ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 284 ทำไมเขาต้องหลงใหลเธอ?

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 284 ทำไมเขาต้องหลงใหลเธอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 284 ทำไมเขาต้องหลงใหลเธอ?

หลังกินเสร็จ ลูกค้าก็เข้ามาที่ร้าน 4 คน ทุกคนต่างออกไปหลังจากกินเสร็จและลูกค้าอีกคนหนึ่งก็เข้ามาอีกครั้ง

หากดูแบบนี้ ก็นับได้ว่าไม่มีคนเข้าร้าน แม้แต่หลินชิงเหอก็ยังรู้สึกว่าธุรกิจเป็นไปแบบงั้น ๆ ?

โจวชิงไป๋เก็บถ้วยชามไปล้างและเช็ดทำความสะอาดโต๊ะ

หลินชิงเหอจึงพาลูกชายคนเล็กสองคนกลับบ้านไปพักผ่อน ขณะที่โจวชิงไป๋ยังคงขายเกี๊ยวกับโจวข่าย

ในตอนกลางคืนพวกเขาไม่มีเกี๊ยว แต่มีหมั่นโถวแทน พวกเขาไม่อยากเปิดเตาเป็นการรบกวนที่บ้านจึงมากินที่ร้าน

อาหารหลักเป็นหมั่นโถว เคียงด้วยแกงแกะหม้อหนึ่ง

หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “เนื้อแกะนี่มาจากไหนเหรอคะ?”

“ตอนนี้มีไม่มากหรอก แต่ในสิ้นปีจะมีมากกว่านี้น่ะ” โจวชิงไป๋บอก

เถ้าแก่บอกว่าเขาวางแผนจะเลี้ยงแกะมากขึ้นในปีนี้ ดังนั้นจะมีเนื้อแกะมาส่งให้เป็นจำนวนไม่น้อย

ทั้งครอบครัวกินหมั่นโถวเคียงแกงแกะจนรู้สึกอิ่มหนำสำราญ

ตอนนี้ช้ามากแล้ว เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ในตอนที่ครอบครัวนี้กำลังกินแกงแกะกับหมั่นโถว ก็ยังมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาในร้าน

เขาถึงกับถามขึ้น “มีเกี๊ยวแกะเหลือไหม?”

“ไม่มีครับ” โจวชิงไป๋ลุกขึ้นไปให้บริการและแสดงเมนูอาหารซึ่งดูเรียบง่ายอย่างยิ่ง มีอาหารอยู่ 4 อย่าง เป็นเกี๊ยวหมูกับกะหล่ำปลี เกี๊ยวหมูกับเห็ด เกี๊ยวหมูกับเต้าหู้ หรือไม่ก็เกี๊ยวหมูกับผักดอง

ช่วยไม่ได้นี่นะ ตอนนี้มีวัตถุดิบอยู่แค่นี้ แต่เมื่อเริ่มฤดูใบไม้ผลิก็จะมีผักผลไม้ขายในท้องตลาดมากขึ้น มันก็จะมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครรังเกียจร้านเกี๊ยวธรรมดา ๆ แบบนี้ มีคนไม่มากนักที่เป็นเถ้าแก่ แล้วพวกเขาจะใส่ใจไปทำไม

ลูกค้านั่งลงและกินเกี๊ยวหมูกับผักดองไป 1 ชาม จากนั้นก็จ่ายเงินและออกจากร้านไป

หลินชิงเหอยังคงมีกิจวัตรเป็นไปตามปกติ หลังกินเสร็จแล้วเธอก็พาลูกคนเล็กทั้งสองกลับบ้านและทำในสิ่งที่พวกเขาควรทำ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการเรียนการสอนหรือเรียนหนังสือ

โจวข่ายกับโจวชิงไป๋ไม่ได้ปิดร้าน จนกระทั่งถึงสามทุ่มพวกเขาจึงเก็บร้านและกลับมาที่บ้าน

หลังทำความสะอาดร้านไปคร่าว ๆ แล้ว พวกเขาก็กลับมาที่บ้านเพื่อมานับดูรายได้ในวันนี้

เขาคำนวณค่าต้นทุนทุกอย่าง เกี๊ยว 1 ชามทำรายได้ไม่มากนัก แค่เพียง 5 เหมาเท่านั้น ซึ่งนับว่าได้กำไรไม่มาก

วันนี้พวกเขาขายเกี๊ยวไปได้ 37 ชาม ทำให้ได้เงินมาเกือบ 2 หยวน

เงิน 2 หยวนนี้อาจไม่มาก แต่เมื่อหลินชิงเหอเห็นเขาทำบัญชีอย่างกระตือรือร้น เธอก็รู้สึกว่าชายหนุ่มเถรตรงของเธอคนนี้ช่างน่ารัก

นี่สินะที่เรียกว่าความน่ารักระหว่างชนชั้น!

“ในวันข้างหน้าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนครับ” โจวชิงไป๋หันไปมองภรรยาที่กำลังมองเขาและบอกกับเธอ

กิจการวันนี้ทำให้เขามีความมั่นใจอย่างมาก มันไม่ยากเลย เมื่อลูกค้าเข้าร้าน พวกเขาก็สั่งสิ่งที่จะกินและเขาก็ทำเพียงนำมันไปส่งที่โต๊ะ

วันนี้หญิงชราคนหนึ่งมากินเกี๊ยวและถามว่าทำไมชายหนุ่มในวัยอย่างเขาถึงมาเปิดร้านด้วยตัวเอง

เขาตอบไปว่าภรรยาของเขาสอนหนังสือและลูกชายก็กำลังเรียนอยู่ พวกเขาจึงไม่มีเวลา เขาจึงเป็นคนจัดการงานด้านนี้ด้วยตัวเอง

ทันทีที่ถามและได้ความว่าภรรยาของเขาสอนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นางก็เอ่ยชมว่าเขามีสายตาดีถึงมีภรรยาแบบนี้ได้

มุมปากของโจวชิงไป๋โค้งขึ้นเล็กน้อย หลินชิงเหอจึงคิดว่าเขาคงอารมณ์ดี เพราะวันนี้สามารถหาเงินได้ เธอจึงลุกขึ้นไปหอมแก้มเขาและเอ่ยขึ้น “วันนี้แค่เปิดร้านวันแรกและอากาศยังเย็นมาก ลูกค้าเลยไม่ค่อยเข้าน่ะค่ะ ในเมื่อมีคนสั่งเยอะ คุณก็รับปากเอาไว้สิคะ พอถึงหน้าใบไม้ผลิก็ไม่ต้องบรรยายเลยว่ามันจะเป็นยังไง” หลินชิงเหอบอก

“อืม” โจวชิงไป๋รับคำและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ดึกมากแล้ว ได้เวลานอนแล้วล่ะ”

หลินชิงเหอเข้านอน บางทีเป็นเพราะชิงไป๋ของเธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยไปกับวันนี้และมีคำแนะนำจากลูกค้าเข้ามามากขึ้น หลินชิงเหอจึงปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ

หลังกินเสร็จแล้ว โจวชิงไป๋ก็เปิดร้านต่อในตอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

หลินชิงเหอพาลูกชายทั้งสามไปกินอาหารเช้าที่นั่น แล้วแต่ละคนก็แยกทางไปโรงเรียน

ความจริงที่โจวชิงไป๋ทำงานเป็นเถ้าแก่ตรงฝั่งตลาดและเปิดร้านเกี๊ยวได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งอพาร์ตเมนต์

อย่าคิดว่าเป็นเพราะในยุคนี้ไม่มีเครื่องมือสื่อสารเลยมันถึงช้า ข่าวคราวช่างแพร่กระจายไปเร็วนัก ต่อให้หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่พูด ก็ยังมีคนรู้

“เป็นเถ้าแก่แล้วไม่ขายหน้าบ้างเหรอ? ภรรยากับลูก ๆ เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกันหมด โดยเฉพาะภรรยาของเขาที่เป็นอาจารย์ แต่เขากลับเลือกที่จะเป็นเถ้าแก่” ใครบางคนพูด

“เป็นเถ้าแก่แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ? อย่างน้อยก็ทำมาหากินด้วยตัวเองแล้วกัน”

“ก็จริงอยู่ แต่เกรงว่ากิจการนี้จะไม่รอดน่ะสิ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับค่าเช่าร้านไหวไหม?”

“ใช่ พวกเขาทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นเหรอ? จำเป็นต้องเป็นเกี๊ยวด้วยเหรอ? ของแบบนี้ไม่ได้หากินยากสักหน่อย”

“ตอนที่ฉันเดินผ่านไป ฉันก็เห็นบางคนนั่งกินอยู่นา”

“ถึงอย่างนั้นมันก็ทำเงินได้ไม่เยอะหรอก”

“…”

คำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของคนตระกูลจางที่อยู่บ้านข้าง ๆ ตอนนี้เองตระกูลจางถึงได้รู้ว่าโจวชิงไป๋ไม่อยู่บ้านและไปทำงานที่ร้าน

ลูกสาวคนโตของตระกูลจางที่กลับมาด้วยสถานภาพหย่าร้างอย่างจางเหมยเหอก็ใช้โอกาสที่หลินชิงเหอกับลูกชายของเธอไม่อยู่ มาเคาะประตูบ้านขอความช่วยเหลือมากกว่า 1 ครั้ง

แต่น่าเสียดายที่โจวชิงไป๋ไม่มีวันเปิดประตู และไม่มีใครขานรับหล่อนเลย

กลับกลายเป็นว่าเขาเปิดร้านค้าเลยไม่อยู่ที่บ้าน

“ขอฉันพูดหน่อยเถอะพี่ ไม่ใช่ว่าพี่ชอบผู้ชายที่แต่งงานแล้วคนนั้นเหรอ?” จางเหมยเหลียนผู้เป็นน้องสาวเอ่ยขึ้น

“ผู้ชายที่แต่งงานแล้วอะไรล่ะ? ยัยคนแซ่หลินนั่นไม่คู่ควรกับผู้ชายอย่างเขาหรอก อีกอย่างหนึ่งฉันแค่อยากจะผูกมิตรกับเขาเท่านั้นเอง คราวที่แล้วเธอไม่เห็นเหรอว่าหล่อนนิสัยแย่ขนาดไหน หล่อนสนใจแต่พี่โจวต่อหน้าฉัน” จางเหมยเหอตอบ

“พี่ ถ้าพี่กลายเป็นของเขาแล้ว แล้วฉันล่ะ ฉันรู้สึกชอบโจวข่ายนะ” พูดถึงโจวข่าย จางเหมยเหลียนก็หน้าแดง

เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่คนนั้นมีกลิ่นกายอันน่าหลงใหลไปทั้งร่าง

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาวิ่งขึ้นบันไดแล้วสวนทางกับหล่อนที่กำลังจะลงไป หล่อนก็ได้กลิ่นชายชาตรีจากร่างสมชายของเขา

มันทำให้หล่อนรู้สึกหลงใหลขึ้นมา

เขาอ่อนกว่าหล่อน 3 ปี แต่นั่นก็ไม่สำคัญ หล่อนจะรอจนกว่าเขาจะโตก็ได้

ปีนี้เขามีอายุ 16 ปี และมีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งมากกว่าเดิม หล่อนเต็มใจรอเขาโตอีกสัก 2 ปี เมื่อใดที่เขาอายุครบ 18 ปีพอดี หล่อนก็จะสามารถจดทะเบียนสมรสกับเขาได้

และหล่อนเองก็เต็มใจจะเป็นผู้หญิงของเขา

สำหรับคนที่ผ่าน ๆ มา หล่อนไม่คิดถึงมันอีกแล้ว หล่อนตัดสินใจแล้วที่จะอยู่กับโจวข่าย

จางเหมยเหอไม่รู้เลยว่าน้องสาวของหล่อนจะตกหลุมรักกับลูกชายของคนที่หล่อนแอบชอบ หล่อนแสดงสีหน้าเป็นการค่อนแคะว่าน้องสาวกำลังทำผิด “เขาเป็นแค่เด็กหัวเกรียนคนหนึ่ง ส่วนเธอน่ะอายุเยอะกว่าเขามาก ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง หลังเรียนจบแล้วก็คงจะมีงานทำ จะไปมองเธอได้ยังไงล่ะ?”

จางเหมยเหลียนรู้สึกเหมือนถูกพี่สาวของตัวเองกระชากตัวออกจากฝันหวานที่กำลังจมอยู่ในทันที

แต่หล่อนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เหมือนกัน หล่อนมองพี่สาวและเอ่ยขึ้น “พี่หมายความว่ายังไงน่ะ? แล้วไงถ้าฉันจะหลงรักโจวข่าย? ฉันหลงรักโจวข่ายยังดีกว่าพี่ที่มองผู้ชายที่มีเมียแล้วเสียอีก บทเรียนที่ผ่านมาพี่ไม่เข็ดหรือไง? ถ้าพี่หนีเร็วไม่พอและทำแท้งลูกจากชายที่มีเมียแล้วคนนั้น พี่คิดว่าจะหนีได้เหรอ? ตอนนี้พี่กลับมาแล้วยังทำตัวเหมือนเดิมอีกเหรอคะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อสู้ ๆ นะคะ ขายเกี๊ยววันแรกก็แบบนี้แหละค่ะ ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้า แต่นาน ๆ ไปจะดีขึ้นนะคะ แค่อย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาก็พอ

ยัยลูกสาวบ้านจางคู่นี้น่ากลัวมากค่ะ มีแววว่ายัยคนพี่จะไปก่อกวนที่ร้านของพ่อสูงมาก แม่เตรียมรับศึกนะคะ

ไหหม่า (海馬)

———————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด