เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 16 ยามเย็นในห้องเรียน

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 16 ยามเย็นในห้องเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 16 ยามเย็นในห้องเรียน

 

ณ ช่วงเวลาเย็นของวัน

 

รอยยิ้มจอมปลอมปรากฏบนใบหน้า

 

เวรกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนร่วมมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน แต่ก็มีใครบางคนที่เลือกเมินเฉยต่อกฎระเบียบทั้งยังอาศัยความเห็นแก่ตัวไปโยนงานให้กับผู้อื่น

 

โยนให้เพียงเพราะตัวเองไม่คิดจะทำไม่อยากจะทำ

 

และหนึ่งในผู้ประสบพบเจอโดยตรงก็คือทราเวียร์

 

ทั้งยังเป็นผู้ประสบพบเจอโดยตรงอีกต่างหาก

 

“ฝากด้วยนะ”

 

“ถือว่าช่วยกัน”

 

“ช่วยเพื่อนร่วมชั้นเรียนของนายไง”

 

“…”                  

 

“ได้ครับ”

 

“…”

 

“ขอบคุณมาก”

 

“ฝากด้วยนะเพื่อนยาก”

 

“ครั้งหน้าเดี๋ยวเลี้ยงน้ำ” 

 

เพื่อนร่วมห้องยิ้มเปิดเผยให้เห็นฟันเต็มปาก

 

พร้อมเข้ามาตบไหล่เขาหลายต่อหลายเท่าทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อ

 

เดิมทีหากเป็นช่วงเวลาปรกติธรรมดามันคงไม่โผล่หน้าเข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ บางทีกระทั่งเหลือบมองยังไม่คิดจะทำ แต่พอมีเรื่องอยากจะวานอยากจะใช้งาน

 

กับเลือกยิ้มร่าเดินเข้ามาหาช่างเป็นขยะสังคมที่ยอดเยี่ยมเสียจริง หลังจากฝากงานที่มันสมควรต้องกระทำมันก็ออกเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของตนหน้าตาเฉย

 

ปล่อยให้เขาต้องทำเวรคนเดียวโดยไม่คิดเหลียวมอง

 

“ไปกันเถอะ”

 

“นิสัยไม่ดีนี่หว่า”

 

“เออ รีบไปกันได้แล้ว”

 

“เดี๋ยวก็ไปดูหนังไม่ทันหรอก” 

 

กล่าวจบมันก็เลือกเดินหนีหายไปในทันที

 

แน่นอนว่าต้นสายปลายเหตุที่มันเลือกโยนงานให้เขาทำคนเดียวไม่ใช่เหตุผลหลักใหญ่ใจความสำคัญ แต่เป็นเพียงเหตุผลสนองความต้องการส่วนตัวของมัน

 

เพียงแค่เพื่อสนองความต้องการส่วนตัว

 

บนเส้นทางเดินก่อนออกนอกตึก

 

“โคตรร้อนเลย”

 

“ตรวจดูรอบให้แน่นะ”

 

“รู้สึกว่า—” 

 

ถ้อยคำทั้งหมดชะงักนิ่งเงียบขาดหายไปในทันที

 

เพียงแค่หล่อนปรากฏตัวให้เห็น เพียงแค่ได้เหลือบมองไม่กี่วินาทีก็สามารถช่วงชิงทุกสิ่งอย่างไปได้อย่างง่ายดาย เมญ่ากวาดสายตาไปโดยรอบก่อนกล่าวเปิดปากเบาบาง

 

กล่าวกับเพื่อนร่วมห้องร่วมชั้นเรียนของทราเวียร์

 

“ขอโทษนะคะ”

 

“…”

 

“ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้ไหมคะ?”

 

“คะ ครับ”

 

“…” หนึ่งในพวกมันหลุดตอบออกมา

 

ก่อนจะเปิดทางให้กับเมญ่าได้ก้าวเท้าเดินผ่าน ทุกย่างก้าวของคุณหนูสาวล้วนสะกดข่มไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนหรือใครคนอื่นกล่าวเปิดปากชวนคุยทุกสิ่งอย่างล้วนนิ่งเงียบ

 

หล่อนขอบคุณทิ้งท้ายก่อนเดินหายจากไป

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

“…” ใช้ระยะเวลาหลายวินาที

 

ก่อนพวกมันทั้งหมดจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ และแน่นอนเมื่อพวกมันทุกคนหวนคืนดึงสติกลับมาได้สุ้มเสียงทั้งหมดที่เคยนิ่งเงียบก็ดังขึ้นทันที

 

ดังราวกับเด็กน้อยพึ่งจะพานพบเห็นของเล่นชิ้นใหม่

 

“เมื่อกี้นี่มัน”

 

“คุณหนูเมญ่า?”

 

“พระเจ้าช่วยโคตรจะโชคดีเลย”

 

“ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่”

 

“ห้องของเธอมันอยู่อีกฝั่งไม่ใช่เหรอ?”

 

คำตอบของคำถามล้วนไม่มีใครล่วงรู้

 

คนที่ล่วงรู้คงมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้

 

ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ณ ห้องเรียนที่พวกมันละจากมา

 

ทั้งที่ช่วงเวลาปรกติธรรมดาทั่วทั้งห้องต่างมีเสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนานดังต่อเนื่องตลอด แต่ตอนนี้กลับนิ่งเงียบปราศจากสุ้มเสียงไม่มีคำกล่าวอื่นเพิ่มเติม

 

ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองพร้อมหยิบจับไม้กวาดพลางบ่นไปเรื่อยเปื่อย

 

…‘ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด’

 

“…”

 

“เพื่อนเหรอ?”

 

“น่าขยะแขยงสิ้นดี”

 

อาศัยเพียงคำว่า “เพื่อน“ อาศัยเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น

 

ขอเพียงต้องการใช้งานใช้การคนอื่น พวกมันทุกคนก็พร้อมเรียกคนอื่นว่าเพื่อนได้หน้าตาเฉยบางทีคนที่พวกมันเรียกว่าเพื่อนอาจเป็นได้แค่คนรับใช้ราคาถูก

 

คิดอยากจะใช้งานยังไงก็ได้ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง

 

อยู่ ๆ ภาพเมญ่าก็แทรกซ้อนเข้ามา

 

มาพร้อมกับเสียงดังขึ้นภายในหัว

 

…“งั้น”

 

…“เราเป็นเพื่อนกันไหม?”

 

…“คุณไม่มีเพื่อน?”

 

…“ไม่เหงาเหรอ?”

 

“…” มือที่ขยับตลอดพลันหยุดนิ่ง

 

ก่อนทุกสิ่งอย่างจะหวนคืนกลับตามเดิม

 

ขณะทราเวียร์กำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำความสะอาดห้องเรียน

 

แสงอาทิตย์สาดส่องตลอดทั้งวันก็เริ่มลดตัวลงต่ำเป็นสัญญาณบ่งบอกเตรียมตัวย่างเท้าก้าวเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนกายหย่อนใจและตอนนั้นเอง

 

ตอนที่ทราเวียร์กำลังกวาดพื้นก้มหน้ามองเศษฝุ่นกระจัดกระจายตามพื้นห้องเรียบเงาก็เป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกับที่แขกแปลกหน้าคนใหม่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้อง

 

พร้อมส่งเสียงร้องทักเบาบางเป็นการขออนุญาต

 

“ขออนุญาตค่ะ”

 

“…”

 

“เธอ?”

 

“ต้องการคนช่วยไหมคะ?”

 

“…”

 

“เธอมาที่นี่ได้ไง?” 

 

ทราเวียร์หรี่ตามองคล้ายต้องการจับผิดอีกฝ่าย

 

ช่วงจังหวะเวลาตอนนี้เกือบจะ 5 โมงเย็น เป็นเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปหมดเรียบร้อยแล้วน้อยคนนักจะยังอยู่ต่อ แต่หล่อนก็ยังอยู่ไม่ไปไหนแถมยังมาปรากฏให้เห็น

 

เดาได้เลยว่าเจตนาแท้จริงย่อมไม่ใช่ของง่ายดายอย่างคำว่า “บังเอิญ” แน่นอน

 

เมญ่ายิ้มกะพริบตาใสซื่อบริสุทธิ์ตอบคำถาม

 

“เดินมาค่ะ”

 

“เดินมาจากห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่ง”

 

“…”

 

“ตอบตามตรงเลยนะครับ”

 

“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย”

 

“ไม่ได้ถามเรื่องนั้น?”

 

“ถ้าไม่ได้ถามเรื่องนั้น”

 

“แล้วถามเรื่องไหนล่ะคะ?”

 

“…” เมญ่าเอียงคอถามด้วยแววตาใสซื่อ

 

รู้ทั้งรู้ว่าประเด็นที่เขาถามแท้จริงเป็นประเด็นอื่น แต่หล่อนก็ยังเลือกบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมตอบคำถามทั้งยังทำตัวเป็นเด็กน้อยใสบริสุทธิ์ ทั้งที่จริงเนื้อในมันคนละเรื่องกันเลย

 

ทราเวียร์ลอบถอนหายใจเหนื่อยอ่อน

 

…‘ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?’

 

“…”

 

“ผมว่าผมให้คำตอบไปเรียบร้อยแล้วนะ”

 

“ยังต้องการอะไรอีก?”

 

“…” 

 

“ดิฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”

 

“เพียงแค่อยากช่วยเหลือในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ”

 

“ได้ใช่ไหมคะ?”

 

“ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนน่ะ”

 

สายตามองตรงไม่มีบ่ายเบี่ยงไปไหน

 

กับกลายเป็นว่าถ้อยคำทั้งหมดที่เหล่าเพื่อนร่วมชั้นจอมเห็นแก่ตัวบอกกล่าวกับเขา หล่อนล้วนได้ยินมันชัดเจนนอกจากได้ยินชัดเจน คุณหนูสาวยังหยิบยกมาใช้เป็นข้ออ้าง

 

ใช้มันเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอีกต่างหาก

 

ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่น

 

…‘ได้ยินด้วย?’

 

“…”

 

“อยากจะช่วยเหลือผมในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียน?”

 

“…”

 

“ทำไมถึงอยากจะช่วยผมล่ะครับ?”

 

“ไม่สิ”

 

“สำคัญเลยคือทำไมถึงคิดว่าผมจะยอมให้ช่วย”

 

“…”

 

“เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ”

 

“เพื่อนยังไงก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนอยู่แล้ว”

 

“แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการก็ตาม”

 

“อีกอย่างเพื่อนร่วมห้องของคุณก็เลือกหนีหน้าไปหมดแล้วด้วย”

 

“เกิดปล่อยผ่านปล่อยให้คุณแบกรับเวรประจำวันคนเดียว”

 

“คงโหดร้ายน่าดู”

 

“…”

 

“เพราะฉะนั้นดิฉันก็เลยมาช่วยค่ะ”

 

“โกหก” น้ำเสียงแดกดันดังขึ้นเบาบาง

 

แม้จะเบาบางแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู

 

แต่ถึงจะได้ยินคำกล่าวของทราเวียร์หล่อนก็ยังเลือกยิ้มหน้าตายตามเดิม

 

ยังพยายามทำเมินหน้านิ่งยืนขาเดียวเต็มที่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามขับไล่หล่อนยังไง ขอเพียงยืนขาเดียวเอาไว้ทุกสิ่งอย่างล้วนดำเนินไปได้ต่อแม้จะมีสะดุดชะงักอยู่บ้าง

 

ความไร้ยางอายที่ไล่ไม่ไปไม่ว่าจะพยายามทำยังไงก็ไม่อาจทำให้หล่อนหนีหน้าหายไปไหนได้ มันช่างเป็นอะไรที่ชวนให้รำคาญกายรำคาญใจเหลือเกิน

 

ทราเวียร์เลือกทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

 

…‘ถ้ารู้ว่าช่วยแล้วจะเป็นแบบนี้’

 

“…” 

 

“ไม่ช่วยเสียยังดีกว่า”

 

“คะ?”

 

“เพื่อนชั้นเรียนก็เพื่อนชั้นเรียน”

 

“…”

 

“หมายความว่า?”

 

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ”

 

“จริงนะ?!” 

 

ดวงตาคู่งามกะพริบมองหลายต่อหลายครั้ง

 

แม้ว่าหล่อนจะเตรียมใจถูกต่อว่าสวนกลับหรืออาจถึงขั้นถูกปฏิเสธกลับมาอย่างรุนแรง แต่หล่อนไม่ได้เตรียมกายเตรียมใจถูกยินยอมรับจากชายหนุ่มเบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

เอาเข้าจริงมีโอกาสมากถึงมากที่สุดที่หล่อนจะโดนไล่ตั้งแต่พานพบเห็นหน้าด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกรณีที่อีกฝ่ายรับปากยินยอมให้หล่อนช่วยเหลือเหมือนเหตุการณ์เบื้องหน้า

 

เมญ่าลอบกุมมือตัวเองแน่นพยายามยับยั้งอาการเต็มที่

 

“…” ก่อนก้มหัวขอบคุณที่ทราเวียร์ยินยอมโอนอ่อน

 

“ขอบคุณค่ะ!” 

 

“…”

 

“แต่บอกเอาไว้ก่อน”

 

“ถ้าเกิดคุณทำอะไรให้ผมลำบากใจไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง”

 

“คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”

 

“ค่ะ”

 

“ดิฉันจะออกจากห้องทันที”

 

“และจะไม่โผล่หน้ามาหาคุณอีก”

 

“…”

 

“อยากจะทำอะไรก็เชิญ” 

 

“ค่ะ!”

 

เมญ่าตอบรับเสียงดังฟังชัด

 

พอได้รับคำอนุญาตจากชายหนุ่มเบื้องหน้า หญิงสาวแสนสวยไม่รอช้ารีบก้าวเท้าเดินเข้ามาไปในห้องหวังช่วยเหลือแบ่งเบาภาระและงานชิ้นแรกที่หล่อนกำลังเล็งอยู่ก็คือ

 

เก้าอี้ที่วางกระจัดกระจายตามพื้นไม่เป็นระเบียบ ระหว่างหล่อนกำลังยกเก้าอี้ขึ้นโต๊ะยังมีเหลือบมองทราเวียร์อยู่บ่อยครั้งมองเขาเช็ดกระจกมองดูเขาทำเวรห้องเพียงคนเดียว

 

สาวงามอันดับหนึ่งลอบกำพนักเก้าอี้แน่น

 

…‘ในที่สุด’

 

“…”

 

“สำเร็จ!” รอยยิ้มงามสง่าปรากฏบนใบหน้า

 

อย่างที่เขาว่าไว้ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั้น

 

ระหว่างคุณหนูสาวตระกูลใหญ่กำลังดีใจกับแผนการความพยายามของตน หล่อนไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสายตาคู่หนึ่งกำลังลอบเหลือบจับจ้องมองตลอดเวลา

 

แน่นอนว่าคนที่กำลังจับจ้องมองย่อมไม่ใช่ใครคนอื่นเป็นทราเวียร์คนเดิมเพิ่มเติมคือจับจ้องมองตลอดเวลาคล้ายกลัวเกรงว่าหล่อนจะมาสร้างปัญหาหายนะมากกว่าประโยชน์

 

ยิ่งเห็นท่าทีดีใจเกินพอดีของคุณหนูสาวเขายิ่งมั่นใจ

 

ว่าการให้หล่อนช่วยเหลือไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย

 

…‘ฉันน่าจะปฏิเสธไปสินะ’

 

“…” ทราเวียร์ถอนหายใจ

 

ก้มเช็ดกระจกตามเดิม

 

“ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 16 ยามเย็นในห้องเรียน

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 16 ยามเย็นในห้องเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 16 ยามเย็นในห้องเรียน

 

ณ ช่วงเวลาเย็นของวัน

 

รอยยิ้มจอมปลอมปรากฏบนใบหน้า

 

เวรกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนร่วมมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน แต่ก็มีใครบางคนที่เลือกเมินเฉยต่อกฎระเบียบทั้งยังอาศัยความเห็นแก่ตัวไปโยนงานให้กับผู้อื่น

 

โยนให้เพียงเพราะตัวเองไม่คิดจะทำไม่อยากจะทำ

 

และหนึ่งในผู้ประสบพบเจอโดยตรงก็คือทราเวียร์

 

ทั้งยังเป็นผู้ประสบพบเจอโดยตรงอีกต่างหาก

 

“ฝากด้วยนะ”

 

“ถือว่าช่วยกัน”

 

“ช่วยเพื่อนร่วมชั้นเรียนของนายไง”

 

“…”                  

 

“ได้ครับ”

 

“…”

 

“ขอบคุณมาก”

 

“ฝากด้วยนะเพื่อนยาก”

 

“ครั้งหน้าเดี๋ยวเลี้ยงน้ำ” 

 

เพื่อนร่วมห้องยิ้มเปิดเผยให้เห็นฟันเต็มปาก

 

พร้อมเข้ามาตบไหล่เขาหลายต่อหลายเท่าทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อ

 

เดิมทีหากเป็นช่วงเวลาปรกติธรรมดามันคงไม่โผล่หน้าเข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ บางทีกระทั่งเหลือบมองยังไม่คิดจะทำ แต่พอมีเรื่องอยากจะวานอยากจะใช้งาน

 

กับเลือกยิ้มร่าเดินเข้ามาหาช่างเป็นขยะสังคมที่ยอดเยี่ยมเสียจริง หลังจากฝากงานที่มันสมควรต้องกระทำมันก็ออกเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของตนหน้าตาเฉย

 

ปล่อยให้เขาต้องทำเวรคนเดียวโดยไม่คิดเหลียวมอง

 

“ไปกันเถอะ”

 

“นิสัยไม่ดีนี่หว่า”

 

“เออ รีบไปกันได้แล้ว”

 

“เดี๋ยวก็ไปดูหนังไม่ทันหรอก” 

 

กล่าวจบมันก็เลือกเดินหนีหายไปในทันที

 

แน่นอนว่าต้นสายปลายเหตุที่มันเลือกโยนงานให้เขาทำคนเดียวไม่ใช่เหตุผลหลักใหญ่ใจความสำคัญ แต่เป็นเพียงเหตุผลสนองความต้องการส่วนตัวของมัน

 

เพียงแค่เพื่อสนองความต้องการส่วนตัว

 

บนเส้นทางเดินก่อนออกนอกตึก

 

“โคตรร้อนเลย”

 

“ตรวจดูรอบให้แน่นะ”

 

“รู้สึกว่า—” 

 

ถ้อยคำทั้งหมดชะงักนิ่งเงียบขาดหายไปในทันที

 

เพียงแค่หล่อนปรากฏตัวให้เห็น เพียงแค่ได้เหลือบมองไม่กี่วินาทีก็สามารถช่วงชิงทุกสิ่งอย่างไปได้อย่างง่ายดาย เมญ่ากวาดสายตาไปโดยรอบก่อนกล่าวเปิดปากเบาบาง

 

กล่าวกับเพื่อนร่วมห้องร่วมชั้นเรียนของทราเวียร์

 

“ขอโทษนะคะ”

 

“…”

 

“ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้ไหมคะ?”

 

“คะ ครับ”

 

“…” หนึ่งในพวกมันหลุดตอบออกมา

 

ก่อนจะเปิดทางให้กับเมญ่าได้ก้าวเท้าเดินผ่าน ทุกย่างก้าวของคุณหนูสาวล้วนสะกดข่มไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนหรือใครคนอื่นกล่าวเปิดปากชวนคุยทุกสิ่งอย่างล้วนนิ่งเงียบ

 

หล่อนขอบคุณทิ้งท้ายก่อนเดินหายจากไป

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

“…” ใช้ระยะเวลาหลายวินาที

 

ก่อนพวกมันทั้งหมดจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ และแน่นอนเมื่อพวกมันทุกคนหวนคืนดึงสติกลับมาได้สุ้มเสียงทั้งหมดที่เคยนิ่งเงียบก็ดังขึ้นทันที

 

ดังราวกับเด็กน้อยพึ่งจะพานพบเห็นของเล่นชิ้นใหม่

 

“เมื่อกี้นี่มัน”

 

“คุณหนูเมญ่า?”

 

“พระเจ้าช่วยโคตรจะโชคดีเลย”

 

“ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่”

 

“ห้องของเธอมันอยู่อีกฝั่งไม่ใช่เหรอ?”

 

คำตอบของคำถามล้วนไม่มีใครล่วงรู้

 

คนที่ล่วงรู้คงมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้

 

ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ณ ห้องเรียนที่พวกมันละจากมา

 

ทั้งที่ช่วงเวลาปรกติธรรมดาทั่วทั้งห้องต่างมีเสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนานดังต่อเนื่องตลอด แต่ตอนนี้กลับนิ่งเงียบปราศจากสุ้มเสียงไม่มีคำกล่าวอื่นเพิ่มเติม

 

ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองพร้อมหยิบจับไม้กวาดพลางบ่นไปเรื่อยเปื่อย

 

…‘ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด’

 

“…”

 

“เพื่อนเหรอ?”

 

“น่าขยะแขยงสิ้นดี”

 

อาศัยเพียงคำว่า “เพื่อน“ อาศัยเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น

 

ขอเพียงต้องการใช้งานใช้การคนอื่น พวกมันทุกคนก็พร้อมเรียกคนอื่นว่าเพื่อนได้หน้าตาเฉยบางทีคนที่พวกมันเรียกว่าเพื่อนอาจเป็นได้แค่คนรับใช้ราคาถูก

 

คิดอยากจะใช้งานยังไงก็ได้ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง

 

อยู่ ๆ ภาพเมญ่าก็แทรกซ้อนเข้ามา

 

มาพร้อมกับเสียงดังขึ้นภายในหัว

 

…“งั้น”

 

…“เราเป็นเพื่อนกันไหม?”

 

…“คุณไม่มีเพื่อน?”

 

…“ไม่เหงาเหรอ?”

 

“…” มือที่ขยับตลอดพลันหยุดนิ่ง

 

ก่อนทุกสิ่งอย่างจะหวนคืนกลับตามเดิม

 

ขณะทราเวียร์กำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำความสะอาดห้องเรียน

 

แสงอาทิตย์สาดส่องตลอดทั้งวันก็เริ่มลดตัวลงต่ำเป็นสัญญาณบ่งบอกเตรียมตัวย่างเท้าก้าวเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนกายหย่อนใจและตอนนั้นเอง

 

ตอนที่ทราเวียร์กำลังกวาดพื้นก้มหน้ามองเศษฝุ่นกระจัดกระจายตามพื้นห้องเรียบเงาก็เป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกับที่แขกแปลกหน้าคนใหม่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้อง

 

พร้อมส่งเสียงร้องทักเบาบางเป็นการขออนุญาต

 

“ขออนุญาตค่ะ”

 

“…”

 

“เธอ?”

 

“ต้องการคนช่วยไหมคะ?”

 

“…”

 

“เธอมาที่นี่ได้ไง?” 

 

ทราเวียร์หรี่ตามองคล้ายต้องการจับผิดอีกฝ่าย

 

ช่วงจังหวะเวลาตอนนี้เกือบจะ 5 โมงเย็น เป็นเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปหมดเรียบร้อยแล้วน้อยคนนักจะยังอยู่ต่อ แต่หล่อนก็ยังอยู่ไม่ไปไหนแถมยังมาปรากฏให้เห็น

 

เดาได้เลยว่าเจตนาแท้จริงย่อมไม่ใช่ของง่ายดายอย่างคำว่า “บังเอิญ” แน่นอน

 

เมญ่ายิ้มกะพริบตาใสซื่อบริสุทธิ์ตอบคำถาม

 

“เดินมาค่ะ”

 

“เดินมาจากห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่ง”

 

“…”

 

“ตอบตามตรงเลยนะครับ”

 

“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย”

 

“ไม่ได้ถามเรื่องนั้น?”

 

“ถ้าไม่ได้ถามเรื่องนั้น”

 

“แล้วถามเรื่องไหนล่ะคะ?”

 

“…” เมญ่าเอียงคอถามด้วยแววตาใสซื่อ

 

รู้ทั้งรู้ว่าประเด็นที่เขาถามแท้จริงเป็นประเด็นอื่น แต่หล่อนก็ยังเลือกบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมตอบคำถามทั้งยังทำตัวเป็นเด็กน้อยใสบริสุทธิ์ ทั้งที่จริงเนื้อในมันคนละเรื่องกันเลย

 

ทราเวียร์ลอบถอนหายใจเหนื่อยอ่อน

 

…‘ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?’

 

“…”

 

“ผมว่าผมให้คำตอบไปเรียบร้อยแล้วนะ”

 

“ยังต้องการอะไรอีก?”

 

“…” 

 

“ดิฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”

 

“เพียงแค่อยากช่วยเหลือในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ”

 

“ได้ใช่ไหมคะ?”

 

“ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนน่ะ”

 

สายตามองตรงไม่มีบ่ายเบี่ยงไปไหน

 

กับกลายเป็นว่าถ้อยคำทั้งหมดที่เหล่าเพื่อนร่วมชั้นจอมเห็นแก่ตัวบอกกล่าวกับเขา หล่อนล้วนได้ยินมันชัดเจนนอกจากได้ยินชัดเจน คุณหนูสาวยังหยิบยกมาใช้เป็นข้ออ้าง

 

ใช้มันเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอีกต่างหาก

 

ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่น

 

…‘ได้ยินด้วย?’

 

“…”

 

“อยากจะช่วยเหลือผมในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียน?”

 

“…”

 

“ทำไมถึงอยากจะช่วยผมล่ะครับ?”

 

“ไม่สิ”

 

“สำคัญเลยคือทำไมถึงคิดว่าผมจะยอมให้ช่วย”

 

“…”

 

“เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ”

 

“เพื่อนยังไงก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนอยู่แล้ว”

 

“แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการก็ตาม”

 

“อีกอย่างเพื่อนร่วมห้องของคุณก็เลือกหนีหน้าไปหมดแล้วด้วย”

 

“เกิดปล่อยผ่านปล่อยให้คุณแบกรับเวรประจำวันคนเดียว”

 

“คงโหดร้ายน่าดู”

 

“…”

 

“เพราะฉะนั้นดิฉันก็เลยมาช่วยค่ะ”

 

“โกหก” น้ำเสียงแดกดันดังขึ้นเบาบาง

 

แม้จะเบาบางแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู

 

แต่ถึงจะได้ยินคำกล่าวของทราเวียร์หล่อนก็ยังเลือกยิ้มหน้าตายตามเดิม

 

ยังพยายามทำเมินหน้านิ่งยืนขาเดียวเต็มที่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามขับไล่หล่อนยังไง ขอเพียงยืนขาเดียวเอาไว้ทุกสิ่งอย่างล้วนดำเนินไปได้ต่อแม้จะมีสะดุดชะงักอยู่บ้าง

 

ความไร้ยางอายที่ไล่ไม่ไปไม่ว่าจะพยายามทำยังไงก็ไม่อาจทำให้หล่อนหนีหน้าหายไปไหนได้ มันช่างเป็นอะไรที่ชวนให้รำคาญกายรำคาญใจเหลือเกิน

 

ทราเวียร์เลือกทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

 

…‘ถ้ารู้ว่าช่วยแล้วจะเป็นแบบนี้’

 

“…” 

 

“ไม่ช่วยเสียยังดีกว่า”

 

“คะ?”

 

“เพื่อนชั้นเรียนก็เพื่อนชั้นเรียน”

 

“…”

 

“หมายความว่า?”

 

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ”

 

“จริงนะ?!” 

 

ดวงตาคู่งามกะพริบมองหลายต่อหลายครั้ง

 

แม้ว่าหล่อนจะเตรียมใจถูกต่อว่าสวนกลับหรืออาจถึงขั้นถูกปฏิเสธกลับมาอย่างรุนแรง แต่หล่อนไม่ได้เตรียมกายเตรียมใจถูกยินยอมรับจากชายหนุ่มเบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

เอาเข้าจริงมีโอกาสมากถึงมากที่สุดที่หล่อนจะโดนไล่ตั้งแต่พานพบเห็นหน้าด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกรณีที่อีกฝ่ายรับปากยินยอมให้หล่อนช่วยเหลือเหมือนเหตุการณ์เบื้องหน้า

 

เมญ่าลอบกุมมือตัวเองแน่นพยายามยับยั้งอาการเต็มที่

 

“…” ก่อนก้มหัวขอบคุณที่ทราเวียร์ยินยอมโอนอ่อน

 

“ขอบคุณค่ะ!” 

 

“…”

 

“แต่บอกเอาไว้ก่อน”

 

“ถ้าเกิดคุณทำอะไรให้ผมลำบากใจไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง”

 

“คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”

 

“ค่ะ”

 

“ดิฉันจะออกจากห้องทันที”

 

“และจะไม่โผล่หน้ามาหาคุณอีก”

 

“…”

 

“อยากจะทำอะไรก็เชิญ” 

 

“ค่ะ!”

 

เมญ่าตอบรับเสียงดังฟังชัด

 

พอได้รับคำอนุญาตจากชายหนุ่มเบื้องหน้า หญิงสาวแสนสวยไม่รอช้ารีบก้าวเท้าเดินเข้ามาไปในห้องหวังช่วยเหลือแบ่งเบาภาระและงานชิ้นแรกที่หล่อนกำลังเล็งอยู่ก็คือ

 

เก้าอี้ที่วางกระจัดกระจายตามพื้นไม่เป็นระเบียบ ระหว่างหล่อนกำลังยกเก้าอี้ขึ้นโต๊ะยังมีเหลือบมองทราเวียร์อยู่บ่อยครั้งมองเขาเช็ดกระจกมองดูเขาทำเวรห้องเพียงคนเดียว

 

สาวงามอันดับหนึ่งลอบกำพนักเก้าอี้แน่น

 

…‘ในที่สุด’

 

“…”

 

“สำเร็จ!” รอยยิ้มงามสง่าปรากฏบนใบหน้า

 

อย่างที่เขาว่าไว้ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั้น

 

ระหว่างคุณหนูสาวตระกูลใหญ่กำลังดีใจกับแผนการความพยายามของตน หล่อนไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสายตาคู่หนึ่งกำลังลอบเหลือบจับจ้องมองตลอดเวลา

 

แน่นอนว่าคนที่กำลังจับจ้องมองย่อมไม่ใช่ใครคนอื่นเป็นทราเวียร์คนเดิมเพิ่มเติมคือจับจ้องมองตลอดเวลาคล้ายกลัวเกรงว่าหล่อนจะมาสร้างปัญหาหายนะมากกว่าประโยชน์

 

ยิ่งเห็นท่าทีดีใจเกินพอดีของคุณหนูสาวเขายิ่งมั่นใจ

 

ว่าการให้หล่อนช่วยเหลือไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย

 

…‘ฉันน่าจะปฏิเสธไปสินะ’

 

“…” ทราเวียร์ถอนหายใจ

 

ก้มเช็ดกระจกตามเดิม

 

“ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+