เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 46

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 46 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 46

 

ราคาสำหรับการทำลายรูปปั้นหินนั้นสูงกว่าที่คิด

 

“ไม่ใช่”

 

“ยังไม่ได้”

 

“นี่มันแย่กว่าเดิมอีก”

 

เอลเลนชี้ให้เห็นว่าเทคนิคดาบทั้งหมดที่ฉันทำนั้นผิด จากนั้นเธอก็แสดงวิธีใช้เทคนิคที่ถูกต้องให้ฉันดู

 

“นายต้องทำแบบนี้สิ”

 

“……เอ่อ”

 

“ลองดูสิ”

 

ให้ตายเถอะ นี่ฉันพึ่งจะโดนบูมเมอแรงย้อนกลับใส่สินะ นี่คือราคาสำหรับการแกล้งเธอ มันทำให้ฉันหงุดหงิดจริงๆ

 

ขณะที่ฉันติดตามการเคลื่อนไหวของเธออย่างเงอะงะ เธอก็ส่ายหัว

 

“ไม่ใช่แล้ว นั่นมันไม่เห็นจะเหมือนเลยสักนิด”

 

เอลเลนแสดงการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้ฉันอีกครั้งทีละขั้นตอนและบอกให้ฉันทำซ้ำอีกครั้ง แน่นอน ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ท่าทางของฉันก็ดูแย่สำหรับเธอ

 

นี่คือสิ่งแลกเปลี่ยนกับการทำให้ เอลเลน อาร์โทเรียส ผู้เป็นเหมือนพระพุทธรูปหินโกรธ เธอจึงมาการฝึกดาบให้ฉันแบบกรณีพิเศษ

 

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนของฉันกำลังสอนฉัน ดังนั้นวิธีนี้ก็คงผลลัพธ์ดีล่ะมั้ง

 

เธอเป็นคนที่ไม่คิดที่จะช่วยฉันแม้ว่าฉันจะขอร้องเธอเป็นการส่วนตัวก็ตาม

 

แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้ทำเพื่อช่วยฉัน เอลเลนที่โกรธหลังจากที่ฉันวิจารณ์และล้อเลียนเธอ ได้ให้บทเรียนแก่ฉันในการทำแบบเดียวกันกับฉัน

 

ผลลัพธ์นั้นดี แต่กระบวนการนั้นไม่

 

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันเลยรู้สึกรำคาญมากขึ้น

 

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

 

เอลเลนบอกฉันซ้ำๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนั้น” ราวกับจะแก้แค้นบทเรียนที่ฉันสอนให้เธอ

 

อะไรกันเนี่ย….

 

อันที่จริง ฉันควรจะรู้สึกขอบคุณในตอนนี้ เพราะเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนของเธอเองมาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยฉันในการฝึกดาบ

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันควรจะรู้สึก

 

ฉันโมโห ทั้งๆที่ฉันไม่สมควรแต่ฉันโมโหมาก ฉันคงต้องเปลี่ยนความคิดก่อน

 

ฉันนี่มัน

 

ฉันเป็นร่างอวตารของพวกหน้าซื่อใจคด ฉันได้ค้นพบว่ามันสนุกมากที่ได้แกล้งคนอื่นแต่กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนแกล้งฉัน

 

เด็กก็คือเด็ก ดังนั้นจึงไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นผู้ใหญ่ดังนั้นมันค่อนข้างแย่ ฉันค่อนข้างจะบิดเบี้ยวเล็กน้อยล่ะนะ

 

“ฉันรู้ว่าเธอเก่ง เอ่อ แต่ถ้าเธอจะสอนฉัน ทำไมเธอไม่สอนฉันให้มันดีๆล่ะล่ะ?”

 

เมื่อเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่น่าเกลียดของตัวเอง ฉันก็เลือกมองข้ามมันไปซะเลย

 

“ทำแบบนี้ไง”

 

เอลเลนแสดงท่วงท่าที่เกือบจะงดงาม เธอมองมาที่ฉันด้วยสายตาสงสัย สงสัยว่าทำไมฉันทำไม่ได้

 

ฉันเป็นอวตารที่สมบูรณ์แบบของพวกหน้าซื่อใจคด

 

แล้วเจอกันที่ห้องอาหาร

 

ฉันจะเอาคืนเธอในภายหลังแน่

 

* * *

 

หลังจากวันนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราทำบางอย่างในครัวและเอลเลนทำอาหาร ฉันจะตำหนิเธอและจู้จี้ในขณะที่ให้คำแนะนำกับเธอ และตอนที่ฉันอยู่ในโรงยิม เอลเลนจะให้บทเรียนที่เข้มงวดกับฉันมากในขณะที่ฉันกำลังฝึกทักษะการใช้ดาบ

 

เหมือนเราสั่งสอนกัน หากมีใครได้ยินคำเหล่านี้ คนหนึ่งอาจคิดว่าสิ่งที่เราแบ่งปันคือมิตรภาพที่สวยงาม

 

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราคือมันไม่ใช่มิตรภาพจากการสั่งสอนซึ่งกันและกัน แต่เป็นความอาฆาตพยาบาท

 

“ยัยบ้านี่ ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรง่ายๆ แบบนี้เยล่ะ? เธอไม่รู้ว่าถ้วยตวงคืออะไรงั้นเหรอ? หรือวิธีอ่านหนังสือทำอาหาร”

 

“น่ารำคาญน่า”

 

ในห้องครัว

 

“นายต้องขยับแขนมากขนาดนี้ ในระดับนั้น แบบนี้ ทำไมนายทำไม่ได้ฮะ”

 

“เพราะฉันหมดแรงแล้วไงล่ะ นี่ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนะ ถ้าฉันสามารถเคลื่อนไหวได้ในสภาพนี้ มันคงจะแปลกมากเลยล่ะ”

 

“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ”

 

“…ก่อนหน้านั้นฉันทำได้ดีกว่านี้! ตอนนั้นฉันอยู่ในสภาพที่ดีล่ะนะ!”

 

“…ถ้านายคิดว่าแบบนั้นดีกว่า…. บางทีนายอาจต้องทนทุกข์ทรมานเพิ่มอีกสักหน่อย”

 

“นายเก่งมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

 

ในโรงยิม

 

เช่นนี้เรากำลังสร้างสายโซ่แห่งความอาฆาตพยาบาทที่เกิดจากการสั่งสอนสุดโต่งของเรา

 

แม้ว่าเธอจะพูดเสมอว่ามันน่ารำคาญ แต่เธอก็สนุกกับการทำอาหารอย่างแน่นอน เธอดูเหมือนเบื่ออาหารว่าง ฉันเห็นว่าเธอทำตามที่ฉันสอนแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเก่งก็ตาม

 

ในทางเทคนิคแล้ว เธอดูเหมือนจะต้องการเรียนรู้วิธีทำอาหารด้วยตัวเองจริงๆ แม้ว่าจะฟังคำแนะนำของฉันแล้วก็ตาม แทนที่จะแค่อยากจะอวดว่าเธอทำอาหารอะไรให้ฉันดู

 

ฉันต้องการเรียนวิชาดาบเพื่อเพิ่มความสามารถทางกายภาพอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงทำตามที่เอลเลนบอกเสมอ

 

ไม่ใช่แค่การฝึกดาบเท่านั้น

 

“พยายามกว่านี้อีก”

 

ฉันสู้กับเอลเลนด้วย เมื่อฉันรีบแทงดาบเข้าหาเธอ เอลเลนเอาดาบของเธอมาจ่อกับฉันแล้วเลื่อนดาบออกด้านนอก และฟาดเข้าที่ช่องท้องของฉันด้วยด้านขวาของเธอ

 

-พัค!

 

“โอ้ย!”

 

ทันทีที่ฉันล้มลง เอลเลนก็เอาดาบมาจ่อคอฉัน

 

“นายตายแล้ว”

 

นี่ไม่อาจจะเรียกว่าการฝึกต่อสู้ด้วยดาบอีกต่อไป มันเป็นเพียงการฟาดฟันฝ่ายเดียว ไม่ว่าฉันจะทำอะไร เธอก็ส่งฉันบินในทันที

 

“นี่มันไม่ใช่การทุบตีร่างกายเหรอ? นั่นมันฟาวล์ไม่ใช่รึไง?”

 

เมื่อได้ยินคำพูด ของฉัน เอลเลนก็เอียงศีรษะ

 

“ไม่มีสิ่งนั้นในการต่อสู้จริง”

 

นั่นเป็นคำพูดที่โหดร้ายสำหรับเด็กที่จะพูด แต่เธอพูดถูก ดังนั้นฉันจึงหาข้อหักล้างไม่ได้

 

หลังจากนั้น เอลเลนก็สอนวิชาดาบในรูปแบบต่างๆ เทคนิคการรุกและการรับในขณะที่ฝึก เอลเลนนั้นรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เรียนรู้จากการบรรยายทฤษฎีการใช้ดาบ

 

เป็นความจริงที่การฝึกกับคู่นั้นมีประโยชน์มากกว่าการฝึกฝนเทคนิคการใช้ดาบอย่างหัวชนฝาด้วยตัวคนเดียว

 

ฉันลองดูข้อมูลทางกายภาพของเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีรายละเอียดใดๆ และความสามารถหลายอย่างของเธอถูกแก้ไข ที่ได้รับการประกาศในห้องเรียน มันเป็นเหมือนรูปแบบที่เรียบง่ายของหน้าจอสถานะก็ว่าได้

 

รอยัลคลาส ปี 1 A-2 เอลเลน

 

[พละกำลัง 16.5(B)] [ความว่องไว 18.3(B+)] [ความคล่องแคล่ว 20.2(A-)] [เวทมนตร์ 23(A)][พลังกาย 15.3(B-)]

 

พรสวรรค์

 

[ความชำนาญด้านอาวุธ][การควบคุมเวทมนตร์]

 

มันดูง่ายมากเมื่อเทียบกับสถานะของฉันที่ระบบแสดงให้ฉันเห็น ข้อมูลที่เครื่องสแกนร่างกายไม่สามารถเข้าใจได้จะไม่แสดงบนนั้น ตัวอย่างเช่น อันดับของทักษะดาบหรือทักษะที่มี

 

เอลเลนมีความสามารถมากมาย แต่วิหารได้ลดรายชื่อพวกนั้นลง เหลือเพียงความชำนาญด้านอาวุธและการควบคุมเวทมนตร์ แม้ว่าเธอจะมีความสามารถรอบด้านอยู่แล้ว แต่ความชำนาญด้านอาวุธ การควบคุมเวทมนตร์ก็เป็นอีกความสามารถหนึ่ง ซึ่งรวมพรสวรรค์การจัดการเวทมนตร์ ความไวเวทมนตร์ และการเติบโตของเวทมนตร์

 

เพียงแค่มีพรสวรรค์ทั้งสองนี้ เธอก็นำหน้าเบอร์ทัสไปไกลแล้ว แต่พวกเขายังกล้าเรียกเธอว่าเลขที่ 2

 

เธอไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์เพื่อที่จะเก่งขึ้น

 

แม้ว่าเมื่อพิจารณาถึงความสามารถทางกายภาพของเธอแล้ว เอลเลนก็เหนือกว่าฉันมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอันดับ F หรือ D

 

ในการจัดอันดับการต่อสู้ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอันดับ

 

ในระบบการจัดหมวดหมู่นั้น เอลเลนอยู่ในระดับที่สูงอย่างน่าขันอยู่แล้ว

 

สถานะระดับ S หรือสูงกว่านั้นจะอยู่ในระดับเหนือมนุษย์แล้ว อันดับนั้นสามารถเข้าถึงได้โดยผู้ที่มีระดับปรมาจารย์หรือสูงกว่าเท่านั้น

 

ฉันไม่รู้ว่าระดับการต่อสู้ของเธอจะเป็นอย่างไร แต่น่าจะสูงกว่าระดับ A

 

ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นของเธอหรือใครก็ตามในรอยัคลาสมีความสามารถทางกายภาพในระดับนั้น

 

“เอิ๊ก!”

 

“ฮึก!”

 

“เครก!”

 

“อูวาร์ก!”

 

.

 

.

 

.

 

ดูเหมือนว่ายัยบ้านี่นั่นแค่ใช้การสอนเป็นข้ออ้างเพื่อทุบตีฉันไม่ใช่รึไง?

 

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังได้เรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างผ่านสิ่งนั้น

 

ท้ายที่สุดแล้ว ทักษะดาบไม่ใช่แค่การใช้ดาบเท่านั้น แต่รวมถึงร่างกายทั้งหมด รวมถึงหมัดและเท้าด้วย มีแม้กระทั่งเทคนิคที่ใช้ลักษณะของการต่อสู้ซึ่งรวมถึงการใช้ดาบเป็นเพื่อช่วยคว้าปลอกคอของคู่ต่อสู้

 

นั่นคือเหตุผลที่ฉันตระหนักว่าแขนที่ไม่ได้ถือดาบก็มีความสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะถือดาบด้วยมือทั้งสองข้าง เพื่อเบี่ยงเบนดาบของศัตรู เพื่อปราบศัตรูมือเปล่า หรือจับใบมีดของศัตรู

 

มีมากมายจนฉันไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด

 

“ฮึ!”

 

– ตุ้บ!

 

ในตอนนั้น เธอปัดดาบของฉันออก เธอเกือบจะบดขยี้ฉัน โดยไม่ลืมการทำอะไรแปลกๆ โดยจ่อดาบมาที่คอของฉันแล้ว…

 

“นายตายแล้ว”

 

…บอกฉันว่าฉันตายหลังจากชนะฉัน

 

“เธอตัวหนักนะ รู้มั้ย….”

 

แม้ว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาดาบ แต่ช่วยอย่าขึ้นขี่ฉันแบบนั้นได้มั้ย ระหว่างที่เราฟาดฟันกัน เอลเลนแสดงให้ฉันเห็นหลายๆ วิธีในการเอาชนะด้วยดาบ คราวนี้เธอแสดงให้ฉันเห็นบางอย่างที่น่าตะลึง

 

“……เธอกำลังเยาะเย้ยฉันอยู่หรือเปล่าฮะ?”

 

“อะไร?”

 

“ตอนนี้คุณกำลังถือดาบกลับหัวเพื่อเอาชนะฉันรึเปล่า”

 

เธอถือดาบของเธอและตีฉันที่ศีรษะด้วยด้าม เมื่อฉันเห็นแบบนั้น ฉันรู้สึกว่ามันไร้สาระ

 

เอลเลนส่ายหัว

 

“…มันเป็นวิธีใช้มันจริงๆ กับศัตรูที่ติดอาวุธหนัก”

 

“มีเทคนิคแปลกๆ แบบนี้ด้วยในการใช้ดาบด้วย? เกิดอะไรขึ้นถ้ามันตัดมือขึ้นมาล่ะ?

 

“มันไม่ตัดง่ายๆ หรอก”

 

เอลเลนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เพียงเพราะนี่คือดาบฝึกหัด แต่ฉันไม่ไว้ใจเธอ 100% เรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม อย่างที่ฉันรู้อยู่แล้วจากประสบการณ์ตรง เอลเลนไม่ได้อยู่ในระดับที่ต้องเรียนวิชาดาบเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ

 

เอลเลนพยายามสอนฉันเกี่ยวกับทักษะการใช้ดาบของเธอ รวมถึงวิธีปราบศัตรู และบอกให้ฉันลองทำดูด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอทุบตีฉันมากเสียจนไม่สามารถนับจำนวนการพ่ายแพ้ของฉันได้อีกต่อไป ดังนั้นในท้ายที่สุด เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิบายให้ฉันฟังอย่างช้าๆ

 

เธอสอนฉันถึงวิธีหักเหดาบ วิธีใช้แขนซ้ายของฉันโดยไม่ถือดาบ และสุดท้ายก็คล้ายกับเทคนิคการโค่นล้มเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้ม ซึ่งดูเหมือนพวกเขาออกมาจากเกมศิลปะการต่อสู้เลย

 

ถึงกระนั้นฉันก็เริ่มสงสัยว่าฉันจะทำสิ่งเหล่านี้ได้มั้ยนะ

 

“นายช้าเกินไป และท่าทางของนายก็งุ่มง่าม”

 

แม้ว่าฉันจะถูกบดขยี้ภายใต้เธอ เอลเลนก็ส่ายหัวราวกับว่าไม่เป็นเช่นนั้น ไม่สิ ถ้าฉันเป็นเด็กวัยรุ่นจริงๆ ฉันคงตื่นเต้นมากที่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้!

 

เธอไม่เห็นหรือว่า เลขที่ 5 คลิฟฟ์แมน ซึ่งยืนอยู่ข้างเราในขณะนี้ กำดาบของเขา กำลังดูเราโดยสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่? เธอไม่เห็นเขาเหรอ?

 

เดี๋ยวก่อน

 

ทำไมเธอถึง

 

เธอมองมาที่ฉันราวกับว่าฉันเป็นแค่เด็กเหลือขอ!

 

“อีกครั้ง”

 

ไม่ใช่แค่ฉัน แม้แต่เอลเลนก็เหงื่อท่วมตัวเช่นกัน เพราะเธอคอยช่วยฉันมานานแล้ว

 

ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม คู่ต่อสู้ของฉันหยิ่งมากและเห็นฉันเป็นแค่เด็ก

 

ผลที่ตามมา

 

“แขนฉันจะฉีกแล้ว!”

 

“มันจะไม่แน่นอน”

 

เราทั้งคู่จดจ่ออยู่กับการฝึกทักษะดาบและบทเรียน

 

* * *

 

วันที่ดวลกันคือหลังเวลาอาหารกลางวันของวันอาทิตย์

 

และตั้งแต่วันศุกร์ เอลเลนบังคับให้ฉันทำอะไรแปลกๆ

 

“จับไว้ให้แน่น”

 

-ปัง!

 

“!”

 

เธอกระแทกเข้ากับด้านข้างของดาบที่ฉันถืออยู่ในขณะที่เล็งไปข้างหน้า

 

ดาบฝึกหัดซึ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือของฉัน กระทบพื้นโรงยิม

 

“ทุกเทคนิคในโลกนี้ไร้จะประโยชน์ทันทีหากนายทำดาบหลุดมือ”

 

หากสูญเสียไป คุณจะจบลงด้วยการตาย

 

“การยึดเกาะของนายยังอ่อนแอเกินไป”

 

การจับของฉันอ่อนแอมากจนฉันจะเสียดาบด้วยการตีเพียงครั้งเดียวแบบนั้น เอลเลนพยายามทดสอบแรงจับของฉันเมื่อวันศุกร์ เธอจึงกระแทกดาบของฉันออกไปแทนที่จะกดข่มฉัน โดยต้องการให้ฉันจับดาบให้แน่นที่สุด

 

ไม่เพียงแต่มือของฉันรู้สึกซ่าๆ เท่านั้น ยิ่งเราฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การจับของฉันก็ยิ่งอ่อนแอลง

 

และ

 

เราทำอย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้วนะ? เมื่อเอลเลนฟาดดาบของฉันอีกครั้ง ดาบก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

 

“อะ อะไรน่ะ…?”

 

เมื่อดาบหัก มือของฉันก็ไม่เจ็บ แต่เธอฟาดแรงจนทำลายดาบได้จริงๆ หรือ? เอลเลนมองไปที่ดาบฝึกหัดที่หักและหยิบชิ้นส่วนที่เหลือขึ้นมา

 

“ดาบฝึกหัดมักจะไม่ทนทานเท่าไหร่ มันแตกหักง่าย”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะทำหักไปสองสามอันก่อนหน้านี้แล้ว

 

“นี่คือสิ่งที่วิหารใช้เหรอ?”

 

“มันคงเป็นปัญหาถ้าดาบฝึกหัดมีคุณภาพที่สูงเกินไป”

 

มันจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าใครได้รับอันตรายจากการใช้สิ่งเหล่านี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจใช้วัสดุคุณภาพต่ำเพราะหากทนทานเกินไปก็ไม่มีอะไรดีตามมา แม้ว่ามันจะไม่มีข้อได้เปรียบ แต่ก็สามารถกลายเป็นอาวุธไม่มีคมได้หากใช้ความแข็งแกร่งเพียงพอ

 

“อย่าปล่อยดาบของนายสิ”

 

“มันไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิดนะเฟ้ย”

 

หลังจากที่ดาบหักฉันก็ล้มลงบนพื้น ฉันไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปเพราะมือของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัก

 

แรงยึดเกาะเป็นสิ่งสำคัญ

 

ดังนั้น เอเดรียน่าจึงมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแรงในการยึดจับระหว่างการฝึกร่างกายของเธอ เธอยังคงฝึกฝนการยึดจับของเธอ โดยกล่าวว่าการยึดจับที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ด้วยดาบ

 

วันนี้เอลเลนทำการทดสอบต่อไปว่าฉันจะทำดาบหลุดมือมั้ยโดยการตีมันในมุมต่างๆ

 

คลิฟฟ์แมนก็กลับไปพักผ่อนด้วย ดังนั้นในโรงยิมจึงมีแค่เราสองคน แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เราสามคนเสมอไป เบอร์ทัสและอีริชก็มาฝึกด้วยในบางครั้ง

 

เบอร์ทัสยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเมื่อเห็นฉันฝึกกับเอลเลน เขาไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับการดวลที่ฉันวางแผนไว้ แม้ว่าเขาจะดูภูมิใจเล็กน้อยที่ได้เห็นฉันพยายามฝึก

 

เขาคงประทับใจในการเฝ้าดูผู้ใต้บังคับบัญชาหมายเลข 1 ของเขาทำได้ดีแม้ว่าจะถูกปล่อยทิ้งไว้ตามลำพังก็ตาม

 

นอกจากนี้ เนื่องจากฉันจดจ่ออยู่กับการฝึกซ้อมเพื่อการดวลตัวต่อตัว ปัญหาบางอย่างของฉันก็หมดไป คนอื่นๆคงไม่อยากมายุ่งกับฉันตอนนี้สักเท่าไหร่

 

ถึงกระนั้น ทุกคนก็เฝ้ารอคอยวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

 

มันเป็นวันที่ไอ้เจ้าโรคจิตไรน์ฮาร์ดจะถูกสั่งสอน ทุกคนที่เกลียดฉันจะมาดูการต่อสู้แน่นอน

 

“นายจะแพ้”

 

จู่ๆ เอลเลนก็บอกฉัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลยจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับการต่อสู้ของฉัน

 

มันคงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเธอที่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฉันถึงจดจ่อกับการฝึกแบบนั้น

 

“ฉันรู้อยู่แล้ว”

 

ทุกคนบอกฉันว่าฉันจะแพ้ และฉันก็รู้ดี เอลเลนก็รู้ว่าฉันไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกัน แล้วทำไมจู่ๆ เธอถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ?

 

“นายต้องการที่จะชนะมั้ย?”

 

เธอถามฉันอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าเธอมีเจตนาอะไร แต่การเห็นเอลเลนถามแบบนี้ แสดงว่าเราสนิทกันมากขึ้นหรือเปล่านะ?

 

ฉันอยากจะชนะ

 

“ก็ตามปกติน่ะ”

 

คงจะดีถ้าฉันสามารถชนะได้ แต่ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ก็ตาม ฉันจะได้รับคะแนนเป็นสามเท่าเป็นรางวัล เอลเลนไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉันด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ เธอก็หันมาจ้องที่ฉันตรงๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สงบนิ่งของเธอจ้องมองมาที่ฉัน

 

เธอช่างงดงามจริงๆ

 

“ฉันรู้วิธีที่จะทำให้นายชนะ”

 

“…พูดอะไรของเธอน่ะ?”

 

เธอหมายถึงอะไร? ไม่ว่าฉันจะคิดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่ฉันจะเอาชนะคนที่มีพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงในหมู่นักเรียนชั้นปีที่สองได้หรอก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เอลเลนดูเหมือนจะรู้อย่างน้อยหนึ่งวิธีที่ทำให้ฉันชนะการดวลครั้งนี้

 

“มันคืออะไร?”

 

“……คิดให้ดีว่าการดวลคืออะไร”

 

นั่นคือทั้งหมดที่เอลเลนพูด

 

“เดี๋ยวก่อน เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย”

 

ฉันถามว่าเธอหมายความว่ายังไง แต่เธอก็ปิดปากไว้ราวกับว่าเธอไม่ต้องการบอกฉันมากกว่านี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 46

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 46 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 46

 

ราคาสำหรับการทำลายรูปปั้นหินนั้นสูงกว่าที่คิด

 

“ไม่ใช่”

 

“ยังไม่ได้”

 

“นี่มันแย่กว่าเดิมอีก”

 

เอลเลนชี้ให้เห็นว่าเทคนิคดาบทั้งหมดที่ฉันทำนั้นผิด จากนั้นเธอก็แสดงวิธีใช้เทคนิคที่ถูกต้องให้ฉันดู

 

“นายต้องทำแบบนี้สิ”

 

“……เอ่อ”

 

“ลองดูสิ”

 

ให้ตายเถอะ นี่ฉันพึ่งจะโดนบูมเมอแรงย้อนกลับใส่สินะ นี่คือราคาสำหรับการแกล้งเธอ มันทำให้ฉันหงุดหงิดจริงๆ

 

ขณะที่ฉันติดตามการเคลื่อนไหวของเธออย่างเงอะงะ เธอก็ส่ายหัว

 

“ไม่ใช่แล้ว นั่นมันไม่เห็นจะเหมือนเลยสักนิด”

 

เอลเลนแสดงการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้ฉันอีกครั้งทีละขั้นตอนและบอกให้ฉันทำซ้ำอีกครั้ง แน่นอน ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ท่าทางของฉันก็ดูแย่สำหรับเธอ

 

นี่คือสิ่งแลกเปลี่ยนกับการทำให้ เอลเลน อาร์โทเรียส ผู้เป็นเหมือนพระพุทธรูปหินโกรธ เธอจึงมาการฝึกดาบให้ฉันแบบกรณีพิเศษ

 

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนของฉันกำลังสอนฉัน ดังนั้นวิธีนี้ก็คงผลลัพธ์ดีล่ะมั้ง

 

เธอเป็นคนที่ไม่คิดที่จะช่วยฉันแม้ว่าฉันจะขอร้องเธอเป็นการส่วนตัวก็ตาม

 

แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้ทำเพื่อช่วยฉัน เอลเลนที่โกรธหลังจากที่ฉันวิจารณ์และล้อเลียนเธอ ได้ให้บทเรียนแก่ฉันในการทำแบบเดียวกันกับฉัน

 

ผลลัพธ์นั้นดี แต่กระบวนการนั้นไม่

 

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันเลยรู้สึกรำคาญมากขึ้น

 

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

 

เอลเลนบอกฉันซ้ำๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนั้น” ราวกับจะแก้แค้นบทเรียนที่ฉันสอนให้เธอ

 

อะไรกันเนี่ย….

 

อันที่จริง ฉันควรจะรู้สึกขอบคุณในตอนนี้ เพราะเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนของเธอเองมาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยฉันในการฝึกดาบ

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันควรจะรู้สึก

 

ฉันโมโห ทั้งๆที่ฉันไม่สมควรแต่ฉันโมโหมาก ฉันคงต้องเปลี่ยนความคิดก่อน

 

ฉันนี่มัน

 

ฉันเป็นร่างอวตารของพวกหน้าซื่อใจคด ฉันได้ค้นพบว่ามันสนุกมากที่ได้แกล้งคนอื่นแต่กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนแกล้งฉัน

 

เด็กก็คือเด็ก ดังนั้นจึงไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นผู้ใหญ่ดังนั้นมันค่อนข้างแย่ ฉันค่อนข้างจะบิดเบี้ยวเล็กน้อยล่ะนะ

 

“ฉันรู้ว่าเธอเก่ง เอ่อ แต่ถ้าเธอจะสอนฉัน ทำไมเธอไม่สอนฉันให้มันดีๆล่ะล่ะ?”

 

เมื่อเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่น่าเกลียดของตัวเอง ฉันก็เลือกมองข้ามมันไปซะเลย

 

“ทำแบบนี้ไง”

 

เอลเลนแสดงท่วงท่าที่เกือบจะงดงาม เธอมองมาที่ฉันด้วยสายตาสงสัย สงสัยว่าทำไมฉันทำไม่ได้

 

ฉันเป็นอวตารที่สมบูรณ์แบบของพวกหน้าซื่อใจคด

 

แล้วเจอกันที่ห้องอาหาร

 

ฉันจะเอาคืนเธอในภายหลังแน่

 

* * *

 

หลังจากวันนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราทำบางอย่างในครัวและเอลเลนทำอาหาร ฉันจะตำหนิเธอและจู้จี้ในขณะที่ให้คำแนะนำกับเธอ และตอนที่ฉันอยู่ในโรงยิม เอลเลนจะให้บทเรียนที่เข้มงวดกับฉันมากในขณะที่ฉันกำลังฝึกทักษะการใช้ดาบ

 

เหมือนเราสั่งสอนกัน หากมีใครได้ยินคำเหล่านี้ คนหนึ่งอาจคิดว่าสิ่งที่เราแบ่งปันคือมิตรภาพที่สวยงาม

 

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราคือมันไม่ใช่มิตรภาพจากการสั่งสอนซึ่งกันและกัน แต่เป็นความอาฆาตพยาบาท

 

“ยัยบ้านี่ ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรง่ายๆ แบบนี้เยล่ะ? เธอไม่รู้ว่าถ้วยตวงคืออะไรงั้นเหรอ? หรือวิธีอ่านหนังสือทำอาหาร”

 

“น่ารำคาญน่า”

 

ในห้องครัว

 

“นายต้องขยับแขนมากขนาดนี้ ในระดับนั้น แบบนี้ ทำไมนายทำไม่ได้ฮะ”

 

“เพราะฉันหมดแรงแล้วไงล่ะ นี่ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนะ ถ้าฉันสามารถเคลื่อนไหวได้ในสภาพนี้ มันคงจะแปลกมากเลยล่ะ”

 

“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ”

 

“…ก่อนหน้านั้นฉันทำได้ดีกว่านี้! ตอนนั้นฉันอยู่ในสภาพที่ดีล่ะนะ!”

 

“…ถ้านายคิดว่าแบบนั้นดีกว่า…. บางทีนายอาจต้องทนทุกข์ทรมานเพิ่มอีกสักหน่อย”

 

“นายเก่งมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

 

ในโรงยิม

 

เช่นนี้เรากำลังสร้างสายโซ่แห่งความอาฆาตพยาบาทที่เกิดจากการสั่งสอนสุดโต่งของเรา

 

แม้ว่าเธอจะพูดเสมอว่ามันน่ารำคาญ แต่เธอก็สนุกกับการทำอาหารอย่างแน่นอน เธอดูเหมือนเบื่ออาหารว่าง ฉันเห็นว่าเธอทำตามที่ฉันสอนแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเก่งก็ตาม

 

ในทางเทคนิคแล้ว เธอดูเหมือนจะต้องการเรียนรู้วิธีทำอาหารด้วยตัวเองจริงๆ แม้ว่าจะฟังคำแนะนำของฉันแล้วก็ตาม แทนที่จะแค่อยากจะอวดว่าเธอทำอาหารอะไรให้ฉันดู

 

ฉันต้องการเรียนวิชาดาบเพื่อเพิ่มความสามารถทางกายภาพอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงทำตามที่เอลเลนบอกเสมอ

 

ไม่ใช่แค่การฝึกดาบเท่านั้น

 

“พยายามกว่านี้อีก”

 

ฉันสู้กับเอลเลนด้วย เมื่อฉันรีบแทงดาบเข้าหาเธอ เอลเลนเอาดาบของเธอมาจ่อกับฉันแล้วเลื่อนดาบออกด้านนอก และฟาดเข้าที่ช่องท้องของฉันด้วยด้านขวาของเธอ

 

-พัค!

 

“โอ้ย!”

 

ทันทีที่ฉันล้มลง เอลเลนก็เอาดาบมาจ่อคอฉัน

 

“นายตายแล้ว”

 

นี่ไม่อาจจะเรียกว่าการฝึกต่อสู้ด้วยดาบอีกต่อไป มันเป็นเพียงการฟาดฟันฝ่ายเดียว ไม่ว่าฉันจะทำอะไร เธอก็ส่งฉันบินในทันที

 

“นี่มันไม่ใช่การทุบตีร่างกายเหรอ? นั่นมันฟาวล์ไม่ใช่รึไง?”

 

เมื่อได้ยินคำพูด ของฉัน เอลเลนก็เอียงศีรษะ

 

“ไม่มีสิ่งนั้นในการต่อสู้จริง”

 

นั่นเป็นคำพูดที่โหดร้ายสำหรับเด็กที่จะพูด แต่เธอพูดถูก ดังนั้นฉันจึงหาข้อหักล้างไม่ได้

 

หลังจากนั้น เอลเลนก็สอนวิชาดาบในรูปแบบต่างๆ เทคนิคการรุกและการรับในขณะที่ฝึก เอลเลนนั้นรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เรียนรู้จากการบรรยายทฤษฎีการใช้ดาบ

 

เป็นความจริงที่การฝึกกับคู่นั้นมีประโยชน์มากกว่าการฝึกฝนเทคนิคการใช้ดาบอย่างหัวชนฝาด้วยตัวคนเดียว

 

ฉันลองดูข้อมูลทางกายภาพของเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีรายละเอียดใดๆ และความสามารถหลายอย่างของเธอถูกแก้ไข ที่ได้รับการประกาศในห้องเรียน มันเป็นเหมือนรูปแบบที่เรียบง่ายของหน้าจอสถานะก็ว่าได้

 

รอยัลคลาส ปี 1 A-2 เอลเลน

 

[พละกำลัง 16.5(B)] [ความว่องไว 18.3(B+)] [ความคล่องแคล่ว 20.2(A-)] [เวทมนตร์ 23(A)][พลังกาย 15.3(B-)]

 

พรสวรรค์

 

[ความชำนาญด้านอาวุธ][การควบคุมเวทมนตร์]

 

มันดูง่ายมากเมื่อเทียบกับสถานะของฉันที่ระบบแสดงให้ฉันเห็น ข้อมูลที่เครื่องสแกนร่างกายไม่สามารถเข้าใจได้จะไม่แสดงบนนั้น ตัวอย่างเช่น อันดับของทักษะดาบหรือทักษะที่มี

 

เอลเลนมีความสามารถมากมาย แต่วิหารได้ลดรายชื่อพวกนั้นลง เหลือเพียงความชำนาญด้านอาวุธและการควบคุมเวทมนตร์ แม้ว่าเธอจะมีความสามารถรอบด้านอยู่แล้ว แต่ความชำนาญด้านอาวุธ การควบคุมเวทมนตร์ก็เป็นอีกความสามารถหนึ่ง ซึ่งรวมพรสวรรค์การจัดการเวทมนตร์ ความไวเวทมนตร์ และการเติบโตของเวทมนตร์

 

เพียงแค่มีพรสวรรค์ทั้งสองนี้ เธอก็นำหน้าเบอร์ทัสไปไกลแล้ว แต่พวกเขายังกล้าเรียกเธอว่าเลขที่ 2

 

เธอไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์เพื่อที่จะเก่งขึ้น

 

แม้ว่าเมื่อพิจารณาถึงความสามารถทางกายภาพของเธอแล้ว เอลเลนก็เหนือกว่าฉันมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอันดับ F หรือ D

 

ในการจัดอันดับการต่อสู้ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอันดับ

 

ในระบบการจัดหมวดหมู่นั้น เอลเลนอยู่ในระดับที่สูงอย่างน่าขันอยู่แล้ว

 

สถานะระดับ S หรือสูงกว่านั้นจะอยู่ในระดับเหนือมนุษย์แล้ว อันดับนั้นสามารถเข้าถึงได้โดยผู้ที่มีระดับปรมาจารย์หรือสูงกว่าเท่านั้น

 

ฉันไม่รู้ว่าระดับการต่อสู้ของเธอจะเป็นอย่างไร แต่น่าจะสูงกว่าระดับ A

 

ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นของเธอหรือใครก็ตามในรอยัคลาสมีความสามารถทางกายภาพในระดับนั้น

 

“เอิ๊ก!”

 

“ฮึก!”

 

“เครก!”

 

“อูวาร์ก!”

 

.

 

.

 

.

 

ดูเหมือนว่ายัยบ้านี่นั่นแค่ใช้การสอนเป็นข้ออ้างเพื่อทุบตีฉันไม่ใช่รึไง?

 

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังได้เรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างผ่านสิ่งนั้น

 

ท้ายที่สุดแล้ว ทักษะดาบไม่ใช่แค่การใช้ดาบเท่านั้น แต่รวมถึงร่างกายทั้งหมด รวมถึงหมัดและเท้าด้วย มีแม้กระทั่งเทคนิคที่ใช้ลักษณะของการต่อสู้ซึ่งรวมถึงการใช้ดาบเป็นเพื่อช่วยคว้าปลอกคอของคู่ต่อสู้

 

นั่นคือเหตุผลที่ฉันตระหนักว่าแขนที่ไม่ได้ถือดาบก็มีความสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะถือดาบด้วยมือทั้งสองข้าง เพื่อเบี่ยงเบนดาบของศัตรู เพื่อปราบศัตรูมือเปล่า หรือจับใบมีดของศัตรู

 

มีมากมายจนฉันไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด

 

“ฮึ!”

 

– ตุ้บ!

 

ในตอนนั้น เธอปัดดาบของฉันออก เธอเกือบจะบดขยี้ฉัน โดยไม่ลืมการทำอะไรแปลกๆ โดยจ่อดาบมาที่คอของฉันแล้ว…

 

“นายตายแล้ว”

 

…บอกฉันว่าฉันตายหลังจากชนะฉัน

 

“เธอตัวหนักนะ รู้มั้ย….”

 

แม้ว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาดาบ แต่ช่วยอย่าขึ้นขี่ฉันแบบนั้นได้มั้ย ระหว่างที่เราฟาดฟันกัน เอลเลนแสดงให้ฉันเห็นหลายๆ วิธีในการเอาชนะด้วยดาบ คราวนี้เธอแสดงให้ฉันเห็นบางอย่างที่น่าตะลึง

 

“……เธอกำลังเยาะเย้ยฉันอยู่หรือเปล่าฮะ?”

 

“อะไร?”

 

“ตอนนี้คุณกำลังถือดาบกลับหัวเพื่อเอาชนะฉันรึเปล่า”

 

เธอถือดาบของเธอและตีฉันที่ศีรษะด้วยด้าม เมื่อฉันเห็นแบบนั้น ฉันรู้สึกว่ามันไร้สาระ

 

เอลเลนส่ายหัว

 

“…มันเป็นวิธีใช้มันจริงๆ กับศัตรูที่ติดอาวุธหนัก”

 

“มีเทคนิคแปลกๆ แบบนี้ด้วยในการใช้ดาบด้วย? เกิดอะไรขึ้นถ้ามันตัดมือขึ้นมาล่ะ?

 

“มันไม่ตัดง่ายๆ หรอก”

 

เอลเลนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เพียงเพราะนี่คือดาบฝึกหัด แต่ฉันไม่ไว้ใจเธอ 100% เรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม อย่างที่ฉันรู้อยู่แล้วจากประสบการณ์ตรง เอลเลนไม่ได้อยู่ในระดับที่ต้องเรียนวิชาดาบเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ

 

เอลเลนพยายามสอนฉันเกี่ยวกับทักษะการใช้ดาบของเธอ รวมถึงวิธีปราบศัตรู และบอกให้ฉันลองทำดูด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอทุบตีฉันมากเสียจนไม่สามารถนับจำนวนการพ่ายแพ้ของฉันได้อีกต่อไป ดังนั้นในท้ายที่สุด เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิบายให้ฉันฟังอย่างช้าๆ

 

เธอสอนฉันถึงวิธีหักเหดาบ วิธีใช้แขนซ้ายของฉันโดยไม่ถือดาบ และสุดท้ายก็คล้ายกับเทคนิคการโค่นล้มเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้ม ซึ่งดูเหมือนพวกเขาออกมาจากเกมศิลปะการต่อสู้เลย

 

ถึงกระนั้นฉันก็เริ่มสงสัยว่าฉันจะทำสิ่งเหล่านี้ได้มั้ยนะ

 

“นายช้าเกินไป และท่าทางของนายก็งุ่มง่าม”

 

แม้ว่าฉันจะถูกบดขยี้ภายใต้เธอ เอลเลนก็ส่ายหัวราวกับว่าไม่เป็นเช่นนั้น ไม่สิ ถ้าฉันเป็นเด็กวัยรุ่นจริงๆ ฉันคงตื่นเต้นมากที่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้!

 

เธอไม่เห็นหรือว่า เลขที่ 5 คลิฟฟ์แมน ซึ่งยืนอยู่ข้างเราในขณะนี้ กำดาบของเขา กำลังดูเราโดยสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่? เธอไม่เห็นเขาเหรอ?

 

เดี๋ยวก่อน

 

ทำไมเธอถึง

 

เธอมองมาที่ฉันราวกับว่าฉันเป็นแค่เด็กเหลือขอ!

 

“อีกครั้ง”

 

ไม่ใช่แค่ฉัน แม้แต่เอลเลนก็เหงื่อท่วมตัวเช่นกัน เพราะเธอคอยช่วยฉันมานานแล้ว

 

ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม คู่ต่อสู้ของฉันหยิ่งมากและเห็นฉันเป็นแค่เด็ก

 

ผลที่ตามมา

 

“แขนฉันจะฉีกแล้ว!”

 

“มันจะไม่แน่นอน”

 

เราทั้งคู่จดจ่ออยู่กับการฝึกทักษะดาบและบทเรียน

 

* * *

 

วันที่ดวลกันคือหลังเวลาอาหารกลางวันของวันอาทิตย์

 

และตั้งแต่วันศุกร์ เอลเลนบังคับให้ฉันทำอะไรแปลกๆ

 

“จับไว้ให้แน่น”

 

-ปัง!

 

“!”

 

เธอกระแทกเข้ากับด้านข้างของดาบที่ฉันถืออยู่ในขณะที่เล็งไปข้างหน้า

 

ดาบฝึกหัดซึ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือของฉัน กระทบพื้นโรงยิม

 

“ทุกเทคนิคในโลกนี้ไร้จะประโยชน์ทันทีหากนายทำดาบหลุดมือ”

 

หากสูญเสียไป คุณจะจบลงด้วยการตาย

 

“การยึดเกาะของนายยังอ่อนแอเกินไป”

 

การจับของฉันอ่อนแอมากจนฉันจะเสียดาบด้วยการตีเพียงครั้งเดียวแบบนั้น เอลเลนพยายามทดสอบแรงจับของฉันเมื่อวันศุกร์ เธอจึงกระแทกดาบของฉันออกไปแทนที่จะกดข่มฉัน โดยต้องการให้ฉันจับดาบให้แน่นที่สุด

 

ไม่เพียงแต่มือของฉันรู้สึกซ่าๆ เท่านั้น ยิ่งเราฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การจับของฉันก็ยิ่งอ่อนแอลง

 

และ

 

เราทำอย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้วนะ? เมื่อเอลเลนฟาดดาบของฉันอีกครั้ง ดาบก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

 

“อะ อะไรน่ะ…?”

 

เมื่อดาบหัก มือของฉันก็ไม่เจ็บ แต่เธอฟาดแรงจนทำลายดาบได้จริงๆ หรือ? เอลเลนมองไปที่ดาบฝึกหัดที่หักและหยิบชิ้นส่วนที่เหลือขึ้นมา

 

“ดาบฝึกหัดมักจะไม่ทนทานเท่าไหร่ มันแตกหักง่าย”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะทำหักไปสองสามอันก่อนหน้านี้แล้ว

 

“นี่คือสิ่งที่วิหารใช้เหรอ?”

 

“มันคงเป็นปัญหาถ้าดาบฝึกหัดมีคุณภาพที่สูงเกินไป”

 

มันจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าใครได้รับอันตรายจากการใช้สิ่งเหล่านี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจใช้วัสดุคุณภาพต่ำเพราะหากทนทานเกินไปก็ไม่มีอะไรดีตามมา แม้ว่ามันจะไม่มีข้อได้เปรียบ แต่ก็สามารถกลายเป็นอาวุธไม่มีคมได้หากใช้ความแข็งแกร่งเพียงพอ

 

“อย่าปล่อยดาบของนายสิ”

 

“มันไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิดนะเฟ้ย”

 

หลังจากที่ดาบหักฉันก็ล้มลงบนพื้น ฉันไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปเพราะมือของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัก

 

แรงยึดเกาะเป็นสิ่งสำคัญ

 

ดังนั้น เอเดรียน่าจึงมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแรงในการยึดจับระหว่างการฝึกร่างกายของเธอ เธอยังคงฝึกฝนการยึดจับของเธอ โดยกล่าวว่าการยึดจับที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ด้วยดาบ

 

วันนี้เอลเลนทำการทดสอบต่อไปว่าฉันจะทำดาบหลุดมือมั้ยโดยการตีมันในมุมต่างๆ

 

คลิฟฟ์แมนก็กลับไปพักผ่อนด้วย ดังนั้นในโรงยิมจึงมีแค่เราสองคน แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เราสามคนเสมอไป เบอร์ทัสและอีริชก็มาฝึกด้วยในบางครั้ง

 

เบอร์ทัสยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเมื่อเห็นฉันฝึกกับเอลเลน เขาไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับการดวลที่ฉันวางแผนไว้ แม้ว่าเขาจะดูภูมิใจเล็กน้อยที่ได้เห็นฉันพยายามฝึก

 

เขาคงประทับใจในการเฝ้าดูผู้ใต้บังคับบัญชาหมายเลข 1 ของเขาทำได้ดีแม้ว่าจะถูกปล่อยทิ้งไว้ตามลำพังก็ตาม

 

นอกจากนี้ เนื่องจากฉันจดจ่ออยู่กับการฝึกซ้อมเพื่อการดวลตัวต่อตัว ปัญหาบางอย่างของฉันก็หมดไป คนอื่นๆคงไม่อยากมายุ่งกับฉันตอนนี้สักเท่าไหร่

 

ถึงกระนั้น ทุกคนก็เฝ้ารอคอยวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

 

มันเป็นวันที่ไอ้เจ้าโรคจิตไรน์ฮาร์ดจะถูกสั่งสอน ทุกคนที่เกลียดฉันจะมาดูการต่อสู้แน่นอน

 

“นายจะแพ้”

 

จู่ๆ เอลเลนก็บอกฉัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลยจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับการต่อสู้ของฉัน

 

มันคงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเธอที่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฉันถึงจดจ่อกับการฝึกแบบนั้น

 

“ฉันรู้อยู่แล้ว”

 

ทุกคนบอกฉันว่าฉันจะแพ้ และฉันก็รู้ดี เอลเลนก็รู้ว่าฉันไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกัน แล้วทำไมจู่ๆ เธอถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ?

 

“นายต้องการที่จะชนะมั้ย?”

 

เธอถามฉันอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าเธอมีเจตนาอะไร แต่การเห็นเอลเลนถามแบบนี้ แสดงว่าเราสนิทกันมากขึ้นหรือเปล่านะ?

 

ฉันอยากจะชนะ

 

“ก็ตามปกติน่ะ”

 

คงจะดีถ้าฉันสามารถชนะได้ แต่ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ก็ตาม ฉันจะได้รับคะแนนเป็นสามเท่าเป็นรางวัล เอลเลนไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉันด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ เธอก็หันมาจ้องที่ฉันตรงๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สงบนิ่งของเธอจ้องมองมาที่ฉัน

 

เธอช่างงดงามจริงๆ

 

“ฉันรู้วิธีที่จะทำให้นายชนะ”

 

“…พูดอะไรของเธอน่ะ?”

 

เธอหมายถึงอะไร? ไม่ว่าฉันจะคิดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่ฉันจะเอาชนะคนที่มีพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงในหมู่นักเรียนชั้นปีที่สองได้หรอก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เอลเลนดูเหมือนจะรู้อย่างน้อยหนึ่งวิธีที่ทำให้ฉันชนะการดวลครั้งนี้

 

“มันคืออะไร?”

 

“……คิดให้ดีว่าการดวลคืออะไร”

 

นั่นคือทั้งหมดที่เอลเลนพูด

 

“เดี๋ยวก่อน เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย”

 

ฉันถามว่าเธอหมายความว่ายังไง แต่เธอก็ปิดปากไว้ราวกับว่าเธอไม่ต้องการบอกฉันมากกว่านี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+