Carefree Path of Dreams 29: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 29: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมอกหนาปกคลุมเทือกเขาเขียวชอุ่มอันกว้างขวาง

ภายในป่า ฟางหยวนและฮวาหูเตียวลัดเลาะไปด้วยความเร็วที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

เขาเข้ามาในป่าเพื่อตามหาปุ๋ยวิญญาณที่จำเป็นต่อการพัฒนาวิทยายุทธ์ของตัวเอง ดังนั้น เขาจึงรีบร้อนอยากจะเจอ

ทั้งคู่มาถึงเขาชิงหลิงในตอนบ่าย

“มา กินอะไรกันก่อน!”

ฟางหยวนเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็เห็นแค่แสงสว่างอ่อน ๆ จากดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าเพราะมีต้นไม้รอบ ๆ บังอยู่

ข้าวหยกแดงนั้นหมดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีแค่ข้าวปั้นจากข้าวหยกมุก นี่ช่างโหดร้ายกับเขาซึ่งช่างเลือกอาหารยิ่งนัก

เช่นเดียวกันกับฮวาหูเตียวที่ก็ดูอารมณ์เสียเมื่อมันเห็นว่าข้าวปั้นนั้นไม่ได้ทำจากข้าวหยกแดง มันมุดเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ ๆ ไม่นานนักก็ลากเอาไก่ป่าตัวหนึ่งออกมา

“เจ้านี่ช่างเลือกกินเสียจริง!”

ฟางหยวนหยอกฮวาหูเตียว จากนั้นก็เริ่มชำแหละเอาเครื่องในไก่ออก เขาไปที่ลำธารเพื่อล้างเลือดออกจากตัวไก่ก่อนจะปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อยที่เอาติดตัวมาด้วย จากนั้นก็ห่อไก่ด้วยใบไม้ก่อนจะเริ่มย่างบนกองไฟ

ไม่นานนัก ไก่ย่างสดใหม่ก็เสร็จเรียบร้อย

ตอนที่ค่อย ๆ ลอกใบไม้ที่ห่อไว้นั้น เขาก็ได้กลิ่นหอมแรง

“โอ๊ยย.. ละลายในปากแล้วก็ไม่เลี่ยนเลยแม้แต่น้อย รสชาติสดใหม่นัก…”

อาหารจานนี้เคยปรากฏในฝันของเขา ฟางหยวนก็แค่สุ่มอาหารจานนี้มาลองทำแล้วฮวาหูเตียวก็ชอบมันมากจนอดไม่ได้ต้องไปล่าไก่มาอีกตัว

“ฝันที่กลายเป็นความจริง…”

ฟางหยวนรู้สึกว่าอะไรที่เขาเคยฝันเห็นนั้นเป็นจริงได้ในชีวิตจริงของเขา ชีวิตในโลกแห่งความฝันของเขานั้นเป็นเช่นเดียวกับชีวิตจริงของเขาเลย

“หรือ… เป็นเช่นที่เรียกกันในโลกอื่น ว่านี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการ ‘ไปต่างโลก’ ความแตกต่างเดียวก็คือ ข้าในตอนนี้มีความทรงจำของทั้งสองฟากชีวิตอยู่เท่า ๆ กันในทั้งสองโลก….

เขารู้สึกกระจ่างและแจ้งในสถานการณ์ “ตอนนี้ ข้าคือฟางหยวน!”

“ไปกันเถอะ!”

ฟางหยวนตามฮวาหูเตียวไปต่อหลังจากกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อย

เทือกเขาชิงหลิงนั้นกว้างใหญ่มากจริง ๆ มีทั้งนกและสัตว์ป่าหายาก สัตว์ส่วนใหญ่เป็น เสือดาว สิงโต หมาป่า สุนัขจิ้งจอก มีพรานป่ามืออาชีพและคนเก็บสมุนไพรไม่มากที่จะกล้าเข้ามาลึกถึงเพียงนี้

“โฮกกก!”

เสียงคำรามดังลั่นมาจากด้านหน้า เสือตัวมหึมามีแต้มขาวที่หน้าผากกระโจนออกมากจากต้นไม้

“ในป่านี้มีสัตว์ป่ามากมายจริง ๆ!”

โดยไม่แม้แต่กะพริบตา ฟางหยวนจู่โจมใส่เสือตัวนั้นด้วยฝ่ามือขวาอย่างไม่ได้ใส่แรงมากนัก

“ฝ่ามือทรายดำ!”

[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 5)] ให้ผลการจู่โจมสูงสุดจากพลังที่วิชานี้สร้างขึ้น แต่ทั้งแขนและฝ่ามือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยกเว้นวงกลมสีดำที่จะปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเมื่อใช้ออก

“ปัง!”

ฟางหยวนกระแทกฝ่ามือเข้ากับกะโหลกของเสือตัวนั้นอย่างแรง ทำให้มันม้วนกลิ้งไปบนพื้น

เสือตัวยักษ์นั่นมีหนังหนา มันกลิ้งไปบนพื้นก่อนจะไปหยุดที่ด้านหลังฟางหยวน มันใช้หางที่ราวกับแส้เหล็กตวัดใส่หลังของเขา

“เพี๊ยะ!”

เสื้อของฟางหยวนขาดเป็นริ้ว

“หืม? เสือตัวนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ขนาดไม่ใช่สัตว์วิญญาณ ก็ไม่ต่างไปจากงูจูเหว่ยกลายพันธุ์เมื่อก่อนหน้านี้เลย…”

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจที่มันสามารถรอดจากฝ่ามือทรายดำของเขาได้ แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่ากะโหลกคือส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกาย

แล้วหางนั่นเล่า?

ฟางหยวนมีผิวหนังราวเหล็กกล้าปกป้องตัวไว้ และเสือนี่ก็อ่อนกำลังกว่า จึงไม่ใช่คู่มือของเขา

เขาแตะมือลงที่หลังของตัวเอง ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิด จากมุมที่ฮวาหูเตียวเห็น มีเพียงรอยแดงจาง ๆ บนหลังของเขาเท่านั้น

“โฮกกก!”

เสือยักษ์นั่นรู้แล้วว่าฟางหยวนนั้นแข็งแกร่งเกินไปและตัดสินใจหนี

แต่ไม่นานหลังจากที่มันหลบออกมา มันก็โซเซไปมาก่อนจะล้มลงบนพื้น เลือดสีดำคล้ำไหลออกมา

“ใช้พิษงูจูเหว่ยร่วมกับฝ่ามือทรายดำนี่เหมาะสมกันเป็นที่สุด!”

จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “ถึงแม้ข้าจะใช้ฝ่ามือทรายดำ แต่พิษที่อยู่ด้านในฝ่ามือทรายดำต่างหากที่ฆ่าเสือตัวนี้ หรือข้าควรจะเรียกเป็นฝ่ามือทรายพิษแทน?”

“โชคไม่ดีเลย กระดูกของเจ้าเสือนี่…”

เสือตัวนี้ตายเพราะถูกพิษ ร่างกายของมันจึงถูกทำลายรุนแรง ฟางหยวนรู้สึกเสียดายอยู่ครู่หนึ่งหลังเห็นสภาพของเสือ

“กีกี๊!”

ฮวาหูเตียวที่พุ่งเข้ามาอย่างยินดีกลับอารมณ์เสียทันทีเมื่อเห็นซากเสือ

สำหรับมัน นอกจากชาวิญญาณและข้าววิญญาณแล้ว เนื้อที่กินไม่ได้จะเรียกว่าเนื้อได้อย่างไร?

“นี่… มันต้องมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากปกติในเทือกเขานี้เป็นแน่!”

ฟางหยวนเดินไปต่อด้วยท่าทีจริงจัง

จากฮวาหูเตียว ก็เป็นงูจูเหว่ย แล้วยังเสือยักษ์นี่อีก มันบ่งบอกถึงสิ่งหนึ่ง

เทือกเขาชิงหลิงนี้ต้องมีอะไรสักอย่างที่พิเศษ!

หรือไม่อย่างนั้น ก็ต้องเป็นเพราะอำนาจลึกลับบางอย่างที่นี่

สถานที่ที่ฮวาหูเตียวพาฟางหยวนมานั้นน่าจะอยู่ติดกับอำนาจที่ว่า อาจจะมีโอกาสให้เขาทั้งคู่พบกับเจ้าของอำนาจนั่น!

“กีกี๊!”

ขณะที่ทั้งคู่เดินลึกเข้าไปในหุบเขา ฮวาหูเตียวก็ตื่นเต้นมากขึ้น มันยังตื่นตัวและใช้เท้าทำท่าทางใส่ฟางหยวน

“พวกเราเกือบจะถึงที่หมายแล้วงั้นหรือ?”

ฟางหยวนเร่งฝีเท้าขึ้น มองขึ้นไปบนท้องฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว รอบด้านคงจะมืดลงในไม่ช้า

“พวกเรายังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ลองไปดู ๆ เสียหน่อยดีกว่า!”

ฟางหยวนกัดฟันมุดเข้าไปในพุ่มไม้พร้อมฮวาหูเตียว

“โฮ่..”

รอบด้านจู่ ๆ ก็มีหมอกปกคลุมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ระยะมองเห็นสั้นลงมาก

“หมอกนี่… มีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว!”

เป็นเรื่องธรรมดาที่บนยอดเขาจะมีหมอกปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปีแต่หมอกสีขาวนี่หนาเกินไป

ถ้าเขาก้าวลึกเข้าไปอีกเพียงแค่ก้าวเดียว เขาก็จะมองไม่เห็นนิ้วมือตัวเองแล้ว ฟางหยวนรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่พุ่งขึ้นมา เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง และเขาเริ่มหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็หลับลึกไป

“นอนสิ…. หลับสิ…..”

เขาได้ยินเสียงกระซิบในหู และเริ่มเคลิบเคลิ้มตาม

“เดี๋ยวนะ… ข้าไม่ควรหลับ ถ้าข้าหลับ ทุกอย่างก็จะจบลง…”

ฟางหยวนมีพลังเวทย์สูงกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปและมันเริ่มแสดงผล แต่ก็เพียงแค่ทำให้ฟางหยวนยังคงรู้สึกตัว

แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงสิ่งรอบตัว แต่เขาก็ไม่สามารถขยับแขนขาได้ ทำให้ถอยออกมาไม่ได้เช่นกัน

“นรกอะไรกันนี่ ทำไมฮวาหูเตียวถึงผ่านไปได้ก่อนหน้านี้ถ้าข้าเองยังมาได้แค่นี้?”

ฟางหยวนรู้สึกสับสน จากนั้นก็ได้ยินเสียงจากฮวาหูเตียว และเสียงนั่นเริ่มไกลออกไปจากตัวเขาแล้ว

“นอน! นอนสิ… เพียงแค่นอนหลับไป ทุกอย่างก็จะไม่เป็นไร…”

ความอ่อนล้ารุนแรงมากขึ้น ฟางหยวนหลับตา แล้วลืมตา เขาสะบัดหัวแล้วกัดฟัน “บ้าเอ๊ย… หมอกนี่ไม่ใช่หมอกธรรมดาแล้ว!”

เขาบังคับให้ตัวเองนั่งขัดสมาธิและเรียกพลังภายในขึ้นมาสู้กับหมอก

ปกติแล้ว พลังจากจุดตันเถียนของเขาสามารถรับมือกับทุกอย่างได้ คราวนี้ ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อต้องรับมือกับหมอกประหลาดทรงพลังนี่

“หลับสิ… หลับสิ…..”

เสียงกระซิบที่ข้างหูเริ่มเลือนไป

ฟางหยวนตัวสั่น ก่อนที่ภาพหนึ่งจะปรากฏขึ้นตรงหน้า

ผู้อาวุโสผมขาวโพลนผู้หนึ่งในชุดสีขาวนั่งอยู่ข้างน้ำพุ ยกชาขึ้นจิบ “พิธีชงชาของข้านั้นมีพื้นฐานอยู่บนความเชื่อใจและการยอมรับ หลบเลี่ยงชะตากรรม ควบคุมความชั่วร้าย และทำให้ใจกระจ่าง เช่นนี้เจ้าจะมองเห็นความแท้จริง ความสงบ และเข้าสู่มรรคแห่งเต๋า”

“พระพุทธเจ้านั้นเป็นนายแห่งร่างกายตน และเป็นนายแห่งเทพเจ้าทั้งปวง พระพุทธเจ้านั้นนั่งสมาธิเพื่อบรรลุนิพพาน การเคลื่อนไหวเพียงนิดอาจจะทำให้ไม่หลุดพ้น ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้ ความจริงเพียงหนึ่งเดียวคือ ผู้ใดจะสามารถมองเห็นความลวงในคำสัญญาหวานหูเหล่านั้นได้? พวกเขาฝันยิ่งใหญ่ และประสบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายก่อนที่จะตระหนักได้ว่า ชีวิตนั้นเป็นได้มากกว่านี้ แต่เมื่อนั้นหัวใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว ใครเล่าจะรู้ตัวว่านั่นเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่ง….”

“อาจารย์!”

ความทรงจำมากมายของเขาปรากฏขึ้น ฟางหยวนจึงได้ตระหนักว่าเขาไม่ได้ง่วงเหงาอีกต่อไปแล้ว อันที่จริง เขารู้สึกตื่นตัวมากกว่าทีแรกเสียอีก

ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้เต็มปากยิ่งกว่าเดิมว่าอาจารย์เวิ่นซินนั้นไม่ใช่คนธรรมดา!

อาจารย์เวิ่นซินไม่ได้สืบทอดสิ่งใดมาให้เขาเลย

การเข้าสมาธิเพื่อทำพิธีชงชานั้นเป็นของขวัญล้ำค่าเพียงอย่างเดียวจากท่านอาจารย์

“กิกี๊!”

“กิกิ๊!”

ในขณะนั้นเอง เมื่อฟางหยวนมองไปที่หมอกขาวทึบ มันไม่ได้มีอันใดแตกต่างไปจากหมอกบนเขาอื่น ๆ เลย ฮวาหูเตียวที่ด้านข้างเขานั้นกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวาย มันกระทั่งลากเอาใบตองใบยาวตักน้ำพุเย็นชื่นมาให้

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ฟางหยวนเข้าใจในตอนนี้เองว่าเกิดอะไรขึ้น “พลังเวทย์ลึกลับที่นี่นั้นมีเป้าหมายที่มนุษย์ใช่ไหม? หรือเป็นเพราะว่าจิตใจของสัตว์ป่านั้นบริสุทธิ์และจึงเป็นเหตุให้ไม่ได้รับผลกระทบ?”

แน่นอนว่า ฮวาหูเตียวเคยผ่านเข้ามาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่เคยประสบเหตุการณ์แบบฟางหยวน ไม่เช่นนั้น มันคงไม่พาฟางหยวนมาที่นี่

“ลำบากเจ้าแล้ว!”

หลังจากเข้าใจจุดนี้ ฟางหยวนก็ไม่ทำให้ฮวาหูเตียวยุ่งยากไปอีก และยกใบตองขึ้นดื่มน้ำพุลงไปตรง ๆ

“น้ำนี่…”

น้ำพุนี้ทั้งใสทั้งหวานชื่น ทำให้ร่างกายเย็นฉ่ำขึ้นมา

ฟางหยวนดื่มลงไปเพียงแค่จิบเดียวก็รู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

“น้ำที่ดี!”

เขากล่าวชม

ฟางหยวนเคยดื่มน้ำพุหลายชนิด แต่น้ำพุที่ดีเช่นนี้นั้นเป็นสิ่งหายาก

“ไม่ นี่ไม่ใช่น้ำพุธรรมดา ต้องเป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์!”

ดวงตาฟางหยวนเป็นประกาย และถามฮวาหูเตียว

“เอาน้ำพุนี่มาจากที่ไหนฮึ?”

“กิกี๊!”

ฮวาหูเตียวยืนตรงขึ้นก่อนจะชี้ไปข้างหน้าด้วยกรงเล็บของมัน

“ที่นั่นอีกแล้ว!”

ฟางหยวนมีท่าทีจริงจังขึ้นมา

เขาเดาว่าที่นั่น ลึกไปในหมอก น่าจะเป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นทั่วหุบเขาชิงหลิง ของเช่นปุ๋ยวิญญาณ สัตว์วิญญาณ และน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ล้วนเกิดขึ้นเพราะที่นั่น!

“ดูเหมือนว่าข้าต้องเข้าไปดูที่นั่นเสียแล้ว…”

ฟางหยวนลุกขึ้นด้วยท่าทีแน่วแน่ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?”

