Monarch of Time 13 – การทดสอบเป็นเช่นใดหรือ?

Now you are reading Monarch of Time Chapter 13 – การทดสอบเป็นเช่นใดหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มันคือรังสีพลังสวรรค์แบบเดียวกับที่ตำราสีทองปล่อยออกมาเมื่อครู่ก่อนจะดูดเขาเข้ามาในหน้าขาว

 

ยิ่งสติของชุนหลงได้ดูดซับพลังสวรรค์นี้มากเท่าใด ดวงวิญญาณของเขายิ่งขยายใหญ่ขึ้น

 

พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันแข็งแกร่งขึ้นในทุกวินาที

 

พลังนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่บ่มเพาะดวงวิญญาณและพลังจิตเป็นอย่างมาก

 

เวลาผ่านไป 100 ลมหายใจตั้งแต่ที่ชุนหลงถูกดูดเข้าไป พลังทั้งหมดได้อยู่รายล้อมจิตใจของเขา

 

ในทุกวินาทีนั้นเขารู้นสึกเหมือนกับได้รับการนวดคลึงในดวงวิญญาณ และเขาอดต้องการมันมากกว่าเดิมไม่ได้ แต่ความรู้สึกต้องการนั้นก็เลือนหายไปในพริบตาเมื่อจิตใจของเขาได้เจอกับคลื่นความเจ็บปวดในทันทีที่ ‘การนวดคลึง’ นั้นหยุดไป

 

เมื่อดวงวิญญาณขยายและดูดซับข้อมูลได้มากกว่าเดิม ตำราสีทองจึงไม่ออมมืออีกแล้ว

 

สมองของเขาอยู่ในระดับที่แบกรับข้อมูลได้มากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า และจิตใจของเขากำลังถูกถาโถมใส่ด้วยภาพต้นไม้อีกครั้ง

 

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ตำราสีทองหยุดยัดข้อมูลใส่สมองของชุนหลง ในที่สุดเขาก็มีโอกาสพักหายใจ…เขาหยุดคิด…

 

ตำาราสีทองปรากฏต่อหน้าเขา และสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวก็เกิดขึ้น…

 

จิตใจของเขาถูกภาพและข้อมูลมหาศาลหาโถมเข้าใจอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับต้นไม้…แต่เป็นสัตว์อสูร

 

ชุนหลงไม่เพียงแค่เหงื่อทะลักเมื่อการถ่ายทอดข้อมูลครั้งที่สองจบลง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันได้พักหายใจก่อนที่จะจัดการสิ่งที่ได้รับรู้ทั้งหมด

 

“ที่เจ้าคิดจะฆ่าข้าเรอะ?”

 

ชุนหลงอยากจะร้องคำรามใส่ตำราสีทองด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะได้รับข้อมูลชุดที่สาม เขาก็เกือบจะหมดสติไปแล้ว

 

โชคดีที่ครั้งที่สามนั้นคือข้อมูลชุดสุดท้ายและกินเวลาสั้นที่สุด

 

ข้อมูลที่ได้รับนั้นกล่าวถึงร่างกายของมนุษย์ ความเจ็บป่วยและในเรื่องอื่น ๆ แต่นี่ยังไม่ถึงเสี้ยวนึงของข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับในเรื่องพืชพรรณและโอสถ

 

และยังเรื่องข้อมูลสัตว์อสูรที่แทบจะมีปริมาณไม่ถึง 1 ในร้อยส่วนของโอสถ นี่คือปริมาณข้อมูลที่ชุนหลงได้ดูดซับเข้ามา

 

เมื่อถึงจุดจบแล้ว ชุนหลงผู้เหนื่อยอ่อนในจิตใจหลังจากที่ตำราสีทองหยุดถ่ายทอดข้อมูลให้กับเขานั้นหมดสติในทันที

 

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็ต้องตกตะลึง ตาเขาถลนออกมา

 

ร่างกายของเขาซูบผอมลงเป็นอย่างมาก เบ้าตากลายเป็นหลุมลึก มือและเท้าผอมเหลือแต่กระดูกจนมองเห็นหนังไม่เห็นเนื้อไม่ว่าจะมองที่ใด เขาเหมือนกับโครงกระดูกหุ้มหนังที่มีชีวิตและถ้าหากเขาไม่ได้อยู่ในระดับรวมปราณขั้น 6 เขาอาจจะตายไปแล้วเราะไม่มีพลังที่จะคงร่างกายเอาไว้

 

เขาลุกขึ้นด้วยความพยายามอย่างยากลำบากและเดินไปถึงประตู เสื้อผ้าที่ห้อยบนร่างกายของเขานั้นมีขนาดใหญ่กว่าร่างกายเขามาก

 

ทันทีที่เขาเปิดประตู เขาเห็นสาวใช้คนหนึ่งหลับอยู่นอกห้องบนพื้นแข็งที่เย็นเฉียบ

 

ชุนหลงรู้สึกสงสารนางและเดินไปปลุกเมื่อสาวใช้ลืมตาขึ้นมาพอดี

 

“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยย”

 

นางกรีดร้องและกลิ้งหนีเขาไปหลายตลบก่อนจะยืนขึ้น ชุดของนางเต็มไปด้วยดินทราย

 

“นะ..นาย…นายน้อ..ย?”

 

นางถามด้วยเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาแต่เหี่ยวแห้งของชุนหลง แก้มของเขาตอบเข้าไปในปาก

 

ชุนหลงขมวดคิ้วเมื่อมองสาวใช้ที่ดูจะยังไม่รู้ถึงที่มาของรูปลักษณ์ของเขา เขาสั่ง

 

“เตรียมอาหารมื้อใหญ่ให้ข้า ข้าหิว”

 

เขาเดินอย่างยากลำบากไปที่ห้องอาหาร

 

เวลานี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว แต่พ่อครัวยังคงตื่น พวกเขาทำอาหารมื้อใหญ่ในเวลาไม่ถึง 30 นาที ซึ่งชุนหลงสวาปามอาหารทั้งหมดในเวลาไม่ถึง 10 นาที

 

พ่อครัวไม่มีทางเลือกนอกจากเตรียมอาหารให้นายน้อยที่ไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มมากกว่าเดิม แต่พวกเขาแทบจะทำจานใหม่ไม่ทันชุนหลงที่กระเดือกจานก่อนหน้าไปหมดแล้ว

 

มันเรียกว่ามื้ออาหารไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่มันคือการกินบุฟเฟ่ต์ที่พ่อครัว 6 คนต้องเร่งทำอาหารให้พอใจความกระหายของนายน้อย

 

แม้กระทั่งชุนฟางกับชุนอันก็ตกอกตกใจกับความวุ่นวายที่บุตรชายตัวเองก่อ แต่เมื่อเห็นร่างกายเหี่ยวแห้งที่ค่อย ๆ ฟื้นกลับคืนมาเมื่อได้รับประทานเยอะขึ้น ทั้งสองจึงไม่ว่าอะไร

 

ทุกคำถามจะได้รับการตอบหากชุนหลงอิ่มแล้ว

 

ชุนหลงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ของเขาได้เข้ามาในห้องอาหาร เขาหยุดสวาปามอาหารเมื่อกินอาหารเท่ากับ 100 กระเพาะเข้าไป

 

จากนั้นชุนฟางจึงเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ

 

“เจ้าหายไปไหนมา 25 วันรึ?”

 

“อะไรนะ?”

 

ชุนหลงแทบจะไม่เชื่อว่าเขาได้ใช้เวลา 25 วันเต็มในการดูดซับข้อมูลที่ตำราสีทองถ่ายทอดให้

 

แต่เมื่อเขาคิดดูแล้ว มันก็สมเหตุสมผล โดยเฉพาะกับปริมาณข้อมูลมหาศาลในหัวเวลานี้

 

ชุนหลงในตอนนี้อาจจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับโอสถทุกชนิด วัตถุดิบที่มีอยู่บนโลก แม้เขาจะยังไม่ได้ทดสอบ ความสามารถทางทฤษฎีการปรุงยาของเขาก็น่าจะถึงระดับเทพเจ้าแล้ว คิดจากศาสตร์ปรุงยาที่ต้องทำ 2 สิ่งนั่นคือการควบคุมวัตถุดิบและควบคุมไฟ

 

ที่จริงแล้วมันซับซ้อนกว่านั้น แต่ชุนหลงอดทนรอไม่ไหวที่จะทดลองดูว่าเขารู้เรื่องศาสตร์ปรุงยาจริง ๆ

 

เขาตอบ

 

“ข้าเจอกับปัญหาบางประการ แต่ไม่เป็นไรแล้ว ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าเพิ่มพลังมาอีกหนึ่งขั้นแล้ว”

 

ชุนหลงจึงเผยพลังของระดับรวมปราณขั้น 6 ออกมา

 

เขาไม่รู้เลยว่าคุณสมบัติในการเข้า ‘นิกายเมฆาทะยาน’ เป็นเช่นใด แต่เขาคิดว่าเขาจะต้องมีพลังอย่างน้อยระดับนี้เพื่อที่จะผ่านการทดสอบ

 

ชุนฟางมิอาจเชื่อว่าบุตรชายของตัวเองจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงแค่เดือนเดียวและถึงกับยินดีอดอาหารเป็นเดือนถ้าหากทำให้พลังเติบโตขึ้นได้

 

ชุนหลงดีใจที่เขาตื่นขึ้นมาทันเวลาทดสอบ ‘นิกายเมฆาทะยาน’ ในเมืองหลวง

 

ถ้าหากเขาหลับนานเกินไปและพลาดการสอบเข้าที่จะจัดขึ้นในทุก 3 ปี เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน

 

จากนั้นชุนหลงจึงหันไปมองผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งข้างเขาและถามด้วยความสงสัย

 

“จริงด้วย ท่านพ่อ การทดสอบของ ‘นิกายเมฆาทะยาน’ เป็นเช่นใดหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด