ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์

เป็นเพราะโจวชิงไป๋พูดว่าให้สังเกตการณ์อย่างละเอียด หลินชิงเหอที่เดิมทีไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น ก็จับตาดูไปกับเขาด้วยเช่นกัน

อาเตียนั้นมีหน้าตาไม่โดดเด่น กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าธรรมดา เพียงแค่ดูไม่แย่ก็เท่านั้น แต่หญิงสาวคนนี้กลับเป็นคนทำงานขยันขันแข็งยิ่งนัก

นอกจากงานเย็บปักถักร้อยจะทำออกมาได้ดีแล้ว ฝีมือเข้าครัวที่หล่อนน่าจะเรียนรู้มาจากแม่ของหล่อนก็เข้าขั้นไม่เลวเลยทีเดียว

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือความมีคุณธรรมของอาเตีย

หญิงสาวเป็นคนที่อยู่กับความจริงคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยมีพฤติกรรมประจบสอพลอคนอื่น หล่อนเพียงขยันทำงานในแต่ละเรื่องอย่างจริงจัง พอมีเวลาเหลือหล่อนก็จะไปดูแลสวนดอกไม้ หรือตัดแต่งกิ่งต่าง ๆ

อีกทั้งยังเป็นเพราะว่ามีหล่อนมาทำงานที่นี่ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านกระทั่งซอกหลืบก็ยากที่จะหาฝุ่นเจอสักที่หนึ่ง

สิ่งนี้ชี้ชัดว่าหญิงสาวเป็นคนที่ทำงานได้ไม่เลวคนหนึ่ง

เพราะว่าโจวชิงไป๋ก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน เขาจึงอยากจะนำอาเตียไปพูดกับกังจือ ดังนั้นหลินชิงเหอก็ย่อมต้องมาสอบถามเรื่องของอาเตียจากอาอี๋จ้าวก่อนแล้ว

เนื่องจากเธอรู้ว่าอาเตียนั้นยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่รู้ว่าอาเตียชอบพอกับใครอยู่หรือไม่

“เสี่ยวเตียปีนี้ก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะคะ อาอี๋จ้าวได้มองใครไว้ให้หรือยังคะ?” หลินชิงเหอยิ้มพูด

อาอี๋จ้าวหัวเราะแล้วพูด “ใช่ค่ะหล่อนไม่เด็กแล้ว เด็กคนนี้อยากจะรอไปก่อน 2 ปี แล้วค่อยหาผู้ชายที่พอจะมีฐานะดีหน่อยแต่งงานด้วย”

“ตอนนี้ในครอบครัวของคุณก็มีกันอยู่สองคน นั่นไม่เป็นไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอยิ้มพูด

ตลอดมาหลินชิงเหอไม่เคยพูดเรื่องในครอบครัวของอาอี๋จ้าวเลย วันนี้จึงได้มีโอกาสอันหาได้ยาก ส่วนอาอี๋จ้าวก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อยากจะพูดอะไรด้วยเช่นกัน หล่อนพูดว่า “นอกจากหล่อนแล้วก็ยังมีน้องชายหล่อนอีก 2 คนค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย”

อาเตียเป็นลูกคนกลาง ก่อนหน้าหล่อนก็มีพี่ชายพี่สาวที่แต่งงานออกไปแล้ว แต่แต่งงานก็คือแต่งออกไปเลย พวกเขาไม่ได้กลับมาช่วยเหลือคนในครอบครัวที่เหลืออะไรหรอก

สามีของอาอี๋จ้าวเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ในตอนนั้นครอบครัวของหล่อนลำบากมาก ๆ อาเตียยังต้องไปขนของหาเงินมาให้คนในครอบครัวตอนหน้าหนาวอยู่เลย เพราะไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คงผ่านช่วงหน้าหนาวของที่นี่ไปไม่ได้แน่

แต่หลังจากหลินชิงเหอรับหล่อนมาเป็นแม่บ้าน อะไร ๆ ในบ้านก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าอาเตียจะไม่มีงานทำ แต่ตอนที่หล่อนยังไม่ได้งานที่นี่หล่อนก็ยังไปขนของอยู่เลย

เงินที่ได้ก็ช่างน้อยนิด แต่ไม่ว่าเท่าไรก็ถือว่ามันเป็นรายได้ที่เอามาจุนเจือครอบครัวได้อีกแรง

ทว่าเมื่อเทียบกันอย่างไรงานที่นี่ก็เงินดีว่ามากอยู่แล้ว

“เมื่อก่อนที่บ้านฉันฐานะไม่ค่อยดี ก็เคยมีคนมาพูดเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่หล่อนเองนั่นแหละค่ะที่ไม่ยอมแต่ง” อาอี๋จ้าวพูด

ที่จริงแล้วนางเองก็แอบคิดอยู่ลึก ๆ เพราะถ้าลูกสาวได้แต่งงานออกไปแล้ว นางที่เหลือตัวคนเดียวก็จะยิ่งกดดัน ความหมายของนางก็คือเรื่องในอนาคตที่ลูกชายอีกสองคนนั้นยังต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีก หากลูกสาวแต่งงานออกไปแล้วอีกคน ลูกสองคนที่อยู่มัธยมปลายปีที่สองนั้นก็ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี ก็ไม่ถือว่าหล่อนแต่งช้าไปหรอก

“ตอนนี้ได้งานนี้แล้วคุณถึงผ่อนคลายขึ้นเยอะสินะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“ค่ะ ผ่อนคลายขึ้นมากเลย” อาอี๋จ้าวพูด

หลินชิงเหอไม่ได้พูดต่ออีกแล้ว เรื่องนี้ให้ดูต่อไปยาว ๆ ดีกว่า ถึงอย่างไรกังจือก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้วเช่นกัน

หลินชิงเหอชื่นชมหลานชายคนนี้มาก เขาเป็นชายหนุ่มสูง 178 เซนติเมตร ด้วยส่วนสูงนี้เขาย่อมไม่ใช่คนเตี้ยอย่างแน่นอน

สิ่งสำคัญก็คือชายหนุ่มเป็นคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่มาก ๆ ตัวคนก็มีอนาคตไกล ดูได้จากตอนที่เธอพูดถึงบ้านแบบอาคารพาณิชย์สิ หลังจากนั้นคุณเห็นไหมล่ะว่าเขาสู้ชีวิตขนาดไหน?

เพราะปีนี้การค้าขายคล่องมาก เขาจึงยิ่งขยันทำงานสู้ชีวิตยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก หลินชิงเหอเคยถามรายได้เดือนที่แล้วของเขาว่าได้เท่าไหร่อยู่เลย เขาได้แต่หัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดว่าเขาได้ 1,500 หยวนในเดือนนั้น

เงินเดือน 200 หยวนต่อเดือนในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีรายสูงแล้ว แต่เขากลับทำเงิน 1,500 หยวนได้ภายใน 1 เดือน นี่เป็นความสามารถระดับไหนแล้ว?

และที่สำคัญเขาไม่สูบบุหรี่ดื่มเหล้า มีเพียงความตั้งใจที่จะเก็บเงินซื้อบ้านเท่านั้น

ที่จริงหลินชิงเหออยากจะส่งเสริมให้เขาไปทำธุรกิจ แต่พอคิดไปคิดมาเธอก็ปัดตกความคิดนั้น การหาเงินเพื่อซื้อบ้านแบบอาคารพาณิชย์ที่กำลังจะออกมาในภายหลัง หากเขาไม่ได้จะทำธุรกิจขนาดใหญ่แบบนั้น สำหรับคนธรรมดาแล้วก็สู้การเก็บเงินเอาไม่ได้ หลินชิงเหออยากให้เขารีบซื้อเอาไว้สักหลังเป็นดีที่สุด

ถ้ามีเงินเหลือล่ะก็ ก็ให้เขาซื้อเพิ่มอีกหลัง สำหรับคนธรรมดาแล้ว นั่นไม่ถือว่าดีกว่าการทำธุรกิจหรือไง?

วันนี้หลินชิงเหอโทรศัพท์กลับไปหาสะใภ้ใหญ่โจว เมื่อนับ ๆ ดูแล้วเธอก็ไม่ได้โทรกลับไปหาอีกฝ่ายสักพักใหญ่แล้วเหมือนกัน

ผ่านไปพักหนึ่งสะใภ้ใหญ่โจวก็มารับสาย หล่อนยิ้มแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ฉันยุ่งจนลืมไปเลยเหมือนกัน เลยไม่ได้โทรศัพท์ไปหาเธอเลย”

“ช่วงนี้พี่สะใภ้ใหญ่ยุ่งอะไรหรือคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“ช่วงนี้เป็ดกำลังจะออกไข่น่ะสิ และก็ชอบไปวางไข่ข้างนอกด้วย ฉันกับช่งจือก็ต้องตามไปด้วย ทุก ๆ วันเอาแต่เดินหาไข่เป็ดไปทั่ว นี่แทบจะถูกพี่ชายใหญ่ของเธอทิ้งอยู่รอมร่อแล้ว” สะใภ้ใหญ่โจวหัวเราะขำ

ช่งจือก็คือสามีของโจวต้านี ตอนนี้เขากับแม่ยายเป็นหุ้นส่วนทำฟาร์มเลี้ยงเป็ดด้วยกัน

ปีนี้ที่ดินสามารถทำการซื้อขายได้ จึงซื้อที่ดินผืนใหญ่เอาไว้ผืนหนึ่ง เงินลงทุนไปก็ไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับการทำฟาร์มเลี้ยงเป็ดอย่างเป็นมืออาชีพเช่นนี้

“แล้วสามารถฟักได้ไหมคะเนี่ย” หลินชิงเหอพูด

“ฟักได้จ๊ะ ฟักออกมาได้เร็วเชียวล่ะ เป็ดที่บ้านอื่นเลี้ยงยังฟักไข่ได้ไม่เร็วเท่าเราเลย แต่ก็เป็นเพราะพี่ใหญ่ของเธอกับช่งจือที่ไปจับปลาจับกุ้งกลับมาไม่น้อย” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

“ปีนี้ก็ดูเหมือนจะก้าวหน้าไม่น้อยเลยสิค่ะ” หลินชิงเหอพูด

“ปีนี้เลี้ยงเยอะมาก พี่สามกับอาสะใภ้สามของเจ้าใหญ่ก็พากันกินไม่ไหว ฉันก็กำลังจะติดต่อกับร้านค้าอื่น ๆ ไปอยู่เหมือนกัน” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

ครอบครัวหล่อนร่วมมือกับลูกสาวคนโตเลี้ยงเป็ดรวมกันจนมีเป็ดถึง 3,000 กว่าตัวแล้ว ในนั้นยังมีแม่พันธุ์เป็ดอยู่ไม่น้อยอีกด้วย พ่อพันธุ์เป็ดก็โตเต็มวัยแล้ว มีหลายตัวทีเดียวที่หล่อนขายออกไป และก็แบ่งปันส่วนธัญพืชมาจากที่ไร่ของหล่อนเอง ไม่ต้องเปลื้องค่าใช้จ่าย

หลินชิงเหอยิ้มแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องฟาร์มไก่ของต้งจือ

“อีกนิดเดียวต้งจือก็จะมองหน้าพี่ภรรยาสามเขาไม่ได้แล้ว” พี่สะใภ้ใหญ่โจวพูด

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ?” หลินชิงเหอพูด

สะใภ้ใหญ่โจวจึงเล่าให้เธอฟัง เริ่มแรกต้งจือบอกว่าเขาต้องการที่จะทำเองคนเดียว ไม่ต้องการร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็ได้มาทำร่วมกับพี่ภรรยาสามของเขาเสียแล้ว พี่ภรรยาเขาก็เรียกพี่ภรรยาอีกคนมาทำด้วย เพียงเท่านี้เรื่องก็วุ่นวายขึ้นมาแล้ว

เรื่องนี้สุดท้ายต้งจือก็ต้องหั่นเนื้อตัวเองออกมาจ่ายเงินค่าต่าง ๆ เขากะว่าจะจ้างคนไปจัดการงานสักคนหนึ่ง แต่คนคนนั้นก็ต้องเปลี่ยนมาให้พวกพี่เขยของเขาไปทำเสียอย่างนั้น

“ต้งจือเคยมานั่งที่บ้านของเราด้วยนะ บอกว่าเพราะไม่ฟังที่เธอพูดว่าเขาไม่ต้องหาหุ้นส่วนมาทำร่วมกันเรื่องมันเลยเป็นแบบนี้” สะใภ้ใหญ่โจวพูดถอนหายใจ

“พอเขาพบเจอประสบการณ์ด้วยตัวเองเขาก็จะได้เรียนรู้เองค่ะ เขาเป็นคนอนาคตไกลคนหนึ่ง ตอนนี้อายุเขายังน้อย พบเจออุปสรรคหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลินชิงเหอพูด

“ไม่ผิด อย่างไรพวกเขาก็ทำมันด้วยกันขึ้นมาแล้ว ทั้งยังรับเหมาคนมาแล้วด้วย ต่อไปน่าจะไม่มีอะไรหรอก” สะใภ้ใหญ่โจวพยักหน้า พอเธอนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อีกก็พูดอีกว่า “จริงสิ บ้านของพี่ชายสามติดตั้งโทรศัพท์แล้วนะ สะใภ้สามบอกว่าตอนฉันจะใช้โทรศัพท์ก็ให้บอกเธอได้เลย ถ้ามีเวลาว่างก็ไปคุยเล่นกับเธอได้”

“พวกเขาใจกล้าดีจริง ๆ ตอนพวกเราติดโทรศัพท์เสียเงินไปตั้งหลายพันหยวน ฉันยังเจ็บปวดใจอยู่เลยค่ะ” หลินชิงเหอพอได้ยินก็ยิ้มพูด

“ตอนนี้พวกเขาได้กำไรไม่ใช่น้อย ๆ อีกทั้งที่ติดตั้งโทรศัพท์ก็จะได้ใช้กันทั้งครอบครัวด้วยกันเนี่ยแหละ จะได้ไม่ต้องเสียค่าโทรและก็สะดวกด้วย” สะใภ้ใหญ่โจวยิ้มพูด

“งั้นก็ได้ค่ะ ไว้ฉันจะโทรไปทางพี่สะใภ้สามนะคะ นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้คุยกับหล่อน” หลินชิงเหอพูด

และเธอก็จดหมายเลขโทรศัพท์ไว้ ก่อนที่หลินชิงเหอจะกดโทรหาสะใภ้สามโจว

…………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีแววว่ากังจือน่าจะไม่พ้นมืออาเตียนะคะ ผู้ใหญ่คุยกันขนาดนี้แล้ว

ทางบ้านสามติดโทรศัพท์แล้ว ต่อไปคงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะแน่เลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์

เป็นเพราะโจวชิงไป๋พูดว่าให้สังเกตการณ์อย่างละเอียด หลินชิงเหอที่เดิมทีไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น ก็จับตาดูไปกับเขาด้วยเช่นกัน

อาเตียนั้นมีหน้าตาไม่โดดเด่น กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าธรรมดา เพียงแค่ดูไม่แย่ก็เท่านั้น แต่หญิงสาวคนนี้กลับเป็นคนทำงานขยันขันแข็งยิ่งนัก

นอกจากงานเย็บปักถักร้อยจะทำออกมาได้ดีแล้ว ฝีมือเข้าครัวที่หล่อนน่าจะเรียนรู้มาจากแม่ของหล่อนก็เข้าขั้นไม่เลวเลยทีเดียว

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือความมีคุณธรรมของอาเตีย

หญิงสาวเป็นคนที่อยู่กับความจริงคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยมีพฤติกรรมประจบสอพลอคนอื่น หล่อนเพียงขยันทำงานในแต่ละเรื่องอย่างจริงจัง พอมีเวลาเหลือหล่อนก็จะไปดูแลสวนดอกไม้ หรือตัดแต่งกิ่งต่าง ๆ

อีกทั้งยังเป็นเพราะว่ามีหล่อนมาทำงานที่นี่ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านกระทั่งซอกหลืบก็ยากที่จะหาฝุ่นเจอสักที่หนึ่ง

สิ่งนี้ชี้ชัดว่าหญิงสาวเป็นคนที่ทำงานได้ไม่เลวคนหนึ่ง

เพราะว่าโจวชิงไป๋ก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน เขาจึงอยากจะนำอาเตียไปพูดกับกังจือ ดังนั้นหลินชิงเหอก็ย่อมต้องมาสอบถามเรื่องของอาเตียจากอาอี๋จ้าวก่อนแล้ว

เนื่องจากเธอรู้ว่าอาเตียนั้นยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่รู้ว่าอาเตียชอบพอกับใครอยู่หรือไม่

“เสี่ยวเตียปีนี้ก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะคะ อาอี๋จ้าวได้มองใครไว้ให้หรือยังคะ?” หลินชิงเหอยิ้มพูด

อาอี๋จ้าวหัวเราะแล้วพูด “ใช่ค่ะหล่อนไม่เด็กแล้ว เด็กคนนี้อยากจะรอไปก่อน 2 ปี แล้วค่อยหาผู้ชายที่พอจะมีฐานะดีหน่อยแต่งงานด้วย”

“ตอนนี้ในครอบครัวของคุณก็มีกันอยู่สองคน นั่นไม่เป็นไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอยิ้มพูด

ตลอดมาหลินชิงเหอไม่เคยพูดเรื่องในครอบครัวของอาอี๋จ้าวเลย วันนี้จึงได้มีโอกาสอันหาได้ยาก ส่วนอาอี๋จ้าวก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อยากจะพูดอะไรด้วยเช่นกัน หล่อนพูดว่า “นอกจากหล่อนแล้วก็ยังมีน้องชายหล่อนอีก 2 คนค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย”

อาเตียเป็นลูกคนกลาง ก่อนหน้าหล่อนก็มีพี่ชายพี่สาวที่แต่งงานออกไปแล้ว แต่แต่งงานก็คือแต่งออกไปเลย พวกเขาไม่ได้กลับมาช่วยเหลือคนในครอบครัวที่เหลืออะไรหรอก

สามีของอาอี๋จ้าวเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ในตอนนั้นครอบครัวของหล่อนลำบากมาก ๆ อาเตียยังต้องไปขนของหาเงินมาให้คนในครอบครัวตอนหน้าหนาวอยู่เลย เพราะไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คงผ่านช่วงหน้าหนาวของที่นี่ไปไม่ได้แน่

แต่หลังจากหลินชิงเหอรับหล่อนมาเป็นแม่บ้าน อะไร ๆ ในบ้านก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าอาเตียจะไม่มีงานทำ แต่ตอนที่หล่อนยังไม่ได้งานที่นี่หล่อนก็ยังไปขนของอยู่เลย

เงินที่ได้ก็ช่างน้อยนิด แต่ไม่ว่าเท่าไรก็ถือว่ามันเป็นรายได้ที่เอามาจุนเจือครอบครัวได้อีกแรง

ทว่าเมื่อเทียบกันอย่างไรงานที่นี่ก็เงินดีว่ามากอยู่แล้ว

“เมื่อก่อนที่บ้านฉันฐานะไม่ค่อยดี ก็เคยมีคนมาพูดเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่หล่อนเองนั่นแหละค่ะที่ไม่ยอมแต่ง” อาอี๋จ้าวพูด

ที่จริงแล้วนางเองก็แอบคิดอยู่ลึก ๆ เพราะถ้าลูกสาวได้แต่งงานออกไปแล้ว นางที่เหลือตัวคนเดียวก็จะยิ่งกดดัน ความหมายของนางก็คือเรื่องในอนาคตที่ลูกชายอีกสองคนนั้นยังต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีก หากลูกสาวแต่งงานออกไปแล้วอีกคน ลูกสองคนที่อยู่มัธยมปลายปีที่สองนั้นก็ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี ก็ไม่ถือว่าหล่อนแต่งช้าไปหรอก

“ตอนนี้ได้งานนี้แล้วคุณถึงผ่อนคลายขึ้นเยอะสินะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“ค่ะ ผ่อนคลายขึ้นมากเลย” อาอี๋จ้าวพูด

หลินชิงเหอไม่ได้พูดต่ออีกแล้ว เรื่องนี้ให้ดูต่อไปยาว ๆ ดีกว่า ถึงอย่างไรกังจือก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้วเช่นกัน

หลินชิงเหอชื่นชมหลานชายคนนี้มาก เขาเป็นชายหนุ่มสูง 178 เซนติเมตร ด้วยส่วนสูงนี้เขาย่อมไม่ใช่คนเตี้ยอย่างแน่นอน

สิ่งสำคัญก็คือชายหนุ่มเป็นคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่มาก ๆ ตัวคนก็มีอนาคตไกล ดูได้จากตอนที่เธอพูดถึงบ้านแบบอาคารพาณิชย์สิ หลังจากนั้นคุณเห็นไหมล่ะว่าเขาสู้ชีวิตขนาดไหน?

เพราะปีนี้การค้าขายคล่องมาก เขาจึงยิ่งขยันทำงานสู้ชีวิตยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก หลินชิงเหอเคยถามรายได้เดือนที่แล้วของเขาว่าได้เท่าไหร่อยู่เลย เขาได้แต่หัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดว่าเขาได้ 1,500 หยวนในเดือนนั้น

เงินเดือน 200 หยวนต่อเดือนในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีรายสูงแล้ว แต่เขากลับทำเงิน 1,500 หยวนได้ภายใน 1 เดือน นี่เป็นความสามารถระดับไหนแล้ว?

และที่สำคัญเขาไม่สูบบุหรี่ดื่มเหล้า มีเพียงความตั้งใจที่จะเก็บเงินซื้อบ้านเท่านั้น

ที่จริงหลินชิงเหออยากจะส่งเสริมให้เขาไปทำธุรกิจ แต่พอคิดไปคิดมาเธอก็ปัดตกความคิดนั้น การหาเงินเพื่อซื้อบ้านแบบอาคารพาณิชย์ที่กำลังจะออกมาในภายหลัง หากเขาไม่ได้จะทำธุรกิจขนาดใหญ่แบบนั้น สำหรับคนธรรมดาแล้วก็สู้การเก็บเงินเอาไม่ได้ หลินชิงเหออยากให้เขารีบซื้อเอาไว้สักหลังเป็นดีที่สุด

ถ้ามีเงินเหลือล่ะก็ ก็ให้เขาซื้อเพิ่มอีกหลัง สำหรับคนธรรมดาแล้ว นั่นไม่ถือว่าดีกว่าการทำธุรกิจหรือไง?

วันนี้หลินชิงเหอโทรศัพท์กลับไปหาสะใภ้ใหญ่โจว เมื่อนับ ๆ ดูแล้วเธอก็ไม่ได้โทรกลับไปหาอีกฝ่ายสักพักใหญ่แล้วเหมือนกัน

ผ่านไปพักหนึ่งสะใภ้ใหญ่โจวก็มารับสาย หล่อนยิ้มแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ฉันยุ่งจนลืมไปเลยเหมือนกัน เลยไม่ได้โทรศัพท์ไปหาเธอเลย”

“ช่วงนี้พี่สะใภ้ใหญ่ยุ่งอะไรหรือคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“ช่วงนี้เป็ดกำลังจะออกไข่น่ะสิ และก็ชอบไปวางไข่ข้างนอกด้วย ฉันกับช่งจือก็ต้องตามไปด้วย ทุก ๆ วันเอาแต่เดินหาไข่เป็ดไปทั่ว นี่แทบจะถูกพี่ชายใหญ่ของเธอทิ้งอยู่รอมร่อแล้ว” สะใภ้ใหญ่โจวหัวเราะขำ

ช่งจือก็คือสามีของโจวต้านี ตอนนี้เขากับแม่ยายเป็นหุ้นส่วนทำฟาร์มเลี้ยงเป็ดด้วยกัน

ปีนี้ที่ดินสามารถทำการซื้อขายได้ จึงซื้อที่ดินผืนใหญ่เอาไว้ผืนหนึ่ง เงินลงทุนไปก็ไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับการทำฟาร์มเลี้ยงเป็ดอย่างเป็นมืออาชีพเช่นนี้

“แล้วสามารถฟักได้ไหมคะเนี่ย” หลินชิงเหอพูด

“ฟักได้จ๊ะ ฟักออกมาได้เร็วเชียวล่ะ เป็ดที่บ้านอื่นเลี้ยงยังฟักไข่ได้ไม่เร็วเท่าเราเลย แต่ก็เป็นเพราะพี่ใหญ่ของเธอกับช่งจือที่ไปจับปลาจับกุ้งกลับมาไม่น้อย” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

“ปีนี้ก็ดูเหมือนจะก้าวหน้าไม่น้อยเลยสิค่ะ” หลินชิงเหอพูด

“ปีนี้เลี้ยงเยอะมาก พี่สามกับอาสะใภ้สามของเจ้าใหญ่ก็พากันกินไม่ไหว ฉันก็กำลังจะติดต่อกับร้านค้าอื่น ๆ ไปอยู่เหมือนกัน” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

ครอบครัวหล่อนร่วมมือกับลูกสาวคนโตเลี้ยงเป็ดรวมกันจนมีเป็ดถึง 3,000 กว่าตัวแล้ว ในนั้นยังมีแม่พันธุ์เป็ดอยู่ไม่น้อยอีกด้วย พ่อพันธุ์เป็ดก็โตเต็มวัยแล้ว มีหลายตัวทีเดียวที่หล่อนขายออกไป และก็แบ่งปันส่วนธัญพืชมาจากที่ไร่ของหล่อนเอง ไม่ต้องเปลื้องค่าใช้จ่าย

หลินชิงเหอยิ้มแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องฟาร์มไก่ของต้งจือ

“อีกนิดเดียวต้งจือก็จะมองหน้าพี่ภรรยาสามเขาไม่ได้แล้ว” พี่สะใภ้ใหญ่โจวพูด

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ?” หลินชิงเหอพูด

สะใภ้ใหญ่โจวจึงเล่าให้เธอฟัง เริ่มแรกต้งจือบอกว่าเขาต้องการที่จะทำเองคนเดียว ไม่ต้องการร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็ได้มาทำร่วมกับพี่ภรรยาสามของเขาเสียแล้ว พี่ภรรยาเขาก็เรียกพี่ภรรยาอีกคนมาทำด้วย เพียงเท่านี้เรื่องก็วุ่นวายขึ้นมาแล้ว

เรื่องนี้สุดท้ายต้งจือก็ต้องหั่นเนื้อตัวเองออกมาจ่ายเงินค่าต่าง ๆ เขากะว่าจะจ้างคนไปจัดการงานสักคนหนึ่ง แต่คนคนนั้นก็ต้องเปลี่ยนมาให้พวกพี่เขยของเขาไปทำเสียอย่างนั้น

“ต้งจือเคยมานั่งที่บ้านของเราด้วยนะ บอกว่าเพราะไม่ฟังที่เธอพูดว่าเขาไม่ต้องหาหุ้นส่วนมาทำร่วมกันเรื่องมันเลยเป็นแบบนี้” สะใภ้ใหญ่โจวพูดถอนหายใจ

“พอเขาพบเจอประสบการณ์ด้วยตัวเองเขาก็จะได้เรียนรู้เองค่ะ เขาเป็นคนอนาคตไกลคนหนึ่ง ตอนนี้อายุเขายังน้อย พบเจออุปสรรคหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลินชิงเหอพูด

“ไม่ผิด อย่างไรพวกเขาก็ทำมันด้วยกันขึ้นมาแล้ว ทั้งยังรับเหมาคนมาแล้วด้วย ต่อไปน่าจะไม่มีอะไรหรอก” สะใภ้ใหญ่โจวพยักหน้า พอเธอนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อีกก็พูดอีกว่า “จริงสิ บ้านของพี่ชายสามติดตั้งโทรศัพท์แล้วนะ สะใภ้สามบอกว่าตอนฉันจะใช้โทรศัพท์ก็ให้บอกเธอได้เลย ถ้ามีเวลาว่างก็ไปคุยเล่นกับเธอได้”

“พวกเขาใจกล้าดีจริง ๆ ตอนพวกเราติดโทรศัพท์เสียเงินไปตั้งหลายพันหยวน ฉันยังเจ็บปวดใจอยู่เลยค่ะ” หลินชิงเหอพอได้ยินก็ยิ้มพูด

“ตอนนี้พวกเขาได้กำไรไม่ใช่น้อย ๆ อีกทั้งที่ติดตั้งโทรศัพท์ก็จะได้ใช้กันทั้งครอบครัวด้วยกันเนี่ยแหละ จะได้ไม่ต้องเสียค่าโทรและก็สะดวกด้วย” สะใภ้ใหญ่โจวยิ้มพูด

“งั้นก็ได้ค่ะ ไว้ฉันจะโทรไปทางพี่สะใภ้สามนะคะ นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้คุยกับหล่อน” หลินชิงเหอพูด

และเธอก็จดหมายเลขโทรศัพท์ไว้ ก่อนที่หลินชิงเหอจะกดโทรหาสะใภ้สามโจว

…………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีแววว่ากังจือน่าจะไม่พ้นมืออาเตียนะคะ ผู้ใหญ่คุยกันขนาดนี้แล้ว

ทางบ้านสามติดโทรศัพท์แล้ว ต่อไปคงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะแน่เลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+