เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 50

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 50

 

ให้ตายเถอะ

 

ฉันบอกหมอนั้นว่าฉันจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาเห็นเพดานห้องพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นฉันเอง

 

“…….”

 

มันเกิดขึ้นหลังจากที่คุณเอพินเฮาเซอร์ประกาศชัยชนะของฉัน ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่สามารถพลิกกลับได้ ที่นี่คือโรงพยาบาลใช่มั้ย? ผ้าม่านถูกปิดไว้อยู่ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า

 

ไม่นานนักก็มีคนเปิดผ้าม่านและปรากฏตัวต่อหน้าฉัน

 

“นายตื่นแล้ว”

 

“อ่า รุ่นพี่”

 

คนนั้นคือเอเดรียน่า เธอเดินเข้ามาหาฉันวางมือบนหน้าผากของฉัน แล้วพยักหน้าช้าๆ เธอเช็คว่าสภาพของฉันเป็นไรรึเปล่า?

 

“มีเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

 

“นายชนะการดวล แต่ทันใดนั้นนายก็ร่วงลง ที่นี่คือห้องพักฟื้นของหอพัก”

 

ห้องพักฟื้น? มีห้องแบบนี้ด้วยเหรอ? มายาร์ตันอยู่ที่นี่ด้วยมั้ย? ขณะที่ฉันมองไปรอบๆ เอเดรียน่าส่ายหัวราวกับว่าเธอรู้ว่าฉันกำลังมองหาอะไร

 

“รุ่นพี่คนนั้นอยู่ในห้องพักฟื้นอีกห้องหนึ่ง ฉันไม่ให้ทั้งคู่ใช้ห้องเดียวกันหรอก”

 

ฉันฟาดหัวเขาค่อนข้างแรง ดังนั้นเขาจึงต้องพักฟื้น เอเดรียน่านั่งลงบนเตียงข้างๆ ฉันแล้วถอนหายใจ

 

“นี่รุ่นน้อง นายรู้ว่าใช่มั้ยฉันทำจะอะไร”

 

บางทีเธออาจจะพูดถึงสถานการณ์ที่เธอมองฉันก่อนหน้านี้

 

“ครับ ก็….”

 

“ฉันสามารถต่อสู้ให้นายได้”

 

เธอถามฉันว่าทำไมฉันยังยืนกรานที่จะสู้นี้แทนที่จะเลือกเธอ

 

“นี่นายคาดหวังเรื่องไร้สาระอย่างการปลุกพลังเหนือธรรมชาติของนายในเวลานั้นงั้นเหรอ? นายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจนกว่านายจะถูกทุบตีรึไง?”

 

เอเดรียน่าเธอดูเหมือนจะโกรธแฮะ

 

พวกเขาจะต้องสแกนร่างกายฉันไปแล้วแน่ๆตอนที่ฉันเป็นสลบ ดังนั้นพวกเขาน่าจะรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาดมันเป็นเพราะความสามารถเหนือธรรมชาติของฉัน

 

“ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่ผลลัพธ์มันดี”

 

“ไร้สาระชัดๆ แน่นอนว่าฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับความถนัดแปลกๆ ของนาย แต่นายทำอะไรที่สะเพร่าเกินไปแล้ว”

 

ฉันรู้ว่าตัวเองมีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่และรู้วิธีที่จะปลุกมัน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอื่นๆ นี่อาจดูเหมือนฉันหาเรื่องใส่ตัวอย่างโง่ๆ

 

“ถ้ามันไปได้ไม่สวย มันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่าการแพ้อีกเหรอ?”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองต่อปฏิกิริยาของฉัน ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติกับความคิดฉัน

 

“นี่รุ่นน้อง นายยังมีเวลาอีกตั้งหกปีที่อยู่ในวิหาร นี่เพิ่งจะเริ่มปีแรกเอง ครั้งนี้นายสามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติได้ด้วยความบังเอิญ นายก็คงจะยังทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ต่อไปเพื่อเปลี่ยนความถนัดอื่น ๆ ของนานให้เป็นพรสวรรค์ด้วยอีกสินะ”

 

“ไม่จริงสักหน่อย…”

 

พลังเหนือธรรมชาติเป็นเพียงกรณีพิเศษ และความสามารถอื่นๆ ที่เหลือที่ฉันต้องการก็สามารถซื้อได้ด้วยแต้มความสำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้อีกต่อไป….

 

“ยังไงก็ตาม อย่าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้นอีก และอย่าหยาบคายกับรุ่นพี่เพียงเพราะนายชนะการต่อสู้”

 

“มันอาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ก็ได้….”

 

ฉันแน่ใจว่าทุกคนกำลังสงสัยว่าอารมณ์อันร้ายกาจของฉันจะทำให้ฉันถูกโค่นในครั้งนี้หรือไม่ โชคไม่ดีสำหรับพวกเขา ฉันรู้วิธีใช้ความสามารถเหนือธรรมชาติของฉันและจับผมรุ่นพี่ปีสามแล้วกระแทกเขาลงกับพื้นโรงยิม

 

นั่นหมายความว่าพวกเขาคงจะคิดว่า ฉันจะเหิมเกริมมากขึ้นแน่ๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงก็ต้องดุรุ่นน้องของฉันคนนี้อย่างจริงจังสักหน่อยแล้วล่ะ”

 

เอเดรียน่าจ้องมองมาที่ฉันอย่างน่าหวาดกลัว จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารุ่นพี่คนนี้ดุฉัน? ผมไม่รู้ว่าการดุด่านั้นจะอยู่ในรูปของคำพูดหรือในรูปแบบของการตีกันแน่

 

“ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามหักห้ามใจตัวเองแล้วกัน”

 

ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากถูกคนที่เป็นห่วงฉันมากโกรธ ถึงเธอจะโกรธฉันเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดฉันล่ะนะ

 

อีกอย่างถ้าฉันสู้กับพวกรุ่นพี่จริงๆ ฉันคงไม่รอดง่ายๆ แม้แต่มายาร์ตันก็คงจะระวังตัวเช่นกัน หากเป็นการต่อสู้จริง มันคงจบลงภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที

 

“ฉันรู้สึกขอบคุณจากใจจริงเลยล่ะ”

 

แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าคุณบ้า แต่คุณควรทำตัวดีกับคนที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อคุณ

 

เอเดรียน่าถอนหายใจกับคำพูดของฉัน

 

“ฉันไม่ชอบรุ่นน้องที่มีเรื่องตลอดเวลาหรอกนะ ฉันอยากมีรุ่นน้องที่เข้าได้กับทุกคนมากกว่า”

 

“แบบคนคนนั้นในคลาส B ที่ชื่อลุดวิกน่ะ”

 

“นายควรจะเป็นคนแบบนั้น”

 

“ฉันเดาว่าฉันคงเกิดมาผิดเพี้ยนไปหน่อย”

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”

 

ป๊าบ

 

“อุ๊ย!”

 

ในที่สุดเอเดรียน่าที่โกรธก็ตบหัวฉัน

 

ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถทำให้ใครๆก็ตามโกรธได้ง่ายๆ ฉันคิดว่านั่นคือความสามารถที่แท้จริงของฉัน

 

***

 

ฉันได้รับการดูแลจากอาจารย์พยาบาลในห้องพักฟื้น เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ฉันจะเป็นสลบ ฉันฝืนพละกำลังของตัวเองมากเกินกว่าที่ร่างกายของฉันจะรับมือได้ ดังนั้นมันจึงถึงขีดจำกัด ฉันสามารถออกจากห้องพักฟื้นได้ค่อนข้างเร็วเลยล่ะ

 

จากนั้น ฉันก็ปรึกษากับคุณเอพินเฮาเซอร์ที่ดูจะตกใจ

 

“……การแนะนำตนเอง….”

 

คุณเอพินเฮาเซอร์ดูกังวลเกี่ยวกับการที่พลังเหนือธรรมชาติของฉันตื่นขึ้นระหว่างการต่อสู้

 

“น่าสนใจ เลขที่ 11 คุณเคยบอกว่าต้องมีความสามารถเหนือธรรมชาติในหมู่ความสามารถจำนวนนับไม่ถ้วนของคุณ ดังนั้นมันน่าจะเป็นไปได้ที่จะปลุกมันขึ้นมา สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าคุณยอมรับคำท้าทายของรุ่นพี่ของคุณด้วยความจำเป็น…. มันค่อนข้างไร้สาระ แต่คุณกลับเป็นฝ่ายถูก”

 

“ที่จริง ฉันทำแบบนี้เพราะฉันต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่กลับกลายเป็นแบบนี้”

 

“โชคเองก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับนักเรียนที่มีความสามารถคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องได้รับพลังจากการฝึกหนัก ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นแค่โชคหรือเปล่า แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ความสามารถของคุณเพื่อโจมตีใครอีก เว้นแต่จะเป็นกรณีพิเศษเช่นการต่อสู้กันตัวต่อตัว อย่างไรก็ตามความสามารถของคุณไม่ชัดเจน ข้อเสียสังเกตุและตัดสินได้ยาก แต่แน่นอนล่ะว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับคุณ”

 

ขึ้นอยู่กับระดับที่ฉันใช้ความสามารถ ฉันอาจบอกไม่ได้ว่าร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้นหรือไม่ มันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้มัน แต่มันก็ค่อนข้างเสียเปรียบสำหรับครูที่ต้องตัดสินเกี่ยวกับมัน

 

“ฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆอีกแล้วล่ะ”

 

“อืม ถึงคุณจะดูเป็นคนหัวรุนแรง แต่ฉันคิดว่าคุณจะโง่หรอกนะ”

 

คุณเอพินเฮาเซอร์ยังคงจ้องมองมาที่ฉันไม่วางตา

 

เมื่อใดก็ตามที่ฉันสบตาของเขา ฉันมักจะรู้สึกว่าการจ้องมองของบุคคลนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เมื่อเขาแสดงท่าทีเย็นชากับฉัน ฉันรู้สึกกลัวแบบเดียวกับที่รู้สึกจากเบอร

 

“คุณโรเลนเดรีย คงจะค่อนข้างประหลาดใจที่ได้ยินเกี่ยวกับคุณ คุณไปได้แล้วล่ะ”

 

คุณโรเลนเดรียน่าจะหมายถึงอาจารย์ที่ดูแลวิชาพลังเหนือธรรมชาติ

 

เธอจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนเมื่อเป็นคนที่พูดว่าเขาจะได้รับความสามารถเหนือธรรมชาติแน่ๆ ต่อมาเขาก็ได้มันมาจริงๆ

 

* * *

 

ไรน์ฮาร์ทปลุกพลังเหนือธรรมชาติของเขาระหว่างการดวลกับรุ่นพี่

 

ข่าวลือนั้นดูเหมือนจะแพร่กระจายไปทั่วชั้นเรียนและในหมู่รุ่นพี่แล้ว เมื่อปีหนึ่งและปีสามต่อสู้กันในการดวลกัน ปีแรกได้ปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของเขาและเอาชนะรุ่นพี่ของเขา

 

การดวลนั้นอาจกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทั้งรอยัลคลาสตั้งแต่ที่มันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ปรากฏว่าปีหนึ่งชนะ

 

มันคงเป็นเรื่องแปลกหากไม่มีข่าวลือใดๆ เกิดขึ้น

 

อ่า

 

แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะออกมาแบบนี้..

 

“นายคงจะเป็นไรน์ฮาร์ทใช่มั้ย”

 

“ฉันได้ยินมาว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้เล่นๆ?”

 

“มายาร์ตัน ไอ้สารเลวนั่นควรจะถูกทุบตีให้มากกว่านี้อีก”

 

“โอ้พระเจ้า เธอช่างดูเป็นเด็กน้อย! น่ารัก! ฉันกอดเธอได้ไหม”

 

ไม่ๆ ฉันไม่ใช่ทารกนะ ฉันยังอายุ 17 และไม่ว่าฉันจะมองยังไง ฉันไม่ได้น่ารักเลยสักนิด?

 

“ให้พี่สาวคนนี้ควรซื้ออะไรอร่อย ๆ ให้เธอมั้ย? เธอชอบมาการองรึเปล่า”

 

ที่หอพักชั้นปีหนึ่ง A แออัดไปด้วยรุ่นพี่ที่ลงมาหลังจากได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฉัน

 

ในทางหนึ่ง นี่อาจเป็นข้อสรุปจากการคาดเดา

 

เพื่อที่จะเอาชนะปีแรกเพียงคนเดียว ปีที่ถึงกับสามบังคับตัวเองให้ต่อสู้แทนปีที่สองในฐานะแชมป์ของเขา

 

ณ จุดนี้ มายาร์ตันจะถูกตราตรึงว่าเป็นขยะในใจของผู้ที่ไม่สนใจในการฝึกสอนรุ่นน้อง ไม่ใช่ว่านักเรียนในคลาส A ทุกคนจะเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีเช่นนี้

 

ทันทีที่ขึ้นชั้นปีที่ 4 นักเรียนหลายคนก็หันเหความสนใจไปจากเรื่องเหล่านี้ หลายคนจึงไม่พอใจมายาร์ตันที่พยายามเอาชนะนักเรียนปี 1

 

แต่เขาก็ยังแพ้อีกต่างหาก

 

ดังนั้น รุ่นพี่เหล่านั้นจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นและความโปรดปรานต่อฉันในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่ชอบมายาร์ตัน

 

นอกจากนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำให้ไรน์ฮาร์ทดูหล่อเหลา แต่เขาก็ยังดูดีพออยู่บ้าง

 

เป็นที่เข้าใจได้ว่าพี่สาวเหล่านั้นจะพูดว่า: “เธอเป็นเด็กน้อยที่น่ารักจริงๆ”

 

“แม้จะยังเด็กแต่ก็เป็นคนมีคุณธรรม เธอบอกรุ่นพี่ว่าอย่ารังแกเธอและเพื่อนๆ อีกต่อไปถ้าเธอชนะใช่มั้ยล่ะ?”

 

เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าฉันเข้าร่วมการต่อสู้ ที่ฉันจะต้องแพ้อยู่ดีเพื่อให้พวกรุ่นพี่เลิกก่อกวนในชั้นเรียนของฉัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะได้ชื่อว่าเป็นคนมีคุณธรรมที่ต่อสู้เพื่อเพื่อนของเขา

 

“อา…อืม…ฉันพูดไปแบบนั้น……”

 

“เธอเป็นคนดีมากเลย”

 

แน่นอน เพื่อนร่วมชั้นจริงๆ ของฉันที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของรุ่นพี่ดูเหมือนจะสงสัยในหูของตัวเอง

 

พวกรุ่นพี่ต่างยกย่องไรน์ฮาร์ทเจ้าหมาบ้าว่าเป็นคนดีและน่ารัก การแสดงออกของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าบางคนดูเหมือนจะต้องการตะโกนอย่างรุนแรงว่า “ไม่ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยสักนิด!”

 

“ถ้าใครมารบกวนเธออีกหลังจากนี้บอกฉันนะ ฉันจะดุพวกเขาให้ ถ้ามีปัญหาอะไรมาที่ชั้นปีที่ 5 คลาส A ได้เลย โอเคมั้ย?”

 

ถ้าเธออยู่ปีที่ 5 เธออายุ 21 ปี เธอเป็นสาวนักศึกษาวิทยาลัย

 

…แน่นอนว่าฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นพี่สาวจริง ๆ เธอก็ยังเป็นแค่เด็กเช่นกัน

 

เธอพยายามที่จะอวดและทำให้พายุเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มือขวาของเธอ อะไร เธอทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?

 

เนื่องจากพวกเขาเป็นรุ่นพี่ ความสามารถเหนือธรรมชาติของพวกเขาจึงไม่สามารถเทียบได้กับเด็กปีหนึ่ง พวกเขาบอกฉันว่าฉันควรภูมิใจในตัวเองและควรมีเด็กแบบฉันมากกว่านี้

 

แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นของฉันจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาพูด

 

ถ้ายังมีเด็กอย่างฉันอีกวิหารคงถูกทำลายจนย่อยยับแน่ๆ

 

ถึงกระนั้น ถ้าเอาข่าวลือมาเทียบกันฉันก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กดีคนหนึ่ง

 

มีบางครั้งที่รุ่นพี่ผู้ชายบางคนจะตบหัวฉัน บอกว่าฉันทำได้ดีมาก แล้วก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงบางคนที่ข้ามเส้นไป

 

“ฉันจะทำอะไรให้เธอได้บ้าว ฉันได้ยินมาว่าเธอมีชีวิตที่ลำบากมาก”

 

“อือ อืม….”

 

ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินเกี่ยวกับต้นกำเนิดของฉัน ดังนั้นจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามากอดฉันแน่น มันทำให้ฉันปวดหัวชะมัด

 

ไม่

 

อย่าทำแบบนี้นะเฟ้ย!

 

แม้ว่าจิตใจของฉันจะยังเหมือนเดิม แต่ร่างกายของฉันก็แข็งแรงเหมือนตอนอายุ 17 ปี!

 

“โอ้ ดีจังที่เธอเข้าไปในวิหารได้”

 

อย่าทำแบบนี้! นี่ไม่ใช่วิธีที่ควรจะเป็น!

 

เมื่อพวกเขารู้ว่าฉันเป็นเพียงขอทานตามท้องถนน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่าฉันโตมาอย่างมีคุณภาพได้อย่างไรในสภาพแวดล้อมแบบนั้น

 

รุ่นพี่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวฉันอย่างมาก จนฉันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้อีก

 

เหนื่อยใจ

 

ฉันเหนื่อยจริงๆ

 

ฉันลงเอยด้วยการเป็นดาราที่วิหารเพียงเพราะการดวลกันเพียงครั้งเดียว

 

* * *

 

โดยไม่คำนึงถึงความเข้าใจผิดที่รุ่นพี่มีเกี่ยวกับฉัน รูปลักษณ์ที่คนอื่นมองฉันหลังจากที่พวกเขากลับมาก็แตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย

 

อาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าฉันปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของฉัน

 

พวกเขาอาจรู้สึกบางอย่างจากการกระทำของฉัน ที่ต่อสู้อย่างหนักแม้ว่าฉันจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูกโดยรุ่นพี่คนนั้น

 

คนที่เกลียดฉัน เคเยอร์, อีริช และ โคโน ลินท์ มองมาที่ฉันแล้วเดินผ่านฉันไปพร้อมกับหลับตาแน่น พวกเขารู้สึกเหมือนไม่คู่ควรกับฉัน ไม่เพียงแต่ในแง่ของทักษะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจด้วย

 

ไม่ใช่เพราะฉันต่อสู้ได้ดี แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันที่ไม่ยอมให้ฉันยอมแพ้ไม่ว่าฉันจะโดนมากแค่ไหนก็ตาม ถึงในท้ายที่สุดพวกเขาจะมีทักษะและจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขายังเป็นแค่เด็ก ไม่น่าแปลกใจที่ฉันจะดูแปลกสำหรับพวกเขา

 

และ

 

“…….”

 

แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวันมองมาที่ฉัน แล้วหันหน้าของเธอหลบและเดินผ่านฉันไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง

 

นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้อย่างแน่นอน

 

นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่จะบอกฉันว่า: “นายน่าจะโดนทุบตีมากกว่านี้” งั้นเหรอ

 

“นี่!”

 

“อะ อะไร!”

 

เมื่อฉันเรียกเธอ เธอหยุดราวกับว่าเธอกำลังรออยู่แล้ว และมองมาที่ฉันด้วยความโกรธ ฉันเห็นว่าเธอหน้าแดงด้วยล่ะ

 

“เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันงั้นเหรอ?”

 

แฮเรียตขมวดคิ้วเมื่อฉันถามเธอ

 

“ไม่มีอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนฉันมีอะไรจะพูดกับคนนอกรีตอย่างนาย? โอ้ใช่ใช่ นายน่าจะโดนมากกว่านี้อีกนะ แต่แล้วนายก็ลงเอยด้วยการใช้พลังเหนือธรรมชาติของนายอย่างคนขี้ขลาดเพื่อเอาชนะ”

 

ฉันได้คำตอบที่ตรงกับที่ฉันอยากได้ยิน

 

“จริงงั้นเหรอ? เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่เฝ้าดูฉันถูกทุบตีน่ะ”

 

“อะไรนะ?”

 

ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอีกเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะสังเกตเธอมาก่อน

 

“ตอนนั้นฉันเห็นเธอทั้งกระทืบเท้าทั้งหน้าซีดเลยรู้มั้ย”

 

ฉันบอกเธอด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว อันที่จริงเธอเอาแต่มองมาที่ฉันและคุณเอพินเฮาเซอร์ด้วยความหวังว่าเขาจะหยุดการต่อสู้นี้ลง

 

ฉันสามารถเห็นทุกอย่างได้แม้ในขณะที่ฉันกำลังถูกทุบตีก็ตาม พูดตามตรงนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในขณะนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเห็นเธอกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้คุณเอพินเฮาเซอร์ยุติเรื่องทั้งหมด แต่เขาไม่ทำ

 

ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเดียว

 

“นี่เธอเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ? น่ารักจังเลยนะ”

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน! ไม่เคย ไม่เลย! ฉัน ฉัน อะ ทำไมฉันถึงต้องกังวลเกี่ยวกับนายด้วย? ฮะ! ฮะ! มันสดชื่นมากเลยต่างหาก!”

 

ดูจากใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับฉันอยู่แน่ๆ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีสักคนเดียวที่จะไม่รู้สึกเห็นใจหากมีใครถูกทุบตีอย่างน่าสมเพช

 

ฉันเดินเข้าไปหาเธอแล้วเอามือไปบีบแก้มเธอ

 

แก้มของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งราชรัฐรู้สึกเหมือนซาลาเปาสองลูกเลย

 

“!”

 

เธอไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้อง นั่นคงทำให้เธอตกตะลึงมาก เธอไม่คิดเลยว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ

 

มันน่ารักจริงๆ ที่เธอตกใจที่ฉันทำอะไรไร้สาระแบบนี้ เมื่อฉันปล่อยมือ เด็กสาวหน้าแดงคนนี้เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความงุนงง

 

“กะ กล้าดียังไง กล้าแตะเนื้อต้องตัวฉัน! คนอย่างนาย? ได้ยังไง ยังไงกัน เป็นแค่ขอทาน…. ได้ยังไง….”

 

เธอโกรธและอายมากจนไม่สามารถกรีดร้องได้อย่างรู้เรื่อง รูม่านตาของเธอสั่นอย่างรุนแรง บางคนอาจคิดว่าได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวหรืออะไรบางอย่าง ครั้งนี้เธอดูไม่เหมือนโกรธ เธอรู้สึกทึ่งและประหลาดใจมากกว่า

 

ไม่เพียงแค่ฉันกล้าสัมผัสใบหน้าอันมีค่าของเธอเท่านั้น แต่ฉันยังบีบแก้มของเธอและหัวเราะเยาะเธออีกด้วย

 

เธอดูน่ารักที่สุดเลยเมื่อเป็นแบบนี้

 

ดูเหมือนเธอพยายามปฏิเสธความเป็นจริง เธออาจจะกำลังคิดประมาณว่า: “สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน” หรืออะไรทำนองนั้น

 

“ฮึก ฮึก……สะอื้น!ฮือ! ฮือออ!”

 

อย่างไรก็ตาม

 

ตรงกันข้ามกับที่ฉันคาดหวังไว้ เธอร้องไห้ซะแล้ว

 

“ฮือออ…”

 

มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

 

“ทำไมนายถึงทำกับฉันแบบนี้ ไอ้สารเลวนายมายุ่งกับฉันทำไม? ทำไมนายต้องรังแกฉันแบบนี้ หยุดนะ! หยุดแกล้งฉันสักที!”

 

อ่า ฉันควรจะทำยังไงดีเนี่ย…?

 

เพจผู้แปล Lemon FT 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา 50

Now you are reading เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา Chapter 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 50

 

ให้ตายเถอะ

 

ฉันบอกหมอนั้นว่าฉันจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาเห็นเพดานห้องพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นฉันเอง

 

“…….”

 

มันเกิดขึ้นหลังจากที่คุณเอพินเฮาเซอร์ประกาศชัยชนะของฉัน ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่สามารถพลิกกลับได้ ที่นี่คือโรงพยาบาลใช่มั้ย? ผ้าม่านถูกปิดไว้อยู่ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า

 

ไม่นานนักก็มีคนเปิดผ้าม่านและปรากฏตัวต่อหน้าฉัน

 

“นายตื่นแล้ว”

 

“อ่า รุ่นพี่”

 

คนนั้นคือเอเดรียน่า เธอเดินเข้ามาหาฉันวางมือบนหน้าผากของฉัน แล้วพยักหน้าช้าๆ เธอเช็คว่าสภาพของฉันเป็นไรรึเปล่า?

 

“มีเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

 

“นายชนะการดวล แต่ทันใดนั้นนายก็ร่วงลง ที่นี่คือห้องพักฟื้นของหอพัก”

 

ห้องพักฟื้น? มีห้องแบบนี้ด้วยเหรอ? มายาร์ตันอยู่ที่นี่ด้วยมั้ย? ขณะที่ฉันมองไปรอบๆ เอเดรียน่าส่ายหัวราวกับว่าเธอรู้ว่าฉันกำลังมองหาอะไร

 

“รุ่นพี่คนนั้นอยู่ในห้องพักฟื้นอีกห้องหนึ่ง ฉันไม่ให้ทั้งคู่ใช้ห้องเดียวกันหรอก”

 

ฉันฟาดหัวเขาค่อนข้างแรง ดังนั้นเขาจึงต้องพักฟื้น เอเดรียน่านั่งลงบนเตียงข้างๆ ฉันแล้วถอนหายใจ

 

“นี่รุ่นน้อง นายรู้ว่าใช่มั้ยฉันทำจะอะไร”

 

บางทีเธออาจจะพูดถึงสถานการณ์ที่เธอมองฉันก่อนหน้านี้

 

“ครับ ก็….”

 

“ฉันสามารถต่อสู้ให้นายได้”

 

เธอถามฉันว่าทำไมฉันยังยืนกรานที่จะสู้นี้แทนที่จะเลือกเธอ

 

“นี่นายคาดหวังเรื่องไร้สาระอย่างการปลุกพลังเหนือธรรมชาติของนายในเวลานั้นงั้นเหรอ? นายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจนกว่านายจะถูกทุบตีรึไง?”

 

เอเดรียน่าเธอดูเหมือนจะโกรธแฮะ

 

พวกเขาจะต้องสแกนร่างกายฉันไปแล้วแน่ๆตอนที่ฉันเป็นสลบ ดังนั้นพวกเขาน่าจะรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาดมันเป็นเพราะความสามารถเหนือธรรมชาติของฉัน

 

“ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่ผลลัพธ์มันดี”

 

“ไร้สาระชัดๆ แน่นอนว่าฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับความถนัดแปลกๆ ของนาย แต่นายทำอะไรที่สะเพร่าเกินไปแล้ว”

 

ฉันรู้ว่าตัวเองมีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่และรู้วิธีที่จะปลุกมัน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอื่นๆ นี่อาจดูเหมือนฉันหาเรื่องใส่ตัวอย่างโง่ๆ

 

“ถ้ามันไปได้ไม่สวย มันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่าการแพ้อีกเหรอ?”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองต่อปฏิกิริยาของฉัน ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติกับความคิดฉัน

 

“นี่รุ่นน้อง นายยังมีเวลาอีกตั้งหกปีที่อยู่ในวิหาร นี่เพิ่งจะเริ่มปีแรกเอง ครั้งนี้นายสามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติได้ด้วยความบังเอิญ นายก็คงจะยังทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ต่อไปเพื่อเปลี่ยนความถนัดอื่น ๆ ของนานให้เป็นพรสวรรค์ด้วยอีกสินะ”

 

“ไม่จริงสักหน่อย…”

 

พลังเหนือธรรมชาติเป็นเพียงกรณีพิเศษ และความสามารถอื่นๆ ที่เหลือที่ฉันต้องการก็สามารถซื้อได้ด้วยแต้มความสำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้อีกต่อไป….

 

“ยังไงก็ตาม อย่าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้นอีก และอย่าหยาบคายกับรุ่นพี่เพียงเพราะนายชนะการต่อสู้”

 

“มันอาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ก็ได้….”

 

ฉันแน่ใจว่าทุกคนกำลังสงสัยว่าอารมณ์อันร้ายกาจของฉันจะทำให้ฉันถูกโค่นในครั้งนี้หรือไม่ โชคไม่ดีสำหรับพวกเขา ฉันรู้วิธีใช้ความสามารถเหนือธรรมชาติของฉันและจับผมรุ่นพี่ปีสามแล้วกระแทกเขาลงกับพื้นโรงยิม

 

นั่นหมายความว่าพวกเขาคงจะคิดว่า ฉันจะเหิมเกริมมากขึ้นแน่ๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงก็ต้องดุรุ่นน้องของฉันคนนี้อย่างจริงจังสักหน่อยแล้วล่ะ”

 

เอเดรียน่าจ้องมองมาที่ฉันอย่างน่าหวาดกลัว จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารุ่นพี่คนนี้ดุฉัน? ผมไม่รู้ว่าการดุด่านั้นจะอยู่ในรูปของคำพูดหรือในรูปแบบของการตีกันแน่

 

“ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามหักห้ามใจตัวเองแล้วกัน”

 

ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากถูกคนที่เป็นห่วงฉันมากโกรธ ถึงเธอจะโกรธฉันเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดฉันล่ะนะ

 

อีกอย่างถ้าฉันสู้กับพวกรุ่นพี่จริงๆ ฉันคงไม่รอดง่ายๆ แม้แต่มายาร์ตันก็คงจะระวังตัวเช่นกัน หากเป็นการต่อสู้จริง มันคงจบลงภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที

 

“ฉันรู้สึกขอบคุณจากใจจริงเลยล่ะ”

 

แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าคุณบ้า แต่คุณควรทำตัวดีกับคนที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อคุณ

 

เอเดรียน่าถอนหายใจกับคำพูดของฉัน

 

“ฉันไม่ชอบรุ่นน้องที่มีเรื่องตลอดเวลาหรอกนะ ฉันอยากมีรุ่นน้องที่เข้าได้กับทุกคนมากกว่า”

 

“แบบคนคนนั้นในคลาส B ที่ชื่อลุดวิกน่ะ”

 

“นายควรจะเป็นคนแบบนั้น”

 

“ฉันเดาว่าฉันคงเกิดมาผิดเพี้ยนไปหน่อย”

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”

 

ป๊าบ

 

“อุ๊ย!”

 

ในที่สุดเอเดรียน่าที่โกรธก็ตบหัวฉัน

 

ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถทำให้ใครๆก็ตามโกรธได้ง่ายๆ ฉันคิดว่านั่นคือความสามารถที่แท้จริงของฉัน

 

***

 

ฉันได้รับการดูแลจากอาจารย์พยาบาลในห้องพักฟื้น เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ฉันจะเป็นสลบ ฉันฝืนพละกำลังของตัวเองมากเกินกว่าที่ร่างกายของฉันจะรับมือได้ ดังนั้นมันจึงถึงขีดจำกัด ฉันสามารถออกจากห้องพักฟื้นได้ค่อนข้างเร็วเลยล่ะ

 

จากนั้น ฉันก็ปรึกษากับคุณเอพินเฮาเซอร์ที่ดูจะตกใจ

 

“……การแนะนำตนเอง….”

 

คุณเอพินเฮาเซอร์ดูกังวลเกี่ยวกับการที่พลังเหนือธรรมชาติของฉันตื่นขึ้นระหว่างการต่อสู้

 

“น่าสนใจ เลขที่ 11 คุณเคยบอกว่าต้องมีความสามารถเหนือธรรมชาติในหมู่ความสามารถจำนวนนับไม่ถ้วนของคุณ ดังนั้นมันน่าจะเป็นไปได้ที่จะปลุกมันขึ้นมา สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าคุณยอมรับคำท้าทายของรุ่นพี่ของคุณด้วยความจำเป็น…. มันค่อนข้างไร้สาระ แต่คุณกลับเป็นฝ่ายถูก”

 

“ที่จริง ฉันทำแบบนี้เพราะฉันต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่กลับกลายเป็นแบบนี้”

 

“โชคเองก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับนักเรียนที่มีความสามารถคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องได้รับพลังจากการฝึกหนัก ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นแค่โชคหรือเปล่า แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ความสามารถของคุณเพื่อโจมตีใครอีก เว้นแต่จะเป็นกรณีพิเศษเช่นการต่อสู้กันตัวต่อตัว อย่างไรก็ตามความสามารถของคุณไม่ชัดเจน ข้อเสียสังเกตุและตัดสินได้ยาก แต่แน่นอนล่ะว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับคุณ”

 

ขึ้นอยู่กับระดับที่ฉันใช้ความสามารถ ฉันอาจบอกไม่ได้ว่าร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้นหรือไม่ มันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้มัน แต่มันก็ค่อนข้างเสียเปรียบสำหรับครูที่ต้องตัดสินเกี่ยวกับมัน

 

“ฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆอีกแล้วล่ะ”

 

“อืม ถึงคุณจะดูเป็นคนหัวรุนแรง แต่ฉันคิดว่าคุณจะโง่หรอกนะ”

 

คุณเอพินเฮาเซอร์ยังคงจ้องมองมาที่ฉันไม่วางตา

 

เมื่อใดก็ตามที่ฉันสบตาของเขา ฉันมักจะรู้สึกว่าการจ้องมองของบุคคลนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เมื่อเขาแสดงท่าทีเย็นชากับฉัน ฉันรู้สึกกลัวแบบเดียวกับที่รู้สึกจากเบอร

 

“คุณโรเลนเดรีย คงจะค่อนข้างประหลาดใจที่ได้ยินเกี่ยวกับคุณ คุณไปได้แล้วล่ะ”

 

คุณโรเลนเดรียน่าจะหมายถึงอาจารย์ที่ดูแลวิชาพลังเหนือธรรมชาติ

 

เธอจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนเมื่อเป็นคนที่พูดว่าเขาจะได้รับความสามารถเหนือธรรมชาติแน่ๆ ต่อมาเขาก็ได้มันมาจริงๆ

 

* * *

 

ไรน์ฮาร์ทปลุกพลังเหนือธรรมชาติของเขาระหว่างการดวลกับรุ่นพี่

 

ข่าวลือนั้นดูเหมือนจะแพร่กระจายไปทั่วชั้นเรียนและในหมู่รุ่นพี่แล้ว เมื่อปีหนึ่งและปีสามต่อสู้กันในการดวลกัน ปีแรกได้ปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของเขาและเอาชนะรุ่นพี่ของเขา

 

การดวลนั้นอาจกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทั้งรอยัลคลาสตั้งแต่ที่มันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ปรากฏว่าปีหนึ่งชนะ

 

มันคงเป็นเรื่องแปลกหากไม่มีข่าวลือใดๆ เกิดขึ้น

 

อ่า

 

แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะออกมาแบบนี้..

 

“นายคงจะเป็นไรน์ฮาร์ทใช่มั้ย”

 

“ฉันได้ยินมาว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้เล่นๆ?”

 

“มายาร์ตัน ไอ้สารเลวนั่นควรจะถูกทุบตีให้มากกว่านี้อีก”

 

“โอ้พระเจ้า เธอช่างดูเป็นเด็กน้อย! น่ารัก! ฉันกอดเธอได้ไหม”

 

ไม่ๆ ฉันไม่ใช่ทารกนะ ฉันยังอายุ 17 และไม่ว่าฉันจะมองยังไง ฉันไม่ได้น่ารักเลยสักนิด?

 

“ให้พี่สาวคนนี้ควรซื้ออะไรอร่อย ๆ ให้เธอมั้ย? เธอชอบมาการองรึเปล่า”

 

ที่หอพักชั้นปีหนึ่ง A แออัดไปด้วยรุ่นพี่ที่ลงมาหลังจากได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฉัน

 

ในทางหนึ่ง นี่อาจเป็นข้อสรุปจากการคาดเดา

 

เพื่อที่จะเอาชนะปีแรกเพียงคนเดียว ปีที่ถึงกับสามบังคับตัวเองให้ต่อสู้แทนปีที่สองในฐานะแชมป์ของเขา

 

ณ จุดนี้ มายาร์ตันจะถูกตราตรึงว่าเป็นขยะในใจของผู้ที่ไม่สนใจในการฝึกสอนรุ่นน้อง ไม่ใช่ว่านักเรียนในคลาส A ทุกคนจะเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีเช่นนี้

 

ทันทีที่ขึ้นชั้นปีที่ 4 นักเรียนหลายคนก็หันเหความสนใจไปจากเรื่องเหล่านี้ หลายคนจึงไม่พอใจมายาร์ตันที่พยายามเอาชนะนักเรียนปี 1

 

แต่เขาก็ยังแพ้อีกต่างหาก

 

ดังนั้น รุ่นพี่เหล่านั้นจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นและความโปรดปรานต่อฉันในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่ชอบมายาร์ตัน

 

นอกจากนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำให้ไรน์ฮาร์ทดูหล่อเหลา แต่เขาก็ยังดูดีพออยู่บ้าง

 

เป็นที่เข้าใจได้ว่าพี่สาวเหล่านั้นจะพูดว่า: “เธอเป็นเด็กน้อยที่น่ารักจริงๆ”

 

“แม้จะยังเด็กแต่ก็เป็นคนมีคุณธรรม เธอบอกรุ่นพี่ว่าอย่ารังแกเธอและเพื่อนๆ อีกต่อไปถ้าเธอชนะใช่มั้ยล่ะ?”

 

เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าฉันเข้าร่วมการต่อสู้ ที่ฉันจะต้องแพ้อยู่ดีเพื่อให้พวกรุ่นพี่เลิกก่อกวนในชั้นเรียนของฉัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะได้ชื่อว่าเป็นคนมีคุณธรรมที่ต่อสู้เพื่อเพื่อนของเขา

 

“อา…อืม…ฉันพูดไปแบบนั้น……”

 

“เธอเป็นคนดีมากเลย”

 

แน่นอน เพื่อนร่วมชั้นจริงๆ ของฉันที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของรุ่นพี่ดูเหมือนจะสงสัยในหูของตัวเอง

 

พวกรุ่นพี่ต่างยกย่องไรน์ฮาร์ทเจ้าหมาบ้าว่าเป็นคนดีและน่ารัก การแสดงออกของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าบางคนดูเหมือนจะต้องการตะโกนอย่างรุนแรงว่า “ไม่ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยสักนิด!”

 

“ถ้าใครมารบกวนเธออีกหลังจากนี้บอกฉันนะ ฉันจะดุพวกเขาให้ ถ้ามีปัญหาอะไรมาที่ชั้นปีที่ 5 คลาส A ได้เลย โอเคมั้ย?”

 

ถ้าเธออยู่ปีที่ 5 เธออายุ 21 ปี เธอเป็นสาวนักศึกษาวิทยาลัย

 

…แน่นอนว่าฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นพี่สาวจริง ๆ เธอก็ยังเป็นแค่เด็กเช่นกัน

 

เธอพยายามที่จะอวดและทำให้พายุเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มือขวาของเธอ อะไร เธอทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?

 

เนื่องจากพวกเขาเป็นรุ่นพี่ ความสามารถเหนือธรรมชาติของพวกเขาจึงไม่สามารถเทียบได้กับเด็กปีหนึ่ง พวกเขาบอกฉันว่าฉันควรภูมิใจในตัวเองและควรมีเด็กแบบฉันมากกว่านี้

 

แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นของฉันจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาพูด

 

ถ้ายังมีเด็กอย่างฉันอีกวิหารคงถูกทำลายจนย่อยยับแน่ๆ

 

ถึงกระนั้น ถ้าเอาข่าวลือมาเทียบกันฉันก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กดีคนหนึ่ง

 

มีบางครั้งที่รุ่นพี่ผู้ชายบางคนจะตบหัวฉัน บอกว่าฉันทำได้ดีมาก แล้วก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงบางคนที่ข้ามเส้นไป

 

“ฉันจะทำอะไรให้เธอได้บ้าว ฉันได้ยินมาว่าเธอมีชีวิตที่ลำบากมาก”

 

“อือ อืม….”

 

ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินเกี่ยวกับต้นกำเนิดของฉัน ดังนั้นจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามากอดฉันแน่น มันทำให้ฉันปวดหัวชะมัด

 

ไม่

 

อย่าทำแบบนี้นะเฟ้ย!

 

แม้ว่าจิตใจของฉันจะยังเหมือนเดิม แต่ร่างกายของฉันก็แข็งแรงเหมือนตอนอายุ 17 ปี!

 

“โอ้ ดีจังที่เธอเข้าไปในวิหารได้”

 

อย่าทำแบบนี้! นี่ไม่ใช่วิธีที่ควรจะเป็น!

 

เมื่อพวกเขารู้ว่าฉันเป็นเพียงขอทานตามท้องถนน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่าฉันโตมาอย่างมีคุณภาพได้อย่างไรในสภาพแวดล้อมแบบนั้น

 

รุ่นพี่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวฉันอย่างมาก จนฉันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้อีก

 

เหนื่อยใจ

 

ฉันเหนื่อยจริงๆ

 

ฉันลงเอยด้วยการเป็นดาราที่วิหารเพียงเพราะการดวลกันเพียงครั้งเดียว

 

* * *

 

โดยไม่คำนึงถึงความเข้าใจผิดที่รุ่นพี่มีเกี่ยวกับฉัน รูปลักษณ์ที่คนอื่นมองฉันหลังจากที่พวกเขากลับมาก็แตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย

 

อาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าฉันปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของฉัน

 

พวกเขาอาจรู้สึกบางอย่างจากการกระทำของฉัน ที่ต่อสู้อย่างหนักแม้ว่าฉันจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูกโดยรุ่นพี่คนนั้น

 

คนที่เกลียดฉัน เคเยอร์, อีริช และ โคโน ลินท์ มองมาที่ฉันแล้วเดินผ่านฉันไปพร้อมกับหลับตาแน่น พวกเขารู้สึกเหมือนไม่คู่ควรกับฉัน ไม่เพียงแต่ในแง่ของทักษะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจด้วย

 

ไม่ใช่เพราะฉันต่อสู้ได้ดี แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันที่ไม่ยอมให้ฉันยอมแพ้ไม่ว่าฉันจะโดนมากแค่ไหนก็ตาม ถึงในท้ายที่สุดพวกเขาจะมีทักษะและจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขายังเป็นแค่เด็ก ไม่น่าแปลกใจที่ฉันจะดูแปลกสำหรับพวกเขา

 

และ

 

“…….”

 

แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวันมองมาที่ฉัน แล้วหันหน้าของเธอหลบและเดินผ่านฉันไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง

 

นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้อย่างแน่นอน

 

นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่จะบอกฉันว่า: “นายน่าจะโดนทุบตีมากกว่านี้” งั้นเหรอ

 

“นี่!”

 

“อะ อะไร!”

 

เมื่อฉันเรียกเธอ เธอหยุดราวกับว่าเธอกำลังรออยู่แล้ว และมองมาที่ฉันด้วยความโกรธ ฉันเห็นว่าเธอหน้าแดงด้วยล่ะ

 

“เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันงั้นเหรอ?”

 

แฮเรียตขมวดคิ้วเมื่อฉันถามเธอ

 

“ไม่มีอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนฉันมีอะไรจะพูดกับคนนอกรีตอย่างนาย? โอ้ใช่ใช่ นายน่าจะโดนมากกว่านี้อีกนะ แต่แล้วนายก็ลงเอยด้วยการใช้พลังเหนือธรรมชาติของนายอย่างคนขี้ขลาดเพื่อเอาชนะ”

 

ฉันได้คำตอบที่ตรงกับที่ฉันอยากได้ยิน

 

“จริงงั้นเหรอ? เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่เฝ้าดูฉันถูกทุบตีน่ะ”

 

“อะไรนะ?”

 

ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอีกเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะสังเกตเธอมาก่อน

 

“ตอนนั้นฉันเห็นเธอทั้งกระทืบเท้าทั้งหน้าซีดเลยรู้มั้ย”

 

ฉันบอกเธอด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว อันที่จริงเธอเอาแต่มองมาที่ฉันและคุณเอพินเฮาเซอร์ด้วยความหวังว่าเขาจะหยุดการต่อสู้นี้ลง

 

ฉันสามารถเห็นทุกอย่างได้แม้ในขณะที่ฉันกำลังถูกทุบตีก็ตาม พูดตามตรงนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในขณะนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเห็นเธอกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้คุณเอพินเฮาเซอร์ยุติเรื่องทั้งหมด แต่เขาไม่ทำ

 

ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเดียว

 

“นี่เธอเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ? น่ารักจังเลยนะ”

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน! ไม่เคย ไม่เลย! ฉัน ฉัน อะ ทำไมฉันถึงต้องกังวลเกี่ยวกับนายด้วย? ฮะ! ฮะ! มันสดชื่นมากเลยต่างหาก!”

 

ดูจากใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับฉันอยู่แน่ๆ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีสักคนเดียวที่จะไม่รู้สึกเห็นใจหากมีใครถูกทุบตีอย่างน่าสมเพช

 

ฉันเดินเข้าไปหาเธอแล้วเอามือไปบีบแก้มเธอ

 

แก้มของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งราชรัฐรู้สึกเหมือนซาลาเปาสองลูกเลย

 

“!”

 

เธอไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้อง นั่นคงทำให้เธอตกตะลึงมาก เธอไม่คิดเลยว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ

 

มันน่ารักจริงๆ ที่เธอตกใจที่ฉันทำอะไรไร้สาระแบบนี้ เมื่อฉันปล่อยมือ เด็กสาวหน้าแดงคนนี้เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความงุนงง

 

“กะ กล้าดียังไง กล้าแตะเนื้อต้องตัวฉัน! คนอย่างนาย? ได้ยังไง ยังไงกัน เป็นแค่ขอทาน…. ได้ยังไง….”

 

เธอโกรธและอายมากจนไม่สามารถกรีดร้องได้อย่างรู้เรื่อง รูม่านตาของเธอสั่นอย่างรุนแรง บางคนอาจคิดว่าได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวหรืออะไรบางอย่าง ครั้งนี้เธอดูไม่เหมือนโกรธ เธอรู้สึกทึ่งและประหลาดใจมากกว่า

 

ไม่เพียงแค่ฉันกล้าสัมผัสใบหน้าอันมีค่าของเธอเท่านั้น แต่ฉันยังบีบแก้มของเธอและหัวเราะเยาะเธออีกด้วย

 

เธอดูน่ารักที่สุดเลยเมื่อเป็นแบบนี้

 

ดูเหมือนเธอพยายามปฏิเสธความเป็นจริง เธออาจจะกำลังคิดประมาณว่า: “สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน” หรืออะไรทำนองนั้น

 

“ฮึก ฮึก……สะอื้น!ฮือ! ฮือออ!”

 

อย่างไรก็ตาม

 

ตรงกันข้ามกับที่ฉันคาดหวังไว้ เธอร้องไห้ซะแล้ว

 

“ฮือออ…”

 

มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

 

“ทำไมนายถึงทำกับฉันแบบนี้ ไอ้สารเลวนายมายุ่งกับฉันทำไม? ทำไมนายต้องรังแกฉันแบบนี้ หยุดนะ! หยุดแกล้งฉันสักที!”

 

อ่า ฉันควรจะทำยังไงดีเนี่ย…?

 

เพจผู้แปล Lemon FT 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+