Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 869 : รายงานให้ชายคนนั้น

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 869 : รายงานให้ชายคนนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ราชันเร้นลับ 869 : รายงานให้ชายคนนั้น
ในเบ็คลันด์กำลังจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่? ผลสืบเนื่องมาจากโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน? ขณะ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์และ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาคาดเดาพลางให้ความสนใจกับคดีการถูกใส่ร้ายของบารอนซินดราสและคดีลอบทำร้ายส.ส. มัคท์ พวกมันเตรียมใช้เครือข่ายข้อมูลส่วนตัวเพื่อสืบหาความจริงที่เกิดขึ้น

ทั้งสองคนไม่รีบร้อนถามเกอร์มัน·สแปร์โรว์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น และแผนรับมือเป็นอย่างไร เพราะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่อธิบายอย่างละเอียด อย่างมากก็แค่แสดงความเห็นเล็กน้อย ดังนั้น แผนการเบื้องต้นของทั้งสองก็คือ รวบรวมข่าวกรองจากฝ่ายตัวเองให้ได้มากที่สุด ในตอนที่เกิดเหตุจะได้ทราบถึงผลกระทบที่จะตามมา และเรียบรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน พวกมันรู้สึกดีที่ตัวตนดอน·ดันเตสถูกเปิดเผยในชุมนุมทาโรต์ เพราะตนจะได้ติดตามข่าวสารได้ง่าย ขอเพียงให้ความสนใจกับชื่อของเศรษฐีรายนี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ การร่วมมือทางอ้อมหรือทางตรงก็สามารถกระทำได้ง่าย แถมตัวตนดังกล่าวยังเป็นบุคคลปลอม จะสลัดทิ้งตอนไหนก็ไม่ใช่ปัญหา

ในทำนองเดียวกัน พวกเขายังสามารถ ‘เป็นพยาน’ อ้อมๆ ให้ดอน·ดันเตสได้ด้วย ช่วยให้เศรษฐีลึกลับรายนี้มีความสมจริงมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากอีกฝ่ายอ้างว่าเคยมีประสบการณ์ในทะเล ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาจะค่อยๆ ฝังข้อมูลเกี่ยวกับดอน·ดันเตสให้กับลูกเรือและพวกพ้องร่วมองค์กร ทำให้ทุกคนเชื่อว่าชายคนนี้มีตัวตนอยู่จริง และเมื่อหน่วยงานของทางการพยายามตรวจสอบ ก็จะพบว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้องและน่าเชื่อถือ!

หลังจากความเงียบงันปกคลุมสักพัก ขณะจัสติสเตรียมตอบสนอง เธอเห็นเดอะมูนเหยียดหลังตรง มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่งพลางถามเสียงเรียบ

“ตัวตนนี้มีจุดประสงค์ใด? สองคดีที่มิสจัสติสพูดถึงมีเบื้องหลังเป็นยังไง? เกี่ยวข้องกับปัญหาใหญ่ใช่ไหม?”

ในฐานะชาวเบ็คลันด์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของถิ่นอาศัย

ถามเก่ง… ทำไมไม่ลองตรวจสอบเองล่ะ? เราไม่อยากเข้าไปพัวพันกับวังวนพายุอีกแล้ว ถึงได้รีบสลัดให้หลุดออกจากสถานการณ์ดังกล่าว… ไคลน์จิกกัดเอ็มลิน·ไวท์เล็กน้อย ตามด้วยการบังคับให้เดอะเวิร์ลเผยรอยยิ้ม

“แน่นอน… เรื่องนี้กำลังรอการตรวจสอบเพิ่มเติม”

ความนัยที่แฝงมากับคำตอบนี้ก็คือ ทั้งสองคดีมีเบื้องหลังในเชิงลึกจริง แต่นั่นเป็นความลับ ฉันจะไม่บอกนาย เช่นเดียวกันกับจุดประสงค์ของดอน·ดันเตส อย่าถามให้เสียเวลา!

แม้ในบางครั้ง เอ็มลินจะเป็นพวกเข้าสังคมไม่เก่ง ก็ยังพอจะอ่านสีหน้าและความนัยแฝงจากประโยคเมื่อครู่ออก จึงเอนหลังพิงพนักพลางหัวเราะในลำคอ ทำทีว่าพึงพอใจกับคำตอบ

เมื่อออเดรย์เห็นภาพดังกล่าว เธอรีบหักห้ามมุมปากไม่ให้ยกขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

ในเวลานี้ ยิ่งครุ่นคิด ออเดรย์ก็ยิ่งพบว่าเป็นการดีที่เธอจะเข้าร่วมกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น เพราะถ้าในอนาคตต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถรับมือได้เอง เธอสามารถแจ้งมิสเตอร์เวิร์ลได้สะดวกขึ้น เพียงแค่เดินทางไปยังสำนักงานของกองทุน หมกตัวเองอยู่ในห้องที่ติดกับห้องของดอน·ดันเตส

ดีล่ะ หากสมาคมแปรจิตสงสัยเรา หรือต้องการทดสอบเรา ทางนี้ก็แค่นัดเจอกันที่สำนักงาน… ภาพลักษณ์ของดอน·ดันเตสแตกต่างจากมิสเตอร์เวิร์ลบนมิติหมอกโดยสิ้นเชิง… อา เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นนักปลอมตัวมืออาชีพ ของแบบนี้คงสบายมาก… นอกจากนั้น ดอน·ดันเตสยังเป็นตัวตนที่ใช้ร่วมกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีข่าวลือว่าชื่นชอบสตรีหลากหลายวัย… นักฆ่าและนักผจญภัยเสียสติอย่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ คงมีรสนิยมเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์และไร้เดียงสา… ในฐานะผู้ชม ออเดรย์อดไม่ได้ที่จะจินตนาการ

ในทางกลับกัน เมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย ไคลน์พลันเกิดความกระอักกระอ่วน

หมายความว่ายังไงที่บอกว่าขอบคุณ?

ไม่ใช่ว่าเธอต้องจ่ายค่าจ้างห้าร้อยปอนด์สำหรับภารกิจสอบสวนหรอกหรือ?

คิดว่านี่เป็นช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข่าวอิสระของชุมนุมทาโรต์รึไง!

แต่มันทำได้เพียงบังคับให้เดอะเวิร์ลผงกศีรษะ เลิกสานต่อบทสนทนาเกี่ยวกับดอน·ดันเตส หันไปมองหน้าเดอะซันและกล่าว

“แถวเมืองของคุณมีมารพิสดารอาศัยอยู่ไหม”

เดอะเวิร์ลเว้นวรรค ตามด้วยเสริม

“บางที พวกคุณอาจเรียกมันด้วยชื่ออื่น สรุปง่ายๆ ก็คือ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เชี่ยวชาญการจำแลงกาย มีพลังพิสดาร แข็งแกร่งใกล้เคียงครึ่งเทพ ดวงตาโดดเด่นและเป็นจุดศูนย์รวมพลัง”

การจงใจเอ่ยว่ามีระดับใกล้เคียงครึ่งเทพ สิ่งนี้มิใช่คำโอ้อวด แต่เป็นการตักเตือนให้เดอะซันน้อยระวังตัว มารพิสดารคือสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งและอันตรายมาก

ขณะเดียวกัน ทั้งแคทลียาและอัลเจอร์มิได้ประหลาดใจกับคำพูดดังกล่าว เนื่องจากเดอะเวิร์ลคือตัวแทนของบรรดาข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูล เป็นเรื่องปรกติที่จะซื้อวัตถุดิบระดับครึ่งเทพให้พวกพ้อง หรือแม้กระทั่งซื้อเตรียมไว้สำหรับตัวเอง เพราะปัจจุบัน ชายคนนี้อยู่ในลำดับ 5 การเตรียมวัตถุดิบล่วงหน้าคือพฤติกรรมปรกติ

ดูเหมือนสมาชิกทั้งหมดจะคิดตรงกันว่า มิสเตอร์เวิร์ลควรพัฒนาขึ้นไปจากลำดับ 5 ได้แล้ว

‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไตร่ตรองสักพัก

“ในมีในรายการสัตว์ประหลาดทั่วไป แต่อาจเคยมีใครเคยเผชิญหน้า ผมจะลองสอบถามข้อมูลให้”

หุ่นเชิดเดอะเวิร์ลอืมในลำคอเล็กๆ ตามด้วยความเงียบ

จนกระทั่ง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สล้มเหลวในการตามหาคำสาปและเศษเสี้ยวพลังวิญญาณของวิญญาณอาฆาตโบราณ ช่วงเวลาการซื้อขายก็ดำเนินมาถึงจุดจบ

ก่อนที่แฮงแมนจะหันไปถามเดอะซัน ฟอร์สจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์และชิงพูด

“ฉันเพิ่งฝันประหลาด เป็นฉากกรุสมบัติที่สมจริงมาก รวมไปถึง…”

เธออธิบายความฝันอย่างละเอียด ปิดท้ายด้วย

“ภาพดังกล่าวเกิดจากสัญลักษณ์ของ ‘โชคชะตา’ และ ‘การปกปิด’ ”

ขณะฟอร์สเตรียมหันไปทางเดอะฟูลเพื่อขออนุญาตวาดสัญลักษณ์ เดอะเวิร์ลเปล่งเสียง

“คุณหมายถึงสัญลักษณ์พวกนี้ใช่ไหม?”

เดอะเวิร์ลเป็นฝ่ายขออนุญาตและวาดสัญลักษณ์แทน

เป็นตราขนาดเท่าดวงตา บนพื้นผิวมีสัญลักษณ์ของโชคชะตาและการปกปิด

ชายหนุ่มได้ตรานี้มาจากศพลาเนวุส เป็นบัตรผ่านสำหรับเข้าร่วมชุมนุม ‘ผู้สันโดษแห่งชะตา’ แต่ไคลน์ยังไม่เคยลองเข้าร่วม

“หือ…?” หลังจากเพ่งมองสักพัก ฟอร์สรีบตอบ “ใช่… ไม่ผิดแน่ สัญลักษณ์นี้แหละ”

หลังจากตอบเสร็จ เธอเพิ่งตระหนักว่ามิสเตอร์เวิร์ลไม่ได้วาดสัญลักษณ์ แต่เป็นการแสดงภาพของวัตถุ!

ทันใดนั้น หญิงสาวพลันกระจ่าง

ดอน·ดันเตสเจาะจงอาศัยอยู่ในถนนเบิร์คลุนด้วยเหตุผลบางประการ!

ท่ามกลางความคิดดังกล่าว เธอได้ยินเสียงแหบพร่าของเดอะเวิร์ล

“สมบัตินั่นเป็นกับดัก”

เขารู้จักมัน… โชคดีที่เราเลือกปรึกษาผู้มีประสบการณ์… ฟอร์สถอนหายใจโล่งอก ยิ้มและตอบ

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน”

ออเดรย์ซักถามด้วยความสงสัย

มิสเตอร์เวิร์ล สัญลักษณ์นี้หมายถึงสิ่งใด? ทำไมคุณถึงเรียกว่ากับดัก?

ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบง่ายๆ

“มันคือสัญลักษณ์แสดงถึงกลุ่มหัวขโมยที่เรียกตัวเองว่าผู้สันโดษแห่งชะตา”

ผู้สันโดษแห่งชะตา… หัวขโมย… แฮงแมนและเฮอร์มิททวนคำซ้ำ อาศัยประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อคาดเดาความหมาย

รายแรกสงสัยว่าเป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยกลุ่มของนักจารกรรม ส่วนรายหลังเชื่อว่าก่อตั้งโดยตระกูลเก่าแก่จากยุคสมัยที่สี่ ในทางกลับกัน หลังจาก ‘เดอะมูน’ เอ็มลินครุ่นคิดสักพัก มันพบว่าตนไม่เคยได้ยินสิ่งเหล่านี้เลย จึงตัดสินใจกลับไปปรึกษาผีดูดเลือดอาวุโส

สำหรับไคลน์ มันมีคำถามถัดไป

นักจารกรรมครึ่งเทพที่เคยถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของท่อระบายน้ำยังไม่ได้ออกจากถนนเบิร์คลุน แต่ยังอาศัยใกล้ๆ กับเฮเซล แถมยังไม่ทำตัวสงบเสงี่ยม แต่กล้าสร้างอิทธิพลกับความฝันของมิสเมจิกเชี่ยน!

ท่าไม่ดีแล้ว เราไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ…

ต้องขจัดภัยอันตรายซ่อนเร้นโดยเร็ว!

อา คงต้องติดต่อไปหานักกวีเพื่อนรัก แจ้งเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีทางที่คุณปู่ในตัวเขาจะไม่สนใจครึ่งเทพจากเส้นทางเดียวกัน แถมยังมีลำดับใกล้เคียงกัน…

ครุ่นคิดสักพัก เดอะฟูลที่เฝ้ามองสมาชิกด้วยท่าทีผ่อนคลายมาตลอด เริ่มยกมุมปากขึ้น

‘จัสติส’ ออเดรย์สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเดอะฟูลได้อย่างเลือนราง จึงพึมพำในใจ

กลุ่มหัวขโมยที่เรียกตัวเองว่าผู้สันโดษแห่งชะตา ที่จริงแล้วเป็นสหายเก่าของมิสเตอร์ฟูล?

จนกระทั่งหัวข้อความฝันเกี่ยวกับกรุสมบัติจบลง คล้ายกับแคทลียาฉุกคิดบางสิ่ง รีบหันไปพูดกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“ดิฉันจะส่งรายงานข้อมูลที่คุณต้องการภายในสัปดาห์นี้”

ปัจจุบัน เธอเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายรวบรวมข้อมูลของไบลัมตะวันตกไปทำไม แต่เธอไม่ใช่เดอะมูนหรือเดอะซันที่คิดจะถามก็ถาม ต้องมีการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวเองเสียก่อน

“ตกลง” หุ่นเชิดเดอะเวิร์ลพยักหน้ารับ ส่วนไคลน์ร่างต้นแอบถอนหายใจพลางรำพันว่า การมีองค์กรลับเช่นนี้ช่างสะดวกสบาย

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล่าวสิ่งใด แฮงแมนเอียงคอพลางหันไปถามเดอะซัน

“มีความคืบหน้าของอนุสาวรีย์บรรจุศพอดีตเจ้าเมืองบ้างไหม?”

‘เดอะซัน’ เดอร์ริคตอบอย่างละอายใจ

“ผมเพิ่งมีเพื่อนเพิ่มแค่สองคน”

ในฐานะผู้วิเศษเส้นทางสุริยัน การดวลกับพวกพ้องอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สิบครั้งแทบไม่ชนะเลยสักครั้ง อาศัยการถูกอัดประหนึ่งกระสอบทราบเพื่อผูกมิตรกับบรรดาสหายเก่า แต่ก็เรียกว่าเพื่อนได้เพียงสองคน

โดยไม่รอให้แฮงแมนตอบสนอง มันรีบเสริม

“แต่ผมได้ยินมาว่า หกสภาอาวุโสกำลังหาทางเปิดอนุสาวรีย์บรรจุศพออก เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร พวกเขาต้องการเก็บกู้ตะกอนพลังคืนมา”

สำหรับเมืองเงินพิสุทธิ์ ไม่มีใครมองว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องเสียมารยาท การปล่อยทิ้งให้สูญเปล่าต่างหากที่ไม่ถูกต้อง!

อัลเจอร์พยักหน้ารับเล็กน้อย เรียบเรียงคำพูดที่เตรียมไว้

“ทำได้ดีแล้ว… คนเราจะช่วยเหลือกัน ไม่จำเป็นต้องสนิทถึงขั้นที่เรียกว่าเพื่อนได้เต็มปาก ขอเพียงรู้จักคนให้มาก ข้อมูลก็จะหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด