เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 54

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 54 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 54

 

พลังเหนือธรรมชาติในระดับแรกๆนั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีเท่าไหร่ นั่นคือเหตุผลที่ไพโรคิเนซิสของไฮน์ริชอ่อนแอแบบนั้น

 

ตอนมันเพิ่งตื่นขึ้น มันอยู่ในสถานะบ้าดีเดือด ดังนั้นมันจึงออกมารุนแรงมาก แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่มั่นคง มันไม่ได้มีพลังอะไรมากนัก

 

“คุณรู้สึกว่าแรงบีบของคุณเพิ่มขึ้นมั้ย”

 

“ผมคิดว่าน่าจะนะ ฝ่ามือของผมรู้สึกเสียวซ่าแปลกๆ”

 

อันที่จริง ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแรงของฉันเพิ่มขึ้น แตกถ้าฉันพยายามบดขยี้มันด้วยพลังความตั้งใจของฉันเพียงอย่างเดียวฝ่ามือของฉันคงแหลกก่อนแน่

 

“งั้นก็ลองวิ่งไปที่อีกฝั่งของสระว่ายน้ำดูสิ วิ่งด้วยความเร็วเต็มที่เลยนะ”

 

“เอ๊ะ”

 

บางทีอาจเป็นเพราะพลังของฉันสามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพของฉันได้ เราจึงลงเอยด้วยการทำบางสิ่งที่ไม่แตกต่างจากการฝึกร่างกาย เพราะฉันฝึกมาเยอะมาก ความลังเลที่จะออกกำลังกายประเภทนี้จึงลดลงอย่างมาก

 

ฉันวิ่งจากปลายสระด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง เอาจริง ๆ ฉันจะไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่

 

ดูเหมือนครูจะตรวจอะไรบางอย่างแล้วตะโกนมาทางฉัน

 

“คราวนี้วิ่งกลับมาที่นี่ แต่คราวนี้ใช้พลังของคุณ! พยายามโน้มน้าวใจตัวเองว่าคุณคือนักวิ่งที่เร็วที่สุด!”

 

เธอกำลังวัดความเร็วในการวิ่งของฉัน

 

ครั้งแรกโดยที่ฉันไม่ได้ใช้ความสามารถของฉัน แล้วก็อีกครั้งที่ฉันใช้ความสามารถของฉัน

 

หลังจากที่ฉันพร้อมแล้ว ฉันพยายามโน้มน้าวใจตัวเอง

 

ฉันคือ ยูเซน โบลต์

 

หลังจากที่ผมวิ่งกลับมาประมาณ 50 เมตรอีกครั้ง อาจารย์ก็พยักหน้าช้าๆ

 

“น่าทึ่งมาก ไรน์ฮาร์ท”

 

มีบางอย่างเปลี่ยนไปงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกว่าพลังบีบของฉันแข็งแกร่งขึ้น แต่ฉันไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับความเร็วของฉันเลย

 

“ก่อนที่จะใช้ความสามารถของคุณ คุณใช้เวลา 8.3 วินาที หลังจากใช้มัน คุณใช้เวลา 8 วินาทีพอดีเป๊ะเลย”

 

“…ผมไม่เห็นจะรู้สึกเลย”

 

ฉันรู้ว่ามันเร็วกว่าเล็กน้อย แต่มันมีความหมายจริง ๆ เหรอ? นั่นอาจอยู่ในขอบเขตของข้อผิดพลาด

 

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ทดสอบอีกหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นการทดสอบเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางกายภาพ ความอดทน และความว่องไวของฉัน

 

และเมื่อฉันผ่านสิ่งเหล่านี้ไป สภาพจิตใจของฉันก็ดูจะแปลกขึ้นเรื่อยๆ

 

การแนะนำตนเองทำให้คำแนะนำที่คุณให้กับตัวเองกลายเป็นความจริง

 

ถ้าฉันบอกว่าฉันคือยูเซน โบลต์ในขณะที่วิ่ง ฉันคงสามารถใช้ความเร็วของเขาหรือมากกว่านั้นได้ถ้าความสามารถของฉันอยู่ในระดับหนึ่ง บนสมมติฐานว่าฉันเชื่อในคำพูดของฉันอย่างแน่นอน

 

ในที่สุด ฉันก็ต้องคิดต่อไปว่า “ฉันอายุXX”

 

ฉันจะรู้สึกเหมือนถูกพากลับไปสู่วัยเด็ก

 

พลังเหนือธรรมชาตินี้ทำให้ความดื้อรั้นแบบเด็กๆ เป็นจริงได้ และยิ่งฉันดื้อด้านมากเท่าไหร่ ความสามารถของฉันก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

แทนที่จะเป็นการแนะนำตนเอง มันไม่เหมือนกับแนวคิดมุ่งจะเอาชนะมากกว่างั้นเหรอ?

 

มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันชนะในการดวลกับมายาร์ตัน

 

นั่นหมายความว่าฉันจะชนะตราบเท่าที่ฉันมีความคิดที่ชนะใช่รึเปล่า?

 

หากไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของความสามารถของฉัน ฉันยังคงน่าสมเพช

 

“…….”

 

“เกิดอะไรขึ้น ไรน์ฮาร์ท?”

 

“ก็ ผมกำลังคิดอย่างจริงจังว่าผมหักต้นไม้นี้ได้ถ้าผมต่อยมัน ผมก็เลยอยากจะลองดู…? ”

 

กำปั้นของฉันสามารถพังต้นไม้ได้

 

ฉันเริ่มเพ้อเจ้อไปเรื่อยแล้ว

 

บางทีอาจเป็นเพราะฉันยกเลิกการตั้งค่านี้ไป ฉันเลยไม่ได้คิดว่าคนที่ใช้ความสามารถนี้จะได้รับความเสียหายทางจิตใจแบบไหน

 

ฉันใช้ทักษะแบบนั้นจริงๆ

 

“มันความสามารถที่คุณมีดังนั้นมาลองดูกันเถอะ”

 

ฉันสามารถหักต้นไม้นี้ด้วยกำปั้นของฉัน!

 

“อ้าก!”

 

ฉันทำพลาด

 

ฉันควรจะเชื่อว่าข้อมือฉันจะไม่หักถ้าฉันชกต้นไม้เต็มวงสวิงแบบนั้น

 

* * *

 

คุณโรลเลนเดรียทดสอบความสามารถของฉันตลอดทั้งวัน นอกจากการทดสอบความแข็งแรงของร่างกายและความสามารถด้านกีฬาแล้ว เธอยังทำการทดสอบอื่นๆ ด้วย

 

ตัวอย่างเช่น เราทดสอบว่าฉันสามารถรับความสามารถอื่นจากความสามารถของฉันได้หรือไม่

 

ถ้าฉันเชื่อว่าฉันสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบได้ รวมถึงไพโรคิเนซิสเธอก็สงสัยว่าฉันจะใช้มันได้มั้ย เรายังลองใช้กระแสจิตด้วย

 

แน่นอนมันไม่ได้ผลเลย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำมันได้ในภายหลังหรือไม่ แต่ ณ ตอนนี้ ระดับความสามารถของฉันยังต่ำมาก ดังนั้นนอกจากการทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ฉันก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีก

 

แน่นอน เนื่องจากฉันพกเปลวเพลิงแห่งวันอังคารติดตัวไปด้วยเสมอ ไฟจึงอาจออกมา ดังนั้นฉันจึงทำการทดสอบไพโรคิเนซิสอย่างชุ่ยๆ

 

หลังจากการทดสอบทั้งหมดเสร็จสิ้นคุณโรลเลนเดรียค่อยๆ พยักหน้าขณะที่เธอจดบันทึก เราใช้เวลาจนถึงมื้อเที่ยง ดังนั้นการทดสอบทักษะนี้จึงคงอยู่ตลอดทั้งชั้นเรียนเกือบทั้งหมด

 

“น่าทึ่งมาก ไรน์ฮาร์ท”

 

“ผมไม่คิดว่ามันยอดเยี่ยมขนาดนั้น….”

 

เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ฉันคิด แต่คุณโรลเลนเดรียส่ายหัว

 

“เห็นได้ชัดว่าพลังที่แสดงในสถานะปัจจุบันนั้นไม่ค่อยดีมากนัก แต่สิ่งที่สำคัญก็คืออีกแง่มุมหนึ่ง”

 

“คุณหมายความว่าอย่างไร? ด้านอะไรอีกอ่ะ”

 

“ระดับการเสริมกำลังของร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วคุณค่อนข้างเชี่ยวชาญในการใช้ความสามารถเหนือธรรมชาติของคุณ จากมุมมองของฉัน แม้ว่าระดับการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณจะยังค่อนข้างต่ำ แต่คุณสามารถใช้ความสามารถของคุณได้สำเร็จหลายครั้งติดต่อกัน แล้วยังเกือบจะในทันทีด้วย”

 

ดูเหมือนว่าคุณโรลเลนเดรียจะให้ความสำคัญกับการควบคุมความสามารถของฉันมากกว่าพลังของมัน แม้ว่าผลการเสริมความแข็งแกร่งจะค่อนข้างไม่มีอะไร แต่ดูเหมือนว่าฉันยังคงประสบความสำเร็จในการเปิดใช้งานอย่างต่อเนื่อง

 

“นั่นหมายความว่าคุณค่อนข้างคุ้นเคยกับการเปิดใช้งานความสามารถของคุณเลยทีเดียว”

 

นั่นถือว่ายอดเยี่ยมไปเลย บางครั้งการควบคุมความสามารถก็ถูกพิจารณาว่าสำคัญกว่าตัวความสามารถเอง ฉันเก่งมากในการใช้ความสามารถนี้ของฉัน

 

ฉันควรจะรู้สึกดีนะ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีเลย

 

“อีกนัยหนึ่ง คุณมีพรสวรรค์มากในการแนะนำตัวเอง”

 

ทั้งหมดที่เธอพูดก็คือฉันมีจิตใจที่ดื้อรั้น!

 

แบบนั้นแหละ แม้ฉันเขียนนิยายห่วยๆ แบบนี้ ฉันก็ยังคงมีแนวคิดที่จะเป็นนักเขียนต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี

 

ฉันได้ความสามารถนี้เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นกลโกง แต่ก็เพราะมันเหมาะกับฉันด้วย

 

ระดับความสามารถของฉันไม่ได้สูงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้งานมันค่อนข้างง่ายสำหรับฉัน

 

ฉันมีความคิดที่เหมาะกับความสามารถที่เรียกว่าการแนะนำตนเอง เพราะฉันใช้ชีวิตโดยพึ่งพาความคิดประเภทนั้นโดยประจำ

 

มันเหมือนกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาสำหรับฉัน…. แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นเลยสักนิด

 

อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถโน้มน้าวใจตัวเองได้ละกันว่า หากเป็นคนอื่นที่มีความสามารถนี้ พวกเขาจะไม่สามารถใช้มันได้อย่างชำนาญเท่าฉัน

 

เนื่องจากนี่คือโลกแฟนตาซี ฉันจึงเชื่ออะไรๆได้ง่ายขึ้น ถ้าฉันอยู่ในโลกเก่าของฉัน ฉันคงคิดแบบว่า “พลังเหนือธรรมชาติ? บ้าปะเนี่ย?”ดังนั้นในเมื่อมันเป็นโลกนี้ ฉันจึงเชื่อในบางสิ่งได้อย่างง่ายดาย

 

คุณโรลเลนเดรียบอกว่าเราตรวจสอบเสร็จแล้วและฉันสามารถกลับไปเรียนตามปกติได้ในวันถัดไป เพราะเธอตระหนักว่าความสามารถของฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการเสริมสร้างร่างกายง่ายๆ ในตอนนี้ แน่นอนเนื่องจากศักยภาพของมันสูงมาก เธอจะตรวจดูฉันเป็นระยะๆ

 

หลังเลิกเรียนวันนี้ฉันอยู่หอพักฉันจะข้ามการฝึกตอนเย็นและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถของฉัน

 

ในขั้นตอนนี้ การแนะนำตนเองมีผลเกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างร่างกายเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ฉันทิ้งมันหลังจากสร้างมันขึ้นมาอย่างคลุมเครือในนิยาย ฉันไม่ได้อธิบายว่าคนที่ใช้มันจะต้องผ่านความยากลำบากอะไร

 

มีหลายสิ่งที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถนี้ ตัวอย่างเช่น ความเสียหายทางจิตใจที่เราต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อรักษาจิตใจแห่งชัยชนะนั้นไว้เสมอ ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่เชื่ออย่างจริงจังว่าสถานการณ์ไร้สาระบางอย่างจะเกิดขึ้นจริงเพียงเพราะผลของความสามารถ

 

ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง

 

ถ้าฉันเชื่อว่าหมัดของฉันแข็งแกร่ง พวกมันก็จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าฉันต่อสู้ในขณะที่เชื่อว่าหมัดของฉันแข็งแกร่ง แล้วฉันต้องเตะใครสักคนล่ะ

 

ฉันคงต้องเปลี่ยนใจตัวเองอีกครั้งว่าลูกเตะของฉันแข็งแกร่งที่สุด

 

ฉันเชี่ยวชาญในการเปิดใช้งาน แต่มันค่อนข้างยุ่งยาก มันจะง่ายกว่าที่จะเชื่อว่าร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้น

 

ตัวอย่างเช่น ฉันจำเป็นต้องสรุปวิธีที่ฉันใช้ความสามารถของฉันอีกเล็กน้อยเพื่อให้มีประโยชน์ในการต่อสู้ แทนที่จะโฟกัสไปที่หมัดและเตะแยกกัน ฉันต้องเชื่อว่าความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของฉันดีขึ้นอย่างมาก

 

การได้ยินว่าความเชื่อทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น อาจทำให้ใครบางคนคิดว่าฉันเป็นพาลาดิน แต่นั่นไม่ใช่แน่นอน?

 

พระเจ้าและศาสนาที่ฉันเชื่อคือตัวฉันเอง

 

มันเป็นศาสนานอกรีตที่เป็นเป้าหมายของการบูชาและผู้นับถือในคนเดียวกัน

 

นั่นคือศาสนาที่ฉันต้องเชื่อ

 

ฉันคิดว่าฉันบ้า

 

* * *

 

สำหรับตอนนี้ฉันทำได้เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความสามารถทางกายภาพของฉัน แต่ในภายหลัง การกระทำอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนั้นก็จะเป็นไปได้สำหรับฉัน จะเป็นการเสียเวลามากที่จะใช้ทักษะในรายละเอียดสำหรับแต่ละส่วน

 

ดังนั้นฉันควรใช้มันแบบครอบคลุมมากกว่า ไม่ใช่แค่ทำให้หมัดหรือขาแข็งแรง

 

อย่างไรก็ตามการเลือกโฟกัสบางครั้งก็จำเป็น ถ้าฉันใช้ความสามารถของฉันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายทั้งหมดมันจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการทำให้หมัดของฉันแข็งแกร่งขึ้นอย่างเดียว ดังนั้นแทนที่จะพูดให้กว้างเกินไปว่าจะเสริมความแข็งแกร่งอะไร มันจะดีกว่าถ้าเจาะจงลงไปอีกหน่อย เช่นร่างกายของฉันคุ้นเคยกับการต่อสู้แบบประชิดตัว

 

หลังจากที่ความสามารถของฉันแข็งแกร่งขึ้น ก็เป็นไปได้ที่ร่างกายของฉันจะมีความเชี่ยวชาญในการต่อต้านเวทมนตร์หรือการต่อสู้ระยะประชิด

 

ความสามารถนี้ก็เหมาะกับฉันมาก

 

ฉันเป็นผู้เขียนเว็บโนเวลและการกระทำนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเขียนตัวละคร

 

ฉันเขียนบางอย่างลงในสมุดบันทึกของฉันในขณะนี้

 

แบบ A

 

การตั้งค่า: ปรับปรุงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรวม ปรับปรุงระดับทักษะการใช้ดาบ ปรับปรุงความสามารถทางปัญญา ปรับปรุงความเร็วของปฏิกิริยา

 

หลังจากตั้งค่า แบบ A แล้ว ก็ตั้งค่าแบบ B ตามมาตรฐานของฉันเอง ตอนนี้ถ้าฉันคิดจะเป็นแบบ A ร่างกายของฉันก็จะแข็งแรงขึ้น เพราะฉันควรจะจำการตั้งค่าที่ฉันตั้งเองได้ การแนะนำตนเองคือความสามารถในการเป็นในสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันเป็น ถ้าฉันจำความสามารถทางกายภาพทั้งหมดที่ควรมีในแบบ A ได้ ฉันก็จะสามารถใช้ความสามารถได้เพียงแค่ถ้าฉันคิดว่าฉันกลายเป็นแบบ A นั่นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้ความสามารถของฉัน

 

และในภายหลัง ฉันจะเพิ่ม Type Z : สามารถอัญเชิญมังกรเพลิงทมิฬจากมือขวาได้

 

ฉันว่าฉันบ้าไปแล้ว!

 

ฉันเคยเป็นแบบนั้นตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น! แต่ว่าหลังจากที่ฉันโตขึ้นและออกจากโรงเรียน ฉันก็เลิกแล้วนะ

 

จะบ้าตาย

 

ฉันคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ฉันที่ควรจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบรรดาเด็ก ๆ พวกนั้น แต่ฉันกลับกลายเป็นเด็กที่มีปัญหามากที่สุด และตอนนี้ฉันก็ขังตัวเองอยู่ในห้องพักเพื่อเขียนอะไรแปลก ๆ พวกนี้

 

มองข้ามเรื่องบุคลิกของฉันแล้ว ในที่สุดฉันก็มีความสามารถที่ใช้โจมตีได้สักที

 

ขณะที่ฉันจมอยู่กับการทบทวนตัวเองเพจเจอร์ในห้องของฉันก็ดังขึ้น

 

เพจเจอร์

 

ใคร ๆ ก็คิดว่ามันเป็นเหมือนอินเตอร์คอมวิเศษ มีคนโทรหาฉัน ใครจะโทรหาฉันกันนะ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเอลเลน แต่เอลเลนไม่ยอมโทรหาฉันเพราะวันนี้ฉันไม่ได้ไปยิม

 

ฉันเปิดเพจเจอร์ เสียงนั้นคุ้นเคยแต่น้ำเสียงกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง

 

[มาที่ล็อบบี้หลัก]

 

ชาร์ลอตต์นั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 54

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 54 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 54

 

พลังเหนือธรรมชาติในระดับแรกๆนั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีเท่าไหร่ นั่นคือเหตุผลที่ไพโรคิเนซิสของไฮน์ริชอ่อนแอแบบนั้น

 

ตอนมันเพิ่งตื่นขึ้น มันอยู่ในสถานะบ้าดีเดือด ดังนั้นมันจึงออกมารุนแรงมาก แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่มั่นคง มันไม่ได้มีพลังอะไรมากนัก

 

“คุณรู้สึกว่าแรงบีบของคุณเพิ่มขึ้นมั้ย”

 

“ผมคิดว่าน่าจะนะ ฝ่ามือของผมรู้สึกเสียวซ่าแปลกๆ”

 

อันที่จริง ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแรงของฉันเพิ่มขึ้น แตกถ้าฉันพยายามบดขยี้มันด้วยพลังความตั้งใจของฉันเพียงอย่างเดียวฝ่ามือของฉันคงแหลกก่อนแน่

 

“งั้นก็ลองวิ่งไปที่อีกฝั่งของสระว่ายน้ำดูสิ วิ่งด้วยความเร็วเต็มที่เลยนะ”

 

“เอ๊ะ”

 

บางทีอาจเป็นเพราะพลังของฉันสามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพของฉันได้ เราจึงลงเอยด้วยการทำบางสิ่งที่ไม่แตกต่างจากการฝึกร่างกาย เพราะฉันฝึกมาเยอะมาก ความลังเลที่จะออกกำลังกายประเภทนี้จึงลดลงอย่างมาก

 

ฉันวิ่งจากปลายสระด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง เอาจริง ๆ ฉันจะไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่

 

ดูเหมือนครูจะตรวจอะไรบางอย่างแล้วตะโกนมาทางฉัน

 

“คราวนี้วิ่งกลับมาที่นี่ แต่คราวนี้ใช้พลังของคุณ! พยายามโน้มน้าวใจตัวเองว่าคุณคือนักวิ่งที่เร็วที่สุด!”

 

เธอกำลังวัดความเร็วในการวิ่งของฉัน

 

ครั้งแรกโดยที่ฉันไม่ได้ใช้ความสามารถของฉัน แล้วก็อีกครั้งที่ฉันใช้ความสามารถของฉัน

 

หลังจากที่ฉันพร้อมแล้ว ฉันพยายามโน้มน้าวใจตัวเอง

 

ฉันคือ ยูเซน โบลต์

 

หลังจากที่ผมวิ่งกลับมาประมาณ 50 เมตรอีกครั้ง อาจารย์ก็พยักหน้าช้าๆ

 

“น่าทึ่งมาก ไรน์ฮาร์ท”

 

มีบางอย่างเปลี่ยนไปงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกว่าพลังบีบของฉันแข็งแกร่งขึ้น แต่ฉันไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับความเร็วของฉันเลย

 

“ก่อนที่จะใช้ความสามารถของคุณ คุณใช้เวลา 8.3 วินาที หลังจากใช้มัน คุณใช้เวลา 8 วินาทีพอดีเป๊ะเลย”

 

“…ผมไม่เห็นจะรู้สึกเลย”

 

ฉันรู้ว่ามันเร็วกว่าเล็กน้อย แต่มันมีความหมายจริง ๆ เหรอ? นั่นอาจอยู่ในขอบเขตของข้อผิดพลาด

 

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ทดสอบอีกหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นการทดสอบเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางกายภาพ ความอดทน และความว่องไวของฉัน

 

และเมื่อฉันผ่านสิ่งเหล่านี้ไป สภาพจิตใจของฉันก็ดูจะแปลกขึ้นเรื่อยๆ

 

การแนะนำตนเองทำให้คำแนะนำที่คุณให้กับตัวเองกลายเป็นความจริง

 

ถ้าฉันบอกว่าฉันคือยูเซน โบลต์ในขณะที่วิ่ง ฉันคงสามารถใช้ความเร็วของเขาหรือมากกว่านั้นได้ถ้าความสามารถของฉันอยู่ในระดับหนึ่ง บนสมมติฐานว่าฉันเชื่อในคำพูดของฉันอย่างแน่นอน

 

ในที่สุด ฉันก็ต้องคิดต่อไปว่า “ฉันอายุXX”

 

ฉันจะรู้สึกเหมือนถูกพากลับไปสู่วัยเด็ก

 

พลังเหนือธรรมชาตินี้ทำให้ความดื้อรั้นแบบเด็กๆ เป็นจริงได้ และยิ่งฉันดื้อด้านมากเท่าไหร่ ความสามารถของฉันก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

แทนที่จะเป็นการแนะนำตนเอง มันไม่เหมือนกับแนวคิดมุ่งจะเอาชนะมากกว่างั้นเหรอ?

 

มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันชนะในการดวลกับมายาร์ตัน

 

นั่นหมายความว่าฉันจะชนะตราบเท่าที่ฉันมีความคิดที่ชนะใช่รึเปล่า?

 

หากไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของความสามารถของฉัน ฉันยังคงน่าสมเพช

 

“…….”

 

“เกิดอะไรขึ้น ไรน์ฮาร์ท?”

 

“ก็ ผมกำลังคิดอย่างจริงจังว่าผมหักต้นไม้นี้ได้ถ้าผมต่อยมัน ผมก็เลยอยากจะลองดู…? ”

 

กำปั้นของฉันสามารถพังต้นไม้ได้

 

ฉันเริ่มเพ้อเจ้อไปเรื่อยแล้ว

 

บางทีอาจเป็นเพราะฉันยกเลิกการตั้งค่านี้ไป ฉันเลยไม่ได้คิดว่าคนที่ใช้ความสามารถนี้จะได้รับความเสียหายทางจิตใจแบบไหน

 

ฉันใช้ทักษะแบบนั้นจริงๆ

 

“มันความสามารถที่คุณมีดังนั้นมาลองดูกันเถอะ”

 

ฉันสามารถหักต้นไม้นี้ด้วยกำปั้นของฉัน!

 

“อ้าก!”

 

ฉันทำพลาด

 

ฉันควรจะเชื่อว่าข้อมือฉันจะไม่หักถ้าฉันชกต้นไม้เต็มวงสวิงแบบนั้น

 

* * *

 

คุณโรลเลนเดรียทดสอบความสามารถของฉันตลอดทั้งวัน นอกจากการทดสอบความแข็งแรงของร่างกายและความสามารถด้านกีฬาแล้ว เธอยังทำการทดสอบอื่นๆ ด้วย

 

ตัวอย่างเช่น เราทดสอบว่าฉันสามารถรับความสามารถอื่นจากความสามารถของฉันได้หรือไม่

 

ถ้าฉันเชื่อว่าฉันสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบได้ รวมถึงไพโรคิเนซิสเธอก็สงสัยว่าฉันจะใช้มันได้มั้ย เรายังลองใช้กระแสจิตด้วย

 

แน่นอนมันไม่ได้ผลเลย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำมันได้ในภายหลังหรือไม่ แต่ ณ ตอนนี้ ระดับความสามารถของฉันยังต่ำมาก ดังนั้นนอกจากการทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ฉันก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีก

 

แน่นอน เนื่องจากฉันพกเปลวเพลิงแห่งวันอังคารติดตัวไปด้วยเสมอ ไฟจึงอาจออกมา ดังนั้นฉันจึงทำการทดสอบไพโรคิเนซิสอย่างชุ่ยๆ

 

หลังจากการทดสอบทั้งหมดเสร็จสิ้นคุณโรลเลนเดรียค่อยๆ พยักหน้าขณะที่เธอจดบันทึก เราใช้เวลาจนถึงมื้อเที่ยง ดังนั้นการทดสอบทักษะนี้จึงคงอยู่ตลอดทั้งชั้นเรียนเกือบทั้งหมด

 

“น่าทึ่งมาก ไรน์ฮาร์ท”

 

“ผมไม่คิดว่ามันยอดเยี่ยมขนาดนั้น….”

 

เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ฉันคิด แต่คุณโรลเลนเดรียส่ายหัว

 

“เห็นได้ชัดว่าพลังที่แสดงในสถานะปัจจุบันนั้นไม่ค่อยดีมากนัก แต่สิ่งที่สำคัญก็คืออีกแง่มุมหนึ่ง”

 

“คุณหมายความว่าอย่างไร? ด้านอะไรอีกอ่ะ”

 

“ระดับการเสริมกำลังของร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วคุณค่อนข้างเชี่ยวชาญในการใช้ความสามารถเหนือธรรมชาติของคุณ จากมุมมองของฉัน แม้ว่าระดับการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณจะยังค่อนข้างต่ำ แต่คุณสามารถใช้ความสามารถของคุณได้สำเร็จหลายครั้งติดต่อกัน แล้วยังเกือบจะในทันทีด้วย”

 

ดูเหมือนว่าคุณโรลเลนเดรียจะให้ความสำคัญกับการควบคุมความสามารถของฉันมากกว่าพลังของมัน แม้ว่าผลการเสริมความแข็งแกร่งจะค่อนข้างไม่มีอะไร แต่ดูเหมือนว่าฉันยังคงประสบความสำเร็จในการเปิดใช้งานอย่างต่อเนื่อง

 

“นั่นหมายความว่าคุณค่อนข้างคุ้นเคยกับการเปิดใช้งานความสามารถของคุณเลยทีเดียว”

 

นั่นถือว่ายอดเยี่ยมไปเลย บางครั้งการควบคุมความสามารถก็ถูกพิจารณาว่าสำคัญกว่าตัวความสามารถเอง ฉันเก่งมากในการใช้ความสามารถนี้ของฉัน

 

ฉันควรจะรู้สึกดีนะ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีเลย

 

“อีกนัยหนึ่ง คุณมีพรสวรรค์มากในการแนะนำตัวเอง”

 

ทั้งหมดที่เธอพูดก็คือฉันมีจิตใจที่ดื้อรั้น!

 

แบบนั้นแหละ แม้ฉันเขียนนิยายห่วยๆ แบบนี้ ฉันก็ยังคงมีแนวคิดที่จะเป็นนักเขียนต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี

 

ฉันได้ความสามารถนี้เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นกลโกง แต่ก็เพราะมันเหมาะกับฉันด้วย

 

ระดับความสามารถของฉันไม่ได้สูงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้งานมันค่อนข้างง่ายสำหรับฉัน

 

ฉันมีความคิดที่เหมาะกับความสามารถที่เรียกว่าการแนะนำตนเอง เพราะฉันใช้ชีวิตโดยพึ่งพาความคิดประเภทนั้นโดยประจำ

 

มันเหมือนกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาสำหรับฉัน…. แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นเลยสักนิด

 

อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถโน้มน้าวใจตัวเองได้ละกันว่า หากเป็นคนอื่นที่มีความสามารถนี้ พวกเขาจะไม่สามารถใช้มันได้อย่างชำนาญเท่าฉัน

 

เนื่องจากนี่คือโลกแฟนตาซี ฉันจึงเชื่ออะไรๆได้ง่ายขึ้น ถ้าฉันอยู่ในโลกเก่าของฉัน ฉันคงคิดแบบว่า “พลังเหนือธรรมชาติ? บ้าปะเนี่ย?”ดังนั้นในเมื่อมันเป็นโลกนี้ ฉันจึงเชื่อในบางสิ่งได้อย่างง่ายดาย

 

คุณโรลเลนเดรียบอกว่าเราตรวจสอบเสร็จแล้วและฉันสามารถกลับไปเรียนตามปกติได้ในวันถัดไป เพราะเธอตระหนักว่าความสามารถของฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการเสริมสร้างร่างกายง่ายๆ ในตอนนี้ แน่นอนเนื่องจากศักยภาพของมันสูงมาก เธอจะตรวจดูฉันเป็นระยะๆ

 

หลังเลิกเรียนวันนี้ฉันอยู่หอพักฉันจะข้ามการฝึกตอนเย็นและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถของฉัน

 

ในขั้นตอนนี้ การแนะนำตนเองมีผลเกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างร่างกายเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ฉันทิ้งมันหลังจากสร้างมันขึ้นมาอย่างคลุมเครือในนิยาย ฉันไม่ได้อธิบายว่าคนที่ใช้มันจะต้องผ่านความยากลำบากอะไร

 

มีหลายสิ่งที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถนี้ ตัวอย่างเช่น ความเสียหายทางจิตใจที่เราต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อรักษาจิตใจแห่งชัยชนะนั้นไว้เสมอ ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่เชื่ออย่างจริงจังว่าสถานการณ์ไร้สาระบางอย่างจะเกิดขึ้นจริงเพียงเพราะผลของความสามารถ

 

ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง

 

ถ้าฉันเชื่อว่าหมัดของฉันแข็งแกร่ง พวกมันก็จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าฉันต่อสู้ในขณะที่เชื่อว่าหมัดของฉันแข็งแกร่ง แล้วฉันต้องเตะใครสักคนล่ะ

 

ฉันคงต้องเปลี่ยนใจตัวเองอีกครั้งว่าลูกเตะของฉันแข็งแกร่งที่สุด

 

ฉันเชี่ยวชาญในการเปิดใช้งาน แต่มันค่อนข้างยุ่งยาก มันจะง่ายกว่าที่จะเชื่อว่าร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้น

 

ตัวอย่างเช่น ฉันจำเป็นต้องสรุปวิธีที่ฉันใช้ความสามารถของฉันอีกเล็กน้อยเพื่อให้มีประโยชน์ในการต่อสู้ แทนที่จะโฟกัสไปที่หมัดและเตะแยกกัน ฉันต้องเชื่อว่าความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของฉันดีขึ้นอย่างมาก

 

การได้ยินว่าความเชื่อทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น อาจทำให้ใครบางคนคิดว่าฉันเป็นพาลาดิน แต่นั่นไม่ใช่แน่นอน?

 

พระเจ้าและศาสนาที่ฉันเชื่อคือตัวฉันเอง

 

มันเป็นศาสนานอกรีตที่เป็นเป้าหมายของการบูชาและผู้นับถือในคนเดียวกัน

 

นั่นคือศาสนาที่ฉันต้องเชื่อ

 

ฉันคิดว่าฉันบ้า

 

* * *

 

สำหรับตอนนี้ฉันทำได้เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความสามารถทางกายภาพของฉัน แต่ในภายหลัง การกระทำอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนั้นก็จะเป็นไปได้สำหรับฉัน จะเป็นการเสียเวลามากที่จะใช้ทักษะในรายละเอียดสำหรับแต่ละส่วน

 

ดังนั้นฉันควรใช้มันแบบครอบคลุมมากกว่า ไม่ใช่แค่ทำให้หมัดหรือขาแข็งแรง

 

อย่างไรก็ตามการเลือกโฟกัสบางครั้งก็จำเป็น ถ้าฉันใช้ความสามารถของฉันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายทั้งหมดมันจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการทำให้หมัดของฉันแข็งแกร่งขึ้นอย่างเดียว ดังนั้นแทนที่จะพูดให้กว้างเกินไปว่าจะเสริมความแข็งแกร่งอะไร มันจะดีกว่าถ้าเจาะจงลงไปอีกหน่อย เช่นร่างกายของฉันคุ้นเคยกับการต่อสู้แบบประชิดตัว

 

หลังจากที่ความสามารถของฉันแข็งแกร่งขึ้น ก็เป็นไปได้ที่ร่างกายของฉันจะมีความเชี่ยวชาญในการต่อต้านเวทมนตร์หรือการต่อสู้ระยะประชิด

 

ความสามารถนี้ก็เหมาะกับฉันมาก

 

ฉันเป็นผู้เขียนเว็บโนเวลและการกระทำนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเขียนตัวละคร

 

ฉันเขียนบางอย่างลงในสมุดบันทึกของฉันในขณะนี้

 

แบบ A

 

การตั้งค่า: ปรับปรุงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรวม ปรับปรุงระดับทักษะการใช้ดาบ ปรับปรุงความสามารถทางปัญญา ปรับปรุงความเร็วของปฏิกิริยา

 

หลังจากตั้งค่า แบบ A แล้ว ก็ตั้งค่าแบบ B ตามมาตรฐานของฉันเอง ตอนนี้ถ้าฉันคิดจะเป็นแบบ A ร่างกายของฉันก็จะแข็งแรงขึ้น เพราะฉันควรจะจำการตั้งค่าที่ฉันตั้งเองได้ การแนะนำตนเองคือความสามารถในการเป็นในสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันเป็น ถ้าฉันจำความสามารถทางกายภาพทั้งหมดที่ควรมีในแบบ A ได้ ฉันก็จะสามารถใช้ความสามารถได้เพียงแค่ถ้าฉันคิดว่าฉันกลายเป็นแบบ A นั่นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้ความสามารถของฉัน

 

และในภายหลัง ฉันจะเพิ่ม Type Z : สามารถอัญเชิญมังกรเพลิงทมิฬจากมือขวาได้

 

ฉันว่าฉันบ้าไปแล้ว!

 

ฉันเคยเป็นแบบนั้นตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น! แต่ว่าหลังจากที่ฉันโตขึ้นและออกจากโรงเรียน ฉันก็เลิกแล้วนะ

 

จะบ้าตาย

 

ฉันคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ฉันที่ควรจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบรรดาเด็ก ๆ พวกนั้น แต่ฉันกลับกลายเป็นเด็กที่มีปัญหามากที่สุด และตอนนี้ฉันก็ขังตัวเองอยู่ในห้องพักเพื่อเขียนอะไรแปลก ๆ พวกนี้

 

มองข้ามเรื่องบุคลิกของฉันแล้ว ในที่สุดฉันก็มีความสามารถที่ใช้โจมตีได้สักที

 

ขณะที่ฉันจมอยู่กับการทบทวนตัวเองเพจเจอร์ในห้องของฉันก็ดังขึ้น

 

เพจเจอร์

 

ใคร ๆ ก็คิดว่ามันเป็นเหมือนอินเตอร์คอมวิเศษ มีคนโทรหาฉัน ใครจะโทรหาฉันกันนะ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเอลเลน แต่เอลเลนไม่ยอมโทรหาฉันเพราะวันนี้ฉันไม่ได้ไปยิม

 

ฉันเปิดเพจเจอร์ เสียงนั้นคุ้นเคยแต่น้ำเสียงกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง

 

[มาที่ล็อบบี้หลัก]

 

ชาร์ลอตต์นั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+