เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 13 เป็นคุณอีกแล้ว

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 13 เป็นคุณอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 13 เป็นคุณอีกแล้ว

 

คำกล่าวสวนทางกับแววตาที่แสดงออกมาให้เห็น

 

ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน เป็นมาตั้งแต่ตอนมัธยมต้นเป็นมาตั้งแต่ยังไม่ย้ายมายังโรงเรียนสถานที่แห่งนี้หล่อนจึงเข้าใจได้เต็มสิบส่วนว่าอีกฝ่ายมีเรื่องให้คิด

 

ทั้งยังเป็นเรื่องสำคัญมากอีกต่างหาก

 

“…” เพื่อนสาวยิ้มหัวเราะเบาบาง

 

ขณะกล่าวหยอกล้อกลับไป

 

“ถ้าเป็นแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเธอคงไม่ทำหน้าแบบนั้นหรอก”

 

“หน้าแบบไหนที่ฉันแสดงออกมา?”

 

“เหมือนคนกำลังหาเงินจ่ายหนี้”

 

“แบบนี้ไง” 

 

เพื่อนสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้

 

ต้องบอกว่าพรสวรรค์ด้านการแสดงของเพื่อนสาวช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก มากจนนุชที่กำลังจดจ้องมองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเนื่องจากใบหน้าที่แสดงออกมา

 

มันคือใบหน้าของพวกติดเงินขี้พนันอย่างแท้จริง

 

“…”

 

“คึ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ทำท่าอะไรของเธอเนี่ย”

 

“ฉันพูดจริงนะ”

 

“ไม่เชื่อถามคนอื่นได้”

 

“เชื่อแล้วฉันยอมเชื่อก็ได้”

 

“เพราะฉะนั้นขอร้องล่ะ”

 

“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที”

 

“เธออยากให้ฉันหัวเราะขาดใจตายเหรอ?”

 

“…”

 

“น่าหัวเราะตรงไหน?”

 

นุชลอบกัดริมฝีปากพร้อมเหลือบมองด้วยค้อนเล็กน้อย

 

พอพบเห็นแววตาค้อนจับจ้องมอง เพื่อนสาวเพียงยิ้มหัวเราะเบาบางก่อนรอยยิ้มทั้งหมดจะหวนคืนกลับสู่สภาพเดิมแววตากลายเป็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยขั้นสุด

 

ก่อนกล่าวถามนุชด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“…”

 

“แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไง?”

 

“…”

 

“ก็อย่างที่บอก”

 

“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง”

 

“…” เพื่อนสาวเพียงจับฝ่ามืออีกฝ่ายเอาไว้

 

หวังว่าความอบอุ่นความเป็นห่วงเป็นใยที่อยู่ในห้วงจิตใจของหล่อนจะสามารถส่งผ่านมอบไปให้อีกฝ่ายหวังให้เพื่อนสาวสุดที่รักของตนรับรู้ว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียว

 

แต่ยังมีเธออยู่เคียงข้างกาย

 

“…” นุชกระชับฝ่ามือแน่น

 

ก่อนกล่าวตอบเบาบาง

 

“ฉัน”

 

“ฉันว่าฉันเจอหน้าคนรู้จักเข้า”

 

“…”

 

“คนรู้จักแบบไหน?”

 

“หญิงหรือว่าชาย?”

 

“…”

 

“เป็นผู้ชาย”

 

“แถมยังเป็นคนที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก”

 

แววตาหล่อนเลือนลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ทำเอาเพื่อนสาวที่พบเห็นมึนงงสับสนหนักหน่วงหนักแน่นกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว สุดท้ายปลายทางก็ทำได้แค่ทอดถอนหายใจเลือกปล่อยผ่านไปตามระเบียบ

 

ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก

 

เป็นห้องเรียนของทราเวียร์ห้องเรียนที่อัดแน่นไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะของชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลาย เขาล้วงมือไปหยิบข้าวกล่องของตัวเองขึ้นมาเตรียมพร้อมย้ายที่

 

ย้ายออกไปหาพื้นที่สงบเหมาะสำหรับพักทานอาหารกลางวัน

 

…‘เราเองก็ไปมั้งดีกว่า’

 

“…” ทราเวียร์ลุกขึ้นยืน

 

พร้อมหยิบข้าวกล่องก่อนก้าวเท้าออกจากห้อง

 

ตามเส้นทางระหว่างทางเดินมีผู้คนไม่น้อยที่จับจ้องมองทราเวียร์ ไม่สิต้องบอกว่าจับจ้องมองมาที่ข้าวกล่องในมือเขาต่างหาก เนื่องจากข้าวกล่องทำเองค่อนข้างเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งในโรงเรียน และด้วยเพราะหายากจึงเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย

 

แน่นอนว่ามีหญิงสาวบางกลุ่มที่เปิดปากซุบซิบนินทาให้ได้ยิน

 

“…”

 

“เอาข้าวกล่องมาด้วย”

 

“น่ารักอะ”

 

“ครั้งหน้าฉันเอาบ้างดีกว่า” 

 

เหล่าหญิงสาวทั้งหลายต่างยิ้มหัวเราะสนุกสนานนินทาสนุกปาก

 

หลังจากผ่านพ้นสายตาเหล่านักเรียนขี้สงสัย ชายหนุ่มสวมแว่นที่เคยเดินตรงมาตลอดก็เริ่มแนบชิดติดกำแพงก่อนลมหายใจจะเริ่มถี่ขึ้นเริ่มหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด

 

ตามโครงหน้าของเขาในตอนนี้มีแต่เม็ดเหงื่อเกาะเต็มไปหมด นอกจากเม็ดเหงื่อที่เกาะตามใบหน้า นอกจากสภาพภายนอกที่ดูย่ำแย่จนเกือบหมดสติทุกเมื่อตลอดเวลา

 

ความเจ็บปวดตามบาดแผลยังเพิ่มเติมเพิ่มพูนไปอีกหลายเท่าตัว ไม่ต้องบอกหรือครุ่นคิดให้เหนื่อยเปล่า ต้นสายปลายเหตุก็มาจากเมญ่าที่พุ่งกระแทกเขาทั้งยังคว้าจับแขนในตอนท้ายสุด ซึ่งผลลัพธ์จากการกระทำบาดแผลคงไม่พ้นต้องฉีกขาด

 

ส่วนจะใหญ่หนักหนาขนาดไหนคงต้องไปรอตรวจตอนเย็นแทน ถ้าหากใบเฟิร์นไม่ติดธุระจนหายตัวไม่อยู่โรงเรียนเขาคงมุ่งหน้าไปหาหล่อนทันที

 

น่าเสียดายโอกาสไม่เป็นใจจำต้องรอคอยตอนเย็นอย่างเดียว

 

…‘เจ็บ!’

 

“…”

 

“อึก!”

 

“ฝีมือหล่อนอีกแล้ว”

 

“เมื่อไหร่จะถึงตอนเย็นวะ” ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองแน่น

 

พยายามข่มความเจ็บปวดที่กำลังพุ่งทะยานแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย

 

หลังจากพยายามก้าวเท้าอยู่นานในที่สุดชายหนุ่มสวมแว่นก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นสถานที่เพียงหนึ่งเดียวที่เขาพักทานอาหารนานนับเดือนนับตั้งแต่ที่เข้าเรียน

 

แต่เหมือนวันนี้จะแปลกแยกออกไป

 

…‘มีใครคนอื่นอยู่ในห้อง?’

 

“…” แววตาหรี่มองผ้าเช็ดเท้าที่ไม่คิดอยู่มุมเดิม

 

“เป็นใครที่แอบเข้ามา”

 

“นี่มันห้องคหกรรมเก่านะ”

 

“ไม่น่าจะมีใครรู้จัก” หัวคิ้วชายหนุ่มเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

ทุกครั้งที่เขาเข้ามาในห้องหรือออกไปจากห้องล้วนวางผ้าเช็ดเท้าในรูปแบบเดิมตลอด นั่นก็เพื่อตรวจเช็ดว่ามีใครคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายกับสถานที่ส่วนตัวของเขารึเปล่า

 

นอกจากผ้าเช็ดเท้าที่ขยับไม่ได้มุมไม่ได้สัดส่วน ยังมีเสียงขยับสิ่งของเล็กน้อยตามมาไม่ขาดสาย หลักฐานบ่งบอกชัดเจนว่ามีใครคนอื่นอยู่ในห้อง

 

ทราเวียร์เลือกนิ่งเงียบช่างใจกับตัวเอง

 

…‘เข้าหรือไม่เข้า?’

 

“…” 

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน

 

ในที่สุดชายหนุ่มสวมแว่นก็พ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้อยากเห็นของตน เขาเลือกเปิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง หวังดูว่าเป็นใครหน้าไหนที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของตน

 

และแล้วคำตอบที่ต้องการก็ปรากฏให้เห็น ทั้งยังปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าเต็มสองตา สิ่งแรกเริ่มที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกเลยคือแววตาคู่งามมาพร้อมเรือนร่างอันเป็นเอกลักษณ์

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโครงหน้าที่คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น

 

“…” ใบหน้าทราเวียร์นิ่งแข็งค้าง

 

ก่อนอีกฝ่ายจะเปิดปากทักทายเขา

 

ทักทายด้วยท่าทางเป็นกันเอง

 

“ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้”

 

“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”

 

“คุณนักเรียน” หล่อนเปิดเผยรอยยิ้มงดงามทรงเสน่ห์ต้อนรับทราเวียร์

 

และก็เป็นไปอย่างที่ครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิดผู้บุกรุกครั้งนี้เป็นอิสตรีผู้งดงามปานเทพธิดา

 

ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยชื่อเสียงและเบื้องหลังอันยอดเยี่ยมเกินกว่ามนุษย์ปรกติธรรมดาจะเข้าถึง แต่ตอนนี้ ณ ห้วงจังหวะเวลานี้หล่อนกับมาปรากฏให้เขาเห็นอีกครั้ง

 

นอกจากปรากฏให้เห็นยังกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่มีสะดุดหรือเกิดห้วงรู้สึกผิดแปลกเข้ามาแทรกแซงคล้ายรับรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใครคนไหน

 

เหมือนเป็นหล่อนที่กำลังรอคอยเขาให้ปรากฏตัว

 

ดูท่าเขาจะอยู่ในกำมือหล่อนเสียแล้ว

 

…‘ให้มันได้อย่างงี้สิ’

 

“…”

 

“เป็นคุณอีกแล้ว”

 

หัวคิ้วชายหนุ่มสวมแว่นขมวดเข้าหากัน

 

ห้องคหกรรมสถานที่รับประทานอาหารส่วนตัวของเขา จัดได้ว่าเป็นสถานที่ร้างห่างไกลจากผู้คนกระทั่งมดตัวเดียวยังไม่มีปรากฎให้เห็นแต่ตอนนี้ช่วงจังหวะเวลานี้

 

กับมีแขกอื่นปรากฏตัวย่างเท้าก้าวเข้ามา อีกทั้งคนที่ย่างเท้าก้าวเข้ามายังเป็นสาวอันดับหนึ่งของโรงเรียนเป็นคุณหนูสาวผู้เปี่ยมไปด้วยหน้าตาและชื่อเสียงยอดเยี่ยม

 

แววตาหล่อนเหลือบมองไปทั่วทั้งตัว

 

“…”

 

“สวัสดีครับ”

 

“แปลกใจรึเปล่าคะที่เห็นหน้าดิฉัน?”

 

“…”

 

“แปลกใจสิครับ”

 

“บอกว่าแปลกใจแต่สีหน้าคุณไม่เปลี่ยนเลยนิ”

 

“แปลกใจจริงหรือหลอก?”

 

“แล้วแต่คุณจะคิดครับ”

 

“…” แววตาราบเรียบไม่ได้ทำให้หล่อนตื่นตระหนกตกใจ

 

หล่อนเพียงเคลื่อนสายตาย้ายไปยังข้าวกล่องในมืออีกฝ่าย มองด้วยแววตาแปลกประหลาดคล้ายกำลังพบเห็นอะไรที่มันเหนือล้ำเกินกว่าจะจินตนาการถึง

 

มือชายหนุ่มย้ายข้าวกล่องหลบเลี่ยงสายตาหญิงสาว

 

“…” เมญ่าที่เห็นจึงกล่าวทักทันที

 

“ไม่ใช่ข้าวจากโรงอาหาร?”

 

“ข้าวกล่อง?”

 

“หรือว่ามาทานอาหารกลางวันที่นี่?” 

 

เมญ่าเผยรอยยิ้มเบาบางขณะกล่าวถาม

 

แม้รอยยิ้มจากหญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาจะยอดเยี่ยมเพียงใด หากแต่สำหรับชายหนุ่มสวมแว่นแล้วเขากับรู้สึกน่ารำคาญเหลือเกินคล้ายมดตัวเล็กตัวน้อยไต่ตามตัว

 

ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคันยุบยิบ

 

“…” ทราเวียร์หรี่ตามอง

 

“ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ?”

 

“ถึงได้มาดักรอผมที่นี่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 13 เป็นคุณอีกแล้ว

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 13 เป็นคุณอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 13 เป็นคุณอีกแล้ว

 

คำกล่าวสวนทางกับแววตาที่แสดงออกมาให้เห็น

 

ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน เป็นมาตั้งแต่ตอนมัธยมต้นเป็นมาตั้งแต่ยังไม่ย้ายมายังโรงเรียนสถานที่แห่งนี้หล่อนจึงเข้าใจได้เต็มสิบส่วนว่าอีกฝ่ายมีเรื่องให้คิด

 

ทั้งยังเป็นเรื่องสำคัญมากอีกต่างหาก

 

“…” เพื่อนสาวยิ้มหัวเราะเบาบาง

 

ขณะกล่าวหยอกล้อกลับไป

 

“ถ้าเป็นแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเธอคงไม่ทำหน้าแบบนั้นหรอก”

 

“หน้าแบบไหนที่ฉันแสดงออกมา?”

 

“เหมือนคนกำลังหาเงินจ่ายหนี้”

 

“แบบนี้ไง” 

 

เพื่อนสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้

 

ต้องบอกว่าพรสวรรค์ด้านการแสดงของเพื่อนสาวช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก มากจนนุชที่กำลังจดจ้องมองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเนื่องจากใบหน้าที่แสดงออกมา

 

มันคือใบหน้าของพวกติดเงินขี้พนันอย่างแท้จริง

 

“…”

 

“คึ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ทำท่าอะไรของเธอเนี่ย”

 

“ฉันพูดจริงนะ”

 

“ไม่เชื่อถามคนอื่นได้”

 

“เชื่อแล้วฉันยอมเชื่อก็ได้”

 

“เพราะฉะนั้นขอร้องล่ะ”

 

“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที”

 

“เธออยากให้ฉันหัวเราะขาดใจตายเหรอ?”

 

“…”

 

“น่าหัวเราะตรงไหน?”

 

นุชลอบกัดริมฝีปากพร้อมเหลือบมองด้วยค้อนเล็กน้อย

 

พอพบเห็นแววตาค้อนจับจ้องมอง เพื่อนสาวเพียงยิ้มหัวเราะเบาบางก่อนรอยยิ้มทั้งหมดจะหวนคืนกลับสู่สภาพเดิมแววตากลายเป็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยขั้นสุด

 

ก่อนกล่าวถามนุชด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“…”

 

“แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไง?”

 

“…”

 

“ก็อย่างที่บอก”

 

“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง”

 

“…” เพื่อนสาวเพียงจับฝ่ามืออีกฝ่ายเอาไว้

 

หวังว่าความอบอุ่นความเป็นห่วงเป็นใยที่อยู่ในห้วงจิตใจของหล่อนจะสามารถส่งผ่านมอบไปให้อีกฝ่ายหวังให้เพื่อนสาวสุดที่รักของตนรับรู้ว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียว

 

แต่ยังมีเธออยู่เคียงข้างกาย

 

“…” นุชกระชับฝ่ามือแน่น

 

ก่อนกล่าวตอบเบาบาง

 

“ฉัน”

 

“ฉันว่าฉันเจอหน้าคนรู้จักเข้า”

 

“…”

 

“คนรู้จักแบบไหน?”

 

“หญิงหรือว่าชาย?”

 

“…”

 

“เป็นผู้ชาย”

 

“แถมยังเป็นคนที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก”

 

แววตาหล่อนเลือนลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ทำเอาเพื่อนสาวที่พบเห็นมึนงงสับสนหนักหน่วงหนักแน่นกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว สุดท้ายปลายทางก็ทำได้แค่ทอดถอนหายใจเลือกปล่อยผ่านไปตามระเบียบ

 

ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก

 

เป็นห้องเรียนของทราเวียร์ห้องเรียนที่อัดแน่นไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะของชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลาย เขาล้วงมือไปหยิบข้าวกล่องของตัวเองขึ้นมาเตรียมพร้อมย้ายที่

 

ย้ายออกไปหาพื้นที่สงบเหมาะสำหรับพักทานอาหารกลางวัน

 

…‘เราเองก็ไปมั้งดีกว่า’

 

“…” ทราเวียร์ลุกขึ้นยืน

 

พร้อมหยิบข้าวกล่องก่อนก้าวเท้าออกจากห้อง

 

ตามเส้นทางระหว่างทางเดินมีผู้คนไม่น้อยที่จับจ้องมองทราเวียร์ ไม่สิต้องบอกว่าจับจ้องมองมาที่ข้าวกล่องในมือเขาต่างหาก เนื่องจากข้าวกล่องทำเองค่อนข้างเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งในโรงเรียน และด้วยเพราะหายากจึงเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย

 

แน่นอนว่ามีหญิงสาวบางกลุ่มที่เปิดปากซุบซิบนินทาให้ได้ยิน

 

“…”

 

“เอาข้าวกล่องมาด้วย”

 

“น่ารักอะ”

 

“ครั้งหน้าฉันเอาบ้างดีกว่า” 

 

เหล่าหญิงสาวทั้งหลายต่างยิ้มหัวเราะสนุกสนานนินทาสนุกปาก

 

หลังจากผ่านพ้นสายตาเหล่านักเรียนขี้สงสัย ชายหนุ่มสวมแว่นที่เคยเดินตรงมาตลอดก็เริ่มแนบชิดติดกำแพงก่อนลมหายใจจะเริ่มถี่ขึ้นเริ่มหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด

 

ตามโครงหน้าของเขาในตอนนี้มีแต่เม็ดเหงื่อเกาะเต็มไปหมด นอกจากเม็ดเหงื่อที่เกาะตามใบหน้า นอกจากสภาพภายนอกที่ดูย่ำแย่จนเกือบหมดสติทุกเมื่อตลอดเวลา

 

ความเจ็บปวดตามบาดแผลยังเพิ่มเติมเพิ่มพูนไปอีกหลายเท่าตัว ไม่ต้องบอกหรือครุ่นคิดให้เหนื่อยเปล่า ต้นสายปลายเหตุก็มาจากเมญ่าที่พุ่งกระแทกเขาทั้งยังคว้าจับแขนในตอนท้ายสุด ซึ่งผลลัพธ์จากการกระทำบาดแผลคงไม่พ้นต้องฉีกขาด

 

ส่วนจะใหญ่หนักหนาขนาดไหนคงต้องไปรอตรวจตอนเย็นแทน ถ้าหากใบเฟิร์นไม่ติดธุระจนหายตัวไม่อยู่โรงเรียนเขาคงมุ่งหน้าไปหาหล่อนทันที

 

น่าเสียดายโอกาสไม่เป็นใจจำต้องรอคอยตอนเย็นอย่างเดียว

 

…‘เจ็บ!’

 

“…”

 

“อึก!”

 

“ฝีมือหล่อนอีกแล้ว”

 

“เมื่อไหร่จะถึงตอนเย็นวะ” ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองแน่น

 

พยายามข่มความเจ็บปวดที่กำลังพุ่งทะยานแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย

 

หลังจากพยายามก้าวเท้าอยู่นานในที่สุดชายหนุ่มสวมแว่นก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นสถานที่เพียงหนึ่งเดียวที่เขาพักทานอาหารนานนับเดือนนับตั้งแต่ที่เข้าเรียน

 

แต่เหมือนวันนี้จะแปลกแยกออกไป

 

…‘มีใครคนอื่นอยู่ในห้อง?’

 

“…” แววตาหรี่มองผ้าเช็ดเท้าที่ไม่คิดอยู่มุมเดิม

 

“เป็นใครที่แอบเข้ามา”

 

“นี่มันห้องคหกรรมเก่านะ”

 

“ไม่น่าจะมีใครรู้จัก” หัวคิ้วชายหนุ่มเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

ทุกครั้งที่เขาเข้ามาในห้องหรือออกไปจากห้องล้วนวางผ้าเช็ดเท้าในรูปแบบเดิมตลอด นั่นก็เพื่อตรวจเช็ดว่ามีใครคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายกับสถานที่ส่วนตัวของเขารึเปล่า

 

นอกจากผ้าเช็ดเท้าที่ขยับไม่ได้มุมไม่ได้สัดส่วน ยังมีเสียงขยับสิ่งของเล็กน้อยตามมาไม่ขาดสาย หลักฐานบ่งบอกชัดเจนว่ามีใครคนอื่นอยู่ในห้อง

 

ทราเวียร์เลือกนิ่งเงียบช่างใจกับตัวเอง

 

…‘เข้าหรือไม่เข้า?’

 

“…” 

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน

 

ในที่สุดชายหนุ่มสวมแว่นก็พ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้อยากเห็นของตน เขาเลือกเปิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง หวังดูว่าเป็นใครหน้าไหนที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของตน

 

และแล้วคำตอบที่ต้องการก็ปรากฏให้เห็น ทั้งยังปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าเต็มสองตา สิ่งแรกเริ่มที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกเลยคือแววตาคู่งามมาพร้อมเรือนร่างอันเป็นเอกลักษณ์

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโครงหน้าที่คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น

 

“…” ใบหน้าทราเวียร์นิ่งแข็งค้าง

 

ก่อนอีกฝ่ายจะเปิดปากทักทายเขา

 

ทักทายด้วยท่าทางเป็นกันเอง

 

“ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้”

 

“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”

 

“คุณนักเรียน” หล่อนเปิดเผยรอยยิ้มงดงามทรงเสน่ห์ต้อนรับทราเวียร์

 

และก็เป็นไปอย่างที่ครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิดผู้บุกรุกครั้งนี้เป็นอิสตรีผู้งดงามปานเทพธิดา

 

ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยชื่อเสียงและเบื้องหลังอันยอดเยี่ยมเกินกว่ามนุษย์ปรกติธรรมดาจะเข้าถึง แต่ตอนนี้ ณ ห้วงจังหวะเวลานี้หล่อนกับมาปรากฏให้เขาเห็นอีกครั้ง

 

นอกจากปรากฏให้เห็นยังกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่มีสะดุดหรือเกิดห้วงรู้สึกผิดแปลกเข้ามาแทรกแซงคล้ายรับรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใครคนไหน

 

เหมือนเป็นหล่อนที่กำลังรอคอยเขาให้ปรากฏตัว

 

ดูท่าเขาจะอยู่ในกำมือหล่อนเสียแล้ว

 

…‘ให้มันได้อย่างงี้สิ’

 

“…”

 

“เป็นคุณอีกแล้ว”

 

หัวคิ้วชายหนุ่มสวมแว่นขมวดเข้าหากัน

 

ห้องคหกรรมสถานที่รับประทานอาหารส่วนตัวของเขา จัดได้ว่าเป็นสถานที่ร้างห่างไกลจากผู้คนกระทั่งมดตัวเดียวยังไม่มีปรากฎให้เห็นแต่ตอนนี้ช่วงจังหวะเวลานี้

 

กับมีแขกอื่นปรากฏตัวย่างเท้าก้าวเข้ามา อีกทั้งคนที่ย่างเท้าก้าวเข้ามายังเป็นสาวอันดับหนึ่งของโรงเรียนเป็นคุณหนูสาวผู้เปี่ยมไปด้วยหน้าตาและชื่อเสียงยอดเยี่ยม

 

แววตาหล่อนเหลือบมองไปทั่วทั้งตัว

 

“…”

 

“สวัสดีครับ”

 

“แปลกใจรึเปล่าคะที่เห็นหน้าดิฉัน?”

 

“…”

 

“แปลกใจสิครับ”

 

“บอกว่าแปลกใจแต่สีหน้าคุณไม่เปลี่ยนเลยนิ”

 

“แปลกใจจริงหรือหลอก?”

 

“แล้วแต่คุณจะคิดครับ”

 

“…” แววตาราบเรียบไม่ได้ทำให้หล่อนตื่นตระหนกตกใจ

 

หล่อนเพียงเคลื่อนสายตาย้ายไปยังข้าวกล่องในมืออีกฝ่าย มองด้วยแววตาแปลกประหลาดคล้ายกำลังพบเห็นอะไรที่มันเหนือล้ำเกินกว่าจะจินตนาการถึง

 

มือชายหนุ่มย้ายข้าวกล่องหลบเลี่ยงสายตาหญิงสาว

 

“…” เมญ่าที่เห็นจึงกล่าวทักทันที

 

“ไม่ใช่ข้าวจากโรงอาหาร?”

 

“ข้าวกล่อง?”

 

“หรือว่ามาทานอาหารกลางวันที่นี่?” 

 

เมญ่าเผยรอยยิ้มเบาบางขณะกล่าวถาม

 

แม้รอยยิ้มจากหญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาจะยอดเยี่ยมเพียงใด หากแต่สำหรับชายหนุ่มสวมแว่นแล้วเขากับรู้สึกน่ารำคาญเหลือเกินคล้ายมดตัวเล็กตัวน้อยไต่ตามตัว

 

ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคันยุบยิบ

 

“…” ทราเวียร์หรี่ตามอง

 

“ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ?”

 

“ถึงได้มาดักรอผมที่นี่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+