Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 1190 : สั่นพ้อง

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 1190 : สั่นพ้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อถ้อยคำของแอนโทนี สตีเวนสันดังกังวานทั่วจัตุรัสรำลึกและแพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง ชาวโลเอ็นที่เข้าร่วมพิธีมิสซาต่างพากันสะเทือนใจ โศกเศร้า อบอุ่น และหดหู่

ในจัตุรัสแห่งอื่น คณะนักร้องประสานเสียงเริ่มขับขานบทเพลงอันศักดิ์สิทธิ์จนดังก้องอยู่ภายในใจทุกคน

“จันทร์แดงเลือด คลุมพสุธา มาช้านาน”

“เหล่ามนุษย์ ดำดิ่ง ฝันแสนหวาน”

“เห็นพ่อแม่ คู่สมรส ตลอดกาล”

ดวงวิญญาณของทุกคนได้รับการชำระล้างโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาตามธรรมชาติ

คล้ายกับทุกคนกำลังย่างกรายเข้าสู่ดินแดนความฝันและเดินไปตามความมืดมิดอันเงียบสงบ

ไม่ว่าจะเป็นลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี หรือเพื่อนฝูงที่จากไป คนตายทั้งหมดถูกชำระล้างให้ปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน สีหน้าของผู้เข้าร่วมมิสซาเริ่มบรรเทาความเจ็บปวด แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสงบนิ่ง

“เราทุกคน แหงนมองฟ้า ยามราตรี”

“เปล่งพระนาม สามัคคี และอ่อนโยน”

“เทพธิดารัตติกาล!”

“…หากพระองค์ ทรงสดับ คงเห็นด้วย”

“คงส่งยิ้ม เพื่อช่วย ชำระศพ”

“เหล่าวิญญาณ ล้วนบรรจบ หลับฝันดี”

บรรดาผู้คนที่กำลังหลงทางท่ามกลางความฝัน ต่างพากันโศกเศร้ารุนแรง คล้ายกับเตรียมบอกลาทุกคนในชีวิตจริง

พวกมันหวนนึกถึงฉากอันงดงามในอดีต นึกถึงฉากที่ครอบครัวรวมตัวกันและเพลิดเพลินไปกับอาหาร พูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน นึกถึงคนที่มองพวกตนอย่างอ่อนโยน นึกถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายจากไปและความเจ็บปวดในตอนนั้น นึกถึงความเจ็บปวดทางวิญญาณและความโศกเศร้าอันเกิดจากสงคราม

คนตายทั้งหมดกำลังหลับใหลอย่างสงบสุขในประเทศที่สุขสงบ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาใดในภายหลัง แต่ผู้ที่เหลือรอดยังต้องทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืน ยังต้องเผชิญความเฉื่อยชาและเหี่ยวเฉา

น้ำตาหยดหนึ่งไหลริน และอีกหลายหยดไหลรินตามมา มวลชนของจัตุรัสรำลึกมิอาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป ต่างคนต่างระบายความเจ็บปวดที่สั่งสมออกมาอย่างเงียบงัน

มวลความโศกเศร้าแพร่กระจายไปทุกทิศ สอดประสานเข้ากับบทเพลงที่ล่องลอย

“จงประสาน สองมือ ให้แนบแน่น”

“จงยกแขน ประกบติด แนบชิดเต้า”

“จงสวดมนต์ดลบันดาล เสียงแผ่วเบา”

“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน”

เหล่าผู้คนที่หลับตาอย่างพากันร่ำไห้อย่างเงียบงัน สองมือขยับไปตามเนื้อหาบทเพลงพร้อมกับส่งเสียงตะโกนภายในใจ:

“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน!”

ความโศกเศร้าปะทุถึงขีดสุด ผู้เข้าร่วมกว่าหมื่นคนของจัตุรัสรำลึกกำลังสร้างความสั่นพ้องทางจิตใจ

ทันใดนั้น ออเดรย์ลืมตาและหยิบขวดยาออกจากกระเป๋าหนังใบเล็กบนตัวซูซี่

เนื้อโอสถเต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์แทนทะเลจิตใต้สำนึกรวม

ออเดรย์ปราศจากความลังเล ท่ามกลางสภาพแวดล้อมปัจจุบัน หญิงสาวคลายเกลียวฝาและดื่มของเหลวด้านในเข้าไปรวดเดียวจนหมด

เธอสัมผัสถึงความผิดปรกติได้ทันที แตกต่างจากอดีตที่ต้องรู้สึกพะอืดพะอมขณะโอสถไหลผ่านหลอดอาหาร

หญิงสาวมิอาจตระหนักถึงร่างกายตัวเองได้อีก คล้ายกับทุกสิ่งของเธอแปรเปลี่ยนเป็นก้อนความคิดและหลอมรวมเข้ากับทะเลมายาโดยรอบ

นี่คือหนแรกที่ออเดรย์ได้เห็นทะเลจิตใต้สำนึกรวมโดยไม่ต้องผ่าน ‘เกาะแห่งจิต’ หรือความฝัน ประหนึ่งกำลังย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ได้ลิ้มรสอ้อมกอดมารดาเป็นครั้งแรกก่อนจะลืมตาดูโลก ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของจิตใต้สำนึกหลังจากชำระล้างตราประทับวิญญาณจากบรรพบุรุษ

หญิงสาวถูกถาโถมด้วยความกลัว บ้าคลั่ง และการกัดกร่อนทางจิตอันน่าสะพรึง ยากที่จะต่อต้านอยู่พักใหญ่ สติเลือนรางลง ‘ร่างกาย’ สั่นระริกจนใกล้เลือนหายเต็มที

อย่างไรก็ดี ‘ทะเล’ โดยรอบมิได้เงียบสงบโดยสมบูรณ์ ยังมีความผันผวนในระดับหนึ่ง คอยแผ่ความโศกเศร้าและเจ็บปวดไปทุกสารทิศ

ภายใต้อิทธิพลดังกล่าว ออเดรย์ซึ่งจิตใต้สำนึกกำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับทะเลรอบข้าง เกิดความสั่นพ้องทางใจและถูกบุกรุกโดยความเศร้าโศกและเจ็บปวดเหนือพรรณนา

ความโศกเศร้าแพร่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง จากความคิดไปยังความคิด จนกระทั่งเติมเต็ม ‘ก้อนความคิด’ ที่ออเดรย์กำลังเป็น แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูร่างวิญญาณและดวงจิต

ในที่สุดออเดรย์ก็ได้สติกลับมาบางส่วน จึงรีบใช้พลังปลอบโยนกับตัวเองอย่างชำนาญ คอยย้ำเตือนว่า ตนต้องขจัดการกัดกร่อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสติจะฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์

เสียงในโสตประสาทชัดเจนขึ้นทุกขณะ จนในที่สุดก็สั่นพ้องอย่างท่วมท้นท่ามกลางทะเลจิตใต้สำนึกรวม

“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน!”

“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน!”

การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน… ออเดรย์ทวนคำด้วยร่างกายที่กำลังมาคมชัด

ท่ามกลางกระแสความคิด หญิงสาวแยกร่างวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งพวกมันท่องไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมและบุกรุกเกาะแห่งจิตของผู้คนโดยรอบ

ออเดรย์เห็นทันทีว่าความโศกเศร้าของผู้คนมีต้นตอมาจากสิ่งใด

มาจากกระสุนปืนใหญ่ที่ตกจากฟากฟ้า มาจากระเบิดที่เรือเหาะทิ้งลงมา มาจากจดหมายที่ส่งจากสนามรบแนวหน้า มาจากข่าวร้ายที่บุรุษไปรษณีย์นำมาแจ้ง มาจากเลือดที่สาดกระเซ็นต่อหน้าต่อตา มาจากการทรุดลงอย่างกะทันหันของบุคคลอันเป็นที่รัก มาจากกองของเล่นที่ปราศจากเจ้าของ มาจากการไออย่างรุนแรงท่ามกลางหมอกควัน

“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”

ซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่หลับตาลงระหว่างพิธีมิสซาพลางท่องประโยคดังกล่าวในใจเป็นภาษามนุษย์ แต่กลับไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงรอบตัว

ทันใดนั้น ภายในดวงวิญญาณของเธอ ภายในกายปัญญา เสียงของออเดรย์ดังขึ้น

“ซูซี่ ฉันทำได้แล้ว…ก่อนหน้านี้ฉันเคยกังวลมาตลอด กลัวว่าเมื่อลำดับสูงขึ้น ฉันจะได้รับอิทธิพลจากโอสถจนปราศจากความรู้สึก กลายเป็นเหมือนสัตว์ในตำนานมากกว่ามนุษย์”

ซูซี่เงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง และพบว่าแม้หญิงสาวผมทองด้านข้างจะกำลังหลับตาสนิท แต่กลับพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างท่วมท้น

จากนั้น ซูซี่ได้ยินเสียงออเดรย์จากภายในใจ

“โชคดีที่ฉันยังสัมผัสถึงความโศกเศร้าของพวกเขาได้…ดีจังเลย…”

ในการมองเห็นของซูซี่ หางตาของสตรีผมทองมีหยดน้ำสีใสไหลรินออกมา

ขณะเดียวกัน แสงอาทิตย์สุดท้ายลาลับโลก นำมาซึ่งกลางคืนอันสุขสงบ

ทุกคนลืมตาขึ้นโดยพร้อมเพรียงพลางเปล่งเสียงใสกังวาน

“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”

หลังจากพรั่งพรูน้ำตาอย่างไม่ยับยั้ง ออเดรย์ซึ่งแต่เดิมเป็นคนสดใสร่างเริง กลายเป็นสตรีที่อ่อนไหวต่อความเศร้าโศก ใครก็ตามที่เห็นพลันเกิดความเอ็นดูและรักใคร่จากก้นบึ้ง

ท่ามกลางความคุ้มครองที่หนาแน่น หญิงสาวกลับถึงเขตราชินีและกลับเข้าห้องนอน

ถึงตรงนี้ เธอมีโอกาสสำรวจตัวเองอย่างจริงจัง ตกผลึกความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากโอสถและทะเลจิตใต้สำนึกรวม

มองจากภายนอกอาจไม่ทราบ แต่ออเดรย์ตระหนักดีว่าสตรีเลอโฉมเจ้าของผมสีทองดวงตาสีฟ้าในกระจก มีพลังป้องกันที่เป็นเลิศจากเกล็ดมังกร และพละกำลังมหาศาลชนิดที่สามารถป่นเหล็กกล้าให้แหลกภายในหมัดเดียว

อา… เรายังมีพลัง ‘แปลงมังกร’ ซึ่งเทียบเท่ากับการเผยร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ แต่คงต้องรอให้คุ้นชินกับโอสถเสียก่อน แถมยังต้องฝังการชี้นำทางจิตหลายชั้นก่อนใช้งาน ไม่อย่างนั้นอาจคลุ้มคลั่งคาที่… ‘แปลงมังกร’ แต่ละครั้งต้องห้ามเกินเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น ต่อให้มีวิธีรักษาอาการทางจิตและทางวิญญาณ แต่เราก็จะยังถูกความบ้าคลั่งและโกลาหลกัดกร่อนในเชิงลึก สั่งสมปัจจัยของภาวะคลุ้มคลั่งในระยะยาว…ขีดจำกัดในปัจจุบันของเราคือหนึ่งนาที…

พลังหลักของจอมบงการคือ ‘บงการ’ เราสามารถนำกายปัญญาบุกรุกเข้าไปในเกาะแห่งจิตของผู้อื่น ดัดแปลงจิตใต้สำนึกโดยตรง อ่านความคิดของพวกเขา และชักนำให้พวกเขาทำทุกสิ่งโดยไม่รู้ตัว…

พลังที่สอดคล้องกับ ‘บงการ’ คือ ‘บุคลิกเสมือน’ เราสามารถจำลองบุคลิกจำนวนมากโดยที่แต่ละบุคลิกจะมีกายปัญญาแตกต่างกัน แง่หนึ่งสามารถนำไปใช้รับมือการโจมตีทางจิต อีกแง่หนึ่งสามารถอาศัยบุคลิกเหล่านั้นเพื่อบุกรุกเกาะแห่งจิตของเป้าหมายโดยไม่ทิ้งร่องรอย…

ปัจจุบันเรามีบุคลิกเสมือนได้สูงสุดสิบสาม…

จอมบงการยังสามารถสร้าง ‘โรคระบาดทางจิต’ อันน่าสะพรึง และใช้ทะเลจิตใต้สำนึกรวมในการแพร่โรคระบาดทางจิต…

อา… ‘เกรงขาม’ ยังพัฒนาเป็น ‘ช่วงชิงจิตใจ’ ซึ่งจะแสดงผลเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่เป้าหมายเดียวอีกต่อไป…

เราสามารถเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็น ‘พายุจิต’ เพื่อพัดกวาดโดยรอบและสร้างอิทธิพลกับศัตรูทั้งหมด…

หึหึ… ในฐานะจอมบงการ เรายังมีพลัง ‘ท่องจิตใต้สำนึก’ สำหรับเดินทางไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมได้อย่างอิสระ ไม่อย่างนั้นกว่าจะเดินผ่านความฝันไปถึงทะเลจิตใต้สำนึกรวม เป้าหมายคงเผ่นหนีไปก่อนแล้ว… ออเดรย์จ้องตัวเองในกระจกพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

จากนั้นก็ทำแก้มพองพลางอ้าปากราวกับเตรียมพ่นบางสิ่ง

ในเมื่อร่างสัตว์ในตำนานของเธอคือมังกรจิต ก็ต้องมีพลังประเภท ‘ลมหายใจมังกร’

พลังชนิดนี้สามารถกระตุ้นหรือสร้างความเสียหายแก่กายปัญญาของเป้าหมายเป็นวงกว้าง เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับ ‘ทะลวงจิต’

ดวงตาสีฟ้าของออเดรย์ขยับเล็กน้อย ก่อนจะถอนสายตากลับพลางถอนหายใจยาว

นี่คือครึ่งเทพ… พลังช่างน่าสะพรึง… เช่นนั้นแล้ว มิสเตอร์เวิร์ลที่สามารถฆ่าเฮอร์วิน·แรมบิสอย่างง่ายดาย จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน…

เหนือสายหมอกสีเทา ภายในวังโบราณ

เมื่อผู้เข้าร่วมทีมล่าทยอยเตรียมความพร้อมเสร็จ พวกมันตัดสินใจนัดประชุมย่อยเพื่อปรึกษาหารือรายละเอียด

“จอมบงการทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์สจ้องหน้าจัสติสด้านข้างและโพล่งด้วยความประหลาดใจ

เมื่อครู่ออเดรย์เพิ่งอธิบายพลังในขอบเขตครึ่งเทพของตนอย่างคร่าว แม้จะไม่ได้ลงลึกรายละเอียดเพื่อเก็บไว้เป็นไพ่ตาย แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เมจิกเชี่ยน เฮอร์มิท จัดจ์เมนต์ และเดอะสตาร์เกิดความทึ่ง

“อันที่จริงก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น… มิสเตอร์เวิร์ลทราบเรื่องนี้ดี” ออเดรย์มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่ง

เดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์มิได้พยักหน้า แต่อืมในลำคอก่อนตอบ

“ในตอนที่ฆ่าเฮอร์วิน แรมบิส ผมได้รับการสนับสนุนจากผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง”

มันเว้นวรรคและกล่าว

“ก่อนจะพูดคุยเกี่ยวกับแผนการล่า ผมต้องการทราบวิธีทำให้ตระกูลอับราฮัมสัมผัสถึงความเป็นมิตรจากผม”

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับราชันเร้นลับ 1190 : สั่นพ้อง

Now you are reading Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ Chapter ราชันเร้นลับ 1190 : สั่นพ้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อถ้อยคำของแอนโทนี สตีเวนสันดังกังวานทั่วจัตุรัสรำลึกและแพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง ชาวโลเอ็นที่เข้าร่วมพิธีมิสซาต่างพากันสะเทือนใจ โศกเศร้า อบอุ่น และหดหู่

ในจัตุรัสแห่งอื่น คณะนักร้องประสานเสียงเริ่มขับขานบทเพลงอันศักดิ์สิทธิ์จนดังก้องอยู่ภายในใจทุกคน

“จันทร์แดงเลือด คลุมพสุธา มาช้านาน”

“เหล่ามนุษย์ ดำดิ่ง ฝันแสนหวาน”

“เห็นพ่อแม่ คู่สมรส ตลอดกาล”

ดวงวิญญาณของทุกคนได้รับการชำระล้างโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาตามธรรมชาติ

คล้ายกับทุกคนกำลังย่างกรายเข้าสู่ดินแดนความฝันและเดินไปตามความมืดมิดอันเงียบสงบ

ไม่ว่าจะเป็นลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี หรือเพื่อนฝูงที่จากไป คนตายทั้งหมดถูกชำระล้างให้ปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน สีหน้าของผู้เข้าร่วมมิสซาเริ่มบรรเทาความเจ็บปวด แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสงบนิ่ง

“เราทุกคน แหงนมองฟ้า ยามราตรี”

“เปล่งพระนาม สามัคคี และอ่อนโยน”

“เทพธิดารัตติกาล!”

“…หากพระองค์ ทรงสดับ คงเห็นด้วย”

“คงส่งยิ้ม เพื่อช่วย ชำระศพ”

“เหล่าวิญญาณ ล้วนบรรจบ หลับฝันดี”

บรรดาผู้คนที่กำลังหลงทางท่ามกลางความฝัน ต่างพากันโศกเศร้ารุนแรง คล้ายกับเตรียมบอกลาทุกคนในชีวิตจริง

พวกมันหวนนึกถึงฉากอันงดงามในอดีต นึกถึงฉากที่ครอบครัวรวมตัวกันและเพลิดเพลินไปกับอาหาร พูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน นึกถึงคนที่มองพวกตนอย่างอ่อนโยน นึกถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายจากไปและความเจ็บปวดในตอนนั้น นึกถึงความเจ็บปวดทางวิญญาณและความโศกเศร้าอันเกิดจากสงคราม

คนตายทั้งหมดกำลังหลับใหลอย่างสงบสุขในประเทศที่สุขสงบ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาใดในภายหลัง แต่ผู้ที่เหลือรอดยังต้องทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืน ยังต้องเผชิญความเฉื่อยชาและเหี่ยวเฉา

น้ำตาหยดหนึ่งไหลริน และอีกหลายหยดไหลรินตามมา มวลชนของจัตุรัสรำลึกมิอาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป ต่างคนต่างระบายความเจ็บปวดที่สั่งสมออกมาอย่างเงียบงัน

มวลความโศกเศร้าแพร่กระจายไปทุกทิศ สอดประสานเข้ากับบทเพลงที่ล่องลอย

“จงประสาน สองมือ ให้แนบแน่น”

“จงยกแขน ประกบติด แนบชิดเต้า”

“จงสวดมนต์ดลบันดาล เสียงแผ่วเบา”

“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน”

เหล่าผู้คนที่หลับตาอย่างพากันร่ำไห้อย่างเงียบงัน สองมือขยับไปตามเนื้อหาบทเพลงพร้อมกับส่งเสียงตะโกนภายในใจ:

“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน!”

ความโศกเศร้าปะทุถึงขีดสุด ผู้เข้าร่วมกว่าหมื่นคนของจัตุรัสรำลึกกำลังสร้างความสั่นพ้องทางจิตใจ

ทันใดนั้น ออเดรย์ลืมตาและหยิบขวดยาออกจากกระเป๋าหนังใบเล็กบนตัวซูซี่

เนื้อโอสถเต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์แทนทะเลจิตใต้สำนึกรวม

ออเดรย์ปราศจากความลังเล ท่ามกลางสภาพแวดล้อมปัจจุบัน หญิงสาวคลายเกลียวฝาและดื่มของเหลวด้านในเข้าไปรวดเดียวจนหมด

เธอสัมผัสถึงความผิดปรกติได้ทันที แตกต่างจากอดีตที่ต้องรู้สึกพะอืดพะอมขณะโอสถไหลผ่านหลอดอาหาร

หญิงสาวมิอาจตระหนักถึงร่างกายตัวเองได้อีก คล้ายกับทุกสิ่งของเธอแปรเปลี่ยนเป็นก้อนความคิดและหลอมรวมเข้ากับทะเลมายาโดยรอบ

นี่คือหนแรกที่ออเดรย์ได้เห็นทะเลจิตใต้สำนึกรวมโดยไม่ต้องผ่าน ‘เกาะแห่งจิต’ หรือความฝัน ประหนึ่งกำลังย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ได้ลิ้มรสอ้อมกอดมารดาเป็นครั้งแรกก่อนจะลืมตาดูโลก ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของจิตใต้สำนึกหลังจากชำระล้างตราประทับวิญญาณจากบรรพบุรุษ

หญิงสาวถูกถาโถมด้วยความกลัว บ้าคลั่ง และการกัดกร่อนทางจิตอันน่าสะพรึง ยากที่จะต่อต้านอยู่พักใหญ่ สติเลือนรางลง ‘ร่างกาย’ สั่นระริกจนใกล้เลือนหายเต็มที

อย่างไรก็ดี ‘ทะเล’ โดยรอบมิได้เงียบสงบโดยสมบูรณ์ ยังมีความผันผวนในระดับหนึ่ง คอยแผ่ความโศกเศร้าและเจ็บปวดไปทุกสารทิศ

ภายใต้อิทธิพลดังกล่าว ออเดรย์ซึ่งจิตใต้สำนึกกำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับทะเลรอบข้าง เกิดความสั่นพ้องทางใจและถูกบุกรุกโดยความเศร้าโศกและเจ็บปวดเหนือพรรณนา

ความโศกเศร้าแพร่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง จากความคิดไปยังความคิด จนกระทั่งเติมเต็ม ‘ก้อนความคิด’ ที่ออเดรย์กำลังเป็น แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูร่างวิญญาณและดวงจิต

ในที่สุดออเดรย์ก็ได้สติกลับมาบางส่วน จึงรีบใช้พลังปลอบโยนกับตัวเองอย่างชำนาญ คอยย้ำเตือนว่า ตนต้องขจัดการกัดกร่อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสติจะฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์

เสียงในโสตประสาทชัดเจนขึ้นทุกขณะ จนในที่สุดก็สั่นพ้องอย่างท่วมท้นท่ามกลางทะเลจิตใต้สำนึกรวม

“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน!”

“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน!”

การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน… ออเดรย์ทวนคำด้วยร่างกายที่กำลังมาคมชัด

ท่ามกลางกระแสความคิด หญิงสาวแยกร่างวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งพวกมันท่องไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมและบุกรุกเกาะแห่งจิตของผู้คนโดยรอบ

ออเดรย์เห็นทันทีว่าความโศกเศร้าของผู้คนมีต้นตอมาจากสิ่งใด

มาจากกระสุนปืนใหญ่ที่ตกจากฟากฟ้า มาจากระเบิดที่เรือเหาะทิ้งลงมา มาจากจดหมายที่ส่งจากสนามรบแนวหน้า มาจากข่าวร้ายที่บุรุษไปรษณีย์นำมาแจ้ง มาจากเลือดที่สาดกระเซ็นต่อหน้าต่อตา มาจากการทรุดลงอย่างกะทันหันของบุคคลอันเป็นที่รัก มาจากกองของเล่นที่ปราศจากเจ้าของ มาจากการไออย่างรุนแรงท่ามกลางหมอกควัน

