแกร่งของเธอก็คงมีแค่ความหัวแข็งล่ะมั้ง แล้วเธอจะฆ่าฉันยังไงล่ะหื้ม”

 

“หะ…. หัว แข็ง?”

 

“ใช่แล้ว”

 

เมื่อฉันปฏิบัติต่อเจ้าหญิงแห่งราชรัฐแซงต์-โอวันในฐานะคนที่มีความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคือความหัวแข็งของเธอ สีหน้าของทุกคนก็แปลกไป

 

“… ฮึ!”

 

แฮเรียตรู้สึกถูกดูถูกและขายหน้ามากขึ้น บวกกับเมื่อเธอต้องโดนสั่งหมอบ ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นสีแดงแอปเปิ้ลและเธอไม่สามารถเปล่งคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว

 

-ปัง!

 

“ออกมานี่เดี๋ยวนี้ ไอ้สารเลว!”

 

และ

 

คราวนี้มีกลุ่มคนบุกเข้าไปในโรงยิม

 

* * *

 

มีคนทั้งหมดห้าคนที่บุกเข้ามา พวกเขาน่าจะอยู่ปี2 ดังนั้นพวกเขาจึงอายุ 18 ปี แน่นอนว่าเด็กน้อยก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

 

“นั่นใช่เขาหรือเปล่า”

 

“ใช่!”

 

เด็กน้อยชื่อ เรดิน่าซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมชั้นชายและชี้มาที่ฉัน อะไรกัน เธอทำตัวเป็นแค่เด็กน้อยน่ารักกับเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าน้องสาวคนเล็กเรียกพี่ชายของเธอหลังจากมีเรื่องกัน ชายคนนั้นดูเหมือนกำลังจะตะโกนว่า “แกกล้าดียังไงมายุ่งกับลูกของเราด้วยท่าทีแบบนั้นห้าาา”

 

รุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มกำลังมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ว้าว มันแปลกประหลาดมากที่เห็นนักเรียนมัธยมปลายทำแบบนี้ในชีวิตจริง

 

“นี่รุ่นน้อง นายชื่ออะไร?”

 

“ไรน์ฮาร์ด”

 

“นายอาจมาจากตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่และไม่รู้ว่ารอยัลคลาส ทำงานอย่างไร…”

 

“โทษทีนะ พอดีฉันไม่ใช่ขุนนาง?”

 

ดูเหมือนว่าฉันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขุนนางบางประเภท และแม้จะมีสถานการณ์เช่นนี้ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมชั้นปีหนึ่งของฉัน

 

“หัวเราะทำไม? ตลกอะไรนักหนา”

 

บรรยากาศด้านหลังเริ่มเย็นลงอีกครั้งจากคำของรุ่นพี่คนนี้

 

“แล้วไง? นายเป็นราชวงศ์งั้นเหรอ”

 

“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน?”

 

“……อะไรนะ?”

 

จากนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกไป ฉันไม่ใช่ขุนนางหรือราชวงศ์ ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเพียงข้อเดียว

 

“นายกำลังพูดอะไร? คนเดียวจากตระกูลอิมพีเรียลที่นี่ควรจะเป็นเบอร์ทัส? แต่นายคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”

 

“ใครว่าฉันมาจากราชวงศ์อิมพีเรียลล่ะ?”

 

ฉันหัวเราะแล้วพูดว่า:

 

“ฉันไม่ใช่ขุนนาง ไม่ใช่ราชวงศ์ หรือเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อิมพีเรียล แต่เป็นแค่ขอทานตามข้างถนน แล้วไงล่ะ”

 

ทุกคนตกตะลึงกับการประกาศอย่างกล้าหาญของฉัน

 

“…. ขอทาน? นายเป็นขอทาน?”

 

“ใช่ ขอทาน”

 

ทุกคนดูตกใจที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป คนที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของพวกเขามองมาที่ฉันโดยกอดอกพูดไม่ออก

 

“ไม่ แล้วทำไมนายถึงทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่เหมือนพวกขุนนางและราชวงศ์กันล่ะ”

 

“ถ้าคุณไม่อยากทำอะไร ก็แค่ไม่ทำ แล้วไง? ขอทานจะมีความภาคภูมิใจบ้างไม่ได้รึไง?”

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”

 

เขากำหมัดแน่นและเริ่มเข้ามาหาฉัน

 

“งั้นฉันก็ต้องเอาชนะนายให้ได้ ให้ฉันสั่งสอนนายเอง”

 

– ป๊าบ!

 

ฉันรู้สึกได้ทันทีที่โดน

 

ผู้ชายคนนี้ของจริง

 

* * *

 

บรรยากาศหนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม

 

“เอิ๊ก….”

 

มันเจ็บเหมือนตกนรก นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดออก กำปั้นของเขากระแทกอย่างแรง มันไม่ใช่เรื่องตลก

 

“ไม่ใช่ว่านายดูเงียบๆไปงั้นเหรอ หื้ม?”

 

เมื่อฉันก้าวถอยหลังโดยกุมท้องไว้ เขาก็เริ่มเข้ามาหาฉันช้าๆ

 

ฉันทำเหมือนฉันเป็นบ้าจนถึงตอนนี้ และฉันไม่คิดว่าฉันจะได้มาเจอของจริงแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน ผู้ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่ ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของฉัน เห็นได้ชัดว่าความสามารถทางกายภาพของเราเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นั่นคือความแตกต่างในระยะห่าง1ปีระหว่างเรา

 

“ถ้านายเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลคลาส”

 

– ป๊าว!

 

“อั๊ก!”

 

“ก็ทำตามประเพณีของรอยัลคลาสสิวะ”

 

– ป๊าว!

 

“ฮึ!”

 

“ถ้าฉันเอาจริง นายคงตายไปนานแล้ว เข้าใจมั้ย”

 

ฉันถูกเด็กอายุ 18 ปีทุบตีอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เขากำลังพูดอย่างไม่เป็นทางการ ฉันทนไม่ได้ที่โดนตบแบบนั้น ฉันจึงวิ่งไปหาเขา

 

“ฮะ”

 

– ป๊าว!

 

“เอิ๊ก!”

 

“นายพยายามจะโจมตีรุ่นพี่ใช่มั้ย”

 

แม้ว่าเขาจะตกใจที่ฉันพยายามจะต่อยเขา แต่ผู้ชายคนนั้นก็หลบกำปั้นของฉันเพียงแค่ขยับศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะและจับผมของฉัน

 

“ไอ้เวรนี่เอาจริงเหรอ”

 

– ป๊าว!

 

เขาทุบหน้าอกของฉัน

 

“จริงๆงั้นเกรอ”

 

– ป๊าว!

 

“อั๊ว!”

 

เขาตีฉันที่หน้าท้อง

 

“นายอยากตายมากใช่มั้ย”

 

– ป๊าว!

 

“ฮึบ!”

 

ฉันโดนตบหน้า เพื่อนร่วมชั้นและรุ่นพี่ของฉันกำลังเฝ้าดูฉันถูกทุบตีอย่างว่างเปล่า

 

ที่แปลกใจคือ…

 

สีหน้าของพวกเขาดูไม่สดชื่นเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูหวาดกลัว

 

ฉันรู้ตัวเมื่อโดนตบเข้าที่หัว

 

ทั้งที่สู้ไม่ได้เลย

 

ฉันรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะ

 

“นายมันก็แค่-….”

 

“เฮ้”

 

-กั๊ก!

 

“อั๊ว!”

 

“ตานายแล้ว ไอ้สารเลวเอ้ย”

 

“คร๊าาาาาา!”

 

ฉันจับเป้าของชายคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดของฉัน มันตบหน้าฉัน ฉันเลยคว้ามันไว้เหมือนมงกุฎแห่งชัยชนะ

 

โล่งอกที่มันมีขนาดตามค่าเฉลี่ยสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย

 

“พูดว่า “ได้โปรดปล่อยฉันด้วยเถอะ” สิ”

 

“อ้ากกก! เฮ้ เฮ้ ออกไป ปล่อยนะเว้ย รีบปล่อยในขณะที่ฉันยัง ใจดีอยู่ววววว! ได้โปรด!””

 

ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังถูกทดสอบขีดจำกัดของเส้นเสียงและความสามารถของเขา

 

รุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์นั้นเข้ามาใกล้เพื่อหยุดฉัน

 

“ฉันไม่หยุด!”

 

“อ๊ะ ไม่! แก ไอ้สารเลว!”

 

“อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้สารเลว!”

 

“ย่าห์ก๊ากกก! อ๊ากกกกกกกกกกกก!”

 

“บิดไปอีก? มันบิดมากกว่านี้จะไม่ดีงั้นเหรอ? ฮะ? ถ้าเธอเข้ามาใกล้ฉันกว่านี้ ฉันจะบิดมันจนสุด! โอ้ ดูท่าเขาจะต้องอยู่เป็นแตงโมไร้เมล็ดไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ อา ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ ผู้ชายคนนี้สามารถบอกลาลูกหลานของเขาได้เลย!”

 

เมื่อได้ยินคำขู่ของฉัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรีบไปช่วยเขา ขณะที่ฉันพยายามจับให้แน่นกว่าเดิม

 

“ปะ! ปละ! ปล่อย น้าาาาาาา!”

 

“พูดสิว่า ได้โปรดปล่อยฉันไปด้วย”

 

นักเรียนชายทุกคนต่างสงบเสงี่ยมโดยไม่รู้ตัวในฉากสยองขวัญนั้น

 

“ปะ, ปล่อย! ปล่อยฉันไปเถอะนะ!”

 

“คุณต้องเพิ่มคำว่าได้โปรดด้วยสิ ระวังการใช้ภาษาของนายหน่อย! โปรด! พูดมันด้วย!”

 

– ขยี้!

 

“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะน้าาาาาา! เอิ๊ก!”

 

พี่ชาย คุณเริ่มที่จะดูเหมือนผู้หญิงแล้วนะ

 

“ปล่อยเดี๋ยวนี้? ”

 

– ขยี้!

 

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! กร๊ากกก! แอร๊ยยย!”

 

เขาเพิ่งเปล่งเสียงแปลก ๆ ออกมา

 

ตอนนี้ฉันก็เริ่มขนลุกเหมือนกัน

 

“พาเพื่อนออกไปได้แล้ว”

 

ฉันพึมพำอย่างเคร่งขรึม

 

“นายจะมาทุบตีฉันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้านายทำ ฉันจะพังของของนายที่นี่จนกว่าจะซ่อมไม่ได้อีกเลยดังนั้นเตรียมตัวไว้ได้เลย อ้อ แล้วครั้งหน้าฉันจะบิดมันให้สุดไปเลย”

 

ฉันปล่อยมือจากเขาแล้วมองลงไปที่ผู้ชายที่ตอนนี้ทรุดอยู่กับพื้น

 

– เตะ!

 

“อั๊ว!”

 

“เอาสิ่งนี้ออกไปได้แล้ว ไอ้พวกเวร”

 

เมื่อปล่อยเสร็จฉันก็เตะเข้าที่ใบหน้าของเขา

 

* * *

 

รุ่นพี่สองคนรีบเข้ามารับตัวเขาแล้วก็หายไป บางทีอาจเป็นเพราะการรักษาไอ้สารเลวนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า

 

“ไอ้โรคจิต นายมันโรคจิต!”

 

“จงสรรเสริญต่อไป”

 

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อเรดิน่าเดินตามหลังคนที่ถูกลากออกไปในขณะที่ร้องไห้ เธอดูตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีรุ่นพี่หนึ่งคนที่เหลืออยู่ในโรงยิม แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ไร้สาระและน่ากลัว แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีท่าทีค่อนข้างสงบ

 

“ไม่ไปเหรอ?”

 

“นายรุ่นน้อง ช่วยอย่าทำให้สถานการณ์แย่ลงทีได้มั้ย”

 

“แล้วอยากจะตีฉันอีกเหรอ? คุณจะบิดของฉันด้วยเหมือนกันมั้ย”

 

“นายรุ่นน้อง ฉันแค่ต้องการคุยดีๆ ในเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทำไมเธอไม่แสดงความเคารพต่อฉันในฐานะรุ่นพี่ซักหน่อยล่ะ?”

 

ฉันรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างจากคำพูดนั้นในสถานการณ์แบบนี้

 

ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่เธอดูแปลกไป เธอดูเป็นผู้ใหญ่ และฉันคิดว่าเธอแค่บอกให้ฉันหยุดเรื่องนี้

 

ฉันจะพูดดีกับคนที่พูดดีกับฉัน และคนอื่นๆ ดูเหมือนจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

 

“โอเค ได้ แล้วมีอะไรล่ะ?”

 

“ฉันชื่อเอเดรียน่า เป็นนักเรียนปีที่2 ของรอยัลคลาส, A-2 เธอบอกว่าเธอคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”

 

“อา ใช่”

 

เธอบอกชื่อของเธอ เธอแค่อยากจะคุยกับฉันจริงๆเหรอ?

 

“จริงๆเราไม่ต้องการทำแบบนี้เช่นกัน ทำมาหลายชั่วอายุคน รุ่นพี่ก็กดดันเราเหมือนกัน เราจึงต้องทำ”

 

มันเป็นระบบแบบคลาสสิก ช่างไร้สาระชะมัด

 

พวกเขาบังคับให้ทำแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการทำก็ตาม

 

“เรดิน่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนแอ เธอไม่สามารถทำร้ายใครได้ เธอยอมทำร้ายตัวเองดีกว่าต้องมาพูดจารุนแรงกับพวกคุณ รุ่นพี่ของเธอเสนอชื่อเธอและบังคับให้เธอทำ”

 

“ถ้าไม่สามารถทำได้ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?”

 

“เพราะทำแบบนี้มานานแล้ว ฉันรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าใครอยากจะหยุดประเพณีที่ดำเนินมาอย่างยาวนานโดยไม่มีเหตุผลที่ดี สิ่งต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่สนุกกับการทำแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันที่มาจากผลการเรียนที่สูงขึ้น ในที่สุดเรดินาตัวเล็กก็ตัดสินใจทำ และแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนประเภทนั้นด้วยซ้ำ

 

“ถ้าเราบอกว่าเราทำไม่ได้ บางทีพวกปี3 อาจจะมาเองก็ได้” ถึงตอนนั้น…. เธอจะจัดการได้มั้ย”

 

เธอถามฉันว่าฉันจะไล่นักเรียนชั้นปีที่ 3 ออกโดยทำเรื่องน่าอายและไร้ยางอายเหมือนเมื่อกี้นี้อีกได้มั้ย

 

“ยิ่งชั้นสูง ก็ยิ่งยากสำหรับพวกเขาที่จะอดกลั้น เธออาจได้รับบาดเจ็บจริงๆ”

 

ใช่ ยิ่งใช้เวลาอยู่ที่วิหารมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ฉันถูกปี2 ทุบตีเหมือนหมา แต่ฉันใช้ประโยชน์จากความเลินเล่อของเขาและจับจุดอ่อนของเขาได้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้ถ้าชั้นปีที่สูงกว่าเริ่มเข้ามา

 

“ครูแค่ดูสิ่งนี้เฉยๆงั้นเหรอ”

 

“พวกเขายอมรับมัน”

 

คงจะสบายสำหรับครูจริงๆ ถ้าไอ้พวกตัวแสบโดนสั่งสอนแบบนี้ พวกเขาสามารถใช้รุ่นพี่เพื่อฝึกฝนคนที่ผิดแนวและฟื้นฟูพวกเขา

 

“มาทำสิ่งต่างๆ ในปริมาณที่พอเหมาะกันเถอะนายรุ่นน้อง ถ้าเรื่องมันลุกลามใหญ่โต เราคงโดนรุ่นพี่ดุ แต่พวกนายจะยิ่งเดือดร้อน”

 

สรุปว่า “ทำตามแบบปกติไม่ได้เหรอ?” เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดคุยด้วยได้อย่างแน่นอนเพราะเธอพยายามแนะนำฉันอย่างอ่อนโยน ถึงกระนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่อยากยุ่งวุ่นวายเพื่อทำลายวงจรแห่งความไร้เหตุผลนี้

 

อย่าสร้างเรื่องและเป็นเด็กดีซะ

 

คุณอดทนสักหน่อยแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้หรือ

 

นั่นคือสิ่งที่เธอแนะนำและร้องขอ

 

นั่นเป็นไปได้ ฉันเห็นว่าเธอเป็นคนที่พูดรู้เรื่องจริงๆ

 

“ไปบอกพวกปี3ที่จะมาถึง พวกเขาไม่ใช่คนที่ทำให้รุ่นพี่ทำแบบนี้เหรอ? ถ้าไอ้สารเลวพวกนั้นอยากให้ทำ ก็ให้พวกเขาก็มาทำเอง”

 

“…….ว่าไงนะ?”

 

เอเดรียน่าแสดงความประหลาดใจเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะไปตอบไปแบบนั้น

 

ปี2 ปี3!

 

แค่มาที่ฉัน!

 

“แต่พวกเขาไม่ควรมาวันนี้หรือพรุ่งนี้”

 

ฉันหัวเราะเบา ๆ

 

“บอกให้มาในวันจันทร์ ในคืนวันจันทร์”

 

ฉันรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกวันหยุดสุดสัปดาห์ เอเดรียนากัดริมฝีปากของเธอขณะที่เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดในทันที

 

“มาดูกันว่าปีที่สามนั้นจะสามารถบอกให้เจ้าชาย เบอร์ทัส เดอ การ์เดียส หมอบลงได้รึเปล่า จะดีกว่ามั้ยหากให้พวกเราทุกคนมาพร้อมกัน ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณต้องทำในเวลานี้ เราควรทำร่วมกัน ฉันสัญญาว่าจะยอมรับเรื่องนี้ถ้าพวกเขามาในวันจันทร์”

 

ฉันเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ในช่วงสุดสัปดาห์

 

พวกเขาต้องยืนยันว่าเจ้าชายกลับไปที่ราชสำนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ไม่ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ พวกเขาไม่ต้องการแตะต้องเจ้าชาย พวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้กับขุนนางหรือราชวงศ์อื่น ๆ ได้ แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าแตะต้องเจ้าชายอิมพีเรียล

 

“ถ้าไม่มีปี3ในวันจันทร์ ฉันเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

 

“……”

 

ทุกคนแปลกใจที่ฉันกล้าเอ่ยถึงเจ้าชาย เอเดรียน่าถอนหายใจสั้น ๆ ขณะที่หลับตา

 

“เธอเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

 

รุ่นพี่ที่มีท่าทางสงบออกจากโรงยิมด้วยคำพูดเหล่านี้

 

เธอไม่คิดว่าฉันบ้าพอที่จะพูดถึงเจ้าชาย

 

ฉันหันไปคุยกับแฮร์เรียต เดอ แซงต์-โอวัน

 

“ฉันรับผิดชอบแล้ว โอเคมั้ย ยัยซื่อบื้อ”

 

“.……นี่ อย่ามาเรียกฉันว่ายัยซื่อบื้อนะ! ฉัน ฉันฉลาดกว่านายนะ!”

 

“โอ้ใช่ ยัยซื่อบื้อคุณภาพสูง”

 

“นี่ นี่! นาย!”

 

เธอตะโกนด้วยใบหน้าที่แดง แต่ดูเหมือนเธอโล่งใจที่สถานการณ์นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว

 

ภาพลักษณ์ที่พวกเขามอบให้ฉันดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาค่อยๆ แยกย้ายกันไปทีละคน

 

พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเพิ่งได้เห็นการใช้งานความบ้าคลั่งที่แปลกประหลาดสำหรับคนโรคจิตคนนี้ เป็นสัตว์ร้ายที่ควรหลีกเลี่ยง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 39

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 39 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 39

 

เมื่อฉันได้ยินคำอธิบายจากเคเยอร์ ฉันก็ตกตะลึงและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือประเพณีที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในคลาส A

 

พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘การละลายพฤติกรรม’ ดูเหมือนว่าเรื่องไร้สาระนี้เกิดขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาเท่าเทียมกัน

 

เป็นผลให้นักเรียนชั้นปีที่ 2 จะมาและสั่งนักเรียนชั้นปีที่ 1 หมอบและขณะเดียวกันก็จะย้ำเตือนให้พวกเราเอาชนะคลาส B ให้ได้และจะฆ่าพวกเราหากแพ้ พวกเขาลงมือทำในวันนี้ สุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดปีการศึกษา

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหมอบลงโดยไม่คำนึงถึงสถานะของพวกเขา โดยพวกเขาบอกว่ามีเพียงรุ่นพี่เท่านั้นที่เหนือกว่าไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม มันค่อนข้างไร้สาระที่ฉันจะทำตัวแบบนั้นกับเธอ

 

ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้เป็นประเพณีในคลาส A สาเหตุหลักมาจากการที่ฉันมุ่งเน้นเนื้อเรื่องไปที่คลาส B การไม่ยอมแพ้ต่อคลาส B ของคลาส A นั้นเป็นถูกบังคับโดยพวกรุ่นพี่ น่าจะประมาณนั้น?

 

นักเรียนคลาส B คงจะสนุกสนาน ได้ทานอาหารดีๆ กับรุ่นพี่ที่น่ารัก…

 

นักเรียนจากคลาส A แน่นอนว่ามีบุคลิกที่หลากหลายไม่ว่าจะอยู่ระดับใดก็ตาม?

 

ฉันแน่ใจว่าเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด…

 

“แล้วรุ่นพี่สามัญชนจะมาสอนน้องคลาส A แบบนี้ทุกปีเหรอ”

 

“นั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยิน….”

 

“แล้วเมื่อกี้ใครน่ะ”

 

“เธอเป็นนักเรียนปีที่สองและชื่อของเธอคือ… เธอชื่อ…อะไรนะ”

 

“เรดิน่า เธอยังไม่ได้บอกความสามารถของเธอให้เรารู้”

 

โคโน ลินต์ซึ่งอยู่ข้างๆ เขาบอกฉันแทน เดิมที นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สามัญชนจะมาบดขยี้อำนาจของราชวงศ์และขุนนาง ปีนี้เจ้าเปี๊ยกตัวน้อยเป็นผู้รับผิดชอบ

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระที่ทุกคนจะถูกปฏิบัติเช่นนั้น แต่เนื่องจากเป็นประเพณีที่ส่งต่อกันมา แม้ว่ามันจะทำร้ายความภาคภูมิใจของพวกเขาเล็กน้อย แต่มันคงเจ็บกว่าการต้องออกจากรอยัลคลาส

 

พวกเขาต้องคิดว่าขุนนางและราชวงศ์อื่น ๆ ของราชวงศ์ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ ไม่ว่าจะราชวงศ์หรือเหล่าขุนนางก็กลับกลืนกินความภาคภูมิใจของพวกเขาเก็บไว้ และกำลังดำเนินการอย่างเงียบ ๆ เพื่อสืบค้นเรื่องของขอทาน

 

“……”

 

ทุกคนมุ่งความสนใจมาที่ฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนเอาแต่อยู่ในโรงยิมโดยสงสัยว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ

 

“นี่นาย”

 

เลขที่ 4, แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวัน เรียกฉันด้วยความกังวล แฮเรียตคือคนที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์คนนั้นน่ะ

 

“มีอะไร?”

 

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นายจะรับผิดชอบให้พวกเรารึเปล่า”

 

ราวกับว่าเธอกำลังถามฉันว่าทำไมฉันถึงไม่ละทิ้งความภาคภูมิใจที่บิดเบี้ยวแล้วยอมๆไป เธอมีใบหน้าที่สวยแต่ดูดุร้ายและดูค่อนข้างงี่เง่า

 

“แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาล่ะ”

 

“พวกรุ่นพี่ก็จะมองพวกเราไม่ดีน่ะสิ”

 

ฉันคิดว่าเธอกำลังพูดถึงภาพลักษณ์ของเราในสายตาของพวกรุ่นพี่

 

“แล้วไง ถ้าพวกเขามองเราในแง่ร้าย? แล้วไงต่อ”

 

“ฮะ?”

 

“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าพวกรุ่นพี่มองเราในแง่ร้าย”

 

“นั่นสินะ….”

 

“จะไปเรียนไม่ได้หรือจะนอนไม่ได้? ถ้าพวกเขาโจมตีเรา เราก็แค่รายงานให้ครูทราบ ทำไมเธอถึงยอมหมอบลงง่ายๆในเมื่อเรื่องมันก็มีแค่นั้น? พวกเธอไม่มีความกล้าซักนิดเลยเหรอ? เธอมีศักดิ์ศรีน้อยกว่าฉันที่มาจากข้างถนนได้ไงเนี่ย? เฮ้อ”

 

ถอนหายใจ เมื่อฉันมองทุกคนอย่างดูถูกเหยียดหยาม ทุกคนยกเว้นเอลเลนและคลิฟฟ์แมนต่างมีใบหน้าร้อนผ่าว

 

พวกเขาอาจคิดว่าถ้าไม่ฟังพวกเขาจะมีปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงกัดฟันอดทน คิดเกี่ยวกับเกียรติยศและการยอมรับทางสังคมที่พวกเขาจะได้รับหลังจากจบการศึกษาจากรอยัลคลาส

 

พวกเขารู้สึกแย่ แต่พวกเขาก็พยายามที่จะทนกับมัน แต่เมื่อฉันเข้ามาทุกอย่างก็กลับตาลปัตร

 

“ยังไงก็ตาม มันเป็นความรับผิดชอบของนาย! ฉันทำสิ่งที่ฉันบอกไปแล้ว! เพราะงั้นมันไม่เกี่ยวกับฉัน! ใช่มั้ยล่ะ?”

 

แฮเรียตตะโกนใส่ฉันโดยคิดว่าเธอเพิ่งสูญเสียความภาคภูมิใจของเธอไป

 

“ฉันจะฆ่านานแน่ ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ชีวิตในวิหารของฉันต้องยุ่งเหยิง”

 

ดูเหมือนแฮเรียตจะคิดว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธอเพราะฉันอยู่นิ่ง ๆ และไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อน

 

ช่างเป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ

 

“ฆ่าฉัน? เธอคิดว่าจะพูดอะไรที่คิดออกมาก็ได้งั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันเอาชนะเธอไม่ได้งั้นสิ?”

 

“ว่าไงนะ?”

 

“เธอคิดว่า ไม่ว่าจะสถานะไหน หรือว่าจะเป็นชายเป็นหญิงถ้าอยู่ในวิหารทุกคนจะเท่าเทียมกันและตัดสินกันที่พรสวรรค์อย่างเดียวรึไง? ถ้าเธออยากทำตัวใหญ่โตที่นี่นักล่ะก็ ฉันคงจะต้องประทับรอยมือของฉันที่แก้มของเธอไว้ให้ซักสัปดาห์ละกัน เอามั้ยล่ะ”

 

ฉันค่อนข้างมีประสบการณ์เมื่อมันเกี่ยวกับเรื่องความตาย ก็ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่งอ่ะนะ

 

พวกเธอไม่เคยตายมาก่อนใช่มั้ยล่ะ? แต่ฉันเคย!

 

ขณะที่ฉันเข้าไปใกล้อีกก้าว แฮเรียตถอยกลับด้วยความตื่นตระหนก

 

“สิ่งเดียวที่แข็งแกร่งของเธอก็คงมีแค่ความหัวแข็งล่ะมั้ง แล้วเธอจะฆ่าฉันยังไงล่ะหื้ม”

 

“หะ…. หัว แข็ง?”

 

“ใช่แล้ว”

 

เมื่อฉันปฏิบัติต่อเจ้าหญิงแห่งราชรัฐแซงต์-โอวันในฐานะคนที่มีความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคือความหัวแข็งของเธอ สีหน้าของทุกคนก็แปลกไป

 

“… ฮึ!”

 

แฮเรียตรู้สึกถูกดูถูกและขายหน้ามากขึ้น บวกกับเมื่อเธอต้องโดนสั่งหมอบ ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นสีแดงแอปเปิ้ลและเธอไม่สามารถเปล่งคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว

 

-ปัง!

 

“ออกมานี่เดี๋ยวนี้ ไอ้สารเลว!”

 

และ

 

คราวนี้มีกลุ่มคนบุกเข้าไปในโรงยิม

 

* * *

 

มีคนทั้งหมดห้าคนที่บุกเข้ามา พวกเขาน่าจะอยู่ปี2 ดังนั้นพวกเขาจึงอายุ 18 ปี แน่นอนว่าเด็กน้อยก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

 

“นั่นใช่เขาหรือเปล่า”

 

“ใช่!”

 

เด็กน้อยชื่อ เรดิน่าซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมชั้นชายและชี้มาที่ฉัน อะไรกัน เธอทำตัวเป็นแค่เด็กน้อยน่ารักกับเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าน้องสาวคนเล็กเรียกพี่ชายของเธอหลังจากมีเรื่องกัน ชายคนนั้นดูเหมือนกำลังจะตะโกนว่า “แกกล้าดียังไงมายุ่งกับลูกของเราด้วยท่าทีแบบนั้นห้าาา”

 

รุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มกำลังมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ว้าว มันแปลกประหลาดมากที่เห็นนักเรียนมัธยมปลายทำแบบนี้ในชีวิตจริง

 

“นี่รุ่นน้อง นายชื่ออะไร?”

 

“ไรน์ฮาร์ด”

 

“นายอาจมาจากตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่และไม่รู้ว่ารอยัลคลาส ทำงานอย่างไร…”

 

“โทษทีนะ พอดีฉันไม่ใช่ขุนนาง?”

 

ดูเหมือนว่าฉันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขุนนางบางประเภท และแม้จะมีสถานการณ์เช่นนี้ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมชั้นปีหนึ่งของฉัน

 

“หัวเราะทำไม? ตลกอะไรนักหนา”

 

บรรยากาศด้านหลังเริ่มเย็นลงอีกครั้งจากคำของรุ่นพี่คนนี้

 

“แล้วไง? นายเป็นราชวงศ์งั้นเหรอ”

 

“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน?”

 

“……อะไรนะ?”

 

จากนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกไป ฉันไม่ใช่ขุนนางหรือราชวงศ์ ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเพียงข้อเดียว

 

“นายกำลังพูดอะไร? คนเดียวจากตระกูลอิมพีเรียลที่นี่ควรจะเป็นเบอร์ทัส? แต่นายคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”

 

“ใครว่าฉันมาจากราชวงศ์อิมพีเรียลล่ะ?”

 

ฉันหัวเราะแล้วพูดว่า:

 

“ฉันไม่ใช่ขุนนาง ไม่ใช่ราชวงศ์ หรือเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อิมพีเรียล แต่เป็นแค่ขอทานตามข้างถนน แล้วไงล่ะ”

 

ทุกคนตกตะลึงกับการประกาศอย่างกล้าหาญของฉัน

 

“…. ขอทาน? นายเป็นขอทาน?”

 

“ใช่ ขอทาน”

 

ทุกคนดูตกใจที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป คนที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของพวกเขามองมาที่ฉันโดยกอดอกพูดไม่ออก

 

“ไม่ แล้วทำไมนายถึงทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่เหมือนพวกขุนนางและราชวงศ์กันล่ะ”

 

“ถ้าคุณไม่อยากทำอะไร ก็แค่ไม่ทำ แล้วไง? ขอทานจะมีความภาคภูมิใจบ้างไม่ได้รึไง?”

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”

 

เขากำหมัดแน่นและเริ่มเข้ามาหาฉัน

 

“งั้นฉันก็ต้องเอาชนะนายให้ได้ ให้ฉันสั่งสอนนายเอง”

 

– ป๊าบ!

 

ฉันรู้สึกได้ทันทีที่โดน

 

ผู้ชายคนนี้ของจริง

 

* * *

 

บรรยากาศหนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม

 

“เอิ๊ก….”

 

มันเจ็บเหมือนตกนรก นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดออก กำปั้นของเขากระแทกอย่างแรง มันไม่ใช่เรื่องตลก

 

“ไม่ใช่ว่านายดูเงียบๆไปงั้นเหรอ หื้ม?”

 

เมื่อฉันก้าวถอยหลังโดยกุมท้องไว้ เขาก็เริ่มเข้ามาหาฉันช้าๆ

 

ฉันทำเหมือนฉันเป็นบ้าจนถึงตอนนี้ และฉันไม่คิดว่าฉันจะได้มาเจอของจริงแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน ผู้ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่ ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของฉัน เห็นได้ชัดว่าความสามารถทางกายภาพของเราเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นั่นคือความแตกต่างในระยะห่าง1ปีระหว่างเรา

 

“ถ้านายเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลคลาส”

 

– ป๊าว!

 

“อั๊ก!”

 

“ก็ทำตามประเพณีของรอยัลคลาสสิวะ”

 

– ป๊าว!

 

“ฮึ!”

 

“ถ้าฉันเอาจริง นายคงตายไปนานแล้ว เข้าใจมั้ย”

 

ฉันถูกเด็กอายุ 18 ปีทุบตีอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เขากำลังพูดอย่างไม่เป็นทางการ ฉันทนไม่ได้ที่โดนตบแบบนั้น ฉันจึงวิ่งไปหาเขา

 

“ฮะ”

 

– ป๊าว!

 

“เอิ๊ก!”

 

“นายพยายามจะโจมตีรุ่นพี่ใช่มั้ย”

 

แม้ว่าเขาจะตกใจที่ฉันพยายามจะต่อยเขา แต่ผู้ชายคนนั้นก็หลบกำปั้นของฉันเพียงแค่ขยับศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะและจับผมของฉัน

 

“ไอ้เวรนี่เอาจริงเหรอ”

 

– ป๊าว!

 

เขาทุบหน้าอกของฉัน

 

“จริงๆงั้นเกรอ”

 

– ป๊าว!

 

“อั๊ว!”

 

เขาตีฉันที่หน้าท้อง

 

“นายอยากตายมากใช่มั้ย”

 

– ป๊าว!

 

“ฮึบ!”

 

ฉันโดนตบหน้า เพื่อนร่วมชั้นและรุ่นพี่ของฉันกำลังเฝ้าดูฉันถูกทุบตีอย่างว่างเปล่า

 

ที่แปลกใจคือ…

 

สีหน้าของพวกเขาดูไม่สดชื่นเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูหวาดกลัว

 

ฉันรู้ตัวเมื่อโดนตบเข้าที่หัว

 

ทั้งที่สู้ไม่ได้เลย

 

ฉันรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะ

 

“นายมันก็แค่-….”

 

“เฮ้”

 

-กั๊ก!

 

“อั๊ว!”

 

“ตานายแล้ว ไอ้สารเลวเอ้ย”

 

“คร๊าาาาาา!”

 

ฉันจับเป้าของชายคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดของฉัน มันตบหน้าฉัน ฉันเลยคว้ามันไว้เหมือนมงกุฎแห่งชัยชนะ

 

โล่งอกที่มันมีขนาดตามค่าเฉลี่ยสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย

 

“พูดว่า “ได้โปรดปล่อยฉันด้วยเถอะ” สิ”

 

“อ้ากกก! เฮ้ เฮ้ ออกไป ปล่อยนะเว้ย รีบปล่อยในขณะที่ฉันยัง ใจดีอยู่ววววว! ได้โปรด!””

 

ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังถูกทดสอบขีดจำกัดของเส้นเสียงและความสามารถของเขา

 

รุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์นั้นเข้ามาใกล้เพื่อหยุดฉัน

 

“ฉันไม่หยุด!”

 

“อ๊ะ ไม่! แก ไอ้สารเลว!”

 

“อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้สารเลว!”

 

“ย่าห์ก๊ากกก! อ๊ากกกกกกกกกกกก!”

 

“บิดไปอีก? มันบิดมากกว่านี้จะไม่ดีงั้นเหรอ? ฮะ? ถ้าเธอเข้ามาใกล้ฉันกว่านี้ ฉันจะบิดมันจนสุด! โอ้ ดูท่าเขาจะต้องอยู่เป็นแตงโมไร้เมล็ดไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ อา ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ ผู้ชายคนนี้สามารถบอกลาลูกหลานของเขาได้เลย!”

 

เมื่อได้ยินคำขู่ของฉัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรีบไปช่วยเขา ขณะที่ฉันพยายามจับให้แน่นกว่าเดิม

 

“ปะ! ปละ! ปล่อย น้าาาาาาา!”

 

“พูดสิว่า ได้โปรดปล่อยฉันไปด้วย”

 

นักเรียนชายทุกคนต่างสงบเสงี่ยมโดยไม่รู้ตัวในฉากสยองขวัญนั้น

 

“ปะ, ปล่อย! ปล่อยฉันไปเถอะนะ!”

 

“คุณต้องเพิ่มคำว่าได้โปรดด้วยสิ ระวังการใช้ภาษาของนายหน่อย! โปรด! พูดมันด้วย!”

 

– ขยี้!

 

“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะน้าาาาาา! เอิ๊ก!”

 

พี่ชาย คุณเริ่มที่จะดูเหมือนผู้หญิงแล้วนะ

 

“ปล่อยเดี๋ยวนี้? ”

 

– ขยี้!

 

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! กร๊ากกก! แอร๊ยยย!”

 

เขาเพิ่งเปล่งเสียงแปลก ๆ ออกมา

 

ตอนนี้ฉันก็เริ่มขนลุกเหมือนกัน

 

“พาเพื่อนออกไปได้แล้ว”

 

ฉันพึมพำอย่างเคร่งขรึม

 

“นายจะมาทุบตีฉันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้านายทำ ฉันจะพังของของนายที่นี่จนกว่าจะซ่อมไม่ได้อีกเลยดังนั้นเตรียมตัวไว้ได้เลย อ้อ แล้วครั้งหน้าฉันจะบิดมันให้สุดไปเลย”

 

ฉันปล่อยมือจากเขาแล้วมองลงไปที่ผู้ชายที่ตอนนี้ทรุดอยู่กับพื้น

 

– เตะ!

 

“อั๊ว!”

 

“เอาสิ่งนี้ออกไปได้แล้ว ไอ้พวกเวร”

 

เมื่อปล่อยเสร็จฉันก็เตะเข้าที่ใบหน้าของเขา

 

* * *

 

รุ่นพี่สองคนรีบเข้ามารับตัวเขาแล้วก็หายไป บางทีอาจเป็นเพราะการรักษาไอ้สารเลวนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า

 

“ไอ้โรคจิต นายมันโรคจิต!”

 

“จงสรรเสริญต่อไป”

 

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อเรดิน่าเดินตามหลังคนที่ถูกลากออกไปในขณะที่ร้องไห้ เธอดูตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีรุ่นพี่หนึ่งคนที่เหลืออยู่ในโรงยิม แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ไร้สาระและน่ากลัว แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีท่าทีค่อนข้างสงบ

 

“ไม่ไปเหรอ?”

 

“นายรุ่นน้อง ช่วยอย่าทำให้สถานการณ์แย่ลงทีได้มั้ย”

 

“แล้วอยากจะตีฉันอีกเหรอ? คุณจะบิดของฉันด้วยเหมือนกันมั้ย”

 

“นายรุ่นน้อง ฉันแค่ต้องการคุยดีๆ ในเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทำไมเธอไม่แสดงความเคารพต่อฉันในฐานะรุ่นพี่ซักหน่อยล่ะ?”

 

ฉันรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างจากคำพูดนั้นในสถานการณ์แบบนี้

 

ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่เธอดูแปลกไป เธอดูเป็นผู้ใหญ่ และฉันคิดว่าเธอแค่บอกให้ฉันหยุดเรื่องนี้

 

ฉันจะพูดดีกับคนที่พูดดีกับฉัน และคนอื่นๆ ดูเหมือนจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

 

“โอเค ได้ แล้วมีอะไรล่ะ?”

 

“ฉันชื่อเอเดรียน่า เป็นนักเรียนปีที่2 ของรอยัลคลาส, A-2 เธอบอกว่าเธอคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”

 

“อา ใช่”

 

เธอบอกชื่อของเธอ เธอแค่อยากจะคุยกับฉันจริงๆเหรอ?

 

“จริงๆเราไม่ต้องการทำแบบนี้เช่นกัน ทำมาหลายชั่วอายุคน รุ่นพี่ก็กดดันเราเหมือนกัน เราจึงต้องทำ”

 

มันเป็นระบบแบบคลาสสิก ช่างไร้สาระชะมัด

 

พวกเขาบังคับให้ทำแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการทำก็ตาม

 

“เรดิน่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนแอ เธอไม่สามารถทำร้ายใครได้ เธอยอมทำร้ายตัวเองดีกว่าต้องมาพูดจารุนแรงกับพวกคุณ รุ่นพี่ของเธอเสนอชื่อเธอและบังคับให้เธอทำ”

 

“ถ้าไม่สามารถทำได้ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?”

 

“เพราะทำแบบนี้มานานแล้ว ฉันรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าใครอยากจะหยุดประเพณีที่ดำเนินมาอย่างยาวนานโดยไม่มีเหตุผลที่ดี สิ่งต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่สนุกกับการทำแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันที่มาจากผลการเรียนที่สูงขึ้น ในที่สุดเรดินาตัวเล็กก็ตัดสินใจทำ และแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนประเภทนั้นด้วยซ้ำ

 

“ถ้าเราบอกว่าเราทำไม่ได้ บางทีพวกปี3 อาจจะมาเองก็ได้” ถึงตอนนั้น…. เธอจะจัดการได้มั้ย”

 

เธอถามฉันว่าฉันจะไล่นักเรียนชั้นปีที่ 3 ออกโดยทำเรื่องน่าอายและไร้ยางอายเหมือนเมื่อกี้นี้อีกได้มั้ย

 

“ยิ่งชั้นสูง ก็ยิ่งยากสำหรับพวกเขาที่จะอดกลั้น เธออาจได้รับบาดเจ็บจริงๆ”

 

ใช่ ยิ่งใช้เวลาอยู่ที่วิหารมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ฉันถูกปี2 ทุบตีเหมือนหมา แต่ฉันใช้ประโยชน์จากความเลินเล่อของเขาและจับจุดอ่อนของเขาได้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้ถ้าชั้นปีที่สูงกว่าเริ่มเข้ามา

 

“ครูแค่ดูสิ่งนี้เฉยๆงั้นเหรอ”

 

“พวกเขายอมรับมัน”

 

คงจะสบายสำหรับครูจริงๆ ถ้าไอ้พวกตัวแสบโดนสั่งสอนแบบนี้ พวกเขาสามารถใช้รุ่นพี่เพื่อฝึกฝนคนที่ผิดแนวและฟื้นฟูพวกเขา

 

“มาทำสิ่งต่างๆ ในปริมาณที่พอเหมาะกันเถอะนายรุ่นน้อง ถ้าเรื่องมันลุกลามใหญ่โต เราคงโดนรุ่นพี่ดุ แต่พวกนายจะยิ่งเดือดร้อน”

 

สรุปว่า “ทำตามแบบปกติไม่ได้เหรอ?” เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดคุยด้วยได้อย่างแน่นอนเพราะเธอพยายามแนะนำฉันอย่างอ่อนโยน ถึงกระนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่อยากยุ่งวุ่นวายเพื่อทำลายวงจรแห่งความไร้เหตุผลนี้

 

อย่าสร้างเรื่องและเป็นเด็กดีซะ

 

คุณอดทนสักหน่อยแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้หรือ

 

นั่นคือสิ่งที่เธอแนะนำและร้องขอ

 

นั่นเป็นไปได้ ฉันเห็นว่าเธอเป็นคนที่พูดรู้เรื่องจริงๆ

 

“ไปบอกพวกปี3ที่จะมาถึง พวกเขาไม่ใช่คนที่ทำให้รุ่นพี่ทำแบบนี้เหรอ? ถ้าไอ้สารเลวพวกนั้นอยากให้ทำ ก็ให้พวกเขาก็มาทำเอง”

 

“…….ว่าไงนะ?”

 

เอเดรียน่าแสดงความประหลาดใจเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะไปตอบไปแบบนั้น

 

ปี2 ปี3!

 

แค่มาที่ฉัน!

 

“แต่พวกเขาไม่ควรมาวันนี้หรือพรุ่งนี้”

 

ฉันหัวเราะเบา ๆ

 

“บอกให้มาในวันจันทร์ ในคืนวันจันทร์”

 

ฉันรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกวันหยุดสุดสัปดาห์ เอเดรียนากัดริมฝีปากของเธอขณะที่เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดในทันที

 

“มาดูกันว่าปีที่สามนั้นจะสามารถบอกให้เจ้าชาย เบอร์ทัส เดอ การ์เดียส หมอบลงได้รึเปล่า จะดีกว่ามั้ยหากให้พวกเราทุกคนมาพร้อมกัน ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณต้องทำในเวลานี้ เราควรทำร่วมกัน ฉันสัญญาว่าจะยอมรับเรื่องนี้ถ้าพวกเขามาในวันจันทร์”

 

ฉันเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ในช่วงสุดสัปดาห์

 

พวกเขาต้องยืนยันว่าเจ้าชายกลับไปที่ราชสำนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ไม่ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ พวกเขาไม่ต้องการแตะต้องเจ้าชาย พวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้กับขุนนางหรือราชวงศ์อื่น ๆ ได้ แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าแตะต้องเจ้าชายอิมพีเรียล

 

“ถ้าไม่มีปี3ในวันจันทร์ ฉันเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

 

“……”

 

ทุกคนแปลกใจที่ฉันกล้าเอ่ยถึงเจ้าชาย เอเดรียน่าถอนหายใจสั้น ๆ ขณะที่หลับตา

 

“เธอเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

 

รุ่นพี่ที่มีท่าทางสงบออกจากโรงยิมด้วยคำพูดเหล่านี้

 

เธอไม่คิดว่าฉันบ้าพอที่จะพูดถึงเจ้าชาย

 

ฉันหันไปคุยกับแฮร์เรียต เดอ แซงต์-โอวัน

 

“ฉันรับผิดชอบแล้ว โอเคมั้ย ยัยซื่อบื้อ”

 

“.……นี่ อย่ามาเรียกฉันว่ายัยซื่อบื้อนะ! ฉัน ฉันฉลาดกว่านายนะ!”

 

“โอ้ใช่ ยัยซื่อบื้อคุณภาพสูง”

 

“นี่ นี่! นาย!”

 

เธอตะโกนด้วยใบหน้าที่แดง แต่ดูเหมือนเธอโล่งใจที่สถานการณ์นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว

 

ภาพลักษณ์ที่พวกเขามอบให้ฉันดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาค่อยๆ แยกย้ายกันไปทีละคน

 

พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเพิ่งได้เห็นการใช้งานความบ้าคลั่งที่แปลกประหลาดสำหรับคนโรคจิตคนนี้ เป็นสัตว์ร้ายที่ควรหลีกเลี่ยง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+