Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 1110 : สื่อวิญญาณ

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 1110 : สื่อวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันใดนั้น ค่ำคืนอันเย็นเรียบทวีความร้อนระอุราวกับมีลาวาล่องหนเดือดพล่าน

แต่เพียงไม่นานก็กลับเป็นปรกติ

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดจ้องไคลน์หัวจรดเท้าสองสามหน ก่อนจะยิ้มให้ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“ขอย้ำคำเดิม เจ้ามีพรสวรรค์ในการเป็นนักยั่วยุ… แม้แต่ซาราธในตอนที่ย่อยโอสถจอมเวทพิสดารก็ยังไม่กล้าแสร้งทำเป็นอามุนด์ต่อหน้าข้า”

น้ำเสียงของอีกฝ่ายปราศจากความโกรธ และไม่ได้อธิบายว่าทำไมซาราธถึงไม่กล้า แต่ขณะที่สายตาเทวทูตสีชาดกวาดขึ้นลง ไคลน์รู้สึกราวกับกำลังตกลงไปในธารน้ำแข็งที่เย็นเยียบ

นี่คือความรู้สึก ‘ที่ถูกส่งผ่าน’ จากหุ่นเชิดมายังร่างต้น แต่ถึงอย่างนั้น ท้ายทอยกับแผ่นหลังไคลน์ยังรู้สึกขนลุก

โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีอธิบาย ไคลน์เข้าใจความนัยแฝงของอีกฝ่ายได้ทันที

ใครก็ตามที่กล้าเล่นพิเรนทร์เช่นนี้ต่อหน้ามัน ชะตากรรมเดียวคือการได้รับบทลงโทษจากเลือดและเหล็ก!

เมื่อเห็นวิญญาณมารเทวทูตสีชาดตรงหน้ายับยั้งพฤติกรรมด้วยท่าทางอารมณ์ดี ไคลน์อดไม่ได้ที่จะรำพัน

หากไม่ใช่เพราะโอสถจอมเวทพิสดารของเราย่อยสำเร็จ ไปหลายระดับจากผลงานเมื่อครู่ เราคงเชื่อว่าจิตสังหารของหมอนี่แข็งแกร่งดุจดังเหล็กกล้าและน่าจะมีพลังทัดเทียมลำดับหนึ่ง… แต่จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ความสุขุมของเจ้านั่นเป็นเพียงหน้ากากที่ใช้ปกปิดความกลัวต่ออามุนด์… ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าพลังปัจจุบันของมันยังไม่สูงไปกว่าเทวทูตลำดับสอง…

เราเตรียมใจสละหุ่นเชิดไว้แล้ว เพื่อให้โอสถย่อยได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ต้องยอม…

ถ้าเดนิสอยู่ที่นี่ด้วย แค่หมอนั่นตะโกนว่าไอ้ขี้ขลาด ใส่หน้าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดสักสองครั้ง รับรองได้เลยว่าโอสถนักยั่วยุจะถูกย่อยเสร็จในพริบตา แต่คงต้องมอมเหล้าก่อนลงมือสักสี่ห้าขวด…

ไคลน์เลิกล้อเล่นกับเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซี ถอดแว่นตาออกและยิ้ม

“ในสมัยจักรวรรดิโซโลมอน ซาราธน่าจะเป็นเทวทูตเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงยังต้องย่อยโอสถจอมเวทพิสดารอยู่อีก?”

“ข้ากำลังพูดถึงซาราธตัวน้อย” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดตอบอย่างเป็นกันเอง

ข้อมูลนี้ตรงกับคำอธิบายของคุณปู่ในตัวเลียวนาร์ด… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนา

“จัดการแม่มดขาวไปหรือยัง?”

“คิดว่ายังไงล่ะ?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยิ้ม “นอกจากนั้น ช่วยสุภาพกับเธอด้วย คาร์เทอริน่าเรียกตัวเองว่านักบุญขาว เราจึงไม่ควรเรียกเธอว่าแม่มดขาว”

สุภาพ… นักล่าพยายามเน้นย้ำความสุภาพกับเรา… ไคลน์นึกอยากจะกระตุกมุมปากเพื่อแสดงความอึดอัดภายในใจ แต่สุดท้ายก็ข่มสติและทำตัวสำรวม

ดูเหมือนว่าการยั่วยุ จะไม่ได้จำกัดเฉพาะการเย้ยหยันและด่าทอ เฮ้อ… เดนิสที่ทำได้แค่สบถอยู่คำเดียว คือความอัปยศของนักล่าโดยแท้จริง… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด

“ผมทำตามสัญญาแล้ว จะไม่จ่ายค่าแรงให้สักหน่อยหรือ”

“ค่าแรง?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดถามเชิงเย้ยหยัน

ไคลน์ไม่แยแสท่าทาง เพียงพึมพำประหนึ่งพูดกับตัวเอง

“ผมต้องการสื่อวิญญาณแม่มดขาวเพื่อถามบางสิ่งจากเธอ”

“นั่นคือค่าแรงของเจ้า?” เทวทูตสีชาดถามด้วยสีหน้าขบขัน

ไคลน์ผงกศีรษะ

“ถูกต้อง”

“ไม่มีปัญหา” เซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซียกแขนขวาขึ้นจับบางสิ่งระหว่างคิ้ว จากนั้นก็กระชากร่างมายาที่พร่ามัวเล็กน้อยออกมา ไม่ใช่ใครนอกจากนักบุญขาว คาร์เทอริน่า

“ขอคุยส่วนตัวได้ไหม” ไคลน์มองไปรอบๆ ขณะถาม

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดอมยิ้ม

“ต้องจองห้องให้ด้วยไหม? ลองใช้สมองสักนิด ต้องให้เจ้าไม่อยากให้ข้าได้ยินคำถาม แต่ข้าก็สามารถเค้นข้อมูลจากวิญญาณคาร์เทอริน่าได้ในภายหลังอยู่ดี เว้นเสียแต่เจ้าจะไม่คืนวิญญาณกลับมา… หรือเจ้าเป็นเด็กน้อยบ้าพิธีกรรม?”

“…” ไคลน์บังคับหุ่นเชิดตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ผมมีวิธีทำให้เธอลืมคำถาม”

ประโยคเมื่อครู่กึ่งจริงกึ่งเท็จ ส่วนที่จริงก็คือ ไคลน์สามารถทำได้ด้วยตะกอนพลังจอมบงการของเฮอร์วิน แรมบิส แต่โอกาสสำเร็จค่อนข้างต่ำ แถมยังมีผลข้างเคียงรุนแรง ส่วนที่เท็จก็คือ ไคลน์ไม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะนั่นจะหมายถึงการเปิดเผยความลับหลายเรื่อง จุดประสงค์ที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ออกไป เพียงต้องการให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดระแวงว่า คำถามที่อีกฝ่ายเค้นจากคาร์เทอริน่าในภายหลัง อาจไม่ใช่สิ่งที่ไคลน์ถามจากเธอจริงๆ ส่งผลให้เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีไม่ปักใจเชื่อข้อมูลดังกล่าวเต็มร้อย วิธีนี้จะได้ผลอย่างมากกับคนที่มีความระแวงสูง

แต่แน่นอน ไคลน์ไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเทวทูตสีชาดซึ่งเป็นจุดสูงสุดของ ‘นักวางแผน’

“ไม่เลว” หลังจากได้ฟังคำตอบไคลน์ วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเลือนหายไปอยู่บนผิวกระจก

ไคลน์เหลือบมองคราบเลือดที่ควบแน่นกลายเป็นหินสีเทา จากนั้นก็พาร่างของแม่มดขาวที่ดูค่อนข้างหลอนออกจากบริเวณกระจก ตรงเข้าไปในตรอกมืดแห่งหนึ่ง

มันนำเทียนไข น้ำมันสกัด และผงสมุนไพรออกมาประกอบเป็นแท่นบูชา ตามด้วยการสวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลโดยหวังจะสร้างพิธีกรรมสื่อวิญญาณที่สมบูรณ์

ชายหนุ่มฝึกฝนทักษะเหล่านี้จนเชี่ยวชาญมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหยี่ยวราตรี

เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้น พลังงานอันยิ่งใหญ่ น่าสะพรึง และลึกลับพลันร่วงหล่นลงมาจากสถานที่สูงลิบสุดจะพรรณนา เปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัด

ดวงตาไคลน์กลายเป็นสีเข้มกะทันหัน ราวกับภายในนั้นมีค่ำคืนอัดแน่นอยู่

มองมันเห็นหลายสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น รวมถึงพายุแห่งจิตที่กำลังส่องแสงสลัว

หลังจากผ่านชั้นอุปสรรคเข้าไปอย่างง่ายดาย ไคลน์เผชิญหน้ากับร่างวิญญาณของแม่มดขาว

“ความร่วมมือระหว่างนิกายแม่มดกับจอร์จที่สามยุติลงแล้วใช่ไหม” ไคลน์ไม่ได้แยแสคำตอบสักเท่าไร เพียงถามเพื่อเริ่มต้นบทสนทนาจากอ่อนไปแข็ง

สีหน้าที่หมองคล้ำและสับสนของคาร์เทอริน่าเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มและการพยักหน้า

“ใช่”

“แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ในเบ็คลันด์” ไคลน์ถามต่อยอด

คาร์เทอริน่าตอบด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ล่าทริสซี่ เธอขโมยสมบัติปิดผนึกที่สำคัญไป”

“เป็นสมบัติปิดผนึกประเภทใด” ไคลน์พลันนึกถึงแหวนที่แม่มดทริสซี่เคยสวม แหวนซึ่งตกแต่งด้วยอัญมณีสีฟ้า

แม่มดขาว คาร์เทอริน่ายังคงตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เกี่ยวข้องกับการปลุกพลังท่านบรรพกาล นอกจากความสำคัญในฐานะสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ สิ่งนั้นไม่มีพลังพิเศษอื่น”

เกี่ยวกับแม่มดบรรพกาลจริงๆ ด้วย… ก็ถึงกับลงทุนเปลี่ยนชื่อทริสซี่เป็นทริสซี่ ชีคนี่นะ… ไคลน์มิได้เปิดเผยว่าตนทราบชื่อจริงของแม่มดบรรพกาล เพียงเปลี่ยนไปถามประเด็นอื่น

“คุณทราบไหมว่า สุสานอีกแปดแห่งของจอร์จที่สามอยู่ที่ไหนบ้าง”

คาร์เทอริน่าขมวดคิ้ว ตอบด้วยสีหน้าขอความเห็นใจ

“กระจายตัวอยู่หลายแห่ง มีทั้งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบ็คลันด์ แคว้นอาโฮว่า แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก…”

ในตอนแรก แม่มดขาวเอ่ยเพียงสถานที่ตั้งกว้างๆ ของสุสานทั้งแปด แต่หลังจากนั้นก็ลงลึกรายละเอียดเพิ่มเติม

“สุสานทั้งแปดแห่งได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อนานมาแล้ว ปัจจุบัน ช่องทางสำหรับเทเลพอร์ตถูกปิดตายชั่วคราว ต่อให้มีคาถาที่เกี่ยวข้องก็มิอาจผ่านเข้าไป และแทบไม่มีทางหาพบจากโลกภายนอก… ยกเว้นสองเทวทูตแห่งราชวงศ์และเจ้าชายโกรฟกับดัชเชสจอร์จิน่า รวมถึงตัวจอร์จที่สามเอง คนอื่นหมดสิทธิ์เข้าไปด้วยประการทั้งปวง…”

ข้อมูลบางส่วนตรงกับตำแหน่งที่โจนาส โคลเกอร์ชอบไปล่าสัตว์ และนั่นสอดคล้องกับการคาดเดาของเรา… แปลว่าแม่มดขาวไม่ได้โกหก… ไว้ค่อยกลับไปยืนยันบนมิติเหนือสายหมอกอีกครั้ง…

ถ้าเป็นแบบที่เธอว่ามา สถานการณ์คงยุ่งยากยิ่งกว่าเก่า… ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายโกรฟหรือดัชเชสจอร์จิน่า ทั้งสองพระองค์ล้วนถูกคุ้มครองโดยเทวทูตจำนวนหนึ่ง…

สิ่งที่ยากที่สุดคือวิธีเข้าไปในโบราณสถาน หากเข้าไปได้ ขั้นตอนหลังจากนั้นก็คงไม่อันตรายนัก เพราะในปัจจุบัน สงครามกำลังปะทุ ราชวงศ์ต้องส่งครึ่งเทพออกไปรบกับฟุซัค กำลังพลถึงจำกัด ไม่มีทางที่โบราณสถานทุกแห่งจะถูกคุ้มกันโดยนักบุญ รวมถึงการมีเทวทูตคอยคุมเชิงอีกที… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เปลี่ยนคำถาม

“ราชวงศ์มีเทวทูตสองตน?”

“ถ้านับตามจริงก็ไม่ใช่ เพราะตัวจอร์จที่สามเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในเทวทูตเช่นกัน” แม่มดขาว คาร์เทอริน่าตอบอย่างซื่อตรง “เทวทูตตนแรกคือผู้ก่อตั้งอาณาจักรโลเอ็นซึ่งรอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สี่ผู้ปกป้อง วิลเลียมที่หนึ่ง ท่านเป็นลำดับ 1 แห่งเส้นทางผู้ตัดสิน ‘หัตถ์ประกาศิต’ ส่วนเทวทูตอีกหนึ่งตนคืออดีตดยุคแห่งนันวีลล์ ดริงก์·ออกัสตัส ท่านเป็นลำดับ 2 แห่งเส้นทางผู้ตัดสินผู้สร้างสมดุล… สำหรับจำนวนสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ ในราชวงศ์ ฉันไม่ทราบ”

ผู้ก่อตั้งที่ใบหน้าถูกพิมพ์ลงบนธนบัตรสิบปอนด์ยังมีชีวิตอยู่? เป็นอีกครั้งที่ได้เข้าถึงประวัติศาสตร์อันมืดมิด… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พยักหน้าและถามต่อไป

“ทำไมคุณถึงต้องร่วมมือกับจอร์จที่สาม”

“เพื่อแลกกับตะกอนพลังผู้พิชิต… ปัจจุบันอยู่ในมือพวกเราแล้ว” สีหน้าของคาร์เทอริน่าเริ่มเผยความกระวนกระวาย

ผู้พิชิตคือชื่อของโอสถลำดับหนึ่ง เส้นทางนักบวชสีชาด!

“สิ่งนั้นจะถูกยกให้แม่มดบรรพกาลหรือบุคคลระดับสูงในนิกาย?” ไคลน์ถามหลังจากไตร่ตรอง “ในนิกายแม่มดมีสมาชิกระดับสูงอยู่กี่คน”

“ตะกอนพลังจะถูกสังเวยให้กับท่านบรรพกาล แต่ก่อนหน้านั้นต้องนำสมบัติปิดผนึกที่ทริสซี่ช่วงชิงไปกลับมาให้ได้… ปัจจุบันจึงถูกเก็บไว้กับนักบุญดำ… สมาชิกระดับสูงของพวกเราจะใช้สีเป็นฉายา…” คาร์เทอริน่าตอบตามความจริง

หลังจากถามจนพอใจ ไคลน์หยุดพิธีกรรมสื่อวิญญาณและเก็บกวาดแท่นบูชา จากนั้นก็พาวิญญาณแม่มดขาวกลับมาที่กระจกหน้าต่าง

ส่วนตัวมันกลับมาด้วยพลังท่องเที่ยว ร่างกายเลือนหายและมาโผล่ใกล้กับหุ่นเชิดทั้งสอง

เมื่อยืนยันว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลับไปแล้ว สีหน้าสับสนและล่องลอยของคาร์เทอริน่าถูกสลัดทิ้งทันที แทนที่ด้วยความมีชีวิตชีวา

เธอเข้าไปในกระจกสีหม่นอีกครั้ง

ไม่กี่วินาทีถัดมา เซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซีซึ่งแต่งกายในผ้าคลุมสีดำแถบแดง เดินออกจากกระจกหน้าต่างพร้อมกับแม่มดขาว แต่คราวนี้ฝ่ายหลังกลับมีกายเนื้อคมชัด ปราศจากสัญญาณความตายโดยสิ้นเชิง!

“ความหมายของเจ้าคือ หมอนั่นถามเกี่ยวกับที่ตั้งสุสานลับแปดแห่งที่เหลือของจอร์จที่สาม… โดยที่พลังสื่อวิญญาณมาจากรัตติกาล?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดจับคางพลางหันไปถามคาร์เทอริน่า

แม่มดขาวพยักหน้าแผ่วเบา

“ถูกต้อง”

“หืม…” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเผยรอยยิ้ม “เจ้านั่นไม่ต้องการให้จอร์จที่สามได้เป็นจักรพรรดิมืดสินะ”

คาร์เทอริน่ากลอกตาและยิ้มเล็กน้อย

“แต่โอกาสสำเร็จช่างริบหรี่… ไม่ว่าเขาจะเลื่อนลำดับได้เร็วสักเพียงใด มีผู้ช่วยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางต่อต้านกองกำลังผสมของราชวงศ์ กองทัพ และองค์กรลับนั่นได้… ไม่สิ ลำพังราชวงศ์ออกัสตัสก็เพียงพอแล้ว จากระดับปัจจุบันของเขา แค่จะทำให้สั่นคลอนยังไม่ได้เลย… เว้นเสียแต่รัตติกาลจะลงมือด้วยตัวเอง”

กล่าวถึงตรงนี้ แม่มดขาวถามอย่างเป็นกันเอง

“ฉันแปลกใจมาก ทำไมคุณถึงไม่ฆ่าฉันทันทีหลังจากถือครองความได้เปรียบขนาดนั้น”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดชำเลืองด้วยหางตาพลางยกมุมปากขึ้น

“เจ้าคิดจริงหรือ… ว่าตัวเองสำคัญพอที่จะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของข้า”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 1110 : สื่อวิญญาณ

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 1110 : สื่อวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันใดนั้น ค่ำคืนอันเย็นเรียบทวีความร้อนระอุราวกับมีลาวาล่องหนเดือดพล่าน

แต่เพียงไม่นานก็กลับเป็นปรกติ

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดจ้องไคลน์หัวจรดเท้าสองสามหน ก่อนจะยิ้มให้ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“ขอย้ำคำเดิม เจ้ามีพรสวรรค์ในการเป็นนักยั่วยุ… แม้แต่ซาราธในตอนที่ย่อยโอสถจอมเวทพิสดารก็ยังไม่กล้าแสร้งทำเป็นอามุนด์ต่อหน้าข้า”

น้ำเสียงของอีกฝ่ายปราศจากความโกรธ และไม่ได้อธิบายว่าทำไมซาราธถึงไม่กล้า แต่ขณะที่สายตาเทวทูตสีชาดกวาดขึ้นลง ไคลน์รู้สึกราวกับกำลังตกลงไปในธารน้ำแข็งที่เย็นเยียบ

นี่คือความรู้สึก ‘ที่ถูกส่งผ่าน’ จากหุ่นเชิดมายังร่างต้น แต่ถึงอย่างนั้น ท้ายทอยกับแผ่นหลังไคลน์ยังรู้สึกขนลุก

โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีอธิบาย ไคลน์เข้าใจความนัยแฝงของอีกฝ่ายได้ทันที

ใครก็ตามที่กล้าเล่นพิเรนทร์เช่นนี้ต่อหน้ามัน ชะตากรรมเดียวคือการได้รับบทลงโทษจากเลือดและเหล็ก!

เมื่อเห็นวิญญาณมารเทวทูตสีชาดตรงหน้ายับยั้งพฤติกรรมด้วยท่าทางอารมณ์ดี ไคลน์อดไม่ได้ที่จะรำพัน

หากไม่ใช่เพราะโอสถจอมเวทพิสดารของเราย่อยสำเร็จ ไปหลายระดับจากผลงานเมื่อครู่ เราคงเชื่อว่าจิตสังหารของหมอนี่แข็งแกร่งดุจดังเหล็กกล้าและน่าจะมีพลังทัดเทียมลำดับหนึ่ง… แต่จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ความสุขุมของเจ้านั่นเป็นเพียงหน้ากากที่ใช้ปกปิดความกลัวต่ออามุนด์… ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าพลังปัจจุบันของมันยังไม่สูงไปกว่าเทวทูตลำดับสอง…

เราเตรียมใจสละหุ่นเชิดไว้แล้ว เพื่อให้โอสถย่อยได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ต้องยอม…

ถ้าเดนิสอยู่ที่นี่ด้วย แค่หมอนั่นตะโกนว่าไอ้ขี้ขลาด ใส่หน้าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดสักสองครั้ง รับรองได้เลยว่าโอสถนักยั่วยุจะถูกย่อยเสร็จในพริบตา แต่คงต้องมอมเหล้าก่อนลงมือสักสี่ห้าขวด…

ไคลน์เลิกล้อเล่นกับเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซี ถอดแว่นตาออกและยิ้ม

“ในสมัยจักรวรรดิโซโลมอน ซาราธน่าจะเป็นเทวทูตเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงยังต้องย่อยโอสถจอมเวทพิสดารอยู่อีก?”

“ข้ากำลังพูดถึงซาราธตัวน้อย” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดตอบอย่างเป็นกันเอง

ข้อมูลนี้ตรงกับคำอธิบายของคุณปู่ในตัวเลียวนาร์ด… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนา

“จัดการแม่มดขาวไปหรือยัง?”

“คิดว่ายังไงล่ะ?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยิ้ม “นอกจากนั้น ช่วยสุภาพกับเธอด้วย คาร์เทอริน่าเรียกตัวเองว่านักบุญขาว เราจึงไม่ควรเรียกเธอว่าแม่มดขาว”

สุภาพ… นักล่าพยายามเน้นย้ำความสุภาพกับเรา… ไคลน์นึกอยากจะกระตุกมุมปากเพื่อแสดงความอึดอัดภายในใจ แต่สุดท้ายก็ข่มสติและทำตัวสำรวม

ดูเหมือนว่าการยั่วยุ จะไม่ได้จำกัดเฉพาะการเย้ยหยันและด่าทอ เฮ้อ… เดนิสที่ทำได้แค่สบถอยู่คำเดียว คือความอัปยศของนักล่าโดยแท้จริง… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด

“ผมทำตามสัญญาแล้ว จะไม่จ่ายค่าแรงให้สักหน่อยหรือ”

“ค่าแรง?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดถามเชิงเย้ยหยัน

ไคลน์ไม่แยแสท่าทาง เพียงพึมพำประหนึ่งพูดกับตัวเอง

“ผมต้องการสื่อวิญญาณแม่มดขาวเพื่อถามบางสิ่งจากเธอ”

“นั่นคือค่าแรงของเจ้า?” เทวทูตสีชาดถามด้วยสีหน้าขบขัน

ไคลน์ผงกศีรษะ

“ถูกต้อง”

“ไม่มีปัญหา” เซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซียกแขนขวาขึ้นจับบางสิ่งระหว่างคิ้ว จากนั้นก็กระชากร่างมายาที่พร่ามัวเล็กน้อยออกมา ไม่ใช่ใครนอกจากนักบุญขาว คาร์เทอริน่า

“ขอคุยส่วนตัวได้ไหม” ไคลน์มองไปรอบๆ ขณะถาม

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดอมยิ้ม

“ต้องจองห้องให้ด้วยไหม? ลองใช้สมองสักนิด ต้องให้เจ้าไม่อยากให้ข้าได้ยินคำถาม แต่ข้าก็สามารถเค้นข้อมูลจากวิญญาณคาร์เทอริน่าได้ในภายหลังอยู่ดี เว้นเสียแต่เจ้าจะไม่คืนวิญญาณกลับมา… หรือเจ้าเป็นเด็กน้อยบ้าพิธีกรรม?”

“…” ไคลน์บังคับหุ่นเชิดตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ผมมีวิธีทำให้เธอลืมคำถาม”

ประโยคเมื่อครู่กึ่งจริงกึ่งเท็จ ส่วนที่จริงก็คือ ไคลน์สามารถทำได้ด้วยตะกอนพลังจอมบงการของเฮอร์วิน แรมบิส แต่โอกาสสำเร็จค่อนข้างต่ำ แถมยังมีผลข้างเคียงรุนแรง ส่วนที่เท็จก็คือ ไคลน์ไม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะนั่นจะหมายถึงการเปิดเผยความลับหลายเรื่อง จุดประสงค์ที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ออกไป เพียงต้องการให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดระแวงว่า คำถามที่อีกฝ่ายเค้นจากคาร์เทอริน่าในภายหลัง อาจไม่ใช่สิ่งที่ไคลน์ถามจากเธอจริงๆ ส่งผลให้เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีไม่ปักใจเชื่อข้อมูลดังกล่าวเต็มร้อย วิธีนี้จะได้ผลอย่างมากกับคนที่มีความระแวงสูง

แต่แน่นอน ไคลน์ไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเทวทูตสีชาดซึ่งเป็นจุดสูงสุดของ ‘นักวางแผน’

“ไม่เลว” หลังจากได้ฟังคำตอบไคลน์ วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเลือนหายไปอยู่บนผิวกระจก

ไคลน์เหลือบมองคราบเลือดที่ควบแน่นกลายเป็นหินสีเทา จากนั้นก็พาร่างของแม่มดขาวที่ดูค่อนข้างหลอนออกจากบริเวณกระจก ตรงเข้าไปในตรอกมืดแห่งหนึ่ง

มันนำเทียนไข น้ำมันสกัด และผงสมุนไพรออกมาประกอบเป็นแท่นบูชา ตามด้วยการสวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลโดยหวังจะสร้างพิธีกรรมสื่อวิญญาณที่สมบูรณ์

ชายหนุ่มฝึกฝนทักษะเหล่านี้จนเชี่ยวชาญมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหยี่ยวราตรี

เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้น พลังงานอันยิ่งใหญ่ น่าสะพรึง และลึกลับพลันร่วงหล่นลงมาจากสถานที่สูงลิบสุดจะพรรณนา เปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัด

ดวงตาไคลน์กลายเป็นสีเข้มกะทันหัน ราวกับภายในนั้นมีค่ำคืนอัดแน่นอยู่

มองมันเห็นหลายสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น รวมถึงพายุแห่งจิตที่กำลังส่องแสงสลัว

หลังจากผ่านชั้นอุปสรรคเข้าไปอย่างง่ายดาย ไคลน์เผชิญหน้ากับร่างวิญญาณของแม่มดขาว

“ความร่วมมือระหว่างนิกายแม่มดกับจอร์จที่สามยุติลงแล้วใช่ไหม” ไคลน์ไม่ได้แยแสคำตอบสักเท่าไร เพียงถามเพื่อเริ่มต้นบทสนทนาจากอ่อนไปแข็ง

สีหน้าที่หมองคล้ำและสับสนของคาร์เทอริน่าเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มและการพยักหน้า

“ใช่”

“แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ในเบ็คลันด์” ไคลน์ถามต่อยอด

คาร์เทอริน่าตอบด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ล่าทริสซี่ เธอขโมยสมบัติปิดผนึกที่สำคัญไป”

“เป็นสมบัติปิดผนึกประเภทใด” ไคลน์พลันนึกถึงแหวนที่แม่มดทริสซี่เคยสวม แหวนซึ่งตกแต่งด้วยอัญมณีสีฟ้า

แม่มดขาว คาร์เทอริน่ายังคงตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เกี่ยวข้องกับการปลุกพลังท่านบรรพกาล นอกจากความสำคัญในฐานะสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ สิ่งนั้นไม่มีพลังพิเศษอื่น”

เกี่ยวกับแม่มดบรรพกาลจริงๆ ด้วย… ก็ถึงกับลงทุนเปลี่ยนชื่อทริสซี่เป็นทริสซี่ ชีคนี่นะ… ไคลน์มิได้เปิดเผยว่าตนทราบชื่อจริงของแม่มดบรรพกาล เพียงเปลี่ยนไปถามประเด็นอื่น

“คุณทราบไหมว่า สุสานอีกแปดแห่งของจอร์จที่สามอยู่ที่ไหนบ้าง”

คาร์เทอริน่าขมวดคิ้ว ตอบด้วยสีหน้าขอความเห็นใจ

“กระจายตัวอยู่หลายแห่ง มีทั้งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบ็คลันด์ แคว้นอาโฮว่า แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก…”

ในตอนแรก แม่มดขาวเอ่ยเพียงสถานที่ตั้งกว้างๆ ของสุสานทั้งแปด แต่หลังจากนั้นก็ลงลึกรายละเอียดเพิ่มเติม

“สุสานทั้งแปดแห่งได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อนานมาแล้ว ปัจจุบัน ช่องทางสำหรับเทเลพอร์ตถูกปิดตายชั่วคราว ต่อให้มีคาถาที่เกี่ยวข้องก็มิอาจผ่านเข้าไป และแทบไม่มีทางหาพบจากโลกภายนอก… ยกเว้นสองเทวทูตแห่งราชวงศ์และเจ้าชายโกรฟกับดัชเชสจอร์จิน่า รวมถึงตัวจอร์จที่สามเอง คนอื่นหมดสิทธิ์เข้าไปด้วยประการทั้งปวง…”

ข้อมูลบางส่วนตรงกับตำแหน่งที่โจนาส โคลเกอร์ชอบไปล่าสัตว์ และนั่นสอดคล้องกับการคาดเดาของเรา… แปลว่าแม่มดขาวไม่ได้โกหก… ไว้ค่อยกลับไปยืนยันบนมิติเหนือสายหมอกอีกครั้ง…

ถ้าเป็นแบบที่เธอว่ามา สถานการณ์คงยุ่งยากยิ่งกว่าเก่า… ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายโกรฟหรือดัชเชสจอร์จิน่า ทั้งสองพระองค์ล้วนถูกคุ้มครองโดยเทวทูตจำนวนหนึ่ง…

สิ่งที่ยากที่สุดคือวิธีเข้าไปในโบราณสถาน หากเข้าไปได้ ขั้นตอนหลังจากนั้นก็คงไม่อันตรายนัก เพราะในปัจจุบัน สงครามกำลังปะทุ ราชวงศ์ต้องส่งครึ่งเทพออกไปรบกับฟุซัค กำลังพลถึงจำกัด ไม่มีทางที่โบราณสถานทุกแห่งจะถูกคุ้มกันโดยนักบุญ รวมถึงการมีเทวทูตคอยคุมเชิงอีกที… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เปลี่ยนคำถาม

“ราชวงศ์มีเทวทูตสองตน?”

“ถ้านับตามจริงก็ไม่ใช่ เพราะตัวจอร์จที่สามเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในเทวทูตเช่นกัน” แม่มดขาว คาร์เทอริน่าตอบอย่างซื่อตรง “เทวทูตตนแรกคือผู้ก่อตั้งอาณาจักรโลเอ็นซึ่งรอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สี่ผู้ปกป้อง วิลเลียมที่หนึ่ง ท่านเป็นลำดับ 1 แห่งเส้นทางผู้ตัดสิน ‘หัตถ์ประกาศิต’ ส่วนเทวทูตอีกหนึ่งตนคืออดีตดยุคแห่งนันวีลล์ ดริงก์·ออกัสตัส ท่านเป็นลำดับ 2 แห่งเส้นทางผู้ตัดสินผู้สร้างสมดุล… สำหรับจำนวนสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ ในราชวงศ์ ฉันไม่ทราบ”

ผู้ก่อตั้งที่ใบหน้าถูกพิมพ์ลงบนธนบัตรสิบปอนด์ยังมีชีวิตอยู่? เป็นอีกครั้งที่ได้เข้าถึงประวัติศาสตร์อันมืดมิด… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พยักหน้าและถามต่อไป

“ทำไมคุณถึงต้องร่วมมือกับจอร์จที่สาม”

“เพื่อแลกกับตะกอนพลังผู้พิชิต… ปัจจุบันอยู่ในมือพวกเราแล้ว” สีหน้าของคาร์เทอริน่าเริ่มเผยความกระวนกระวาย

ผู้พิชิตคือชื่อของโอสถลำดับหนึ่ง เส้นทางนักบวชสีชาด!

“สิ่งนั้นจะถูกยกให้แม่มดบรรพกาลหรือบุคคลระดับสูงในนิกาย?” ไคลน์ถามหลังจากไตร่ตรอง “ในนิกายแม่มดมีสมาชิกระดับสูงอยู่กี่คน”

“ตะกอนพลังจะถูกสังเวยให้กับท่านบรรพกาล แต่ก่อนหน้านั้นต้องนำสมบัติปิดผนึกที่ทริสซี่ช่วงชิงไปกลับมาให้ได้… ปัจจุบันจึงถูกเก็บไว้กับนักบุญดำ… สมาชิกระดับสูงของพวกเราจะใช้สีเป็นฉายา…” คาร์เทอริน่าตอบตามความจริง

หลังจากถามจนพอใจ ไคลน์หยุดพิธีกรรมสื่อวิญญาณและเก็บกวาดแท่นบูชา จากนั้นก็พาวิญญาณแม่มดขาวกลับมาที่กระจกหน้าต่าง

ส่วนตัวมันกลับมาด้วยพลังท่องเที่ยว ร่างกายเลือนหายและมาโผล่ใกล้กับหุ่นเชิดทั้งสอง

เมื่อยืนยันว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลับไปแล้ว สีหน้าสับสนและล่องลอยของคาร์เทอริน่าถูกสลัดทิ้งทันที แทนที่ด้วยความมีชีวิตชีวา

เธอเข้าไปในกระจกสีหม่นอีกครั้ง

ไม่กี่วินาทีถัดมา เซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซีซึ่งแต่งกายในผ้าคลุมสีดำแถบแดง เดินออกจากกระจกหน้าต่างพร้อมกับแม่มดขาว แต่คราวนี้ฝ่ายหลังกลับมีกายเนื้อคมชัด ปราศจากสัญญาณความตายโดยสิ้นเชิง!

“ความหมายของเจ้าคือ หมอนั่นถามเกี่ยวกับที่ตั้งสุสานลับแปดแห่งที่เหลือของจอร์จที่สาม… โดยที่พลังสื่อวิญญาณมาจากรัตติกาล?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดจับคางพลางหันไปถามคาร์เทอริน่า

แม่มดขาวพยักหน้าแผ่วเบา

“ถูกต้อง”

“หืม…” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเผยรอยยิ้ม “เจ้านั่นไม่ต้องการให้จอร์จที่สามได้เป็นจักรพรรดิมืดสินะ”

คาร์เทอริน่ากลอกตาและยิ้มเล็กน้อย

“แต่โอกาสสำเร็จช่างริบหรี่… ไม่ว่าเขาจะเลื่อนลำดับได้เร็วสักเพียงใด มีผู้ช่วยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางต่อต้านกองกำลังผสมของราชวงศ์ กองทัพ และองค์กรลับนั่นได้… ไม่สิ ลำพังราชวงศ์ออกัสตัสก็เพียงพอแล้ว จากระดับปัจจุบันของเขา แค่จะทำให้สั่นคลอนยังไม่ได้เลย… เว้นเสียแต่รัตติกาลจะลงมือด้วยตัวเอง”

กล่าวถึงตรงนี้ แม่มดขาวถามอย่างเป็นกันเอง

“ฉันแปลกใจมาก ทำไมคุณถึงไม่ฆ่าฉันทันทีหลังจากถือครองความได้เปรียบขนาดนั้น”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดชำเลืองด้วยหางตาพลางยกมุมปากขึ้น

“เจ้าคิดจริงหรือ… ว่าตัวเองสำคัญพอที่จะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของข้า”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+