Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ราชันเร้นลับ 1206 : เหล่าจิ้งจอกเฒ่า

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 1206 : เหล่าจิ้งจอกเฒ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายเกินไป? หลังจากหัวใจไคลน์หล่นไปอยู่ตาตุ่ม มันสัมผัสได้ว่ากล่องวันวานในมือเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง

มันรีบก้มมองและพบว่าผิวประตูของวิหารกระดูกที่หดกลายเป็นของเล่น ทยอยเปล่งแสงสว่างทีละเส้น จนกระทั่งกะโหลกสีขาวและใบหน้าบิดเบี้ยวทยอยมีชีวิตชีวาขึ้นมากะทันหัน

วิหารกระดูกของอาดัมทรงพลังขนาดนี้เชียว? แค่ประตูบานเดียว 0-61 ก็ยังทำอะไรไม่ได้? โดยไม่มัวรีรอ ไคลน์รีบใช้ดาวแดงของเลียวนาร์ดในการระบุภาพโคมไฟถนนของบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์

ทันใดนั้น บานประตูฝังกะโหลกสีขาวและใบหน้าบิดเบี้ยวพลันกลับสู่โลกความจริง และบนชั้นหนึ่งของกล่องวันวานถูกแทนที่ด้วยถนนที่มีโคมไฟส่องสว่าง

ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เล็งไปยังอามุนด์ในวิหารกระดูกพลางตวัดมือขวาเปิดกล่องชั้นที่สองของ 0-61

ปัจจุบัน พาลีส·โซโรอาสเตอร์ไม่ได้อยู่ในสนามรบแล้ว ไคลน์สามารถย้ายอามุนด์ไปไว้สถานที่อื่นโดยปราศจากความลังเล

ชายหนุ่มระบุตำแหน่งปลายทางให้เป็นดินแดนดารา หวังให้อามุนด์ได้รับ ‘ความรัก’ จากทวยเทพทั้งเจ็ด แต่มันก็ไม่ทราบว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบสุ่มหรือไม่

ทันใดนั้นเอง บานประตูกลับคืนมายังวิหารกระดูก พร้อมกันกับการสลายตัวของอาคารสูงตระหง่านที่ซ้อนทับกับโลกความจริงบนบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์

การสลายตัวเกิดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เริ่มจากส่วนโดมตามด้วยส่วนโค้งและกำแพง ปิดท้ายด้วยเสาหินสีดำสนิท

สิ่งของที่ร่วงหล่นมิได้ตกกระทบพื้น แต่จะเลือนหายไปกลางอากาศ

อามุนด์ซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าไม้กางเขนยักษ์เริ่มเลือนหายไปพร้อมกับวิหารกระดูกขนาดมหึมา ราวกับพวกมันเป็นเพียงสิ่งที่ ‘จินตนาการขึ้น’ และพร้อมจะถูกลบเลือนได้ทุกเมื่อ

แน่นอนว่าไคลน์ทราบดี นี่เป็นผลลัพธ์จากการที่อามุนด์ฉกฉวย ‘ช่องโหว่’ ของพลังในขอบเขต ‘จินตภาพ’ ซึ่งมาจากวิหารกระดูก ส่งผลให้สามารถเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายเป็นจินตนาการและหลบหนีออกจากเบ็คลันด์

บึ้ม!

เมฆหนาทึบโผล่ขึ้นกลางอากาศ ลูกบอลสายฟ้าขนาดเท่าบ้านพร้อมด้วยลำแสงสีเงินกระแทกใส่วิหารกระดูกและร่างอามุนด์ที่ยังไม่สลายไปโดยสมบูรณ์

รอยร้าวผุดขึ้นบนแว่นตาขาเดียว หมวกปลายแหลมที่เคยเด่นสง่าทรุดลง

อย่างไรก็ตาม เทวทูตกาลเวลาตนนี้มิได้ตื่นตระหนก แม้ใบหน้าจะกระตุกอย่างมิอาจควบคุม แต่มันยังคงรักษารอยยิ้มพลางถือเสาผลึกที่ก่อตัวจากแสงและเงา จากนั้นก็สลายตัวไปท่ามกลางทะเลแห่งแสงภายในวิหารกระดูก

วินาทีถัดมา วิหารสูงตระหง่านที่ฝังกระดูกขาวและใบหน้าบิดเบี้ยวพลันกลายเป็นเพียงวัตถุในจินตนาการ

เหลือเพียงบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์ตามเดิม แต่บนห้องนั่งเล่นมีร่องรอยขนาดใหญ่ถูกทิ้งไว้

ร่องรอยดังกล่าวดูคล้ายกับใครบางคนขดตัวนอนก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่าน

เป็นร่องรอยอันเกิดจากร่างโคลนอามุนด์จำนวนมหาศาลถูกฟ้าผ่า แต่แน่นอน ไคลน์ทราบว่าอามุนด์ร่างหลักหลบหนีไปได้สำเร็จ แถมยังบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

และเมื่อฟื้นฟูตัวเองเสร็จ ราชาเทวทูตตนนี้ก็จะเหลือแค่พิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพเพื่อกลายเป็นร่างอวตารของ ‘ข้อผิดพลาด’ ทั้งปวง

หลังจากเราทำการสลับประตูหลักของวิหารกระดูก คนแรกที่สัมผัสได้และตอบสนองคือวายุสลาตัน… ดูเหมือนว่าเทพธิดาจะเสด็จเยือนไม่ได้จริงๆ … พระองค์ทำได้เพียงใช้สื่อกลางในการส่งพลังเล็กๆ น้อยๆ แต่ในกรณีที่อามุนด์เตรียมความพร้อม คงไม่สามารถสร้างอิทธิพลใดได้มาก…

…เรามัวแต่ยินดีที่หลบหนีจากอามุนด์สำเร็จ และมัวดีใจที่สามารถรอดพ้นกับดักในภายหลังได้ทั้งหมด แต่กลับกลายเป็นว่า ชายคนนั้นลงมือทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้า…

อามุนด์ย้ายความสนใจมาที่เบ็คลันด์ตอนไหน? อา… คงเป็นตอนที่เราบิดเบือนกฎแห่งธรรมชาติและเลือกเกิดในตำแหน่งอื่นได้ อามุนด์ตระหนักว่านั่นอาจเป็นคำบอกใบ้ของพาลีส·โซโรอาสเตอร์และเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของเขากับเรา ลงเอยด้วยการเบนเป้ามายังตะกอนพลังลำดับหนึ่ง ก้อนสุดท้ายเพื่อกลายเป็นเทพแท้จริง…

เลียวนาร์ดไม่ได้อธิบายรายละเอียดในคำวิงวอนมากนัก เพียงระบุว่าการสำรวจขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปเกิดปัญหา… การที่ผู้วิเศษลำดับหนึ่ง ซึ่งรู้จักอามุนด์ดีที่สุดไม่เอะใจถึงความผิดปรกติเลยและพลาดท่าติดกับดัก หมายความว่าอามุนด์ทำในสิ่งที่น่าทึ่งอีกครั้ง…

ฟู่ว… แม้ว่าเราจะพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดหลังจากต่อสู้ชิงเหลี่ยมกับอามุนด์และเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ปัจจุบันก็ยังห่างไกลจากการเป็นมหาเทพนักต้มตุ๋นเหมือนกับหมอนั่น… เรียกได้ว่าเรายังอ่อนหัด…

หากอามุนด์กลายเป็นลำดับศูนย์ ‘ข้อผิดพลาด’ เมื่อไร และถ้าหมอนั่นยังเดินดินได้ เราเจอเรื่องใหญ่แน่…

ไม่สิ เราต้องรีบค้นหาพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของเส้นทางนักจารกรรม… อาจพบหนทางในการก่อกวนหรือทำลาย เราห้ามปล่อยให้อามุนด์เถลิงบัลลังก์เทพได้ง่ายดายเด็ดขาด…

แต่นี่อาจเป็นสิ่งที่อามุนด์เล็งไว้ก็ได้… พิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของหมอนั่นอาจเป็นกับดักล่อให้เราไปเคาะประตูด้วยตัวเอง… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์พ่นลมหายใจยาว

จากนั้นก็ส่งเสียงไปหาเลียวนาร์ดด้วยมาดของเดอะฟูล

“ไม่ต้องวิงวอนแล้ว”

ภายในวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ดโผล่ขึ้นจากดินในสวนเพื่อเตรียมมุ่งหน้าเข้าไปในห้องโถง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินคำสั่งจากเดอะฟูล

ไม่ต้องวิงวอนแล้ว… เลียวนาร์ดลดความเร็วพลาดทวนคำ

มันเดินช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดลงข้างเสาหิน จากนั้นยกแขนขึ้นมาปิดหน้า

ทันใดนั้นเอง เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นภายในใจ

“เจ้ามัวเศร้าโศกเรื่องใด? ข้ายังไม่ตาย!”

“อะ…?” เลียวนาร์ดลดมือลงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ตาแก่… คุณยังไม่ตาย?”

ดวงตาของมันเริ่มแดงระเรื่อ

“เจ้าพูดอะไรออกมา!” เสียงของพาลีส·โซโรอาสเตอร์กำลังอ่อนแออย่างชัดเจน “แฮ่ม… สรุปโดยสั้น ข้าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์”

เลียวนาร์ดถอนหายใจยาวก่อนจะรีบเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครหันมาสนใจ มันหรี่เสียงถาม

“คุณหลอกอามุนด์สำเร็จ?”

“เรียกว่าหลอกก็คงไม่ถูกนัก” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ถอนหายใจ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ข้าคิดคำนึงบ่อยที่สุดคือจะทำอย่างไรหากร่างต้นของอามุนด์ตามหาข้าพบ หลังจากทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าได้ ‘สร้าง’ วิชาหนึ่งขึ้นมา ช่วยให้หลังจากร่างหลักตาย ข้ายังสามารถคืนชีพในร่างโคลน แต่ก็จะสูญเสียตะกอนพลังลำดับ 1 และถูกลดขั้นลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง… หึหึ… ข้าเองก็มิได้ล้าหลังอย่างที่เจ้านั่นพูด”

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง อามุนด์ฆ่าคุณไปแล้วหนึ่งครั้งและช่วงชิงตะกอนพลังลำดับ 1 สำเร็จ ส่วนคุณก็คืนชีพในร่างลำดับ 2?” เลียวนาร์ดพอจะมองเห็นภาพรวมของเหตุการณ์ แต่ก็ยังถามหาการยืนยัน

พาลีส·โซโรอาสเตอร์ถอนหายใจและตอบ

“ก็ทำนองนั้น และอันที่จริง ใช่ว่าอามุนด์จะไม่สังเกตเห็น เจ้านั่นไม่ได้พยายามยับยั้งในตอนที่ข้าโยนเจ้าออกจากวิหารกระดูก… อามุนด์แค่ต้องการให้ข้าอยู่ต่อไปอย่างมีความหวัง เพื่อจะมอบความสิ้นหวังโดยสมบูรณ์ให้ข้าในการเผชิญหน้าครั้งถัดไป… หากไม่เพราะหวังเช่นนั้น ข้าคงไม่ถูกอามุนด์เพ่งเล็งเร็วขนาดนี้แน่ เรื่องราวจะต่างออกไปหากข้าดูดซับตะกอนพลังจากขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปเสร็จสมบูรณ์…”

เลียวนาร์ดโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ตาแก่… คุณผลักผมออกจากวิหารกระดูกเพราะในตัวมีร่างโคลนอยู่?”

พาลีสพ่นลมหายใจ

“แล้วยังเป็นเพราะอะไรได้อีก? เจ้าคิดว่าข้าเอ็นดูเหมือนหลานคนหนึ่งหรือไง?”

“…ไม่เหลือร่างโคลนอื่นแล้วจริงหรือ” เลียวนาร์ดพึมพำ

พาลีสครางต่ำ

“อามุนด์ถึงกับโกหกร่างโคลนตัวเอง… ยอมรับว่าครั้งนี้ข้าแพ้เต็มประตู”

หากไม่ใช่เพราะพาลีสทราบจากร่างโคลนอามุนด์ที่เคยดูดกลืนเข้าไปว่า อามุนด์ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปเลย พาลีสคงระมัดระวังมากกว่านี้และน่าจะเตรียมพร้อมรับมือในกรณีที่อามุนด์อาจโผล่หน้าออกมา

นั่นคือสาเหตุสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษตระกูลเจคอปหรือเรื่องที่ไคลน์·โมเร็ตติกำลังเล่นไล่จับกับอามุนด์บนดินแดนเทพทอดทิ้ง ปัจจัยเหล่านั้นไม่ใช่สาเหตุที่พาลีสตัดสินใจลงมือ

เลียวนาร์ดไตร่ตรองสักพักก่อนจะกล่าวอย่างผ่อนคลาย

“ตาแก่… ไม่ว่ายังคงคุณก็คงติดกับดักขุมทรัพย์เจคอปเข้าสักวัน การเอาตัวรอดมาได้ถือเป็นเรื่องดีแล้ว”

“ก็ไม่เชิง” พาลีสตอบโต้ “หากข้ามีลางสังหรณ์ว่าอันตรายร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น ข้าก็ไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเป็นเทวทูตของเทพแท้จริงสักตน… เมื่อมีพรจากพระองค์คอยคุ้มครอง การไปเยือนขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปก็จะปลอดภัยมากขึ้น เฮ่อ… เคยคิดไว้ว่าถ้าดูดซับตะกอนพลังเสร็จสิ้นและกลับไปเป็นลำดับ 1 เมื่อไร ข้าคงเลือกรับใช้เทพธิดารัตติกาล หรือไม่ก็เดอะฟูลของเจ้า หรือไม่ก็ยกเลิกการปรสิตเจ้าและกลับไปซ่อนตัวจากอามุนด์ตามเดิม”

กล่าวถึงตรงนี้ อารมณ์ของพาลีสทวีความซับซ้อน

ตาแก่วางแผนในหัวอย่างรัดกุม… ทำไมถึงเชี่ยวชาญการหลบภัยภายใต้ความคุ้มครองของทวยเทพนัก… เลียวนาร์ดถอนหายใจสักพักก่อนจะหันเหสมาธิไปยังเรื่องสำคัญที่สุด

“ตาแก่… หลังจากอามุนด์ช่วงชิงตะกอนพลังลำดับ 1 ของคุณสำเร็จ ทางนั้นจะเริ่มประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพเลยไหม?”

“ใช่” พาลีสตอบเสียงทุ้ม “สิ่งนี้หมายถึง อดีตเพื่อนร่วมงานของเจ้าและพวกเรา อย่างมากก็จะถูกรบกวนจากร่างโคลนระดับต่ำของอามุนด์ไปอีกสักพักใหญ่”

“พิธีกรรมมีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง” เลียวนาร์ดซักไซ้

พาลีสเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ

“แทนที่การเถลิงบัลลังก์เทพของคนอื่น”

กล่าวถึงตรงนี้ พาลีสขำจิกกัดตัวเอง

“เป้าหมายถัดไปของอามุนด์คือพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพอย่างแน่นอน ก่อนจะถึงตอนนั้น พวกเราจะได้ดื่มด่ำไปกับความสงบสุขสุดท้าย… เมื่อเจ้านั่นกลายเป็นเทพแท้จริง ในไม่ช้าก็เร็วคงหันกลับมาเล่นงานเจ้าและเดอะฟูลผ่านเจ้า… แม้ข้าจะสามารถทิ้งเจ้าและหนีไปก่อนได้ แต่อีกฝ่ายก็คงไม่ปล่อยให้ตะกอนพลังระดับเทวทูตรอดพ้นไปจากเงื้อมมือ… พยายามทำความเคยชินกับวิญญาณหายากตนนี้โดยเร็ว รีบย่อยโอสถและกลายเป็นครึ่งเทพ จากนั้นก็ถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์และได้รับการโปรดปรานจากรัตติกาล”

สีหน้าเลียวนาร์ดเคร่งขรึมขณะพยักหน้า

จากนั้น มันพยายามมองหาสถานที่เงียบสงบเพื่อสวดวิงวอนแจ้งข่าวกับเดอะฟูล

ขโมยพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของใครสักคน? คนเดียวที่ใกล้จะเถลิงบัลลังก์เทพคืออาดัม… คงดีไม่น้อยถ้าสองพี่น้องหันมาแว้งกัดกันเอง… ช่วงเวลาสงบสุขครั้งสุดท้าย… ได้แต่หวังว่าร่างโคลนที่อามุนด์ส่งมาก่อกวนเราจะไม่แข็งแกร่งจนเกินไป… หลังจากนี้คงต้องรีบหาเบาะแสของหมาป่าอสูรทมิฬให้พบโดยเร็ว… หวังว่าโดเรียนจะยอมรับข้อเสนอ… ไคลน์ถอนหายใจก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกจริง จากนั้นก็เดินตรงไปในความมืดโดยอาศัยความช่วยเหลือจากแสงตะเกียงในมือ

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ราชันเร้นลับ 1206 : เหล่าจิ้งจอกเฒ่า

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 1206 : เหล่าจิ้งจอกเฒ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายเกินไป? หลังจากหัวใจไคลน์หล่นไปอยู่ตาตุ่ม มันสัมผัสได้ว่ากล่องวันวานในมือเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง

มันรีบก้มมองและพบว่าผิวประตูของวิหารกระดูกที่หดกลายเป็นของเล่น ทยอยเปล่งแสงสว่างทีละเส้น จนกระทั่งกะโหลกสีขาวและใบหน้าบิดเบี้ยวทยอยมีชีวิตชีวาขึ้นมากะทันหัน

วิหารกระดูกของอาดัมทรงพลังขนาดนี้เชียว? แค่ประตูบานเดียว 0-61 ก็ยังทำอะไรไม่ได้? โดยไม่มัวรีรอ ไคลน์รีบใช้ดาวแดงของเลียวนาร์ดในการระบุภาพโคมไฟถนนของบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์

ทันใดนั้น บานประตูฝังกะโหลกสีขาวและใบหน้าบิดเบี้ยวพลันกลับสู่โลกความจริง และบนชั้นหนึ่งของกล่องวันวานถูกแทนที่ด้วยถนนที่มีโคมไฟส่องสว่าง

ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เล็งไปยังอามุนด์ในวิหารกระดูกพลางตวัดมือขวาเปิดกล่องชั้นที่สองของ 0-61

ปัจจุบัน พาลีส·โซโรอาสเตอร์ไม่ได้อยู่ในสนามรบแล้ว ไคลน์สามารถย้ายอามุนด์ไปไว้สถานที่อื่นโดยปราศจากความลังเล

ชายหนุ่มระบุตำแหน่งปลายทางให้เป็นดินแดนดารา หวังให้อามุนด์ได้รับ ‘ความรัก’ จากทวยเทพทั้งเจ็ด แต่มันก็ไม่ทราบว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบสุ่มหรือไม่

ทันใดนั้นเอง บานประตูกลับคืนมายังวิหารกระดูก พร้อมกันกับการสลายตัวของอาคารสูงตระหง่านที่ซ้อนทับกับโลกความจริงบนบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์

การสลายตัวเกิดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เริ่มจากส่วนโดมตามด้วยส่วนโค้งและกำแพง ปิดท้ายด้วยเสาหินสีดำสนิท

สิ่งของที่ร่วงหล่นมิได้ตกกระทบพื้น แต่จะเลือนหายไปกลางอากาศ

อามุนด์ซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าไม้กางเขนยักษ์เริ่มเลือนหายไปพร้อมกับวิหารกระดูกขนาดมหึมา ราวกับพวกมันเป็นเพียงสิ่งที่ ‘จินตนาการขึ้น’ และพร้อมจะถูกลบเลือนได้ทุกเมื่อ

แน่นอนว่าไคลน์ทราบดี นี่เป็นผลลัพธ์จากการที่อามุนด์ฉกฉวย ‘ช่องโหว่’ ของพลังในขอบเขต ‘จินตภาพ’ ซึ่งมาจากวิหารกระดูก ส่งผลให้สามารถเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายเป็นจินตนาการและหลบหนีออกจากเบ็คลันด์

บึ้ม!

เมฆหนาทึบโผล่ขึ้นกลางอากาศ ลูกบอลสายฟ้าขนาดเท่าบ้านพร้อมด้วยลำแสงสีเงินกระแทกใส่วิหารกระดูกและร่างอามุนด์ที่ยังไม่สลายไปโดยสมบูรณ์

รอยร้าวผุดขึ้นบนแว่นตาขาเดียว หมวกปลายแหลมที่เคยเด่นสง่าทรุดลง

อย่างไรก็ตาม เทวทูตกาลเวลาตนนี้มิได้ตื่นตระหนก แม้ใบหน้าจะกระตุกอย่างมิอาจควบคุม แต่มันยังคงรักษารอยยิ้มพลางถือเสาผลึกที่ก่อตัวจากแสงและเงา จากนั้นก็สลายตัวไปท่ามกลางทะเลแห่งแสงภายในวิหารกระดูก

วินาทีถัดมา วิหารสูงตระหง่านที่ฝังกระดูกขาวและใบหน้าบิดเบี้ยวพลันกลายเป็นเพียงวัตถุในจินตนาการ

เหลือเพียงบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์ตามเดิม แต่บนห้องนั่งเล่นมีร่องรอยขนาดใหญ่ถูกทิ้งไว้

ร่องรอยดังกล่าวดูคล้ายกับใครบางคนขดตัวนอนก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่าน

เป็นร่องรอยอันเกิดจากร่างโคลนอามุนด์จำนวนมหาศาลถูกฟ้าผ่า แต่แน่นอน ไคลน์ทราบว่าอามุนด์ร่างหลักหลบหนีไปได้สำเร็จ แถมยังบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

และเมื่อฟื้นฟูตัวเองเสร็จ ราชาเทวทูตตนนี้ก็จะเหลือแค่พิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพเพื่อกลายเป็นร่างอวตารของ ‘ข้อผิดพลาด’ ทั้งปวง

หลังจากเราทำการสลับประตูหลักของวิหารกระดูก คนแรกที่สัมผัสได้และตอบสนองคือวายุสลาตัน… ดูเหมือนว่าเทพธิดาจะเสด็จเยือนไม่ได้จริงๆ … พระองค์ทำได้เพียงใช้สื่อกลางในการส่งพลังเล็กๆ น้อยๆ แต่ในกรณีที่อามุนด์เตรียมความพร้อม คงไม่สามารถสร้างอิทธิพลใดได้มาก…

…เรามัวแต่ยินดีที่หลบหนีจากอามุนด์สำเร็จ และมัวดีใจที่สามารถรอดพ้นกับดักในภายหลังได้ทั้งหมด แต่กลับกลายเป็นว่า ชายคนนั้นลงมือทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้า…

อามุนด์ย้ายความสนใจมาที่เบ็คลันด์ตอนไหน? อา… คงเป็นตอนที่เราบิดเบือนกฎแห่งธรรมชาติและเลือกเกิดในตำแหน่งอื่นได้ อามุนด์ตระหนักว่านั่นอาจเป็นคำบอกใบ้ของพาลีส·โซโรอาสเตอร์และเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของเขากับเรา ลงเอยด้วยการเบนเป้ามายังตะกอนพลังลำดับหนึ่ง ก้อนสุดท้ายเพื่อกลายเป็นเทพแท้จริง…

เลียวนาร์ดไม่ได้อธิบายรายละเอียดในคำวิงวอนมากนัก เพียงระบุว่าการสำรวจขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปเกิดปัญหา… การที่ผู้วิเศษลำดับหนึ่ง ซึ่งรู้จักอามุนด์ดีที่สุดไม่เอะใจถึงความผิดปรกติเลยและพลาดท่าติดกับดัก หมายความว่าอามุนด์ทำในสิ่งที่น่าทึ่งอีกครั้ง…

ฟู่ว… แม้ว่าเราจะพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดหลังจากต่อสู้ชิงเหลี่ยมกับอามุนด์และเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ปัจจุบันก็ยังห่างไกลจากการเป็นมหาเทพนักต้มตุ๋นเหมือนกับหมอนั่น… เรียกได้ว่าเรายังอ่อนหัด…

หากอามุนด์กลายเป็นลำดับศูนย์ ‘ข้อผิดพลาด’ เมื่อไร และถ้าหมอนั่นยังเดินดินได้ เราเจอเรื่องใหญ่แน่…

ไม่สิ เราต้องรีบค้นหาพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของเส้นทางนักจารกรรม… อาจพบหนทางในการก่อกวนหรือทำลาย เราห้ามปล่อยให้อามุนด์เถลิงบัลลังก์เทพได้ง่ายดายเด็ดขาด…

แต่นี่อาจเป็นสิ่งที่อามุนด์เล็งไว้ก็ได้… พิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของหมอนั่นอาจเป็นกับดักล่อให้เราไปเคาะประตูด้วยตัวเอง… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์พ่นลมหายใจยาว

จากนั้นก็ส่งเสียงไปหาเลียวนาร์ดด้วยมาดของเดอะฟูล

“ไม่ต้องวิงวอนแล้ว”

ภายในวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ดโผล่ขึ้นจากดินในสวนเพื่อเตรียมมุ่งหน้าเข้าไปในห้องโถง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินคำสั่งจากเดอะฟูล

ไม่ต้องวิงวอนแล้ว… เลียวนาร์ดลดความเร็วพลาดทวนคำ

มันเดินช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดลงข้างเสาหิน จากนั้นยกแขนขึ้นมาปิดหน้า

ทันใดนั้นเอง เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นภายในใจ

“เจ้ามัวเศร้าโศกเรื่องใด? ข้ายังไม่ตาย!”

