Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 930 : อดีตองค์กร

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 930 : อดีตองค์กร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อินซ์·แซงวิลล์”

ได้ยินชื่อดังกล่าว ถุงมือแดงทั้งหมดพลันปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดไปสักพัก

นับตั้งแต่อดีตบิชอปรายนี้ลงมือทรยศ โบสถ์รัตติกาลก็ไม่เคยหย่อนยานในการตามล่าตัว อาร์ชบิชอปและอาวุโสใหญ่ที่ทำงานเบื้องบนต่างผลัดกันรับผิดชอบงานนี้ บ้างก็เบิกสมบัติปิดผนึกออกไปตรวจตราหาเบาะแส แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยล็อกเป้าอินซ์·แซงวิลล์ได้เลยสักครั้ง อีกฝ่ายมักจะหนีไปได้ท่ามกลางกระแสความบังเอิญที่โชคดี มองไม่เห็นแม้แต่เงา ระหว่างนั้น มันยังก่อเรื่องร้ายแรงอีกหลายครั้งและฆ่าเหยี่ยวราตรีไปมากมาย

สำหรับโบสถ์รัตติกาล โดยเฉพาะเหยี่ยวราตรี อินซ์·แซงวีลล์คือความเกลียดชังถึงขั้นต้องการสาปแช่งให้ตาย!

เลียวนาร์ด·มิเชลกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว หายใจลึกกว่าเดิมเล็กน้อย

มันรีบบังคับอารมณ์ให้หยุดพลุ่งพล่าน เบี่ยงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่น

เข้าใจแล้วว่าทำไมดอน·ดันเตสถึงบังเอิญเจออินซ์·แซงวิลล์บนเกาะกึ่งกลางทะเลคลั่ง เพราะจุดหมายของรายหลังคงเป็นทวีปใต้ แถมยังเป็นไบลัมตะวันออก!

ขณะทุกคนกำลังเงียบ ดาลีย์·ซิโมเน่ใช้ร่างวิญญาณของตนสร้างเสียงที่ล่องลอย เย็นเยียบ และราบเรียบ ขณะเดียวกันก็เพิ่มความเร็วในการพูดเล็กน้อย

“ไปพบกันที่ไหน”

สมาชิกนิกายวิญญาณส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย

“ไม่ทราบ”

ดาลีย์ถามคำถามอีกสองสามข้อ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบตรงตามที่ต้องการ

ในที่สุด เธอก้าวถอยหลังและมองหน้าโซสต์ หัวหน้าหน่วยถุงมือแดง

โซสต์ถอนหายใจ

“อันดับแรก แจ้งข้อมูลนี้ให้ท่านเจ้าคุณ ‘ดวงตาแห่งเทพธิดา’ ทราบ ให้ท่านแจ้งกับทางศาสนจักรว่า อินซ์·แซงวิลล์ที่พกพา 0-08 ไม่ใช่ศัตรูที่หน่วยถุงมือแดงของเราสามารถรับมือไหว… ประการที่สอง สืบหาเบาะแสของปาลังเก้·ทัสซิบเพื่อแกะรอย จากนั้นก็ภาวนาให้พวกเราพบจุดประสงค์ที่แท้จริงของอินซ์·แซงวิลล์… ท่ามกลางสถานการณ์ที่เราไม่สามารถสะกดรอยหรือล็อกเป้ามันได้ การสืบทราบจุดประสงค์จะช่วยระบุตำแหน่งได้ดีที่สุด และอาจทำให้เราสามารถวางกับดักล่วงหน้า… ประการสุดท้าย นับแต่นี้เป็นต้นไป ใส่ใจทุกความบังเอิญที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเสมอ ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องรายงานให้ผมทราบ!”

“ครับ หัวหน้า!” สมาชิกถุงมือแดงขานตอบพร้อมเพรียง ส่วนเลียวนาร์ดยังคงนิ่งเงียบ เพียงหันไปมองดาลีย์·ซิโมเน่และพบว่า ‘ผู้เฝ้าประตู’ ที่มักเรียกตัวเองว่าผู้สื่อวิญญาณรายนี้ กำลังมีสายตาที่มืดมน

ขณะเดียวกัน เสียงค่อนข้างชราของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ดังกังวานในใจ

“หึหึ… ดูเหมือนว่า ข้ากำลังจะได้ดูละครวิ่งไล่จับสนุกๆ แล้วสินะ”

ตาแก่หมายความว่ายังไง? หรือกำลังบอกใบ้บางสิ่ง? อย่าบอกนะว่า… ทั้งที่พวกเราเพิ่งวางแผนตรวจสอบจุดประสงค์ของอินซ์·แซงวิลล์ แต่กลับถูก 0-08 ตระหนักถึงเรียบร้อยแล้ว? เลียวนาร์ดถอนสายตากลับ ภายในใจผุดความคิดใหม่

ถ้า ‘คนที่ตายไปแล้ว’ แอบสืบสวนเกี่ยวกับอินซ์·แซงวีลล์ 0-08 จะยังตระหนักถึงอยู่หรือไม่?

หลังจากหลับไปสองชั่วโมง ไคลน์ลูบหน้าผากที่ยังปวดแปลบ ค่อยๆ พยุงตัวลุกจากเตียง

จากนั้น มันดึงกริ่งประตูและรอพนักงานเสิร์ฟมาถึง

ผ่านไปไม่นาน ชนพื้นเมืองที่แต่งกายตามธรรมเนียมชาวโลเอ็น – เสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกั๊กสีแดง เดินมาหยุดที่หน้าห้องพร้อมกับเคาะประตูด้วยนิ้ว

ไคลน์บิดที่จับและแง้มประตูเปิด ออกคำสั่งเสียงแผ่ว

“ส่งชุดอาหารกลางวันมาที่ห้องได้เลย วันนี้ผมกินก่อนเวลา”

ณ เวลานี้ มันกำลังปรากฏตัวด้วยร่างของหุ่นเชิดผิวแทน เอ็นโซ – ในฐานะสุภาพบุรุษที่มีคนรับใช้ติดสอยห้อยตามมาถึงสองคน แถมยังเข้าพักห้องหรูหรา ย่อมไม่มีทางที่จะออกมาสั่งบริกรด้วยตัวเอง

“ตกลงครับ อาหารกลางวันหนึ่งชุด ต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม?” บริกรชาวพื้นเมืองหยิบกระดาษและปากกาออกมาจด ขณะก้มหน้าบันทึก มันถามเป็นภาษาโลเอ็นด้วยสำเนียงที่ค่อนข้างแปลก

ไคลน์ตอบด้วยภาษาโลเอ็นสำเนียงแปร่งๆ ไม่ต่างกัน

“จานหลักเป็นเนื้อตุ๋น เสิร์ฟพร้อมไวน์ซ่า น้ำแข็ง และมะนาว”

“รับอาหารสำหรับคนใช้สองที่ด้วยไหมครับ” พนักงานเสิร์ฟพื้นเมืองถามตามหน้าที่

ไคลน์เงียบไปสักพัก

“เอาด้วย”

กล่าวจบ มันปิดประตูและรีบประกอบพิธีกรรมนำเอ็นโซกับลูเธอร์ไวล์ออกจากหมอกสีเทา สำหรับยุบพองหิวโหยและวาจาสมุทร พวกมันถูกทิ้งไว้ในกองขยะชั่วคราว รายหนึ่งถูกทิ้งเพราะความหิว อีกรายหนึ่งถูกทิ้งเพราะไคลน์ไม่อยากฟังเพลง

หลังจากไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดเก็บกวาดห้อง พนักงานเสิร์ฟหลายคนทยอยเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารกลางวัน ผ่านไปไม่นาน ภายในห้องเหลือเพียงเสียงมีดส้อมปะทะกับจานชาม รวมถึงเสียงเคี้ยวแผ่วเบา

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ไคลน์วางมีดส้อมลง หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความพึงพอใจ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพลางพึมพำ

“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราได้อ้วนจริงๆ แน่…”

หุ่นเชิดสูญเสียความสามารถในการกินโดยสมบูรณ์ แต่ไคลน์ก็ต้องพยายามปกปิด เลี่ยงไม่ได้ที่จะเพิ่มปริมาณอาหารตามจำนวนคนรับใช้ ส่งผลให้มันต้องกินมากกว่าปรกติ

“…โชคดีที่เราเป็นผู้ไร้หน้า” ไคลน์เรอพลางปิดปาก ตามด้วยดื่มไวน์ซ่าภายในแก้ว

มันเพิ่งรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายอย่างแท้จริง และมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะขบคิดเกี่ยวกับรายละเอียดการสำรวจกัลเดรอน

เส้นทางนักจารกรรมน่ากลัวมาก ลำพังยันต์ที่สร้างด้วย ‘หนอนกาลเวลา’ ก็มากพอจะก่อให้เกิดปาฏิหาริย์… ไม่มีทางจินตนาการออกว่า ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ที่เป็นราชาเทวทูตจะแข็งแกร่งสักเพียงใด… ต่อให้เป็นแค่ร่างโคลน ก็คงไม่ง่ายที่จะรับมือ… โชคดีที่เราไม่ใช่คนกล้าหาญส่งเดช รู้จักเลียนแบบการตัดสินใจของผู้ที่มีประสบการณ์ เลือกหนีมายังทวีปใต้…

พระผู้สร้างแท้จริงเพ่งเล็งเราเป็นพิเศษสินะ… ถึงกับส่ง ‘ผู้กลืนหาง’ โอโรเลอุสมาด้วยตัวเอง…

รู้สึกเหมือนกับกำลังเดินทางข้ามเวลา… เทวทูตที่เคยเห็นแต่ในจิตรกรรมฝาผนังโบราณ โผล่ตัวเป็นๆ ออกมาให้เห็นในระยะใกล้ชิด… โชคดีที่เราสามารถยุติการอัญเชิญได้ในพริบตา…

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เผยสีหน้าตึงเครียดหลังจากพบปัญหาใหญ่:

โอโรเลอุสเป็นราชาเทวทูตจากเส้นทางสัตว์ประหลาด!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง อีกฝ่ายสามารถมองเห็นความพิเศษของไคลน์ได้โดยตรง เห็นไปถึงหมอกสีเทา เห็นประตูมายาที่สร้างขึ้นจากลูกบอลแสง เห็นหนอนโปร่งใสและโปร่งแสงที่ก่อตัวเป็นลูกบอลแสง!

ท่าไม่ดีแล้ว… เทวทูตโชคชะตาที่รอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สองย่อมมีความรู้มากมาย และพระผู้สร้างแท้จริงอาจรู้มากยิ่งกว่านั้น… มีโอกาสพวกมันจะทราบว่าเราเป็นเจ้าของมิติลึกลับเหนือหมอกสีเทา… ไม่ว่าจะเห็นมากน้อยแค่ไหน แต่ระดับความสนใจที่มีต่อเราจะต้องเพิ่มขึ้นมากแน่! ไคลน์กำหมัดด้วยมือขวาและเลื่อนขึ้นมาจ่อปาก พิจารณาการสิ่งที่ชุมนุมแสงเหนือหรือกุหลาบไถ่บาปอาจกระทำ

ปัจจุบันยังค่อนข้างโชคดี ไม่ว่าจะกุหลาบไถ่บาปหรือชุมนุมแสงเหนือ พวกมันยังไม่เคยล็อกเป้ามาที่สาวกของเดอะฟูล

แต่ในการต่อสู้อันแสนวุ่นวายนอกเมืองบายัม ด้วยใบหน้าของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์ได้ทิ้งถุงมือ ‘อินธน์’ ที่ปนเปื้อนออร่าของพระผู้สร้างแท้จริงเพื่อล่อนักบุญจากชุมนุมแสงเหนือ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้นักผจญภัยเสียสติถูกบรรจุอยู่ในรายชื่อของบุคคลต้องสงสัย

หากสืบขยายผลจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ พลเรือเอกดวงดาว พลเรือโทธารน้ำแข็ง เดนิส และแอนเดอร์สันก็อาจถูก ‘สอบสวน’ โดยชุมนุมแสงเหนือเช่นกัน… จำเป็นต้องเตือนพวกเขา… ไคลน์ถอนหายใจยาวพลางลุกขึ้นยืน เตรียมส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก

ตามความเห็นของมัน การไล่ล่าของชุมนุมแสงเหนือค่อนข้างพิเศษ แตกต่างจากการไล่ล่าของกองทัพ โบสถ์วายุสลาตัน โรงเรียนกุหลาบ และนิกายวิญญาณ บรรดาสาวกของพระผู้สร้างแท้จริงล้วนเป็นพวกเสียสติ ไม่กลัวที่จะทำเรื่องบ้าบิ่น แถมยังมีราชาเทวทูตเดินดิน ผู้นำขององค์กรที่สามารถแอบส่องโชคชะตาของคนอื่น ต่อให้แคทลียาหรือคนที่เหลือจะล่องเรือในทะเล แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกหาพบ

จากบรรดาทั้งหมด ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่าและ ‘นักล่าอันดับหนึ่งแห่งทะเลหมอก’ แอนเดอร์สัน ไม่ใช่บุคคลที่ไคลน์เป็นกังวลมากนัก พวกมันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์เลย ไม่มีทางนำพาปัญหามาให้ สิ่งเดียวที่ต้องกังวลก็คือ พวกเสียสติของชุมนุมแสงเหนืออาจใช้วิธีการที่รุนแรงเพื่อสอบสวนหาคำตอบ

ไบลัมตะวันตก แคว้นภาคเหนือ ณ เมืองคูคัวที่ปกครองโดยเมซันเญส

เดนิสที่กำลังกัดบาร์บีคิวพลันชะงักกะทันหัน เนื่องจากได้ยินข้อความของเดอะฟูล เป็นการฝากเตือนความจำโดยเกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกทอดหนึ่ง

“จงระวังนิกายวิญญาณ ระวังชุมนุมแสงเหนือ โดยเฉพาะรายหลังต้องระวังเป็นพิเศษ แล้วก็ฝากเตือนแอนเดอร์สันกับเอ็ดวิน่าด้วย”

ระหว่างนิกายวิญญาณ… ระวังชุมนุมแสงเหนือ… ก่อนหน้านี้ยังไม่พออีกหรือไง… มีทั้งกองทัพ โบสถ์วายุสลาตัน โบสถ์รัตติกาล โรงเรียนกุหลาบ… เกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำอะไรลงไปอีกแล้ว? ทำไมถึงสร้างความบาดหมางไว้มากขนาดนี้! แม่เย็*! สีหน้าเดนิสพลันบิดเบี้ยว

มันยังไม่ทราบข่าวที่ว่า ตำแหน่งนายพลโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุดมีการเปลี่ยนมือแล้ว

“นึกอะไรขึ้นได้รึไง?” แอนเดอร์สันวางมีดสำหรับหั่นเนื้อลงพลางเลิกคิ้ว ซักถามด้วยความสงสัย

เดนิสแอบสูดลมหายใจเข้า ยอกย้อนถามอย่างมีวาทศิลป์

“นายเคยได้ยินชื่อชุมนุมแสงเหนือไหม”

มันไม่แน่ใจว่าแอนเดอร์สันจะรู้เรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุด ชุมนุมแสงเหนือทำตัวค่อนข้างลึกลับ ชื่อเสียงของพวกมันถูกจำกัดเฉพาะภายในอาณาจักรโลเอ็น

แอนเดอร์สันหัวเราะ

“ที่ฉันตกใจกว่าก็คือ นายเคยได้ยินมาจากไหน? กัปตันเป็นคนบอกหรือ?”

โดยไม่รอให้เดนิสตอบ มันใช้นิ้วมือสางผมสั้นๆ พลางพึมพำต่อ

“พวกมันเชื่อในพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง ทุกสิ่งบนโลกจะมีกลิ่นอายของเทพแฝงอยู่ เชื่อว่าชีวิตเป็นเพียงการเดินทางของดวงวิญญาณ ขอเพียงตั้งใจฟังคำสอนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มนุษย์ทุกคนสามารถเข้าใจ ค้นพบ และสั่งสมบารมีเทพจนกลายเป็นเทวทูตได้ในที่สุด มีพลังบิดเบือนความเป็นจริง… เป็นแนวคิดที่ฟังดูค่อนข้างดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ พวกมันศรัทธาพระผู้สร้างแท้จริง…”

ได้ยินถึงตรงนี้ เดนิสอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน

“นายเองก็รู้เยอะพอตัว แต่ยังน้อยกว่าฉันนิดหน่อย”

แอนเดอร์สันยกมุมปากทันที ยิ้มอย่างร่าเริง

“ไม่ใช่เรื่องแปลก… ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นสมาชิกขององค์กรในอินทิส พวกมันต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม เปลี่ยนแปลงโลก เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับโลกเหนือธรรมชาติให้คนทั่วไปได้ทราบ และกลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง”

“พวกมันถูกเรียกว่าชุมนุมกางเขนเหล็กโลหิต ศรัทธาในพระผู้สร้างแท้จริงเช่นกัน”

สีหน้าเดนิสพลันแข็งทื่อ เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากทันที

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด