เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 11 ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 11 ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย

 

พริบตาเดียวเท่านั้นที่เสียงแรกเริ่มของสักคนดังขึ้น

 

เหล่าหญิงสาวมากหน้าหลายตาในชุดนักเรียนก็พุ่งเข้ามาล้อมรอบปิดหน้าปิดหลังปิดกั้นไม่ปล่อยให้คุณหนูสาวตระกูลเอมเมอริซขยับเรือนร่างยอดเยี่ยมไปไหน

 

แน่นอนด้วยการเข้ามาแทรกแซงแทรกกลางระหว่างหล่อนกับทราเวียร์ทำให้โอกาสยอดเยี่ยมตามติดอีกฝ่ายเป็นอันต้องสูญเปล่าเปล่าประโยชน์ไปอย่างน่าเสียดาย

 

ถึงจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างกับสถานการณ์เบื้องหน้า

 

แต่หล่อนก็หวนคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

 

“…” 

 

“สวัสดีค่ะ”

 

เมญ่าเลือกยิ้มกล่าวทักทายตามมารยาท

 

ไม่มีขาดตกบกพร่องไม่มีอารมณ์อื่นขุ่นมัวเข้าเจือปน

 

ท่วงท่ายอดเยี่ยมเต็มเปี่ยมไปด้วยมารยาททำให้ใครหลายคนเป็นอันต้องนิ่งชะงักแข็งค้างไปตามระเบียบ บางคนหนักหน่วงยิ่งกว่าเหม่อลอยจนสติหลุดไปแล้วเรียบร้อย

 

อาการแข็งค้างคงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ก่อนเสียงกรีดร้องจะดังลั่นสะนั่นไปทั่วบริเวณดึงดูดทุกสายตาให้จดจ้องไปที่คุณหนูสาวจดจ้องมองไปที่หล่อน

 

เรียกได้ว่าช่วงจังหวะเวลานี้สถานการณ์เข้าขั้นยุ่งวุ่นวายขั้นสุด

 

“กรี๊ดดดด!”

 

“เห็นไหมเมื่อกี้คุณเมญ่าเธอทักฉันด้วย!”

 

“เธอทักฉันต่างหาก!”

 

“คิดไปเองเธอทักฉันต่างหาก!”

 

เรียกได้ว่าช่วงจังหวะเวลานี้

 

ต่างฝ่ายต่างทึกทักไม่มีใครยอมใคร

 

และด้วยความเห็นที่เริ่มไม่ลงรอยกันจากแรกเริ่มที่ยุ่งวุ่นวายอยู่แล้ว จึงยิ่งสับสนยุ่งวุ่นวายหนักหน่วงเข้าไปใหญ่ยุ่งวุ่นวายจนคุณหนูเลือกปิดปากเงียบไม่คิดกล่าวเพิ่มเติม

 

ก่อนเมญ่าจะลอบถอนหายใจ

 

…‘อีกแล้วเหรอ?’

 

“…” หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

ขณะคุณหนูสาวกำลังลอบทอดถอนหายใจกับสถานการณ์เบื้องหน้า อีกหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังเป็นน้ำเสียงของหญิงสาวอีกหนึ่งนางที่ร้องทักเข้ามา

 

ทั้งยังเป็นเสียงคุ้นหูไม่ใช่เสียงแปลกประหลาดพึ่งเคยได้ยิน

 

“เบื่อจังนะพวกหน้าตาดีเนี่ย~”

 

“ทำเอาอยากกลับบ้านไปนอนร้องไห้เลย”

 

“แป้ง?”

 

“ไง” คนที่ร้องถามเมญ่าเป็นคนรู้จักมักคุ้น

 

เป็นแป้งเพื่อนสาวเพื่อนร่วมห้องเลือกยิ้มทักทาย

 

ก่อนหันสายตาเหลือบไปมองโดยรอบ มองเหล่าหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่กำลังปิดล้อมปิดกั้นไม่ปล่อยให้เมญ่าหนีหลุดลอดไปไหน

 

ฉากภาพเบื้องหน้าที่หล่อนกำลังพานพบเห็นช่างเป็นอะไรนี่เหลือเชื่อเหลือเกิน ดวงตาคู่งามกะพริบมองเมญ่าด้วยแววตาแปลกประหลาด

 

ก่อนหล่อนจะยิ้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้

 

“…” พร้อมกล่าวกระซิบเบาบาง

 

“เหมือนเธอกำลังยุ่งวุ่นวายนะ”

 

“ให้ฉันช่วยไหม?”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ฉันจัดการเองได้”

 

“ไม่ต้องถึงมือเธอหรอก”

 

“งั้นเหรอ” พอได้ยินคำกล่าวอีกฝ่าย

 

แป้งถอนใบหน้าออกมาเลือกปล่อยให้เมญ่าจัดการสถานการณ์เบื้องหน้าเอง

 

ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันต้องการจัดการสถานการณ์เบื้องหน้าด้วยตัวเอง หากหล่อนคิดยื่นมือเข้าไปจัดการแทนคงเป็นอะไรที่เสียมารยาทน่าดู

 

เพราะฉะนั้นถอยได้สมควรถอยเปิดทางให้อีกฝ่ายจัดการ

 

แน่นอนด้วยฐานะคุณหนูสาวตระกูลใหญ่ผู้เป็นต้นสายปลายเหตุทั้งหมดขอเพียงหล่อนได้ออกหน้าเข้าจัดการสถานการณ์ด้วยตัวเอง เหล่าหญิงสาวทั้งหลายที่กำลังถกเถียงกันอย่างเมามันก็พร้อมยินยอมโอนอ่อนปล่อยผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

 

จนในที่สุดเมญ่าก็สามารถเดินพูดคุยปรกติธรรมดาโดยไม่มีใครคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายให้รำคาญใจ ส่วนแป้งเพื่อนสาวก็ยังคงตามติดเหมือนเดิมยังไม่ละจากไปไหน

 

ทั้งยังกล่าวเปิดประเด็นทันทีหลังจากเห็นเมญ่าเป็นอิสระจากแฟนคลับ

 

“…” เพื่อนสาวเลือกถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

หวังได้อยากได้ยินคำตอบจากคุณหนูตระกูลใหญ่

 

“แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”

 

“รู้สึกอะไร?”

 

“ก็ที่โดนผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังตลอด”

 

“ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเจอแบบเธอมาก่อน”

 

“เลยอยากลองถามความรู้สึกสักหน่อย”

 

“เพื่อไปเจอกับตัวเองบ้างจะได้รับมือถูก”

 

หลังจากถามเสร็จสิ้นคุณหนูสาวเลือกนิ่งเงียบไม่ตอบสนอง

 

ที่นิ่งเงียบไปไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้หรือไม่คำตอบโผล่เข้ามาในหัวสมอง เพียงแต่หากบอกกล่าวไปตามตรงมันอาจทำให้ใครหลายต่อหลายคนต้องผิดหวัง

 

แต่คุณหนูสาวก็ยังเลือกตอบกลับไปตามตรง

 

ตอบตรงที่หัวใจตัวเองคิด

 

…‘รู้สึกยังไง?’

 

“…”

 

“ปรกติธรรมดา”

 

“…” เพื่อนสาวคิ้วกระตุก

 

คล้ายไม่ค่อยพอใจกับคำตอบ

 

“ปรกติธรรมดาสินะ”

 

“หึ คนสวยนิอยากจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

 

“…”

 

“คนสวย?” เมญ่ายิ้มโต้ตอบกลับ

 

หากแต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้ากับไม่ใช่รอยยิ้มปรกติธรรมดาทั่วไป ยิ่งไม่ใช่รอยยิ้มจอมปลอมที่หล่อนหยิบยกมาใช้งานใช้การบ่อยครั้ง

 

ครั้งนี้มันมีอะไรที่นอกเหนือไปกว่านั้น

 

“…” คุณหนูสาวเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“เลือกได้”

 

“ถ้าเลือกได้ฉันอยากเกิดเป็นคนปรกติธรรมดามากกว่า”

 

“คนปรกติธรรมดามีทุกข์เป็นของตัวเอง”

 

“คนหน้าตาดีมีชาติตระกูลก็มีความทุกข์เป็นของตัวเองเหมือนกัน”

 

“…”

 

“ต่างฝ่ายต่างมีด้านเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น”

 

หนักอึ้งไปจนถึงขีดสุด

 

ห้วงอารมณ์ที่คุณหนูสาวปลดปล่อยออกมาชั่วขณะมันช่างมากมายมหาศาลเหลือเกิน มากมายจนเพื่อนสาวที่เริ่มเปิดปากถามคำถามยังรู้สึกอึดอัดหัวใจจนแทบอดกลั้นไม่ไหว

 

แววตาจากเดิมที่เคยรู้สึกผิดที่ถามคำถามออกไป

 

เริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้ง

 

“…” เพื่อนสาวแค่นเสียง

 

ขณะกล่าวตอกหน้ากลับไป

 

“อยากเกิดมาเป็นคนปรกติธรรมดาช่างกล้าพูด”

 

“เพราะเกิดมาหน้าตาดีนิถึงพูดได้”

 

“จิกกัดกันตลอด”

 

“อารมณ์เสียมาจากไหน?”

 

“…”

 

“โทษที”

 

“พอดีมีเรื่องให้คิด”

 

เพื่อนสาวบ่ายเบี่ยงไม่คิดสบสายตา

 

ด้วยความที่หล่อนมีอย่างสิ่งอื่นให้ครุ่นคิดเลยไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด คุณหนูสาวในตอนนี้หล่อนเลือกมอบความสนใจไปให้อย่างอื่นมากกว่า

 

ทั้งสิ่งที่มอบความสนใจให้ยังเป็นอะไรที่้สำคัญกว่าการมาทะเลาะกับคนอื่น

 

ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

 

“…” 

 

“เมญ่า?” แป้งที่เห็นเมญ่านิ่งเงียบ

 

เลยพยายามร้องถามกลับไป

 

“…” แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองกลับมา

 

เมญ่าเลือกก้มมองฝ่ามือตัวเอง

 

ก้มมองเศษผ้าพันแผลที่หลุดติดมือหล่อนมา แน่นอนว่าเจ้าเศษผ้าพันแผลในมือล้วนมีเจ้าของอยู่แล้วซึ่งเจ้าของดั่งเดิมที่ว่าก็คือทราเวียร์คนที่หล่อนเผลอชนด้วยความบังเอิญ

 

และด้วยความบังเอิญคุณหนูสาวจึงได้หลักฐานชิ้นสำคัญมาไว้ในครอบครอง หล่อนเพ่งสายตาจดจ้องมองไปที่รอยเปื้อนของเหลวสีแดงสดบนเศษผ้าพันแผล

 

กลิ่นเหล็กเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกได้อย่างชัดเจน

 

…‘มีกลิ่นเลือดติดอยู่’

 

“…”

 

“แสดงว่าเป็นแผลใหม่”

 

“กี่วันแล้วล่ะที่เป็นแผล 1 หรือ 2 วัน” 

 

เมญ่าลอบยิ้มมุมปากขณะจับจ้องมองเศษผ้าพันแผลในมือ

 

สมมติฐานที่เคยก่อร่างสร้างเอาไว้เริ่มประติดประต่อออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้เห็น ต่อให้อีกฝ่ายดึงดันปฏิเสธยังไง แต่หากเป็นคนมีสมองนิดหน่อยบวกกับมีอำนาจสายสัมพันธ์

 

การค้นหาใครสักคนหรือหาหลักฐานยืนยันตัวบุคคลย่อมทำได้ง่ายดาย กล่าวสำหรับคุณหนูสาวอย่างหล่อนทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับระยะเวลาเท่านั้นในตอนนี้

 

ขอแค่ระยะเวลาพิสูจน์ตัวบุคคลหากได้หลักฐานยืนยันตัวตนรวมถึงองค์ประกอบที่จำเป็นครบถ้วนขึ้นมาเมื่อไหร่หล่อนก็พร้อมออกเดินหน้าปฏิบัติการทันที

 

เมญ่ามองทิศทางที่ทราเวียร์เดินหายลับไปจากสายตา

 

…‘จะกี่วันก็ช่างครั้งต่อไปที่เจอหน้ากันเราคงได้คำตอบ’

 

“…”

 

“เมญ่า?!”

 

“คะ?”

 

“ยังจะมาคะอีก?”

 

“รีบไปกันได้แล้ว”

 

“มัวชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก!”

 

บอกกล่าวอย่างเดียวไม่ทันใจ

 

เพื่อนสาวพุ่งฝ่ามือเข้ามาคว้าแขนคุณหนูสาวก่อนวิ่งลากพาอีกฝ่ายมุ่งหน้าตรงไปยังห้องเรียน คว้าจับโดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่ 

 

เมญ่าที่โดนแตะเนื้อต้องตัวร้องดังลั่นพยายายามสลัดให้หลุด

 

“ดะ เดี๋ยวก่อน!”

 

“อย่าดึงสิ!”

 

“ก็บอกว่าอย่าดึงไง!”

 

ช่างเปล่าประโยชน์เหลือเกิน

 

ต่อให้คุณหนูสาวร้องเสียงหลงห้ามปรามยังไง

 

สดท้ายปลายทางก็จำต้องยินยอมโอนอ่อนอยู่ดี หลังจากพยายามดื้อดึงหลายต่อหลายครั้งในที่สุดคุณหนูสาวก็ลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เลือกปล่อยเนื้อปล่อยตัวปล่อยผ่านปล่อยให้เพื่อนสาวฉุดกระชากตามใจชอบ

 

ด้วยความปรารถนาดีของเพื่อนสาวในที่สุด พวกหล่อนก็เข้ามายังพื้นที่ภายในของโรงเรียนเข้ามาโดยหลงเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงเพียงพอให้คุยเล่นไปตามอารมณ์

 

ตามเส้นทางขณะก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของตน เหล่านักเรียนหลายสิบต่างหันสายตามาจดจ้องมองมาที่คุณหนูสาวตระกูลใหญ่เป็นหลัก

 

บางคนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยโดยหยิบหล่อนมาเป็นประเด็น

 

“…”

 

“ยังงดงามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”

 

“ถ้าเกิดได้ไปอยู่เคียงข้างเธอมันจะดีขนาดไหนนะ?”

 

“เลิกเพ้อฝันได้แล้ว”

 

“ทำหน้าตาอย่างกับพวกโรคจิต”

 

“น่าขยะแขยง” เพื่อนชายหัวคิ้วขมวดแน่น

 

ทำเอาเพื่อนหนุ่มที่กำลังเฝ้าจับตามองมอบสายตาให้กับคุณหนู จำต้องดึงสายตาหันกลับ กลับมาโต้แย้งหวังไม่ให้ใครคนอื่นเข้าใจผิด

 

แต่เหมือนใครคนอื่นจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่

 

“โหดร้าย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 11 ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 11 ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย

 

พริบตาเดียวเท่านั้นที่เสียงแรกเริ่มของสักคนดังขึ้น

 

เหล่าหญิงสาวมากหน้าหลายตาในชุดนักเรียนก็พุ่งเข้ามาล้อมรอบปิดหน้าปิดหลังปิดกั้นไม่ปล่อยให้คุณหนูสาวตระกูลเอมเมอริซขยับเรือนร่างยอดเยี่ยมไปไหน

 

แน่นอนด้วยการเข้ามาแทรกแซงแทรกกลางระหว่างหล่อนกับทราเวียร์ทำให้โอกาสยอดเยี่ยมตามติดอีกฝ่ายเป็นอันต้องสูญเปล่าเปล่าประโยชน์ไปอย่างน่าเสียดาย

 

ถึงจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างกับสถานการณ์เบื้องหน้า

 

แต่หล่อนก็หวนคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

 

“…” 

 

“สวัสดีค่ะ”

 

เมญ่าเลือกยิ้มกล่าวทักทายตามมารยาท

 

ไม่มีขาดตกบกพร่องไม่มีอารมณ์อื่นขุ่นมัวเข้าเจือปน

 

ท่วงท่ายอดเยี่ยมเต็มเปี่ยมไปด้วยมารยาททำให้ใครหลายคนเป็นอันต้องนิ่งชะงักแข็งค้างไปตามระเบียบ บางคนหนักหน่วงยิ่งกว่าเหม่อลอยจนสติหลุดไปแล้วเรียบร้อย

 

อาการแข็งค้างคงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ก่อนเสียงกรีดร้องจะดังลั่นสะนั่นไปทั่วบริเวณดึงดูดทุกสายตาให้จดจ้องไปที่คุณหนูสาวจดจ้องมองไปที่หล่อน

 

เรียกได้ว่าช่วงจังหวะเวลานี้สถานการณ์เข้าขั้นยุ่งวุ่นวายขั้นสุด

 

“กรี๊ดดดด!”

 

“เห็นไหมเมื่อกี้คุณเมญ่าเธอทักฉันด้วย!”

 

“เธอทักฉันต่างหาก!”

 

“คิดไปเองเธอทักฉันต่างหาก!”

 

เรียกได้ว่าช่วงจังหวะเวลานี้

 

ต่างฝ่ายต่างทึกทักไม่มีใครยอมใคร

 

และด้วยความเห็นที่เริ่มไม่ลงรอยกันจากแรกเริ่มที่ยุ่งวุ่นวายอยู่แล้ว จึงยิ่งสับสนยุ่งวุ่นวายหนักหน่วงเข้าไปใหญ่ยุ่งวุ่นวายจนคุณหนูเลือกปิดปากเงียบไม่คิดกล่าวเพิ่มเติม

 

ก่อนเมญ่าจะลอบถอนหายใจ

 

…‘อีกแล้วเหรอ?’

 

“…” หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

ขณะคุณหนูสาวกำลังลอบทอดถอนหายใจกับสถานการณ์เบื้องหน้า อีกหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังเป็นน้ำเสียงของหญิงสาวอีกหนึ่งนางที่ร้องทักเข้ามา

 

ทั้งยังเป็นเสียงคุ้นหูไม่ใช่เสียงแปลกประหลาดพึ่งเคยได้ยิน

 

“เบื่อจังนะพวกหน้าตาดีเนี่ย~”

 

“ทำเอาอยากกลับบ้านไปนอนร้องไห้เลย”

 

“แป้ง?”

 

“ไง” คนที่ร้องถามเมญ่าเป็นคนรู้จักมักคุ้น

 

เป็นแป้งเพื่อนสาวเพื่อนร่วมห้องเลือกยิ้มทักทาย

 

ก่อนหันสายตาเหลือบไปมองโดยรอบ มองเหล่าหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่กำลังปิดล้อมปิดกั้นไม่ปล่อยให้เมญ่าหนีหลุดลอดไปไหน

 

ฉากภาพเบื้องหน้าที่หล่อนกำลังพานพบเห็นช่างเป็นอะไรนี่เหลือเชื่อเหลือเกิน ดวงตาคู่งามกะพริบมองเมญ่าด้วยแววตาแปลกประหลาด

 

ก่อนหล่อนจะยิ้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้

 

“…” พร้อมกล่าวกระซิบเบาบาง

 

“เหมือนเธอกำลังยุ่งวุ่นวายนะ”

 

“ให้ฉันช่วยไหม?”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ฉันจัดการเองได้”

 

“ไม่ต้องถึงมือเธอหรอก”

 

“งั้นเหรอ” พอได้ยินคำกล่าวอีกฝ่าย

 

แป้งถอนใบหน้าออกมาเลือกปล่อยให้เมญ่าจัดการสถานการณ์เบื้องหน้าเอง

 

ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันต้องการจัดการสถานการณ์เบื้องหน้าด้วยตัวเอง หากหล่อนคิดยื่นมือเข้าไปจัดการแทนคงเป็นอะไรที่เสียมารยาทน่าดู

 

เพราะฉะนั้นถอยได้สมควรถอยเปิดทางให้อีกฝ่ายจัดการ

 

แน่นอนด้วยฐานะคุณหนูสาวตระกูลใหญ่ผู้เป็นต้นสายปลายเหตุทั้งหมดขอเพียงหล่อนได้ออกหน้าเข้าจัดการสถานการณ์ด้วยตัวเอง เหล่าหญิงสาวทั้งหลายที่กำลังถกเถียงกันอย่างเมามันก็พร้อมยินยอมโอนอ่อนปล่อยผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

 

จนในที่สุดเมญ่าก็สามารถเดินพูดคุยปรกติธรรมดาโดยไม่มีใครคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายให้รำคาญใจ ส่วนแป้งเพื่อนสาวก็ยังคงตามติดเหมือนเดิมยังไม่ละจากไปไหน

 

ทั้งยังกล่าวเปิดประเด็นทันทีหลังจากเห็นเมญ่าเป็นอิสระจากแฟนคลับ

 

“…” เพื่อนสาวเลือกถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

หวังได้อยากได้ยินคำตอบจากคุณหนูตระกูลใหญ่

 

“แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”

 

“รู้สึกอะไร?”

 

“ก็ที่โดนผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังตลอด”

 

“ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเจอแบบเธอมาก่อน”

 

“เลยอยากลองถามความรู้สึกสักหน่อย”

 

“เพื่อไปเจอกับตัวเองบ้างจะได้รับมือถูก”

 

หลังจากถามเสร็จสิ้นคุณหนูสาวเลือกนิ่งเงียบไม่ตอบสนอง

 

ที่นิ่งเงียบไปไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้หรือไม่คำตอบโผล่เข้ามาในหัวสมอง เพียงแต่หากบอกกล่าวไปตามตรงมันอาจทำให้ใครหลายต่อหลายคนต้องผิดหวัง

 

แต่คุณหนูสาวก็ยังเลือกตอบกลับไปตามตรง

 

ตอบตรงที่หัวใจตัวเองคิด

 

…‘รู้สึกยังไง?’

 

“…”

 

“ปรกติธรรมดา”

 

“…” เพื่อนสาวคิ้วกระตุก

 

คล้ายไม่ค่อยพอใจกับคำตอบ

 

“ปรกติธรรมดาสินะ”

 

“หึ คนสวยนิอยากจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

 

“…”

 

“คนสวย?” เมญ่ายิ้มโต้ตอบกลับ

 

หากแต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้ากับไม่ใช่รอยยิ้มปรกติธรรมดาทั่วไป ยิ่งไม่ใช่รอยยิ้มจอมปลอมที่หล่อนหยิบยกมาใช้งานใช้การบ่อยครั้ง

 

ครั้งนี้มันมีอะไรที่นอกเหนือไปกว่านั้น

 

“…” คุณหนูสาวเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“เลือกได้”

 

“ถ้าเลือกได้ฉันอยากเกิดเป็นคนปรกติธรรมดามากกว่า”

 

“คนปรกติธรรมดามีทุกข์เป็นของตัวเอง”

 

“คนหน้าตาดีมีชาติตระกูลก็มีความทุกข์เป็นของตัวเองเหมือนกัน”

 

“…”

 

“ต่างฝ่ายต่างมีด้านเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น”

 

หนักอึ้งไปจนถึงขีดสุด

 

ห้วงอารมณ์ที่คุณหนูสาวปลดปล่อยออกมาชั่วขณะมันช่างมากมายมหาศาลเหลือเกิน มากมายจนเพื่อนสาวที่เริ่มเปิดปากถามคำถามยังรู้สึกอึดอัดหัวใจจนแทบอดกลั้นไม่ไหว

 

แววตาจากเดิมที่เคยรู้สึกผิดที่ถามคำถามออกไป

 

เริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้ง

 

“…” เพื่อนสาวแค่นเสียง

 

ขณะกล่าวตอกหน้ากลับไป

 

“อยากเกิดมาเป็นคนปรกติธรรมดาช่างกล้าพูด”

 

“เพราะเกิดมาหน้าตาดีนิถึงพูดได้”

 

“จิกกัดกันตลอด”

 

“อารมณ์เสียมาจากไหน?”

 

“…”

 

“โทษที”

 

“พอดีมีเรื่องให้คิด”

 

เพื่อนสาวบ่ายเบี่ยงไม่คิดสบสายตา

 

ด้วยความที่หล่อนมีอย่างสิ่งอื่นให้ครุ่นคิดเลยไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด คุณหนูสาวในตอนนี้หล่อนเลือกมอบความสนใจไปให้อย่างอื่นมากกว่า

 

ทั้งสิ่งที่มอบความสนใจให้ยังเป็นอะไรที่้สำคัญกว่าการมาทะเลาะกับคนอื่น

 

ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

 

“…” 

 

“เมญ่า?” แป้งที่เห็นเมญ่านิ่งเงียบ

 

เลยพยายามร้องถามกลับไป

 

“…” แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองกลับมา

 

เมญ่าเลือกก้มมองฝ่ามือตัวเอง

 

ก้มมองเศษผ้าพันแผลที่หลุดติดมือหล่อนมา แน่นอนว่าเจ้าเศษผ้าพันแผลในมือล้วนมีเจ้าของอยู่แล้วซึ่งเจ้าของดั่งเดิมที่ว่าก็คือทราเวียร์คนที่หล่อนเผลอชนด้วยความบังเอิญ

 

และด้วยความบังเอิญคุณหนูสาวจึงได้หลักฐานชิ้นสำคัญมาไว้ในครอบครอง หล่อนเพ่งสายตาจดจ้องมองไปที่รอยเปื้อนของเหลวสีแดงสดบนเศษผ้าพันแผล

 

กลิ่นเหล็กเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกได้อย่างชัดเจน

 

…‘มีกลิ่นเลือดติดอยู่’

 

“…”

 

“แสดงว่าเป็นแผลใหม่”

 

“กี่วันแล้วล่ะที่เป็นแผล 1 หรือ 2 วัน” 

 

เมญ่าลอบยิ้มมุมปากขณะจับจ้องมองเศษผ้าพันแผลในมือ

 

สมมติฐานที่เคยก่อร่างสร้างเอาไว้เริ่มประติดประต่อออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้เห็น ต่อให้อีกฝ่ายดึงดันปฏิเสธยังไง แต่หากเป็นคนมีสมองนิดหน่อยบวกกับมีอำนาจสายสัมพันธ์

 

การค้นหาใครสักคนหรือหาหลักฐานยืนยันตัวบุคคลย่อมทำได้ง่ายดาย กล่าวสำหรับคุณหนูสาวอย่างหล่อนทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับระยะเวลาเท่านั้นในตอนนี้

 

ขอแค่ระยะเวลาพิสูจน์ตัวบุคคลหากได้หลักฐานยืนยันตัวตนรวมถึงองค์ประกอบที่จำเป็นครบถ้วนขึ้นมาเมื่อไหร่หล่อนก็พร้อมออกเดินหน้าปฏิบัติการทันที

 

เมญ่ามองทิศทางที่ทราเวียร์เดินหายลับไปจากสายตา

 

…‘จะกี่วันก็ช่างครั้งต่อไปที่เจอหน้ากันเราคงได้คำตอบ’

 

“…”

 

“เมญ่า?!”

 

“คะ?”

 

“ยังจะมาคะอีก?”

 

“รีบไปกันได้แล้ว”

 

“มัวชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก!”

 

บอกกล่าวอย่างเดียวไม่ทันใจ

 

เพื่อนสาวพุ่งฝ่ามือเข้ามาคว้าแขนคุณหนูสาวก่อนวิ่งลากพาอีกฝ่ายมุ่งหน้าตรงไปยังห้องเรียน คว้าจับโดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่ 

 

เมญ่าที่โดนแตะเนื้อต้องตัวร้องดังลั่นพยายายามสลัดให้หลุด

 

“ดะ เดี๋ยวก่อน!”

 

“อย่าดึงสิ!”

 

“ก็บอกว่าอย่าดึงไง!”

 

ช่างเปล่าประโยชน์เหลือเกิน

 

ต่อให้คุณหนูสาวร้องเสียงหลงห้ามปรามยังไง

 

สดท้ายปลายทางก็จำต้องยินยอมโอนอ่อนอยู่ดี หลังจากพยายามดื้อดึงหลายต่อหลายครั้งในที่สุดคุณหนูสาวก็ลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เลือกปล่อยเนื้อปล่อยตัวปล่อยผ่านปล่อยให้เพื่อนสาวฉุดกระชากตามใจชอบ

 

ด้วยความปรารถนาดีของเพื่อนสาวในที่สุด พวกหล่อนก็เข้ามายังพื้นที่ภายในของโรงเรียนเข้ามาโดยหลงเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงเพียงพอให้คุยเล่นไปตามอารมณ์

 

ตามเส้นทางขณะก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของตน เหล่านักเรียนหลายสิบต่างหันสายตามาจดจ้องมองมาที่คุณหนูสาวตระกูลใหญ่เป็นหลัก

 

บางคนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยโดยหยิบหล่อนมาเป็นประเด็น

 

“…”

 

“ยังงดงามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”

 

“ถ้าเกิดได้ไปอยู่เคียงข้างเธอมันจะดีขนาดไหนนะ?”

 

“เลิกเพ้อฝันได้แล้ว”

 

“ทำหน้าตาอย่างกับพวกโรคจิต”

 

“น่าขยะแขยง” เพื่อนชายหัวคิ้วขมวดแน่น

 

ทำเอาเพื่อนหนุ่มที่กำลังเฝ้าจับตามองมอบสายตาให้กับคุณหนู จำต้องดึงสายตาหันกลับ กลับมาโต้แย้งหวังไม่ให้ใครคนอื่นเข้าใจผิด

 

แต่เหมือนใครคนอื่นจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่

 

“โหดร้าย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+