Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 645 : ทำให้สงบ

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 645 : ทำให้สงบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อดวงดาวระยิบระยับรอบตัวเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ แคทลียาก้มหน้าลง กล่าวกับแฟรงค์·ลีที่เพิ่งคืนสติกลับมา

“ทำให้พวกเงาสงบลง” เธอหมายถึงลูกเรือคนอื่นที่ยังคงเผชิญความเจ็บปวด

สิ้นเสียงพูด แคทลีนาหันหลังกลับ หน้าต่างถูกเลื่อนปิดพร้อมเสียง ‘ปึง’

ทันใดนั้น ไคลน์บังเอิญเห็นเถาวัลย์สีเขียวเลื้อยขึ้นจากพื้นห้อง บรรจงรัดพันร่างกายพลเรือเอกดวงดาวอย่างอ่อนโยน

เนื่องจากไม่มีกลิ่นอายความชั่วร้าย ไคลน์จึงเชื่อว่านี่คงเป็นพิธีกรรมสำหรับพื้นฟูร่างกายของเธอเอง

เป็นพลังพิเศษของเส้นทาง หรือพลังจากสมบัติวิเศษ? น่าแปลก เธอรีบรักษาตัวเองโดยปราศจากความกังวล ปล่อยให้แฟรงค์จัดการกับสมาชิกบนเรือได้อย่างอิสระ ไม่กลัวว่าจะถูกแจ้งมรณะไล่ตามจากด้านหลังบ้างหรือ?

การพุ่งครั้งสุดท้ายของอนาคตกาลช่วยให้เรือแล่นมาไกลแค่ไหน?

ไคลน์ก้มหน้าลง หันไปทางแฟรงค์·ลีด้านข้าง

นอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญพิษ ชายคนนี้ยังเป็นหมอที่ไว้ใจได้  แฟรงค์นำท่อสายยางซึ่งพันกันยุ่งเหยิงออกจากกระเป๋า ปลายข้างหนึ่งเชื่อมกับขวดแก้วใบเล็ก อีกข้างเชื่อมติดกับเข็มฉีดยาปลายแหลม

“ยาระงับประสาทที่ผมคิดขึ้นเอง” แฟรงค์·ลียิ้มโดยยังเผยสีหน้าเจือความหวาดกลัว

ฉันเคยซื้อของที่คล้ายกันมา แต่ก็ให้ ‘ซอมบี้’ มาริคใช้ไปหมดแล้ว…

ไคลน์มองไปรอบตัว

“แต่ขวดแค่นี้อาจไม่พอ”

“เปล่า อันนี้ไม่ใช่ของลูกเรือ ผมต้องหาผู้ช่วยเพิ่มก่อน ฮะฮะ! สำหรับลูกเรือ พวกเขามักเอะอะโวยวายเสียงดังตอนเมาเสมอ ผมจึงคิดค้นเบียร์ที่มีสรรพคุณเหมือนกับยาระงับประสาท” แฟรงค์อธิบายอย่างเป็นกันเอง

แอบจ่ายยาโดยไม่ถามความยินยอมคนไข้…

ไคลน์พยายามรั้งมุมปากมิให้กระตุก

ในที่สุดมันก็ตระหนักว่า แฟรงค์·ลีควรค่าแก่ฉายา ‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ มากเพียงใด

เพียงเพราะโจรสลัดเอะอะเสียงดัังขณะเมา แฟรงค์ถึงกับต้องปรับแต่งเบียร์ให้มีฤทธิ์กล่อมประสาทโดยไม่รู้สึกรู้สา คิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว…

โดยเนื้อแท้แล้ว เขาเป็นคนดีและจริงใจมาก แถมยังมุ่งมั่นกับอุดมคติของตัวเอง…

แต่ในบางมุม ชายคนนี้คือซาตาน…

โบสถ์พระแม่ธรณีทำพลาดตรงไหน ถึงให้กำเนิดนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องแสนอันตรายขึ้นมาได้…

ไคลน์ควบคุมสีหน้า เดินตามแฟรงค์·ลีไปสักพักจนพบนีน่าที่นอนอยู่ในเงามืดของกำแพง

โจรสลัดร่างใหญ่เกิดมาตรฐานกำลังนอนงอตัวด้วยสีหน้าเจ็บปวด มือข้างหนึ่งข่วนพื้นไม้ของดาดฟ้าจนเกิดเสียงครืด คราบเลือดสีแดงปรากฏเป็นเส้นยาว

ฉากตรงหน้าถึงกับทำให้ไคลน์เสียวปลายนิ้ว

“เกอร์มัน ช่วยผมจับเธอตรึงหน่อย” แฟรงค์กล่าวพลางถือเข็มฉีดยาและท่อสายยาง

ไคลน์ไม่ปฏิเสธ และไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงนั่งยองลงพร้อมกับใช้มือกดหลังนีน่า

เพียงปลายนิ้วสัมผัส ฝ่ามือของชายหนุ่มเกิดลื่นหลุดออกตลอดเวลา ยากจะจับให้แน่นกระชับฝ่ามือ  เหตุเพราะมิใช่อีกฝ่ายเป็นหญิง แต่เพราะใต้ชั้นผิวหนังมีเกล็ดปลาปกคลุม

ไคลน์ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ อาศัยการควบคุมร่างกายจากตัวตลก เล็งจับบ่านีน่าพร้อมกับเกร็งปลายนิ้ว

แต่อย่างไรก็ตาม แรงฮึดของนีน่าทรงพลังกว่าไคลน์อย่างมาก ส่งผลให้ปลายนิ้วเริ่มเจ็บและเกิดอาการชา บีบจับได้อย่างไม่มั่นคง

สมกับเป็นลำดับ 7 แห่งเส้นทางลูกเรือ ตรงข้ามกับเราที่ไม่ถูกเสริมกล้ามเนื้อมากนัก… เฮ่อ… ถ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร ป่านนี้คงเปลี่ยนเป็นยุบพองหิวโหยและใช้พลัง ‘ซอมบี้’ เพื่อกดเธอให้แน่นิ่ง…

ขณะความคิดแล่นผ่าน ไคลน์ชำเลืองแฟรงค์ที่เดินเข้ามาใกล้และใช้หัวเข่ากระแทกใส่แผ่นหลังนีน่าอย่างไม่เกรงใจ

ด้วยกล้ามเนื้ออันบึกบึน นีน่าแน่นิ่งในทันที

พลังทางกายของ ‘นักเพาะปลูก’ ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน… แต่ถึงอย่างนั้น มิสเตอร์แฟรงค์·ลี ด้วยกริยาท่าทางอันหยาบคาบและป่าเถื่อนของนาย เกรงว่าชาตินี้คงหาแฟนไม่ได้แน่… แต่นายคงมิได้ใส่ใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว อาจมีลูกโดยการปลูกขึ้นจากดิน…

ไคลน์รำพัน ดวงตาจ้องแฟรงค์·ลีแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในหลังมือนีน่า

หลังจากได้รับยากล่อมประสาทขวดเล็กเข้าไป นีน่าหยุดการดิ้นรนทันที ไคลน์เห็นดังนั้นจึงคลายมือและลุกขึ้นยืน

ไม่กี่วินาทีถัดมา นีน่าสางผมพลางประคองตัวยืนในลักษณะทุลักทุเล หันไปบ่นกับแฟรงค์ด้านข้างอย่างหัวเสีย

“ทำไมนายถึงต้องทำตัวป่าเถื่อนเหมือนกับหมีควายทุกครั้ง! จะนุ่มนวลบ้างไม่ได้เลยหรือ”

ขณะกล่าว หญิงสาวสะบัดมือ ไม่ปกปิดความเจ็บปวดที่เผยทางสีหน้า

แตกต่างจากเมื่อครั้งดำน้ำ ตอนนี้นีน่ากำลังสวมเสื้อลินินและแจ็คเก็ตสีน้ำตาล กลมกลืนไปกับโจรสลัดทั่วไป

แฟรงค์ไม่สนใจเสียงบ่นของหญิงสาว เพียงหันกลับไปซักถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ฉันป่าเถื่อนตรงไหน?

“เรื่องนั้นช่างเถอะ ตอนนี้เราต้องรีบช่วยเหลือพวกเขา

“เธอรีบเข้าไปเอาถังเบียร์ออกมา เราจะนำไปป้อนคนที่กำลังแย่

“เกอร์มัน ถ้าไม่รังเกียจ คุณช่วยพวกเราอีกแรงได้ไหม”

ไคลน์หันไปจ้องลูกเรือจำนวนมากที่กำลังนอนบิดตัวบนพื้นดาดฟ้า ใครครวญสักพัก

“แค่ให้พวกเขาสงบลงก็พอใช่ไหม”

“ถูกต้อง” แฟรงค์·ลีรีบพยักหน้ารับ

“ซัดให้หมดสติแทนได้ไหม”

ไคลน์ถามเสียงเย็น

ผลลัพธ์ก็เหมือนกับยากล่อมประสาท แถมยังมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก…

ชายหนุ่มแอบเสริม

นีน่าหันขวับด้านข้างด้วยใบหน้าตกตะลึง หมดคำจะกล่าวสักพักใหญ่

แฟรงค์·ลีครุ่นคิดอย่างจริงจัง

“แบบนั้นก็ได้”

“ตกลง” ไคลน์เดินไปหยิบมีดยาวที่มองเล็งไว้สักพักแล้ว  หยิบมันขึ้นมาและใช้สันทื่อกระแทกใส่เจ้าของมีด

พล่อก!

