เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 31อาจารย์ที่ตื่นตระหนก

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 31อาจารย์ที่ตื่นตระหนก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 31 อาจารย์ที่ตื่นตระหนก

 

สติอันน้อยนิดกำลังแหกแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

 

ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พวยพุ่งปะทุขึ้นมากะทันหัน ทำให้มันตัดสินใจระบายห้วงอารมณ์ด้านลบทั้งหมดใส่ชายหนุ่มสวมแว่นทราเวียร์ 

 

ระบายอารมณ์ใส่โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจเลยว่าการกระทำของมันจะส่งผลกระทบแบบไหนแบบใดออกมา

 

และด้วยการระบายห้วงอารมณ์ความเห็นแก่ตัวใส่อีกฝ่ายโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด มันก็เลยทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วเลวร้ายหนักหน่วงเข้าไปใหญ่

 

เลวร้ายจนถึงขนาดที่ว่าสามารถเล่นงานอีกฝ่ายจนหน้าที่การงานพร้อมจะดับวูบสูญสลายตลอดเวลา

 

สีหน้าอาจารย์เฒ่าชราพลันซีดเผือกไร้เลือด

 

ขณะหัวสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง

 

…‘ทะ ทำยังไงดี’

 

“…”

 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

 

“ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ”

 

“มันเป็นอุบัติเหตุ” 

 

“ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ—”

 

ถ้อยคำเดิมถูกกล่าวย้ำหลายต่อหลายครั้ง

 

กล่าวติดปากจนไม่มีเว้นว่างให้พักหายใจ นอกจากถ้อยคำเดิมที่กล่าวซ้ำไปซ้ำมา ท่วงท่าจากเดิมที่เคยเดินก้าวต่อก้าวตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นวิ่งบนทางเดินบนตึกอาคารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

แน่นอนว่าทุกโรงเรียนล้วนแล้วแต่มีกฎระเบียบเป็นของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแห่งไหนแห่งใดก็ตาม ซึ่งกฎระเบียบขั้นพื้นฐานที่สุดคงหนีไม่พ้นต้องเป็นห้ามวิ่งบนตึกอาคาร

 

ถึงแม้จะมีกฎระเบียบขวางกั้นกันไม่ให้ใครคนอื่นทำตาม แต่กล่าวสำหรับอาจารย์เฒ่าในช่วงจังหวะเวลานี้

 

กฎเกณฑ์กฎระเบียบคงไม่สำคัญอีกต่อไป เหล่านักเรียนทั้งหลายตามทางเดินเริ่มเหลือบมองเหลือบหันไปหาอาจารย์เฒ่า เหลือบหันไปหาอาจารย์ผู้ทำผิดกฎระเบียบเสียเอง

 

หนึ่งเสียงเริ่มกล่าวเสียดสีเปิดประเด็น

 

“…”

 

“วิ่งบนทางเดิน?”

 

“ใครสั่งสอนให้วิ่งบนทางเดิน?”

 

“ระวังปากหน่อย”

 

“ดูให้ดีว่าใครกำลังวิ่งบนทางเดิน”

 

“…”

 

“อาจารย์เฒ่า?”

 

“ใช่”

 

“เห็นแบบนี้นายยังกล้าว่ารึเปล่า?”

 

แววตาผู้เป็นเพื่อนออกอาการอยากลองใจ

 

ส่วนเจ้าเพื่อนหนุ่มผู้ที่กำลังต้องเป็นเป้าของคำถาม สีหน้าของมันพลันดำมืดก่อนจะเปิดเผยรอยยิ้มประชดประชันไม่มีเกรงกลัว

 

เรียกได้ว่าพร้อมท้าชนท้าทายทุกอุปสรรค

 

…‘ฉันเนี่ยนะไม่กล้า?’

 

“…”

 

“ทำไมจะไม่กล้า?”

 

“เป็นอาจารย์แล้วด่าไม่ได้?”

 

“ไอ้ด่ามันด่าได้”

 

“ทำไมจะด่าไม่ได้ล่ะ”

 

“แต่นายกล้าด่าต่อหน้าอีกฝ่ายไหมล่ะ?”

 

การนินทาลับหลังล้วนเป็นการกระทำที่ทำได้ง่ายดายยิ่งนัก

 

แต่สิ่งที่เพื่อนหนุ่มกำลังบอกกล่าวกับเพื่อนพ้องของตนคือ การเปิดปากด่ากราดต่อหน้าต่อตาเลือกท้าชนซึ่งหน้าไม่มีหลบซ่อน

 

น่าเสียดายที่คำท้าทายล้วนถูกตอบโต้กลับด้วยความเงียบงันเป็นหลัก อย่าว่าแต่ตัวเพื่อนพ้องที่นิ่งเงียบตัวมันเองก็นิ่งเงียบเหมือนกัน

 

อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาด แม้อีกฝ่ายจะแก่ลงโลงจะกลายเป็นไม้ใกล้ฝั่งพร้อมพังทลายทุกเมื่อตลอดเวลาแต่อีกฝ่ายก็ยังมากไปด้วยอำนาจ

 

การไปยืนโต้ตอบซึ่งหน้าล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โง่งมเสียจริง

 

เพื่อนพ้องที่นิ่งเงียบพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

“พอพูดถึงอาจารย์เฒ่า”

 

“ฉันเคยได้ยินข่าวลือมานะ”

 

“เป็นข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขา”

 

“มัน—”

 

บทสนทนาดำเนินต่อไป

 

ฉากภาพเฉกเช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุดหย่อน

 

แตกต่างเพียงแค่คนกระทำเท่านั้นที่เหลือยังคงเดิมทั้งหมด ฝีเท้าจากเดิมที่รวดเร็วอยู่แล้วเริ่มแปรเปลี่ยนเริ่มเร็วมากขึ้นเร็วจนหยุดไม่อยู่

 

มาพร้อมกับริมฝีปากขบแน่นจนแทบเรียกเลือด

 

ก่อนเสียงร้องตะโกนดังลั่นจะหลุดออกมา

 

…‘ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด’

 

“…”

 

“บัดซบ!”

 

“หุบปาก!”

 

“หุบปากไปหมด!”

 

“ไปตายซะ!”

 

“…”

 

“อาจารย์?”

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงหวาน

 

มันรีบเงยหน้ามองทันที

 

และสิ่งที่พานพบเห็นเป็นอย่างแรกก็คือเรือนร่างงดงามปานเทพธิดาทั้งยังมาพร้อมกับใบหน้ายอดเยี่ยมเกินกว่ามนุษย์ปรกติธรรมดาจะครอบครอง

 

อาจารย์เฒ่าถึงกับหยุดชะงักนิ่งแข็งค้าง อารมณ์เดือดดาลทั้งหมดทั้งมวลล้วนจางหายไปจนหมดสิ้นคล้ายไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

คุณหนูสาวเมญ่ากะพริบตามอง

 

พร้อมกล่าวทักทาย

 

“สวัสดีค่ะ”

 

“คะ คุณเมญ่า”

 

“…”

 

“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”

 

“อาจารย์—”

 

“มาได้จังหวะพอดี!”

 

“คะ?”

 

หล่อนมองเฒ่าชราเบื้องหน้าด้วยความสงสัย

 

ตอนแรกคุณหนูสาวหล่อนไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายแสดงท่วงท่าดีใจคล้ายคนกระหายน้ำไม่ได้ดื่มน้ำมานานหลายวันและบังเอิญไปพบเจอทะเลสาบเข้า

 

จนกระทั่งหล่อนได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากอีกฝ่าย หล่อนถึงได้เข้าใจเต็มขั้นเข้าใจแจ่มแจ้งว่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากอะไรและทำไมถึงดีใจที่ได้พบเจอหน้าเธอ

 

แน่นอนว่าหากจะให้กล่าวสรุปง่ายดายเอาให้ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย น่าจะประมาณว่าอาจารย์เฒ่าผู้มักง่ายเผลอกระทำสร้างความผิดบาปใส่ผู้อื่น ผู้ที่ตนไม่สมควรกระทำใส่

 

หลังจากการก่อกรรมทำเข็ญเสร็จสิ้นเรียบร้อยครบถ้วนกระบวนความ แทนที่จะออกหน้าแบกรับความผิดยื่นอกแบกรับผลการกระทำผิดบาปของตน

 

เฒ่าชราผู้กระทำผิดกับเลือกเมินเฉยเลือกวิ่งหนีถอยหนีถอยห่าง หนีจากความเป็นจริงทั้งหมดทั้งมวลทั้งยังขาดความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์ปรกติธรรมดาเป็นที่สุด

 

สุดท้ายปลายทางเมื่อไม่มีทางเลือก เมื่อไม่สามารถแบกรับความผิดบาปของตนได้อีกต่อไป มันก็เลยอยากจะให้เมญ่าเข้าไปแบกรับแทน

 

แทนมันที่คิดหลบเลี่ยงหลบหนีไม่คิดกล้าเผชิญหน้า

 

อาจารย์เฒ่ากล่าวเสียงเบาแหบแห้ง

 

“…”

 

“ก็อย่างที่เล่าไป”

 

“พอจะทำอะไรได้ไหม?”

 

“…”

 

“คุณเมญ่า?”

 

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉันเองค่ะ”

 

“ดิฉันพร้อมช่วยเหลือท่านเสมอ”

 

“หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากดิฉัน”

 

“ขอบคุณมาก!”

 

หมับ!

 

ฝ่ามือขาวเนียนถูกกุบแน่น

 

อาจารย์เฒ่าดีใจจนเผลอร้องเสียงหลงออกมา

 

ตอนแรกมันนึกว่าคำร้องขอของตนคงไม่พ้นต้องถูกโยนทิ้งง่ายดาย

 

คงไม่พ้นต้องถูกทำเหมือนของไร้ค่าจับต้องไม่ได้ แต่พอพบเห็นคุณหนูสาวยินยอมโอนอ่อนให้ ยอมรับฟังคำร้องขอเอาแต่ใจมันก็เลยเกิดความคาดหวังอีกครั้ง

 

คุณหนูสาวยิ้มขณะก้มมองฝ่ามือตนที่กำลังถูกกอบกุม

 

แววตาหล่อนเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชา

 

“…”

 

“เพียงแต่ว่า”

 

“…”

 

“มีอะไรรึเปล่า?”

 

“ดิฉันค่อนข้างถือตัวนิดหน่อย”

 

“พอดีไม่ชอบให้ใครคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัว”

 

“คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”

 

“หากดิฉันจะร้องขอให้ท่านปล่อยมือดิฉัน”

 

“ปล่อยตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย”

 

“…”

 

แววตาเฒ่าชราเบิกกว้าง

 

อาการหนาวสั่นสะท้านปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย

 

แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงนักเรียนตามชั้นเรียนปรกติธรรมดา หากแต่เนื้อแท้ของหญิงสาวเบื้องหน้าก็ยังคงเดิมไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนยังคงเป็นคุณหนูสาวโดยกำเนิด

 

การไปแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ขออนุญาตไปกระทำเป็นอื่นที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าต้องการคุกคามอีกฝ่ายไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โง่เขลา อาจารย์เฒ่าที่พลันรู้สึกตัวรีบปล่อยฝ่ามือขาวเนียนทันที

 

ทั้งยังไม่ลืมกล่าวคำขอโทษหวังขอให้อีกฝ่ายอภัยให้

 

“…”

 

“คือ”

 

“ขะ ขอโทษ”

 

“ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”

 

“แค่อาจารย์เข้าใจก็เพียงพอแล้วค่ะ”

 

“แต่ครั้งต่อไปไม่ได้นะ”

 

คุณหนูเมญ่ายิ้มเย็นขณะลดฝ่ามือลง

 

แม้จะแก่หัวขาวหัวสมองทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ใช่ว่าอาจารย์เฒ่าชราจะเป็นคนโง่งมไร้หัวสมองกับกันด้วยอายุที่มากจนเกือบทะลุขีดกำจัด

 

ด้วยหัวสมองของมันบวกกับประสบการณ์ที่สะสมมาทั้งชีวิต ทำให้มันพอคาดเดาสถานการณ์เบื้องหน้าได้บางส่วนว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจสุ่มเสี่ยงหนักหน่วงกว่าเดิม

 

มันเลยตัดสินใจรวดเร็ว

 

ตัดสินใจหนีห่าง

 

…‘อยู่ไม่ได้แล้ว’

 

“…”

 

“อีกเรื่อง”

 

“คะ?”

 

“…”

 

“คะ คือผมคงไปด้วยไม่ได้”

 

“ยังมีเรื่องอื่นเยอะแยะมากมายต้องไปจัดการต่อ”

 

“ฝากขอโทษเขาแทนผมด้วยนะ”

 

“ผมไปไม่ได้จริง ๆ ครับ”

 

“…”

 

“ได้ค่ะ”

 

“ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเกินเลย”

 

พอเห็นคุณหนูสาวเมญ่าอาสารับเผือกร้อนแทน

 

อาจารย์เฒ่าชรารีบเดินหนีหายจากไปคล้ายกลัวหญิงสาวกลับคำ

 

หนีหายไปโดยไม่คิดร่วมทางไปแบกรับความรับผิดชอบที่สมควรเป็นของตน ไม่แม้กระทั่งหาเส้นทางเป็นอื่นเพื่อหวังชดเชยให้อีกฝ่าย

 

ราวกับตัดขาดความรับผิดชอบทั้งหมดและโยนให้เป็นหน้าที่ของหล่อนแทน ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายปลายทางจะออกมาเป็นแบบไหนอย่างไรหาใช่ธุระของมันอีกต่อไป

 

ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบเหลือเกิน

 

คุณหนูสาวเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

 

…‘ช่างกล้าทำ’

 

“…”

 

“เป็นถึงครูบาอาจารย์ดันมีมุมมองคับแคบ”

 

“ดันนิยมชมชอบสร้างปัญหาไปทั่ว”

 

“เพราะแบบนี้ไง”

 

“ถึงได้โดนคนอื่นเขานินทาลับหลังตลอด”

 

คุณหนูสาวเมญ่ามองส่งท้าย

 

มองจนแผ่นหลังอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตา

 

พอแผ่นหลังของอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาเรียบร้อย ห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่เคยราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนไปในทันที

 

แปรเปลี่ยนกลายเป็นคนละคนไปเลย

 

แววตาหรี่มองประกายคมกร้าว

 

…‘น่าขยะแขยง’

 

“…”

 

น่าขยะแขยงเกินคำบรรยาย

 

ครุ่นคิดในใจอย่างเดียวไม่เพียงพอ

 

คุณหนูสาวเหลือบจดจ้องมองฝ่ามือตัวเอง ความรู้สึกร้อนวูบยังคงประทับไม่จางหายเพียงแค่นึกถึงความรู้สึกด้านลบมากมายพลันเข้ากลืนกินจิตใจทันที

 

หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวขึ้นมาก่อนเช็ดทำความสะอาดฝ่ามือ

 

เช็ดไปด้วยพลางกล่าวระบายห้วงอารมณ์ไปด้วย

 

…‘รู้งี้ไม่น่าให้จับ’

 

“…”

 

“เอาเถอะ”

 

“แม้จะใช้สถานภาพอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ”

 

“จะพยายามสร้างภาพเป็นอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม”

 

“แต่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จเหมือนกันหมดสินะ”

 

“สุดท้ายคุณภาพของคุณ”

 

“ก็เป็นตัวกำหนดฐานะทางสังคมสินะ”

 

หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จสิ้นเรียบร้อย

 

ผ้าเช็ดหน้าหรูหราราคาแพงก็ถูกทิ้งลงถังขยะ ทิ้งลงถังขยะราวกับเป็นของเสียไม่มีใครคนอื่นต้องการ

 

เมื่อกำหนดเป้าหมายจุดหมายปลายเป็นสถานที่ห้องพักของอาจารย์เฒ่า คุณหนูสาวก็เลือกแปรเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังห้องพักครูตามที่อาจารย์เฒ่าได้ร้องขอ

 

หล่อนหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาพร้อมกดเลือกเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งขึ้นมา ส่วนเป็นเบอร์ของใครคนไหนคงมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ 

 

หลังจากกดโทรเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาปลายสายก็กดรับ

 

เมญ่าคุณหนูสาวไม่มีรีรอบอกกล่าวร้องขอสิ่งที่ตนต้องการทันที

 

“…”

 

“ของที่สั่งเอาไว้ค่ะ”

 

“ค่ะ”

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

“ขอบคุณที่ทำงานหนักมาโดยตลอด”

 

เมื่อเสร็จสิ้นเป้าหมายของตน

 

หล่อนเลื่อนวางสายตัดขาดจากอีกฝ่ายทันที

 

หากว่ากล่าวกันตามตรงจากแรกเริ่มเดิมทีที่เคยรู้สึกย่ำแย่กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว พอต้องมาพานพบเจอสถานการณ์แปลกประหลาดเฉกเช่นนี้เข้าไป 

 

และยิ่งเมื่อฝ่ายถูกกระทำครั้งนี้หาใช่ใครคนอื่น แต่เป็นถึงผู้มีพระคุณของหล่อนความเกลียดชังที่เคยคงที่จึงเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีคูณเพิ่มเติมมากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว

 

อารมณ์ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกส่วนความรู้สึก ความเกลียดชังก็แยกย่อยไปอีกส่วน งานการที่รับปากมาแล้วว่าจะทำก็ต้องทำให้สำเร็จเสร็จสิ้น ไม่อาจปล่อยผ่านทำเมินง่ายดาย

 

แม้จะขัดใจอยู่บ้าง แต่เอาเถอะในเมื่อรับปากมาแล้วบวกกับสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เพิ่มเติมโดยไม่ต้องสร้างโอกาสวาสนาให้กับตัวเองทำไมต้องปฏิเสธด้วย

 

รอยยิ้มพริ้มใจปรากฎบนใบหน้า

 

ขณะสายตาจ้องมองรูปภาพ

 

…‘เป็นภาพที่ไม่เลว’

 

“…”

 

“เป็นภาพที่ไม่เลวจริง ๆ นั่นแหละ”

 

ภาพที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณหนูสาว

 

เป็นภาพชายหนุ่มสวมแว่นกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนประจำของตน

 

เหนือขึ้นไปบริเวณมุมขวารูปภาพถ่ายมีวันเวลาบอกให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าเป็นภาพถ่ายของวันไหนเวลาใด หลังจากจดจ้องมองมองจนพอใจหล่อนจึงเลือกเก็บภาพถ่าย

 

ก่อนกล่าวพึมพำเบาบางพอให้ได้ยินคนเดียว

 

กล่าวพร้อมรอยยิ้มหวานหยดย้อย

 

“…”

 

“พักหลังมานี้เจอหน้าคุณตลอด”

 

“จะเจอกันบ่อยเกินไปแล้วนะคะ”

 

“…”

 

“หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาอย่างที่เขาว่ากัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ 31อาจารย์ที่ตื่นตระหนก

Now you are reading เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ Chapter 31อาจารย์ที่ตื่นตระหนก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 31 อาจารย์ที่ตื่นตระหนก

 

สติอันน้อยนิดกำลังแหกแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

 

ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พวยพุ่งปะทุขึ้นมากะทันหัน ทำให้มันตัดสินใจระบายห้วงอารมณ์ด้านลบทั้งหมดใส่ชายหนุ่มสวมแว่นทราเวียร์ 

 

ระบายอารมณ์ใส่โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจเลยว่าการกระทำของมันจะส่งผลกระทบแบบไหนแบบใดออกมา

 

และด้วยการระบายห้วงอารมณ์ความเห็นแก่ตัวใส่อีกฝ่ายโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด มันก็เลยทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วเลวร้ายหนักหน่วงเข้าไปใหญ่

 

เลวร้ายจนถึงขนาดที่ว่าสามารถเล่นงานอีกฝ่ายจนหน้าที่การงานพร้อมจะดับวูบสูญสลายตลอดเวลา

 

สีหน้าอาจารย์เฒ่าชราพลันซีดเผือกไร้เลือด

 

ขณะหัวสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง

 

…‘ทะ ทำยังไงดี’

 

“…”

 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

 

“ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ”

 

“มันเป็นอุบัติเหตุ” 

 

“ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ—”

 

ถ้อยคำเดิมถูกกล่าวย้ำหลายต่อหลายครั้ง

 

กล่าวติดปากจนไม่มีเว้นว่างให้พักหายใจ นอกจากถ้อยคำเดิมที่กล่าวซ้ำไปซ้ำมา ท่วงท่าจากเดิมที่เคยเดินก้าวต่อก้าวตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นวิ่งบนทางเดินบนตึกอาคารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

แน่นอนว่าทุกโรงเรียนล้วนแล้วแต่มีกฎระเบียบเป็นของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแห่งไหนแห่งใดก็ตาม ซึ่งกฎระเบียบขั้นพื้นฐานที่สุดคงหนีไม่พ้นต้องเป็นห้ามวิ่งบนตึกอาคาร

 

ถึงแม้จะมีกฎระเบียบขวางกั้นกันไม่ให้ใครคนอื่นทำตาม แต่กล่าวสำหรับอาจารย์เฒ่าในช่วงจังหวะเวลานี้

 

กฎเกณฑ์กฎระเบียบคงไม่สำคัญอีกต่อไป เหล่านักเรียนทั้งหลายตามทางเดินเริ่มเหลือบมองเหลือบหันไปหาอาจารย์เฒ่า เหลือบหันไปหาอาจารย์ผู้ทำผิดกฎระเบียบเสียเอง

 

หนึ่งเสียงเริ่มกล่าวเสียดสีเปิดประเด็น

 

“…”

 

“วิ่งบนทางเดิน?”

 

“ใครสั่งสอนให้วิ่งบนทางเดิน?”

 

“ระวังปากหน่อย”

 

“ดูให้ดีว่าใครกำลังวิ่งบนทางเดิน”

 

“…”

 

“อาจารย์เฒ่า?”

 

“ใช่”

 

“เห็นแบบนี้นายยังกล้าว่ารึเปล่า?”

 

แววตาผู้เป็นเพื่อนออกอาการอยากลองใจ

 

ส่วนเจ้าเพื่อนหนุ่มผู้ที่กำลังต้องเป็นเป้าของคำถาม สีหน้าของมันพลันดำมืดก่อนจะเปิดเผยรอยยิ้มประชดประชันไม่มีเกรงกลัว

 

เรียกได้ว่าพร้อมท้าชนท้าทายทุกอุปสรรค

 

…‘ฉันเนี่ยนะไม่กล้า?’

 

“…”

 

“ทำไมจะไม่กล้า?”

 

“เป็นอาจารย์แล้วด่าไม่ได้?”

 

“ไอ้ด่ามันด่าได้”

 

“ทำไมจะด่าไม่ได้ล่ะ”

 

“แต่นายกล้าด่าต่อหน้าอีกฝ่ายไหมล่ะ?”

 

การนินทาลับหลังล้วนเป็นการกระทำที่ทำได้ง่ายดายยิ่งนัก

 

แต่สิ่งที่เพื่อนหนุ่มกำลังบอกกล่าวกับเพื่อนพ้องของตนคือ การเปิดปากด่ากราดต่อหน้าต่อตาเลือกท้าชนซึ่งหน้าไม่มีหลบซ่อน

 

น่าเสียดายที่คำท้าทายล้วนถูกตอบโต้กลับด้วยความเงียบงันเป็นหลัก อย่าว่าแต่ตัวเพื่อนพ้องที่นิ่งเงียบตัวมันเองก็นิ่งเงียบเหมือนกัน

 

อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาด แม้อีกฝ่ายจะแก่ลงโลงจะกลายเป็นไม้ใกล้ฝั่งพร้อมพังทลายทุกเมื่อตลอดเวลาแต่อีกฝ่ายก็ยังมากไปด้วยอำนาจ

 

การไปยืนโต้ตอบซึ่งหน้าล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โง่งมเสียจริง

 

เพื่อนพ้องที่นิ่งเงียบพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

“พอพูดถึงอาจารย์เฒ่า”

 

“ฉันเคยได้ยินข่าวลือมานะ”

 

“เป็นข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขา”

 

“มัน—”

 

บทสนทนาดำเนินต่อไป

 

ฉากภาพเฉกเช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุดหย่อน

 

แตกต่างเพียงแค่คนกระทำเท่านั้นที่เหลือยังคงเดิมทั้งหมด ฝีเท้าจากเดิมที่รวดเร็วอยู่แล้วเริ่มแปรเปลี่ยนเริ่มเร็วมากขึ้นเร็วจนหยุดไม่อยู่

 

มาพร้อมกับริมฝีปากขบแน่นจนแทบเรียกเลือด

 

ก่อนเสียงร้องตะโกนดังลั่นจะหลุดออกมา

 

…‘ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด’

 

“…”

 

“บัดซบ!”

 

“หุบปาก!”

 

“หุบปากไปหมด!”

 

“ไปตายซะ!”

 

“…”

 

“อาจารย์?”

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงหวาน

 

มันรีบเงยหน้ามองทันที

 

และสิ่งที่พานพบเห็นเป็นอย่างแรกก็คือเรือนร่างงดงามปานเทพธิดาทั้งยังมาพร้อมกับใบหน้ายอดเยี่ยมเกินกว่ามนุษย์ปรกติธรรมดาจะครอบครอง

 

อาจารย์เฒ่าถึงกับหยุดชะงักนิ่งแข็งค้าง อารมณ์เดือดดาลทั้งหมดทั้งมวลล้วนจางหายไปจนหมดสิ้นคล้ายไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

คุณหนูสาวเมญ่ากะพริบตามอง

 

พร้อมกล่าวทักทาย

 

“สวัสดีค่ะ”

 

“คะ คุณเมญ่า”

 

“…”

 

“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”

 

“อาจารย์—”

 

“มาได้จังหวะพอดี!”

 

“คะ?”

 

หล่อนมองเฒ่าชราเบื้องหน้าด้วยความสงสัย

 

ตอนแรกคุณหนูสาวหล่อนไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายแสดงท่วงท่าดีใจคล้ายคนกระหายน้ำไม่ได้ดื่มน้ำมานานหลายวันและบังเอิญไปพบเจอทะเลสาบเข้า

 

จนกระทั่งหล่อนได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากอีกฝ่าย หล่อนถึงได้เข้าใจเต็มขั้นเข้าใจแจ่มแจ้งว่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากอะไรและทำไมถึงดีใจที่ได้พบเจอหน้าเธอ

 

แน่นอนว่าหากจะให้กล่าวสรุปง่ายดายเอาให้ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย น่าจะประมาณว่าอาจารย์เฒ่าผู้มักง่ายเผลอกระทำสร้างความผิดบาปใส่ผู้อื่น ผู้ที่ตนไม่สมควรกระทำใส่

 

หลังจากการก่อกรรมทำเข็ญเสร็จสิ้นเรียบร้อยครบถ้วนกระบวนความ แทนที่จะออกหน้าแบกรับความผิดยื่นอกแบกรับผลการกระทำผิดบาปของตน

 

เฒ่าชราผู้กระทำผิดกับเลือกเมินเฉยเลือกวิ่งหนีถอยหนีถอยห่าง หนีจากความเป็นจริงทั้งหมดทั้งมวลทั้งยังขาดความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์ปรกติธรรมดาเป็นที่สุด

 

สุดท้ายปลายทางเมื่อไม่มีทางเลือก เมื่อไม่สามารถแบกรับความผิดบาปของตนได้อีกต่อไป มันก็เลยอยากจะให้เมญ่าเข้าไปแบกรับแทน

 

แทนมันที่คิดหลบเลี่ยงหลบหนีไม่คิดกล้าเผชิญหน้า

 

อาจารย์เฒ่ากล่าวเสียงเบาแหบแห้ง

 

“…”

 

“ก็อย่างที่เล่าไป”

 

“พอจะทำอะไรได้ไหม?”

 

“…”

 

“คุณเมญ่า?”

 

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉันเองค่ะ”

 

“ดิฉันพร้อมช่วยเหลือท่านเสมอ”

 

“หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากดิฉัน”

 

“ขอบคุณมาก!”

 

หมับ!

 

ฝ่ามือขาวเนียนถูกกุบแน่น

 

อาจารย์เฒ่าดีใจจนเผลอร้องเสียงหลงออกมา

 

ตอนแรกมันนึกว่าคำร้องขอของตนคงไม่พ้นต้องถูกโยนทิ้งง่ายดาย

 

คงไม่พ้นต้องถูกทำเหมือนของไร้ค่าจับต้องไม่ได้ แต่พอพบเห็นคุณหนูสาวยินยอมโอนอ่อนให้ ยอมรับฟังคำร้องขอเอาแต่ใจมันก็เลยเกิดความคาดหวังอีกครั้ง

 

คุณหนูสาวยิ้มขณะก้มมองฝ่ามือตนที่กำลังถูกกอบกุม

 

แววตาหล่อนเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชา

 

“…”

 

“เพียงแต่ว่า”

 

“…”

 

“มีอะไรรึเปล่า?”

 

“ดิฉันค่อนข้างถือตัวนิดหน่อย”

 

“พอดีไม่ชอบให้ใครคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัว”

 

“คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”

 

“หากดิฉันจะร้องขอให้ท่านปล่อยมือดิฉัน”

 

“ปล่อยตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย”

 

“…”

 

แววตาเฒ่าชราเบิกกว้าง

 

อาการหนาวสั่นสะท้านปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย

 

แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงนักเรียนตามชั้นเรียนปรกติธรรมดา หากแต่เนื้อแท้ของหญิงสาวเบื้องหน้าก็ยังคงเดิมไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนยังคงเป็นคุณหนูสาวโดยกำเนิด

 

การไปแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ขออนุญาตไปกระทำเป็นอื่นที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าต้องการคุกคามอีกฝ่ายไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โง่เขลา อาจารย์เฒ่าที่พลันรู้สึกตัวรีบปล่อยฝ่ามือขาวเนียนทันที

 

ทั้งยังไม่ลืมกล่าวคำขอโทษหวังขอให้อีกฝ่ายอภัยให้

 

“…”

 

“คือ”

 

“ขะ ขอโทษ”

 

“ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”

 

“แค่อาจารย์เข้าใจก็เพียงพอแล้วค่ะ”

 

“แต่ครั้งต่อไปไม่ได้นะ”

 

คุณหนูเมญ่ายิ้มเย็นขณะลดฝ่ามือลง

 

แม้จะแก่หัวขาวหัวสมองทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ใช่ว่าอาจารย์เฒ่าชราจะเป็นคนโง่งมไร้หัวสมองกับกันด้วยอายุที่มากจนเกือบทะลุขีดกำจัด

 

ด้วยหัวสมองของมันบวกกับประสบการณ์ที่สะสมมาทั้งชีวิต ทำให้มันพอคาดเดาสถานการณ์เบื้องหน้าได้บางส่วนว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจสุ่มเสี่ยงหนักหน่วงกว่าเดิม

 

มันเลยตัดสินใจรวดเร็ว

 

ตัดสินใจหนีห่าง

 

…‘อยู่ไม่ได้แล้ว’

 

“…”

 

“อีกเรื่อง”

 

“คะ?”

 

“…”

 

“คะ คือผมคงไปด้วยไม่ได้”

 

“ยังมีเรื่องอื่นเยอะแยะมากมายต้องไปจัดการต่อ”

 

“ฝากขอโทษเขาแทนผมด้วยนะ”

 

“ผมไปไม่ได้จริง ๆ ครับ”

 

“…”

 

“ได้ค่ะ”

 

“ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเกินเลย”

 

พอเห็นคุณหนูสาวเมญ่าอาสารับเผือกร้อนแทน

 

อาจารย์เฒ่าชรารีบเดินหนีหายจากไปคล้ายกลัวหญิงสาวกลับคำ

 

หนีหายไปโดยไม่คิดร่วมทางไปแบกรับความรับผิดชอบที่สมควรเป็นของตน ไม่แม้กระทั่งหาเส้นทางเป็นอื่นเพื่อหวังชดเชยให้อีกฝ่าย

 

ราวกับตัดขาดความรับผิดชอบทั้งหมดและโยนให้เป็นหน้าที่ของหล่อนแทน ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายปลายทางจะออกมาเป็นแบบไหนอย่างไรหาใช่ธุระของมันอีกต่อไป

 

ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบเหลือเกิน

 

คุณหนูสาวเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

 

…‘ช่างกล้าทำ’

 

“…”

 

“เป็นถึงครูบาอาจารย์ดันมีมุมมองคับแคบ”

 

“ดันนิยมชมชอบสร้างปัญหาไปทั่ว”

 

“เพราะแบบนี้ไง”

 

“ถึงได้โดนคนอื่นเขานินทาลับหลังตลอด”

 

คุณหนูสาวเมญ่ามองส่งท้าย

 

มองจนแผ่นหลังอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตา

 

พอแผ่นหลังของอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาเรียบร้อย ห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่เคยราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนไปในทันที

 

แปรเปลี่ยนกลายเป็นคนละคนไปเลย

 

แววตาหรี่มองประกายคมกร้าว

 

…‘น่าขยะแขยง’

 

“…”

 

น่าขยะแขยงเกินคำบรรยาย

 

ครุ่นคิดในใจอย่างเดียวไม่เพียงพอ

 

คุณหนูสาวเหลือบจดจ้องมองฝ่ามือตัวเอง ความรู้สึกร้อนวูบยังคงประทับไม่จางหายเพียงแค่นึกถึงความรู้สึกด้านลบมากมายพลันเข้ากลืนกินจิตใจทันที

 

หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวขึ้นมาก่อนเช็ดทำความสะอาดฝ่ามือ

 

เช็ดไปด้วยพลางกล่าวระบายห้วงอารมณ์ไปด้วย

 

…‘รู้งี้ไม่น่าให้จับ’

 

“…”

 

“เอาเถอะ”

 

“แม้จะใช้สถานภาพอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ”

 

“จะพยายามสร้างภาพเป็นอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม”

 

“แต่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จเหมือนกันหมดสินะ”

 

“สุดท้ายคุณภาพของคุณ”

 

“ก็เป็นตัวกำหนดฐานะทางสังคมสินะ”

 

หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จสิ้นเรียบร้อย

 

ผ้าเช็ดหน้าหรูหราราคาแพงก็ถูกทิ้งลงถังขยะ ทิ้งลงถังขยะราวกับเป็นของเสียไม่มีใครคนอื่นต้องการ

 

เมื่อกำหนดเป้าหมายจุดหมายปลายเป็นสถานที่ห้องพักของอาจารย์เฒ่า คุณหนูสาวก็เลือกแปรเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังห้องพักครูตามที่อาจารย์เฒ่าได้ร้องขอ

 

หล่อนหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาพร้อมกดเลือกเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งขึ้นมา ส่วนเป็นเบอร์ของใครคนไหนคงมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ 

 

หลังจากกดโทรเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาปลายสายก็กดรับ

 

เมญ่าคุณหนูสาวไม่มีรีรอบอกกล่าวร้องขอสิ่งที่ตนต้องการทันที

 

“…”

 

“ของที่สั่งเอาไว้ค่ะ”

 

“ค่ะ”

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

“ขอบคุณที่ทำงานหนักมาโดยตลอด”

 

เมื่อเสร็จสิ้นเป้าหมายของตน

 

หล่อนเลื่อนวางสายตัดขาดจากอีกฝ่ายทันที

 

หากว่ากล่าวกันตามตรงจากแรกเริ่มเดิมทีที่เคยรู้สึกย่ำแย่กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว พอต้องมาพานพบเจอสถานการณ์แปลกประหลาดเฉกเช่นนี้เข้าไป 

 

และยิ่งเมื่อฝ่ายถูกกระทำครั้งนี้หาใช่ใครคนอื่น แต่เป็นถึงผู้มีพระคุณของหล่อนความเกลียดชังที่เคยคงที่จึงเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีคูณเพิ่มเติมมากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว

 

อารมณ์ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกส่วนความรู้สึก ความเกลียดชังก็แยกย่อยไปอีกส่วน งานการที่รับปากมาแล้วว่าจะทำก็ต้องทำให้สำเร็จเสร็จสิ้น ไม่อาจปล่อยผ่านทำเมินง่ายดาย

 

แม้จะขัดใจอยู่บ้าง แต่เอาเถอะในเมื่อรับปากมาแล้วบวกกับสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เพิ่มเติมโดยไม่ต้องสร้างโอกาสวาสนาให้กับตัวเองทำไมต้องปฏิเสธด้วย

 

รอยยิ้มพริ้มใจปรากฎบนใบหน้า

 

ขณะสายตาจ้องมองรูปภาพ

 

…‘เป็นภาพที่ไม่เลว’

 

“…”

 

“เป็นภาพที่ไม่เลวจริง ๆ นั่นแหละ”

 

ภาพที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณหนูสาว

 

เป็นภาพชายหนุ่มสวมแว่นกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนประจำของตน

 

เหนือขึ้นไปบริเวณมุมขวารูปภาพถ่ายมีวันเวลาบอกให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าเป็นภาพถ่ายของวันไหนเวลาใด หลังจากจดจ้องมองมองจนพอใจหล่อนจึงเลือกเก็บภาพถ่าย

 

ก่อนกล่าวพึมพำเบาบางพอให้ได้ยินคนเดียว

 

กล่าวพร้อมรอยยิ้มหวานหยดย้อย

 

“…”

 

“พักหลังมานี้เจอหน้าคุณตลอด”

 

“จะเจอกันบ่อยเกินไปแล้วนะคะ”

 

“…”

 

“หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาอย่างที่เขาว่ากัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+