“อะ…?” เลียวนาร์ดลดมือลงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ตาแก่… คุณยังไม่ตาย?”

ดวงตาของมันเริ่มแดงระเรื่อ

“เจ้าพูดอะไรออกมา!” เสียงของพาลีส·โซโรอาสเตอร์กำลังอ่อนแออย่างชัดเจน “แฮ่ม… สรุปโดยสั้น ข้าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์”

เลียวนาร์ดถอนหายใจยาวก่อนจะรีบเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครหันมาสนใจ มันหรี่เสียงถาม

“คุณหลอกอามุนด์สำเร็จ?”

“เรียกว่าหลอกก็คงไม่ถูกนัก” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ถอนหายใจ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ข้าคิดคำนึงบ่อยที่สุดคือจะทำอย่างไรหากร่างต้นของอามุนด์ตามหาข้าพบ หลังจากทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าได้ ‘สร้าง’ วิชาหนึ่งขึ้นมา ช่วยให้หลังจากร่างหลักตาย ข้ายังสามารถคืนชีพในร่างโคลน แต่ก็จะสูญเสียตะกอนพลังลำดับ 1 และถูกลดขั้นลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง… หึหึ… ข้าเองก็มิได้ล้าหลังอย่างที่เจ้านั่นพูด”

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง อามุนด์ฆ่าคุณไปแล้วหนึ่งครั้งและช่วงชิงตะกอนพลังลำดับ 1 สำเร็จ ส่วนคุณก็คืนชีพในร่างลำดับ 2?” เลียวนาร์ดพอจะมองเห็นภาพรวมของเหตุการณ์ แต่ก็ยังถามหาการยืนยัน

พาลีส·โซโรอาสเตอร์ถอนหายใจและตอบ

“ก็ทำนองนั้น และอันที่จริง ใช่ว่าอามุนด์จะไม่สังเกตเห็น เจ้านั่นไม่ได้พยายามยับยั้งในตอนที่ข้าโยนเจ้าออกจากวิหารกระดูก… อามุนด์แค่ต้องการให้ข้าอยู่ต่อไปอย่างมีความหวัง เพื่อจะมอบความสิ้นหวังโดยสมบูรณ์ให้ข้าในการเผชิญหน้าครั้งถัดไป… หากไม่เพราะหวังเช่นนั้น ข้าคงไม่ถูกอามุนด์เพ่งเล็งเร็วขนาดนี้แน่ เรื่องราวจะต่างออกไปหากข้าดูดซับตะกอนพลังจากขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปเสร็จสมบูรณ์…”

เลียวนาร์ดโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ตาแก่… คุณผลักผมออกจากวิหารกระดูกเพราะในตัวมีร่างโคลนอยู่?”

พาลีสพ่นลมหายใจ

“แล้วยังเป็นเพราะอะไรได้อีก? เจ้าคิดว่าข้าเอ็นดูเหมือนหลานคนหนึ่งหรือไง?”

“…ไม่เหลือร่างโคลนอื่นแล้วจริงหรือ” เลียวนาร์ดพึมพำ

พาลีสครางต่ำ

“อามุนด์ถึงกับโกหกร่างโคลนตัวเอง… ยอมรับว่าครั้งนี้ข้าแพ้เต็มประตู”

หากไม่ใช่เพราะพาลีสทราบจากร่างโคลนอามุนด์ที่เคยดูดกลืนเข้าไปว่า อามุนด์ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปเลย พาลีสคงระมัดระวังมากกว่านี้และน่าจะเตรียมพร้อมรับมือในกรณีที่อามุนด์อาจโผล่หน้าออกมา

นั่นคือสาเหตุสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษตระกูลเจคอปหรือเรื่องที่ไคลน์·โมเร็ตติกำลังเล่นไล่จับกับอามุนด์บนดินแดนเทพทอดทิ้ง ปัจจัยเหล่านั้นไม่ใช่สาเหตุที่พาลีสตัดสินใจลงมือ

เลียวนาร์ดไตร่ตรองสักพักก่อนจะกล่าวอย่างผ่อนคลาย

“ตาแก่… ไม่ว่ายังคงคุณก็คงติดกับดักขุมทรัพย์เจคอปเข้าสักวัน การเอาตัวรอดมาได้ถือเป็นเรื่องดีแล้ว”

“ก็ไม่เชิง” พาลีสตอบโต้ “หากข้ามีลางสังหรณ์ว่าอันตรายร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น ข้าก็ไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเป็นเทวทูตของเทพแท้จริงสักตน… เมื่อมีพรจากพระองค์คอยคุ้มครอง การไปเยือนขุมทรัพย์ตระกูลเจคอปก็จะปลอดภัยมากขึ้น เฮ่อ… เคยคิดไว้ว่าถ้าดูดซับตะกอนพลังเสร็จสิ้นและกลับไปเป็นลำดับ 1 เมื่อไร ข้าคงเลือกรับใช้เทพธิดารัตติกาล หรือไม่ก็เดอะฟูลของเจ้า หรือไม่ก็ยกเลิกการปรสิตเจ้าและกลับไปซ่อนตัวจากอามุนด์ตามเดิม”

กล่าวถึงตรงนี้ อารมณ์ของพาลีสทวีความซับซ้อน

ตาแก่วางแผนในหัวอย่างรัดกุม… ทำไมถึงเชี่ยวชาญการหลบภัยภายใต้ความคุ้มครองของทวยเทพนัก… เลียวนาร์ดถอนหายใจสักพักก่อนจะหันเหสมาธิไปยังเรื่องสำคัญที่สุด

“ตาแก่… หลังจากอามุนด์ช่วงชิงตะกอนพลังลำดับ 1 ของคุณสำเร็จ ทางนั้นจะเริ่มประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพเลยไหม?”

“ใช่” พาลีสตอบเสียงทุ้ม “สิ่งนี้หมายถึง อดีตเพื่อนร่วมงานของเจ้าและพวกเรา อย่างมากก็จะถูกรบกวนจากร่างโคลนระดับต่ำของอามุนด์ไปอีกสักพักใหญ่”

“พิธีกรรมมีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง” เลียวนาร์ดซักไซ้

พาลีสเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ

“แทนที่การเถลิงบัลลังก์เทพของคนอื่น”

กล่าวถึงตรงนี้ พาลีสขำจิกกัดตัวเอง

“เป้าหมายถัดไปของอามุนด์คือพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพอย่างแน่นอน ก่อนจะถึงตอนนั้น พวกเราจะได้ดื่มด่ำไปกับความสงบสุขสุดท้าย… เมื่อเจ้านั่นกลายเป็นเทพแท้จริง ในไม่ช้าก็เร็วคงหันกลับมาเล่นงานเจ้าและเดอะฟูลผ่านเจ้า… แม้ข้าจะสามารถทิ้งเจ้าและหนีไปก่อนได้ แต่อีกฝ่ายก็คงไม่ปล่อยให้ตะกอนพลังระดับเทวทูตรอดพ้นไปจากเงื้อมมือ… พยายามทำความเคยชินกับวิญญาณหายากตนนี้โดยเร็ว รีบย่อยโอสถและกลายเป็นครึ่งเทพ จากนั้นก็ถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์และได้รับการโปรดปรานจากรัตติกาล”

สีหน้าเลียวนาร์ดเคร่งขรึมขณะพยักหน้า

จากนั้น มันพยายามมองหาสถานที่เงียบสงบเพื่อสวดวิงวอนแจ้งข่าวกับเดอะฟูล

ขโมยพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของใครสักคน? คนเดียวที่ใกล้จะเถลิงบัลลังก์เทพคืออาดัม… คงดีไม่น้อยถ้าสองพี่น้องหันมาแว้งกัดกันเอง… ช่วงเวลาสงบสุขครั้งสุดท้าย… ได้แต่หวังว่าร่างโคลนที่อามุนด์ส่งมาก่อกวนเราจะไม่แข็งแกร่งจนเกินไป… หลังจากนี้คงต้องรีบหาเบาะแสของหมาป่าอสูรทมิฬให้พบโดยเร็ว… หวังว่าโดเรียนจะยอมรับข้อเสนอ… ไคลน์ถอนหายใจก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกจริง จากนั้นก็เดินตรงไปในความมืดโดยอาศัยความช่วยเหลือจากแสงตะเกียงในมือ

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+