เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 20 โชคชะตามักโหดร้ายเสมอ

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 20 โชคชะตามักโหดร้ายเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 20 โชคชะตามักโหดร้ายเสมอ

 

บรรยากาศมากไปด้วยแรงกดดัน

 

ทั้งยังไม่ใช่แรงกดดันปรกติธรรมดาแต่เป็นแรงกดดันที่มากไปด้วยห้วงอารมณ์แทรกซ้อนมากมาย หมอสมเกียรติที่ได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มสวมแว่นถึงกับทำอะไรไม่ถูก

 

ใจจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันมุ่งไปในทิศทางนั้นเลย

 

“…” เจ้าตัวลอบถอนหายใจ

 

“อยู่ผิดที่ผิดทางสินะ”

 

“…”

 

“ถ้ามันทำให้คุณหมอไม่สบายใจ”

 

“ผมเปลี่ยนได้นะครับ”

 

พอได้ยินคำกล่าวร้องของอีกฝ่าย

 

ร่องรอยท่วงท่าผิดปรกติหายวับไปในชั่วพริบตา

 

แปรเปลี่ยนหวนคืนกลับมาเป็นชายหนุ่มสวมแว่นคนเดิม ราวกับฉากภาพเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาฝันหนึ่งตื่น เกิดขึ้นรวดเร็วแล้วก็จางหายไปรวดเร็วเฉกเช่นเดียวกัน

 

หมอสมเกียรตินิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าไม่อยากให้อีกฝ่ายปรับเปลี่ยนอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

 

แค่นี้มันก็มากพอแล้ว

 

“ไม่”

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

“ถึงฉันจะแก่หัวขาวแต่ใช่ว่าจะยอมรับความจริงไม่ได้”

 

“อีกอย่างฉันคงไปว่าเธอไม่ได้หรอก”

 

“ก็ในเมื่อเธอพูดความจริงนิ”

 

“…”

 

“ถ้าลูกสาวของฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิด”

 

“เรื่องราวมันคงไม่บานปลายจนถึงขั้นนี้”

 

“เธอเองก็คงจะมาเยี่ยมที่นี่ได้บ่อยขึ้น”

 

“น่าเสียดาย”

 

หมอสมเกียรติเผยรอยยิ้มเหงาหงอยออกมา

 

ทั้งที่เมื่อก่อนพวกเขาต่างไปมาหาสู่ด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่โตความสุขหรือว่าความทุกข์พวกเขาต่างพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

 

แต่พอลูกสาวตัวดีเกิดไปหลงรักใครคนอื่นที่ไม่ใช่ทราเวียร์เข้า ทุกสิ่งอย่างมันก็แปรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แปรเปลี่ยนหลากหลายสิ่งอย่างจนไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก

 

ทราเวียร์เพียงยิ้มไม่มีกล่าวแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

 

“…” เขานิ่งเงียบไปหลายต่อหลายวินาที

 

ก่อนเปิดปากเบาบางบอกกล่าวออกไป

 

“เรื่องในอดีตผมปล่อยผ่านไปหมดแล้ว”

 

“ไม่จำเป็นต้องไปขุดคุ้ยขึ้นมาหรอก”

 

“อีกอย่างนี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”

 

“ไม่ใช่ความผิดของเธอที่ปฏิเสธผม”

 

“ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”

 

“…” สมเกียรติยิ้มหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

 

“ลืมอดีตได้ถือเป็นพรอันประเสริฐ”

 

“ใช่ว่าทุกคนจะลืมได้”

 

“อย่างน้อยที่สุดก็ฉันคนหนึ่งล่ะนะ”

 

“ที่ลืมอดีตไม่ได้”

 

ภายในแววตาปรกติธรรมดามันแอบแฝงไปด้วยห้วงอารมณ์ด้านลบ

 

อย่างที่ได้บอกไปการลืมอดีตได้ ย่อมเป็นพรอันประเสริฐเป็นพรที่ไม่ว่าใครล้วนต้องการเสมอ บางครั้งการจดจำอดีตได้ก็ถือเป็นเรื่องดีงามยอดเยี่ยมแต่ในทางกลับกันแล้ว

 

อดีตบางเรื่องบางประเด็นก็ใช่ว่าอยากจะจดจำ ยิ่งเป็นเรื่องเลวร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฝังลึกอยู่ในหัวสมองยากจะลบเลือนมากขึ้นเท่านั้น

 

เพราะฉะนั้นหากลืมได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

 

“…” ทราเวียร์ยิ้มตอบ

 

“อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดครับ”

 

“…” สมเกียรติถามเปลี่ยนเรื่อง

 

“ว่าแต่ลูกสาวลุงเป็นยังไงบ้าง?”

 

“เธอไม่เคยเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังเลย”

 

“…”

 

“เหมือนเดิมครับ”

 

“เป็นมายังไงเป็นมายังงั้น”

 

“หมายถึง?”

 

เหมือนหมอวัยกลางคนยังไม่เข้าใจคำกล่าวของทราเวียร์

 

ชายหนุ่มสวมแว่นกะพริบตามองนิ่งค้างอยู่นานหลายวินาที ก่อนจะตัดสินใจบอกกล่าวข่าวสารให้กับผู้เป็นพ่อของหล่อนได้รับรู้แน่นอนว่าชุดข้อมูลที่พูดออกไป

 

ย่อมเป็นชุดข้อมูลง่ายดายไม่กระทบกระเทือนกับอีกฝ่ายมากนักจัดเป็นข้อมูลขั้นพื้นฐานบอกกล่าวได้ตามสบาย

 

ทราเวียร์มองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ตอบเสียงเรียบไม่มีอารมณ์ยุ่งเกี่ยว

 

“เหมือนเดิมครับ”

 

“เรียนเก่ง”

 

“เป็นคนขยัน”

 

“เข้าสังคมบ่อย”

 

“กิจกรรมไม่ขาด”

 

“…”

 

“แล้วก็”

 

“…”

 

แค่เห็นท่าทีของทราเวียร์

 

ผู้เป็นพ่อของหล่อนก็พอจะรับรู้ได้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการกล่าวสิ่งใดออกมา และเพราะล่วงรู้อารมณ์ที่เคยนิ่งเงียบสงบก็พลันปะทุเดือดดาลพร้อมปะทุทุกเมื่อทันที

 

สมเกียรติกัดปากตัวเองแน่น

 

“ไอ้เด็กหน้าขาว”

 

“เธอชอบไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้เด็กหน้าขาวนั่นใช่ไหม?”

 

“…”

 

“ส่วนนี้ผมไม่รู้”

 

“ที่รู้ก็แค่ข่าวลือจากปากต่อปาก”

 

“หรือไม่ก็บังเอิญไปเห็นเข้า”

 

“ส่วนความเป็นจริงยังไง”

 

“ผมไม่กล้าตอบ”

 

เอาเข้าจริงเขาตอบไม่ได้มากกว่า

 

อย่าลืมว่าเขามาครั้งนี้ไม่ได้มาเพราะสมัครใจแต่มาด้วยคำร้องขอของใบเฟิร์นเป็นหลัก หากปราศจากคำร้องขอของหล่อนเขาคงไม่คิดเหลือบมองย้อนกลับมาหรอก

 

เพราะฉะนั้นการจะกล่าวอะไรออกไปต้องระมัดระวังให้มาก

 

“…” แต่แค่นั้นมันก็มากพอกระตุ้นให้สมเกียรติเดือดดาลแล้ว

 

นิ้วมือทั้งห้ากำแน่น

 

“เดาได้เลยว่าเธอต้องแอบไปหามัน”

 

“ทั้งที่ฉันพยายามห้ามพยายามบอกตลอดมาว่าอย่า”

 

“แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง”

 

“ทั้งยังแอบไปหามันอีก”

 

“เธอแอบไปหามันใช่ไหม?”

 

“…” ไม่มีคำตอบตอบกลับมา

 

กล่าวสำหรับเขาความเงียบงันนั่นแหละคือคำตอบที่ตอบกลับมา

 

ห้วงอารมณ์ที่เคยราบเรียบเกิดระเบิดปะทุขึ้นมาทันที เนื่องจากท่าทีของทราเวียร์ล้วนบ่งบอกหมดทุกสิ่งอย่าง สมเกียรติเริ่มสบถเอาคำหยาบช้าทั้งหมดออกมา

 

ไม่มีกักเก็บไม่มีรักษาท่วงท่าของผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย

 

“บัดซบ!”

 

“ตามองของไม่เป็น!”

 

“ทั้งที่มีคนคอยห่วงเป็นคอยสนับสนุนไม่ห่าง”

 

“แต่ดันไปเลือกคนที่หน้าตา”

 

“ไปเลือกพวกหน้าเนื้อใจเสือซะได้”

 

“น่าหงุดหงิด”

 

“น่าหงุดหงิดเป็นที่สุด”

 

“…”

 

“ไอ้เด็กสารเลวน่าตาย!”

 

“ถ้ามันโผล่หน้ามาหาฉันเมื่อไหร่”

 

“รับรองได้เลยว่าไม่ได้ตายดีแน่นอน”

 

ต่อหน้าอารมณ์รุนแรงของสมเกียรติ

 

ทราเวียร์เพียงเผยรอยยิ้มเบาบางจอมปลอมออกมา

 

เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มสวมแว่นอารมณ์เดือดดาลทั้งหมดก็จางหายไม่มีหลงเหลือ อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาดว่าคนที่เจ็บปวดมากที่สุดหาใช่เขาผู้เป็นพ่อ

 

แต่เป็นทราเวียร์ต่างหากที่เจ็บปวดมากที่สุด ความเจ็บปวดที่โดนปฏิเสธอย่างรุนแรงทั้งยังโดนเหยียดหยามสารพัดชนิดที่ว่าเด็กน้อยคนหนึ่งไม่สมควรโดนกระทำด้วยซ้ำ

 

สมเกียรติลอบกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อหนัง

 

“…” เลือกกล่าวขอโทษกลับมา

 

“ขอโทษ”

 

“พอเป็นเรื่องไอ้ขยะนั้นทีไร”

 

“เป็นต้องของขึ้นทุกที”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไรครับ”

 

“ผมเข้าใจ”

 

“ผมเข้าใจดีเลยละ”

 

เข้าใจแต่สุดท้ายปลายทางก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

 

ทำได้แค่ปล่อยผ่านปล่อยวางพยายามเอาตัวเองออกไปให้ห่างจากสถานการณ์เบื้องหน้าออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

เขาพยายามทำเฉกเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันนี้

 

วันที่ใบเฟิร์นขอให้เขากลับมา

 

“…” สมเกียรติถอนหายใจหนักหน่วง

 

ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

 

“ถ้าวันนั้นลูกสาวลุงเลือกอีกเส้นทาง”

 

“มันจะดีขนาดไหนกันนะ”

 

“…”

 

“พวกเราคงได้เป็นครอบครัวเดียวกันละมั้งครับ”

 

“ฉันชอบคำว่าครอบครัวเดียวกัน”

 

น่าเสียดายที่โอกาสแบบนั้นลูกสาวตนได้ฉีกกระชากทิ้งไปหมดแล้ว

 

ต่อให้ตนต้องการทราเวียร์มาเป็นลูกเขยมากมายขนาดไหนมากมายเพียงใดก็ทำได้แค่จินตนาการเพ้อฟันไปเรื่อยเปื่อย

 

คล้ายราวกับฟ้าโชคชะตาต้องการเล่นตลกกับความรู้สึกของคน

 

สมเกียรติก้มหน้ามองพื้นพลางยิ้มอ่อน

 

…‘ทำไมเรื่องราวมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้’

 

“…”

 

“โหดร้าย”

 

“ความเป็นจริงมันโหดร้ายเสมอ”

 

“โชคชะตามันก็เป็นแบบนี้แหละครับ”

 

“ไม่เคยปราณีกับใครคนอื่นอยู่แล้ว”

 

สายตาเขามองลอดออกไปข้างนอก

 

มองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินไปตามอารมณ์

 

ช่วงเวลาพริบตาเดียวนั่นเองที่คำสอนของคุณย่าเขาไหลผ่านเข้ามาในหัวสมอง เป็นคำสอนที่บอกให้เขาทำหัวใจให้แข็งกระด้างไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับทางโลก

 

หากแต่เขาไม่เชื่อฟังไม่อยากจะยอมรับ เลยพยายามเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นพยายามโหยหาความรักอย่างถึงที่สุดและผลลัพธิ์สุดท้ายปลายทางที่พบเจอ

 

ล้วนล้มเหลวหมดสิ้นแถมยังได้รับบาดแผลมากมายเป็นของแถม

 

เป็นบาดแผลที่สลักลึกไม่มีวันลบเลือน

 

…‘อย่างล่ะนะโชคชะตามันมักโหดร้ายเสมอ’

 

“…”

 

“โดยเฉพาะกับคนมีความรัก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 20 โชคชะตามักโหดร้ายเสมอ

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 20 โชคชะตามักโหดร้ายเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 20 โชคชะตามักโหดร้ายเสมอ

 

บรรยากาศมากไปด้วยแรงกดดัน

 

ทั้งยังไม่ใช่แรงกดดันปรกติธรรมดาแต่เป็นแรงกดดันที่มากไปด้วยห้วงอารมณ์แทรกซ้อนมากมาย หมอสมเกียรติที่ได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มสวมแว่นถึงกับทำอะไรไม่ถูก

 

ใจจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันมุ่งไปในทิศทางนั้นเลย

 

“…” เจ้าตัวลอบถอนหายใจ

 

“อยู่ผิดที่ผิดทางสินะ”

 

“…”

 

“ถ้ามันทำให้คุณหมอไม่สบายใจ”

 

“ผมเปลี่ยนได้นะครับ”

 

พอได้ยินคำกล่าวร้องของอีกฝ่าย

 

ร่องรอยท่วงท่าผิดปรกติหายวับไปในชั่วพริบตา

 

แปรเปลี่ยนหวนคืนกลับมาเป็นชายหนุ่มสวมแว่นคนเดิม ราวกับฉากภาพเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาฝันหนึ่งตื่น เกิดขึ้นรวดเร็วแล้วก็จางหายไปรวดเร็วเฉกเช่นเดียวกัน

 

หมอสมเกียรตินิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าไม่อยากให้อีกฝ่ายปรับเปลี่ยนอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

 

แค่นี้มันก็มากพอแล้ว

 

“ไม่”

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

“ถึงฉันจะแก่หัวขาวแต่ใช่ว่าจะยอมรับความจริงไม่ได้”

 

“อีกอย่างฉันคงไปว่าเธอไม่ได้หรอก”

 

“ก็ในเมื่อเธอพูดความจริงนิ”

 

“…”

 

“ถ้าลูกสาวของฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิด”

 

“เรื่องราวมันคงไม่บานปลายจนถึงขั้นนี้”

 

“เธอเองก็คงจะมาเยี่ยมที่นี่ได้บ่อยขึ้น”

 

“น่าเสียดาย”

 

หมอสมเกียรติเผยรอยยิ้มเหงาหงอยออกมา

 

ทั้งที่เมื่อก่อนพวกเขาต่างไปมาหาสู่ด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่โตความสุขหรือว่าความทุกข์พวกเขาต่างพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

 

แต่พอลูกสาวตัวดีเกิดไปหลงรักใครคนอื่นที่ไม่ใช่ทราเวียร์เข้า ทุกสิ่งอย่างมันก็แปรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แปรเปลี่ยนหลากหลายสิ่งอย่างจนไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก

 

ทราเวียร์เพียงยิ้มไม่มีกล่าวแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

 

“…” เขานิ่งเงียบไปหลายต่อหลายวินาที

 

ก่อนเปิดปากเบาบางบอกกล่าวออกไป

 

“เรื่องในอดีตผมปล่อยผ่านไปหมดแล้ว”

 

“ไม่จำเป็นต้องไปขุดคุ้ยขึ้นมาหรอก”

 

“อีกอย่างนี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”

 

“ไม่ใช่ความผิดของเธอที่ปฏิเสธผม”

 

“ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”

 

“…” สมเกียรติยิ้มหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

 

“ลืมอดีตได้ถือเป็นพรอันประเสริฐ”

 

“ใช่ว่าทุกคนจะลืมได้”

 

“อย่างน้อยที่สุดก็ฉันคนหนึ่งล่ะนะ”

 

“ที่ลืมอดีตไม่ได้”

 

ภายในแววตาปรกติธรรมดามันแอบแฝงไปด้วยห้วงอารมณ์ด้านลบ

 

อย่างที่ได้บอกไปการลืมอดีตได้ ย่อมเป็นพรอันประเสริฐเป็นพรที่ไม่ว่าใครล้วนต้องการเสมอ บางครั้งการจดจำอดีตได้ก็ถือเป็นเรื่องดีงามยอดเยี่ยมแต่ในทางกลับกันแล้ว

 

อดีตบางเรื่องบางประเด็นก็ใช่ว่าอยากจะจดจำ ยิ่งเป็นเรื่องเลวร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฝังลึกอยู่ในหัวสมองยากจะลบเลือนมากขึ้นเท่านั้น

 

เพราะฉะนั้นหากลืมได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

 

“…” ทราเวียร์ยิ้มตอบ

 

“อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดครับ”

 

“…” สมเกียรติถามเปลี่ยนเรื่อง

 

“ว่าแต่ลูกสาวลุงเป็นยังไงบ้าง?”

 

“เธอไม่เคยเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังเลย”

 

“…”

 

“เหมือนเดิมครับ”

 

“เป็นมายังไงเป็นมายังงั้น”

 

“หมายถึง?”

 

เหมือนหมอวัยกลางคนยังไม่เข้าใจคำกล่าวของทราเวียร์

 

ชายหนุ่มสวมแว่นกะพริบตามองนิ่งค้างอยู่นานหลายวินาที ก่อนจะตัดสินใจบอกกล่าวข่าวสารให้กับผู้เป็นพ่อของหล่อนได้รับรู้แน่นอนว่าชุดข้อมูลที่พูดออกไป

 

ย่อมเป็นชุดข้อมูลง่ายดายไม่กระทบกระเทือนกับอีกฝ่ายมากนักจัดเป็นข้อมูลขั้นพื้นฐานบอกกล่าวได้ตามสบาย

 

ทราเวียร์มองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ตอบเสียงเรียบไม่มีอารมณ์ยุ่งเกี่ยว

 

“เหมือนเดิมครับ”

 

“เรียนเก่ง”

 

“เป็นคนขยัน”

 

“เข้าสังคมบ่อย”

 

“กิจกรรมไม่ขาด”

 

“…”

 

“แล้วก็”

 

“…”

 

แค่เห็นท่าทีของทราเวียร์

 

ผู้เป็นพ่อของหล่อนก็พอจะรับรู้ได้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการกล่าวสิ่งใดออกมา และเพราะล่วงรู้อารมณ์ที่เคยนิ่งเงียบสงบก็พลันปะทุเดือดดาลพร้อมปะทุทุกเมื่อทันที

 

สมเกียรติกัดปากตัวเองแน่น

 

“ไอ้เด็กหน้าขาว”

 

“เธอชอบไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้เด็กหน้าขาวนั่นใช่ไหม?”

 

“…”

 

“ส่วนนี้ผมไม่รู้”

 

“ที่รู้ก็แค่ข่าวลือจากปากต่อปาก”

 

“หรือไม่ก็บังเอิญไปเห็นเข้า”

 

“ส่วนความเป็นจริงยังไง”

 

“ผมไม่กล้าตอบ”

 

เอาเข้าจริงเขาตอบไม่ได้มากกว่า

 

อย่าลืมว่าเขามาครั้งนี้ไม่ได้มาเพราะสมัครใจแต่มาด้วยคำร้องขอของใบเฟิร์นเป็นหลัก หากปราศจากคำร้องขอของหล่อนเขาคงไม่คิดเหลือบมองย้อนกลับมาหรอก

 

เพราะฉะนั้นการจะกล่าวอะไรออกไปต้องระมัดระวังให้มาก

 

“…” แต่แค่นั้นมันก็มากพอกระตุ้นให้สมเกียรติเดือดดาลแล้ว

 

นิ้วมือทั้งห้ากำแน่น

 

“เดาได้เลยว่าเธอต้องแอบไปหามัน”

 

“ทั้งที่ฉันพยายามห้ามพยายามบอกตลอดมาว่าอย่า”

 

“แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง”

 

“ทั้งยังแอบไปหามันอีก”

 

“เธอแอบไปหามันใช่ไหม?”

 

“…” ไม่มีคำตอบตอบกลับมา

 

กล่าวสำหรับเขาความเงียบงันนั่นแหละคือคำตอบที่ตอบกลับมา

 

ห้วงอารมณ์ที่เคยราบเรียบเกิดระเบิดปะทุขึ้นมาทันที เนื่องจากท่าทีของทราเวียร์ล้วนบ่งบอกหมดทุกสิ่งอย่าง สมเกียรติเริ่มสบถเอาคำหยาบช้าทั้งหมดออกมา

 

ไม่มีกักเก็บไม่มีรักษาท่วงท่าของผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย

 

“บัดซบ!”

 

“ตามองของไม่เป็น!”

 

“ทั้งที่มีคนคอยห่วงเป็นคอยสนับสนุนไม่ห่าง”

 

“แต่ดันไปเลือกคนที่หน้าตา”

 

“ไปเลือกพวกหน้าเนื้อใจเสือซะได้”

 

“น่าหงุดหงิด”

 

“น่าหงุดหงิดเป็นที่สุด”

 

“…”

 

“ไอ้เด็กสารเลวน่าตาย!”

 

“ถ้ามันโผล่หน้ามาหาฉันเมื่อไหร่”

 

“รับรองได้เลยว่าไม่ได้ตายดีแน่นอน”

 

ต่อหน้าอารมณ์รุนแรงของสมเกียรติ

 

ทราเวียร์เพียงเผยรอยยิ้มเบาบางจอมปลอมออกมา

 

เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มสวมแว่นอารมณ์เดือดดาลทั้งหมดก็จางหายไม่มีหลงเหลือ อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาดว่าคนที่เจ็บปวดมากที่สุดหาใช่เขาผู้เป็นพ่อ

 

แต่เป็นทราเวียร์ต่างหากที่เจ็บปวดมากที่สุด ความเจ็บปวดที่โดนปฏิเสธอย่างรุนแรงทั้งยังโดนเหยียดหยามสารพัดชนิดที่ว่าเด็กน้อยคนหนึ่งไม่สมควรโดนกระทำด้วยซ้ำ

 

สมเกียรติลอบกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อหนัง

 

“…” เลือกกล่าวขอโทษกลับมา

 

“ขอโทษ”

 

“พอเป็นเรื่องไอ้ขยะนั้นทีไร”

 

“เป็นต้องของขึ้นทุกที”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไรครับ”

 

“ผมเข้าใจ”

 

“ผมเข้าใจดีเลยละ”

 

เข้าใจแต่สุดท้ายปลายทางก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

 

ทำได้แค่ปล่อยผ่านปล่อยวางพยายามเอาตัวเองออกไปให้ห่างจากสถานการณ์เบื้องหน้าออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

เขาพยายามทำเฉกเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันนี้

 

วันที่ใบเฟิร์นขอให้เขากลับมา

 

“…” สมเกียรติถอนหายใจหนักหน่วง

 

ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

 

“ถ้าวันนั้นลูกสาวลุงเลือกอีกเส้นทาง”

 

“มันจะดีขนาดไหนกันนะ”

 

“…”

 

“พวกเราคงได้เป็นครอบครัวเดียวกันละมั้งครับ”

 

“ฉันชอบคำว่าครอบครัวเดียวกัน”

 

น่าเสียดายที่โอกาสแบบนั้นลูกสาวตนได้ฉีกกระชากทิ้งไปหมดแล้ว

 

ต่อให้ตนต้องการทราเวียร์มาเป็นลูกเขยมากมายขนาดไหนมากมายเพียงใดก็ทำได้แค่จินตนาการเพ้อฟันไปเรื่อยเปื่อย

 

คล้ายราวกับฟ้าโชคชะตาต้องการเล่นตลกกับความรู้สึกของคน

 

สมเกียรติก้มหน้ามองพื้นพลางยิ้มอ่อน

 

…‘ทำไมเรื่องราวมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้’

 

“…”

 

“โหดร้าย”

 

“ความเป็นจริงมันโหดร้ายเสมอ”

 

“โชคชะตามันก็เป็นแบบนี้แหละครับ”

 

“ไม่เคยปราณีกับใครคนอื่นอยู่แล้ว”

 

สายตาเขามองลอดออกไปข้างนอก

 

มองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินไปตามอารมณ์

 

ช่วงเวลาพริบตาเดียวนั่นเองที่คำสอนของคุณย่าเขาไหลผ่านเข้ามาในหัวสมอง เป็นคำสอนที่บอกให้เขาทำหัวใจให้แข็งกระด้างไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับทางโลก

 

หากแต่เขาไม่เชื่อฟังไม่อยากจะยอมรับ เลยพยายามเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นพยายามโหยหาความรักอย่างถึงที่สุดและผลลัพธิ์สุดท้ายปลายทางที่พบเจอ

 

ล้วนล้มเหลวหมดสิ้นแถมยังได้รับบาดแผลมากมายเป็นของแถม

 

เป็นบาดแผลที่สลักลึกไม่มีวันลบเลือน

 

…‘อย่างล่ะนะโชคชะตามันมักโหดร้ายเสมอ’

 

“…”

 

“โดยเฉพาะกับคนมีความรัก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+