“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”

ซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่หลับตาลงระหว่างพิธีมิสซาพลางท่องประโยคดังกล่าวในใจเป็นภาษามนุษย์ แต่กลับไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงรอบตัว

ทันใดนั้น ภายในดวงวิญญาณของเธอ ภายในกายปัญญา เสียงของออเดรย์ดังขึ้น

“ซูซี่ ฉันทำได้แล้ว…ก่อนหน้านี้ฉันเคยกังวลมาตลอด กลัวว่าเมื่อลำดับสูงขึ้น ฉันจะได้รับอิทธิพลจากโอสถจนปราศจากความรู้สึก กลายเป็นเหมือนสัตว์ในตำนานมากกว่ามนุษย์”

ซูซี่เงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง และพบว่าแม้หญิงสาวผมทองด้านข้างจะกำลังหลับตาสนิท แต่กลับพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างท่วมท้น

จากนั้น ซูซี่ได้ยินเสียงออเดรย์จากภายในใจ

“โชคดีที่ฉันยังสัมผัสถึงความโศกเศร้าของพวกเขาได้…ดีจังเลย…”

ในการมองเห็นของซูซี่ หางตาของสตรีผมทองมีหยดน้ำสีใสไหลรินออกมา

ขณะเดียวกัน แสงอาทิตย์สุดท้ายลาลับโลก นำมาซึ่งกลางคืนอันสุขสงบ

ทุกคนลืมตาขึ้นโดยพร้อมเพรียงพลางเปล่งเสียงใสกังวาน

“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”

หลังจากพรั่งพรูน้ำตาอย่างไม่ยับยั้ง ออเดรย์ซึ่งแต่เดิมเป็นคนสดใสร่างเริง กลายเป็นสตรีที่อ่อนไหวต่อความเศร้าโศก ใครก็ตามที่เห็นพลันเกิดความเอ็นดูและรักใคร่จากก้นบึ้ง

ท่ามกลางความคุ้มครองที่หนาแน่น หญิงสาวกลับถึงเขตราชินีและกลับเข้าห้องนอน

ถึงตรงนี้ เธอมีโอกาสสำรวจตัวเองอย่างจริงจัง ตกผลึกความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากโอสถและทะเลจิตใต้สำนึกรวม

มองจากภายนอกอาจไม่ทราบ แต่ออเดรย์ตระหนักดีว่าสตรีเลอโฉมเจ้าของผมสีทองดวงตาสีฟ้าในกระจก มีพลังป้องกันที่เป็นเลิศจากเกล็ดมังกร และพละกำลังมหาศาลชนิดที่สามารถป่นเหล็กกล้าให้แหลกภายในหมัดเดียว

อา… เรายังมีพลัง ‘แปลงมังกร’ ซึ่งเทียบเท่ากับการเผยร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ แต่คงต้องรอให้คุ้นชินกับโอสถเสียก่อน แถมยังต้องฝังการชี้นำทางจิตหลายชั้นก่อนใช้งาน ไม่อย่างนั้นอาจคลุ้มคลั่งคาที่… ‘แปลงมังกร’ แต่ละครั้งต้องห้ามเกินเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น ต่อให้มีวิธีรักษาอาการทางจิตและทางวิญญาณ แต่เราก็จะยังถูกความบ้าคลั่งและโกลาหลกัดกร่อนในเชิงลึก สั่งสมปัจจัยของภาวะคลุ้มคลั่งในระยะยาว…ขีดจำกัดในปัจจุบันของเราคือหนึ่งนาที…

พลังหลักของจอมบงการคือ ‘บงการ’ เราสามารถนำกายปัญญาบุกรุกเข้าไปในเกาะแห่งจิตของผู้อื่น ดัดแปลงจิตใต้สำนึกโดยตรง อ่านความคิดของพวกเขา และชักนำให้พวกเขาทำทุกสิ่งโดยไม่รู้ตัว…

พลังที่สอดคล้องกับ ‘บงการ’ คือ ‘บุคลิกเสมือน’ เราสามารถจำลองบุคลิกจำนวนมากโดยที่แต่ละบุคลิกจะมีกายปัญญาแตกต่างกัน แง่หนึ่งสามารถนำไปใช้รับมือการโจมตีทางจิต อีกแง่หนึ่งสามารถอาศัยบุคลิกเหล่านั้นเพื่อบุกรุกเกาะแห่งจิตของเป้าหมายโดยไม่ทิ้งร่องรอย…

ปัจจุบันเรามีบุคลิกเสมือนได้สูงสุดสิบสาม…

จอมบงการยังสามารถสร้าง ‘โรคระบาดทางจิต’ อันน่าสะพรึง และใช้ทะเลจิตใต้สำนึกรวมในการแพร่โรคระบาดทางจิต…

อา… ‘เกรงขาม’ ยังพัฒนาเป็น ‘ช่วงชิงจิตใจ’ ซึ่งจะแสดงผลเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่เป้าหมายเดียวอีกต่อไป…

เราสามารถเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็น ‘พายุจิต’ เพื่อพัดกวาดโดยรอบและสร้างอิทธิพลกับศัตรูทั้งหมด…

หึหึ… ในฐานะจอมบงการ เรายังมีพลัง ‘ท่องจิตใต้สำนึก’ สำหรับเดินทางไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมได้อย่างอิสระ ไม่อย่างนั้นกว่าจะเดินผ่านความฝันไปถึงทะเลจิตใต้สำนึกรวม เป้าหมายคงเผ่นหนีไปก่อนแล้ว… ออเดรย์จ้องตัวเองในกระจกพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

จากนั้นก็ทำแก้มพองพลางอ้าปากราวกับเตรียมพ่นบางสิ่ง

ในเมื่อร่างสัตว์ในตำนานของเธอคือมังกรจิต ก็ต้องมีพลังประเภท ‘ลมหายใจมังกร’

พลังชนิดนี้สามารถกระตุ้นหรือสร้างความเสียหายแก่กายปัญญาของเป้าหมายเป็นวงกว้าง เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับ ‘ทะลวงจิต’

ดวงตาสีฟ้าของออเดรย์ขยับเล็กน้อย ก่อนจะถอนสายตากลับพลางถอนหายใจยาว

นี่คือครึ่งเทพ… พลังช่างน่าสะพรึง… เช่นนั้นแล้ว มิสเตอร์เวิร์ลที่สามารถฆ่าเฮอร์วิน·แรมบิสอย่างง่ายดาย จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน…

เหนือสายหมอกสีเทา ภายในวังโบราณ

เมื่อผู้เข้าร่วมทีมล่าทยอยเตรียมความพร้อมเสร็จ พวกมันตัดสินใจนัดประชุมย่อยเพื่อปรึกษาหารือรายละเอียด

“จอมบงการทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์สจ้องหน้าจัสติสด้านข้างและโพล่งด้วยความประหลาดใจ

เมื่อครู่ออเดรย์เพิ่งอธิบายพลังในขอบเขตครึ่งเทพของตนอย่างคร่าว แม้จะไม่ได้ลงลึกรายละเอียดเพื่อเก็บไว้เป็นไพ่ตาย แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เมจิกเชี่ยน เฮอร์มิท จัดจ์เมนต์ และเดอะสตาร์เกิดความทึ่ง

“อันที่จริงก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น… มิสเตอร์เวิร์ลทราบเรื่องนี้ดี” ออเดรย์มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่ง

เดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์มิได้พยักหน้า แต่อืมในลำคอก่อนตอบ

“ในตอนที่ฆ่าเฮอร์วิน แรมบิส ผมได้รับการสนับสนุนจากผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง”

มันเว้นวรรคและกล่าว

“ก่อนจะพูดคุยเกี่ยวกับแผนการล่า ผมต้องการทราบวิธีทำให้ตระกูลอับราฮัมสัมผัสถึงความเป็นมิตรจากผม”

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+