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดจากความเจตนารมณ์ของสวรรค์และสร้างขึ้นด้วยการรวบรวมพลังแห่งผืนดินเข้าด้วยกัน มันจะเต็มไปด้วยพืชวิญญาณหลากหลาย และสัตว์วิญญาณนานา เป็นผืนแดนชั้นเลิศที่อุดมสมบูรณ์และบริสุทธิ์ และนับเป็นขุมสมบัติล้ำค่า!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Carefree Path of Dreams 29: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 29: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมอกหนาปกคลุมเทือกเขาเขียวชอุ่มอันกว้างขวาง

ภายในป่า ฟางหยวนและฮวาหูเตียวลัดเลาะไปด้วยความเร็วที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

เขาเข้ามาในป่าเพื่อตามหาปุ๋ยวิญญาณที่จำเป็นต่อการพัฒนาวิทยายุทธ์ของตัวเอง ดังนั้น เขาจึงรีบร้อนอยากจะเจอ

ทั้งคู่มาถึงเขาชิงหลิงในตอนบ่าย

“มา กินอะไรกันก่อน!”

ฟางหยวนเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็เห็นแค่แสงสว่างอ่อน ๆ จากดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าเพราะมีต้นไม้รอบ ๆ บังอยู่

ข้าวหยกแดงนั้นหมดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีแค่ข้าวปั้นจากข้าวหยกมุก นี่ช่างโหดร้ายกับเขาซึ่งช่างเลือกอาหารยิ่งนัก

เช่นเดียวกันกับฮวาหูเตียวที่ก็ดูอารมณ์เสียเมื่อมันเห็นว่าข้าวปั้นนั้นไม่ได้ทำจากข้าวหยกแดง มันมุดเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ ๆ ไม่นานนักก็ลากเอาไก่ป่าตัวหนึ่งออกมา

“เจ้านี่ช่างเลือกกินเสียจริง!”

ฟางหยวนหยอกฮวาหูเตียว จากนั้นก็เริ่มชำแหละเอาเครื่องในไก่ออก เขาไปที่ลำธารเพื่อล้างเลือดออกจากตัวไก่ก่อนจะปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อยที่เอาติดตัวมาด้วย จากนั้นก็ห่อไก่ด้วยใบไม้ก่อนจะเริ่มย่างบนกองไฟ

ไม่นานนัก ไก่ย่างสดใหม่ก็เสร็จเรียบร้อย

ตอนที่ค่อย ๆ ลอกใบไม้ที่ห่อไว้นั้น เขาก็ได้กลิ่นหอมแรง

“โอ๊ยย.. ละลายในปากแล้วก็ไม่เลี่ยนเลยแม้แต่น้อย รสชาติสดใหม่นัก…”

อาหารจานนี้เคยปรากฏในฝันของเขา ฟางหยวนก็แค่สุ่มอาหารจานนี้มาลองทำแล้วฮวาหูเตียวก็ชอบมันมากจนอดไม่ได้ต้องไปล่าไก่มาอีกตัว

“ฝันที่กลายเป็นความจริง…”

ฟางหยวนรู้สึกว่าอะไรที่เขาเคยฝันเห็นนั้นเป็นจริงได้ในชีวิตจริงของเขา ชีวิตในโลกแห่งความฝันของเขานั้นเป็นเช่นเดียวกับชีวิตจริงของเขาเลย

“หรือ… เป็นเช่นที่เรียกกันในโลกอื่น ว่านี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการ ‘ไปต่างโลก’ ความแตกต่างเดียวก็คือ ข้าในตอนนี้มีความทรงจำของทั้งสองฟากชีวิตอยู่เท่า ๆ กันในทั้งสองโลก….

เขารู้สึกกระจ่างและแจ้งในสถานการณ์ “ตอนนี้ ข้าคือฟางหยวน!”

“ไปกันเถอะ!”

ฟางหยวนตามฮวาหูเตียวไปต่อหลังจากกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อย

เทือกเขาชิงหลิงนั้นกว้างใหญ่มากจริง ๆ มีทั้งนกและสัตว์ป่าหายาก สัตว์ส่วนใหญ่เป็น เสือดาว สิงโต หมาป่า สุนัขจิ้งจอก มีพรานป่ามืออาชีพและคนเก็บสมุนไพรไม่มากที่จะกล้าเข้ามาลึกถึงเพียงนี้

“โฮกกก!”

เสียงคำรามดังลั่นมาจากด้านหน้า เสือตัวมหึมามีแต้มขาวที่หน้าผากกระโจนออกมากจากต้นไม้

“ในป่านี้มีสัตว์ป่ามากมายจริง ๆ!”

โดยไม่แม้แต่กะพริบตา ฟางหยวนจู่โจมใส่เสือตัวนั้นด้วยฝ่ามือขวาอย่างไม่ได้ใส่แรงมากนัก

“ฝ่ามือทรายดำ!”

[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 5)] ให้ผลการจู่โจมสูงสุดจากพลังที่วิชานี้สร้างขึ้น แต่ทั้งแขนและฝ่ามือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยกเว้นวงกลมสีดำที่จะปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเมื่อใช้ออก

“ปัง!”

ฟางหยวนกระแทกฝ่ามือเข้ากับกะโหลกของเสือตัวนั้นอย่างแรง ทำให้มันม้วนกลิ้งไปบนพื้น

เสือตัวยักษ์นั่นมีหนังหนา มันกลิ้งไปบนพื้นก่อนจะไปหยุดที่ด้านหลังฟางหยวน มันใช้หางที่ราวกับแส้เหล็กตวัดใส่หลังของเขา

“เพี๊ยะ!”

เสื้อของฟางหยวนขาดเป็นริ้ว

“หืม? เสือตัวนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ขนาดไม่ใช่สัตว์วิญญาณ ก็ไม่ต่างไปจากงูจูเหว่ยกลายพันธุ์เมื่อก่อนหน้านี้เลย…”

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจที่มันสามารถรอดจากฝ่ามือทรายดำของเขาได้ แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่ากะโหลกคือส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกาย

แล้วหางนั่นเล่า?

ฟางหยวนมีผิวหนังราวเหล็กกล้าปกป้องตัวไว้ และเสือนี่ก็อ่อนกำลังกว่า จึงไม่ใช่คู่มือของเขา

เขาแตะมือลงที่หลังของตัวเอง ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิด จากมุมที่ฮวาหูเตียวเห็น มีเพียงรอยแดงจาง ๆ บนหลังของเขาเท่านั้น

“โฮกกก!”

เสือยักษ์นั่นรู้แล้วว่าฟางหยวนนั้นแข็งแกร่งเกินไปและตัดสินใจหนี

แต่ไม่นานหลังจากที่มันหลบออกมา มันก็โซเซไปมาก่อนจะล้มลงบนพื้น เลือดสีดำคล้ำไหลออกมา

“ใช้พิษงูจูเหว่ยร่วมกับฝ่ามือทรายดำนี่เหมาะสมกันเป็นที่สุด!”

จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “ถึงแม้ข้าจะใช้ฝ่ามือทรายดำ แต่พิษที่อยู่ด้านในฝ่ามือทรายดำต่างหากที่ฆ่าเสือตัวนี้ หรือข้าควรจะเรียกเป็นฝ่ามือทรายพิษแทน?”

“โชคไม่ดีเลย กระดูกของเจ้าเสือนี่…”

เสือตัวนี้ตายเพราะถูกพิษ ร่างกายของมันจึงถูกทำลายรุนแรง ฟางหยวนรู้สึกเสียดายอยู่ครู่หนึ่งหลังเห็นสภาพของเสือ

“กีกี๊!”

ฮวาหูเตียวที่พุ่งเข้ามาอย่างยินดีกลับอารมณ์เสียทันทีเมื่อเห็นซากเสือ

สำหรับมัน นอกจากชาวิญญาณและข้าววิญญาณแล้ว เนื้อที่กินไม่ได้จะเรียกว่าเนื้อได้อย่างไร?

“นี่… มันต้องมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากปกติในเทือกเขานี้เป็นแน่!”

ฟางหยวนเดินไปต่อด้วยท่าทีจริงจัง

จากฮวาหูเตียว ก็เป็นงูจูเหว่ย แล้วยังเสือยักษ์นี่อีก มันบ่งบอกถึงสิ่งหนึ่ง

เทือกเขาชิงหลิงนี้ต้องมีอะไรสักอย่างที่พิเศษ!

หรือไม่อย่างนั้น ก็ต้องเป็นเพราะอำนาจลึกลับบางอย่างที่นี่

สถานที่ที่ฮวาหูเตียวพาฟางหยวนมานั้นน่าจะอยู่ติดกับอำนาจที่ว่า อาจจะมีโอกาสให้เขาทั้งคู่พบกับเจ้าของอำนาจนั่น!

“กีกี๊!”

ขณะที่ทั้งคู่เดินลึกเข้าไปในหุบเขา ฮวาหูเตียวก็ตื่นเต้นมากขึ้น มันยังตื่นตัวและใช้เท้าทำท่าทางใส่ฟางหยวน

“พวกเราเกือบจะถึงที่หมายแล้วงั้นหรือ?”

ฟางหยวนเร่งฝีเท้าขึ้น มองขึ้นไปบนท้องฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว รอบด้านคงจะมืดลงในไม่ช้า

“พวกเรายังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ลองไปดู ๆ เสียหน่อยดีกว่า!”

ฟางหยวนกัดฟันมุดเข้าไปในพุ่มไม้พร้อมฮวาหูเตียว

“โฮ่..”

รอบด้านจู่ ๆ ก็มีหมอกปกคลุมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ระยะมองเห็นสั้นลงมาก

“หมอกนี่… มีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว!”

เป็นเรื่องธรรมดาที่บนยอดเขาจะมีหมอกปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปีแต่หมอกสีขาวนี่หนาเกินไป

ถ้าเขาก้าวลึกเข้าไปอีกเพียงแค่ก้าวเดียว เขาก็จะมองไม่เห็นนิ้วมือตัวเองแล้ว ฟางหยวนรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่พุ่งขึ้นมา เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง และเขาเริ่มหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็หลับลึกไป

“นอนสิ…. หลับสิ…..”

เขาได้ยินเสียงกระซิบในหู และเริ่มเคลิบเคลิ้มตาม

“เดี๋ยวนะ… ข้าไม่ควรหลับ ถ้าข้าหลับ ทุกอย่างก็จะจบลง…”

ฟางหยวนมีพลังเวทย์สูงกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปและมันเริ่มแสดงผล แต่ก็เพียงแค่ทำให้ฟางหยวนยังคงรู้สึกตัว

แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงสิ่งรอบตัว แต่เขาก็ไม่สามารถขยับแขนขาได้ ทำให้ถอยออกมาไม่ได้เช่นกัน

“นรกอะไรกันนี่ ทำไมฮวาหูเตียวถึงผ่านไปได้ก่อนหน้านี้ถ้าข้าเองยังมาได้แค่นี้?”

ฟางหยวนรู้สึกสับสน จากนั้นก็ได้ยินเสียงจากฮวาหูเตียว และเสียงนั่นเริ่มไกลออกไปจากตัวเขาแล้ว

“นอน! นอนสิ… เพียงแค่นอนหลับไป ทุกอย่างก็จะไม่เป็นไร…”

ความอ่อนล้ารุนแรงมากขึ้น ฟางหยวนหลับตา แล้วลืมตา เขาสะบัดหัวแล้วกัดฟัน “บ้าเอ๊ย… หมอกนี่ไม่ใช่หมอกธรรมดาแล้ว!”

เขาบังคับให้ตัวเองนั่งขัดสมาธิและเรียกพลังภายในขึ้นมาสู้กับหมอก

ปกติแล้ว พลังจากจุดตันเถียนของเขาสามารถรับมือกับทุกอย่างได้ คราวนี้ ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อต้องรับมือกับหมอกประหลาดทรงพลังนี่

“หลับสิ… หลับสิ…..”

เสียงกระซิบที่ข้างหูเริ่มเลือนไป

ฟางหยวนตัวสั่น ก่อนที่ภาพหนึ่งจะปรากฏขึ้นตรงหน้า

ผู้อาวุโสผมขาวโพลนผู้หนึ่งในชุดสีขาวนั่งอยู่ข้างน้ำพุ ยกชาขึ้นจิบ “พิธีชงชาของข้านั้นมีพื้นฐานอยู่บนความเชื่อใจและการยอมรับ หลบเลี่ยงชะตากรรม ควบคุมความชั่วร้าย และทำให้ใจกระจ่าง เช่นนี้เจ้าจะมองเห็นความแท้จริง ความสงบ และเข้าสู่มรรคแห่งเต๋า”

“พระพุทธเจ้านั้นเป็นนายแห่งร่างกายตน และเป็นนายแห่งเทพเจ้าทั้งปวง พระพุทธเจ้านั้นนั่งสมาธิเพื่อบรรลุนิพพาน การเคลื่อนไหวเพียงนิดอาจจะทำให้ไม่หลุดพ้น ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้ ความจริงเพียงหนึ่งเดียวคือ ผู้ใดจะสามารถมองเห็นความลวงในคำสัญญาหวานหูเหล่านั้นได้? พวกเขาฝันยิ่งใหญ่ และประสบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายก่อนที่จะตระหนักได้ว่า ชีวิตนั้นเป็นได้มากกว่านี้ แต่เมื่อนั้นหัวใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว ใครเล่าจะรู้ตัวว่านั่นเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่ง….”

“อาจารย์!”

ความทรงจำมากมายของเขาปรากฏขึ้น ฟางหยวนจึงได้ตระหนักว่าเขาไม่ได้ง่วงเหงาอีกต่อไปแล้ว อันที่จริง เขารู้สึกตื่นตัวมากกว่าทีแรกเสียอีก

ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้เต็มปากยิ่งกว่าเดิมว่าอาจารย์เวิ่นซินนั้นไม่ใช่คนธรรมดา!

อาจารย์เวิ่นซินไม่ได้สืบทอดสิ่งใดมาให้เขาเลย

การเข้าสมาธิเพื่อทำพิธีชงชานั้นเป็นของขวัญล้ำค่าเพียงอย่างเดียวจากท่านอาจารย์

“กิกี๊!”

“กิกิ๊!”

ในขณะนั้นเอง เมื่อฟางหยวนมองไปที่หมอกขาวทึบ มันไม่ได้มีอันใดแตกต่างไปจากหมอกบนเขาอื่น ๆ เลย ฮวาหูเตียวที่ด้านข้างเขานั้นกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวาย มันกระทั่งลากเอาใบตองใบยาวตักน้ำพุเย็นชื่นมาให้

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ฟางหยวนเข้าใจในตอนนี้เองว่าเกิดอะไรขึ้น “พลังเวทย์ลึกลับที่นี่นั้นมีเป้าหมายที่มนุษย์ใช่ไหม? หรือเป็นเพราะว่าจิตใจของสัตว์ป่านั้นบริสุทธิ์และจึงเป็นเหตุให้ไม่ได้รับผลกระทบ?”

แน่นอนว่า ฮวาหูเตียวเคยผ่านเข้ามาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่เคยประสบเหตุการณ์แบบฟางหยวน ไม่เช่นนั้น มันคงไม่พาฟางหยวนมาที่นี่

“ลำบากเจ้าแล้ว!”

หลังจากเข้าใจจุดนี้ ฟางหยวนก็ไม่ทำให้ฮวาหูเตียวยุ่งยากไปอีก และยกใบตองขึ้นดื่มน้ำพุลงไปตรง ๆ

“น้ำนี่…”

น้ำพุนี้ทั้งใสทั้งหวานชื่น ทำให้ร่างกายเย็นฉ่ำขึ้นมา

ฟางหยวนดื่มลงไปเพียงแค่จิบเดียวก็รู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

“น้ำที่ดี!”

เขากล่าวชม

ฟางหยวนเคยดื่มน้ำพุหลายชนิด แต่น้ำพุที่ดีเช่นนี้นั้นเป็นสิ่งหายาก

“ไม่ นี่ไม่ใช่น้ำพุธรรมดา ต้องเป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์!”

ดวงตาฟางหยวนเป็นประกาย และถามฮวาหูเตียว

“เอาน้ำพุนี่มาจากที่ไหนฮึ?”

“กิกี๊!”

ฮวาหูเตียวยืนตรงขึ้นก่อนจะชี้ไปข้างหน้าด้วยกรงเล็บของมัน

“ที่นั่นอีกแล้ว!”

ฟางหยวนมีท่าทีจริงจังขึ้นมา

เขาเดาว่าที่นั่น ลึกไปในหมอก น่าจะเป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นทั่วหุบเขาชิงหลิง ของเช่นปุ๋ยวิญญาณ สัตว์วิญญาณ และน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ล้วนเกิดขึ้นเพราะที่นั่น!

“ดูเหมือนว่าข้าต้องเข้าไปดูที่นั่นเสียแล้ว…”

ฟางหยวนลุกขึ้นด้วยท่าทีแน่วแน่ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?”

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดจากความเจตนารมณ์ของสวรรค์และสร้างขึ้นด้วยการรวบรวมพลังแห่งผืนดินเข้าด้วยกัน มันจะเต็มไปด้วยพืชวิญญาณหลากหลาย และสัตว์วิญญาณนานา เป็นผืนแดนชั้นเลิศที่อุดมสมบูรณ์และบริสุทธิ์ และนับเป็นขุมสมบัติล้ำค่า!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+