ภายใต้การควบคุมอันแม่นยำ โจรสลัดที่กำลังนอนทุรนทุรานพลันแน่นิ่ง หลับสนิทในพริบตา

นีน่ายืนจ้องอย่างตกตะลึง ก่อนจะรีบเรียกสติตัวเองกลับมา

เธอเดินผ่านไป ลดความเร็วลง หัวเราะในลำคอเสียงแผ่ว

“ฉันเคยได้ยินข่าวลือของคุณมามาก แต่ไม่คิดว่าตัวจริงจะยิ่งกว่าข่าวลือเช่นนี้ เพราะโดยมากแล้วมักตรงกันข้าม

“เอ่อ… คงเป็นเพราะความคิดของคุณมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากพวกเรา… คุณเหมือนกับแฟรงค์ คงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงสนิทสนมกับแฟรงค์ได้เร็ว”

ผิดแล้วสาวน้อย ในหมู่คนเสียสติก็ยังมีระดับความวิกลจริตแบ่งแยกอยู่ และเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังไม่ถึงขั้นแฟรงค์…

ไคลน์ทำหน้าขรึม รำพันในใจ

ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดนีน่า เพียงเดินถือมีดยาวไปตามดาดฟ้าเรือ นำสันทื่อซัดใส่ลูกเรือทีละคนจนสลบเหมือด ปล่อยให้ตื่นขึ้นมาเองตามธรรมชาติ

ในตอนแรก แฟรงค์ต้องการทำแบบเดียวกัน แต่ถูกนีน่าย้อนถามว่า ‘นายแน่ใจนะ ว่าจะไม่พลั้งมือฆ่าพวกเขา’  จึงตัดสินใจพับเก็บความคิดดังกล่าวทันที กลับเข้าห้องเสบียงและยกถังเบียร์ออกมาใช้ตามแผนเดิม

พลั่ก! ผัวะ! พล่อก!

ขณะไคลน์กำลังเดินเคาะไปตามดาดฟ้าเรืออย่างสนุกสนาน มันเห็นชายวัยห้าสิบสวมหมวกปลายแหลมคนหนึ่ง กำลังคืนสติจากความเจ็บปวดด้วยตัวเองโดยไม่ต้องถึงมือตน

เมื่อเห็นนักผจญภัยเสียสติย่างกรายเข้าใกล้ ชายชรารีบพยุงตัวยืน โพล่งขึ้นอย่างลนลาน

“ม…ไม่จำเป็น! ฉันสบายดี!

“ฉันหายแล้ว!”

ไม่ต้องบอกก็รู้…

ไคลน์ฝืนกลั้นยิ้ม เบือนหน้าหนีไปทางหัวเรือ

ชายชราเริ่มแนะนำตัว

“ฉันคือต้นหนของอนาคตกาล อ็อตโตลอฟ”

ต้นหนเรือ…?

ไคลน์มองไปด้านข้าง พบหนังสือมากมายกระจัดกระจายรอบตัวอ็อตโตลอฟ บ้างหงายปก บ้างคว่ำหน้า และบ้างกางออก

“ฮะฮะ! ฉันตกลงมาจากข้างบนพร้อมกับหนังสือเหล่านี้  จนกระทั่งเมื่อครู่ พวกมันก็แสดงอาการผิดปรกติไม่ต่างกัน” อ็อตโตลอฟเล่า

ไคลน์จ้องเข้าไปในดวงตา และพบว่าเป็นสีฟ้าอ่อนคล้ายน้ำทะเลลึก

ไม่ใช่ดวงตาที่แอบจ้องเราเมื่อตอนกลางวัน… แต่เป็นดวงตาที่คล้ายกับพลเรือเอกดวงดาว… คงมาจากเส้นทางเดียวกันกระมัง…

ไคลน์พิจารณาอย่างสนใจ พลางชำเลืองไปทางแฟรงค์และนีน่าที่กำลังช่วยทำให้ลูกเรือคนอื่นสงบลง

ขณะชายหนุ่มเตรียมหันไปยังท้ายเรือเพื่อดูว่า ‘แจ้งมรณะ’ ตามมาหรือไม่ อ็อตโตลอฟรีบโพล่งอย่างตกใจ

“ระวัง!”

ซ่า!

คลื่นทะเลขนาดมหึมาซัดเข้าที่หัวเรืออย่างจัง อนาคตกาลมีอันต้องสั่นคลอนไปทั้งลำ

หากไม่มีพลังตัวตลกช่วยรักษาสมดุล ไคลน์คงหัวคะมำเหมือนกับแฟรงค์ในตอนนี้  อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมิอาจหลบหลีกละอองน้ำเค็มที่สาดกระเซ็นลงมายังทุกซอกมุมดาดฟ้าเรือ

หวังว่าที่นี่จะมีเตารีดไอน้ำ… คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักผจญภัยเสียสติจะรีดผ้าเอง ถ้าไม่รีดผ้าคงแปลกกว่า… ตอนนี้ต้องสวมเสื้อผ้าชนพื้นเมืองของหมู่เกาะรอสต์ไปก่อน…

ไคลน์วางแผนเสร็จสรรพ

มันเงยหน้าขึ้นและพบกับพายุหลายลูกในแต่ละจุดของทะเล รวมถึงคลื่นยักษ์สูงใหญ่ดุจดังขุนเขา  สายลมรอบตัวรุนแรงและหยาบกร้าน เสียงฟ้าร้องคำรามดังแว่วอย่างต่อเนื่อง

อนาคตการแล่นออกจากเส้นทางเดินเรือปลอดภัย? การ ‘พุ่ง’ ครั้งนั้นไม่เพียงช่วยให้รอดพ้นจากแจ้งมรณะ แต่ยังทำให้เรือออกนอกเส้นทางด้วย…

ไคลน์ยืนมองอ็อตโตลอฟ นีน่า แฟรงค์ และ ‘ไร้เลือด’ ฮีท·ดอยล์กำลังช่วยกันปลุกลูกเรือให้ตื่นจากอาการสลบ จากนั้น ทุกคนเริ่มยุ่งวุ่นวายอยู่กับการฟื้นฟูอนาคตกาล

ภายใต้การร่วมแรงร่วมใจ อนาคตกาลหักหัวเลี้ยวทันเวลา ฝ่าคลื่นลูกใหญ่ พายุสายฟ้า และกลับไปยังเส้นทางปลอดภัยได้อย่างฉิวเฉียด

เมื่อทุกอย่างสงบลง ไคลน์คลายมือออกจากยันต์เทพสมุทร หายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย

ลองมองย้อนกลับไป มันเริ่มหายใจทั่วท้องเมื่อไม่เห็นแจ้งมรณะไล่ตามมา พลางคิดครุ่นว่า ค่ำคืนนี้ช่างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

หลังจากกวาดตารอบตัวและพบโจรสลัดหลายคนกำลังจับศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ บ้างดูอ่อนเพลียและไร้เรี่ยวแรง ประหนึ่งพร้อมล้มลงทุกเมื่อ ไคลน์รีบเดินออกจากดาดฟ้าด้วยความสำนึกผิด ตรงไปยังห้้องพัก ถอนหายใจแผ่วเบาจากก้นบึ้ง

ออกจากเกาะการ์กัสได้ไม่นาน เรือทั้งลำก็เกือบถูกทำลาย… การเดินทางตามหานางเงือกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด…

หลังจากขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ไคลน์เริ่มชะลอฝีเท้าขณะเดินผ่านห้องกัปตัน เพ่งสายตาพิจารณาอย่างละเอียด และพบว่าตามซอกประตูเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว คล้ายกับโลกภายในและภายนอกถูกตัดขาดออกจากกันโดยสมบูรณ์

มันรีบเบือนหน้ากลับ เดินเข้าห้องพัก สมองไตร่ตรองว่าตนควรสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลหรือไม่ เพื่อให้มองเห็นภาพกว้างของทะเลโดยรอบ เผื่อว่าแจ้งมรณะแล่นเข้ามาใกล้ จะได้มอบบทเรียนแก่ราชาอมตะ·อาการิธอย่างสาสม สั่งสอนว่าไม่ควรเล่นสนุกส่งเดช

คงไม่ดีนัก… ที่นี่มี ‘ดวงตา’ คอยจับตามอง เราไม่ควรทำเรื่องสุ่มเสี่ยง อีกทั้ง สายฟ้าเพียงสองสามเส้นคงทำอันตรายราชาอมตะไม่ได้ อย่างมากก็ทำให้ตกใจ ไม่คุ้มกับความเสี่ยง…

ห้ามปล่อยให้ความโกรธครอบงำเด็ดขาด… ต้องรอจนกว่าจะเลื่อนลำดับแล้วเท่านั้น!

ไคลน์ระงับความปรารถนาที่จะเอาคืน

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด