ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 599 กลับปักกิ่ง

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 599 กลับปักกิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 599 กลับปักกิ่ง

การทำงานแปลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลินชิงเหอก็ไม่ได้ถึงกับเหนื่อยอะไร อีกทั้งพอมีงานนี้ให้เธอทำ ก็ทำให้ชีวิตรู้สึกได้รับการเติมเต็มด้วยเช่นกัน

ตอนนี้รอให้ลูกพวกเขาโตอีกหน่อย หลังจากนั้นก็จะกลับปักกิ่งกันแล้ว

แต่ก็ไม่พูดไม่ได้ว่าเด็กน้อยคนนี้โตเร็วมาก ไม่ได้พูดเท็จเลยจริง ๆ หล่อนโตเร็วมากตั้งแต่เดือนแรกนอกจากกินแล้วก็คือนอน พอเข้าเดือนที่สอง เวลาตื่นของหล่อนก็เยอะมากขึ้นเล็กน้อยแล้ว

แม้ว่าจะกินและนอนเป็นส่วนใหญ่ แต่ในตอนที่แหย่เล่น หล่อนก็เริ่มที่จะยิ้มมากขึ้นแล้ว

ซุปซี่โครงหมูใส่ฟักอร่อยมาก หลินชิงเหอชอบมันเหลือเกิน

อาหารอย่างในวันนี้แม้ว่าเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นมาก โจวชิงไป๋รับผิดชอบที่เหลือแล้วไปล้างถ้วยชามตะเกียบ หลังจากนั้นก็โอบภรรยาของเขาดูทีวี

สำหรับลูกสาวให้อยู่ในห้องเล่นกับตัวเองไป

แม้จะเห็นได้ชัดว่ารักลูกสาวมาก แต่เขาก็อยู่เป็นเพื่อนเธอทุกวันเหมือนกัน แล้วหลินชิงเหอก็ได้รับช่วงเวลาความสงบสุขกันสองคนสักพักหนึ่ง

“ตอนนี้คุณอ้วนขึ้นมากแล้วนะคะ คุณต้องออกกำลังกายได้แล้ว” หลินชิงเหอพูดขึ้นขณะผิงร่างอยู่ในอ้อมแขนเขา

“คุณก็อย่าเหลือกับข้าวไว้ให้ผมกินสิ” โจวชิงไป๋รู้สึกอับจนปัญญาเล็กน้อย มีอะไรมาบอกว่าเขาอ้วนขึ้นเยอะ จะไม่ให้เขาอ้วนได้อย่างไร กับข้าวมากมายที่เขาทำเสร็จล้วนเข้ามาอยู่ในท้องของเขาหมด ไม่อ้วนน่ะสิแปลก

“คุณทำเยอะไปแล้วค่ะ ฉันกินปริมาณเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พูด “งั้นพรุ่งนี้ผมจะเริ่มไปวิ่งแล้ว”

“ไปเถอะค่ะ เอารูปร่างก่อนหน้านี้กลับคืนมานะคะ ฉันชอบรูปร่างของคุณเมื่อก่อนนี้” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋เงียบไป…ถ้าอย่างนั้นก็เกรงว่าจะยากแล้ว

ก่อนหน้าคือเขาอายุ 20-30 ปี ตอนนี้ 40 กว่าแล้ว ไม่ใช่ระดับเดียวกันแล้ว

หลินชิงเหอก็เพียงหยอกเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจริงจัง สามีของเธอกลายสภาพมาเป็นแบบนี้เธอไม่ตำหนิอะไรหรอก แน่นอนว่าขอแค่อย่าเปลี่ยนไปจนเหมือนหมูก็พอ ไม่อย่างนั้นเธอคงรับไม่ได้แล้ว

แม้ว่าเซี่ยงไฮ้จะเป็นภาคใต้ของจีน แต่พูดตามตรงว่าหน้าหนาวนั้นก็หนาวมากเหมือนกัน เป็นความหนาวที่คล้ายกับมีลมหนาวพัดโกรกตลอด ไม่ใช่หนาวแบบแห้ง ๆ อย่างนั้น

โดยเฉพาะหลังจากเข้าสู่ช่วงปลายปีตามปฏิทินจีน มันก็เป็นหนาวติดลบจริง ๆ

ขนาดหลินชิงเหอสวมชุดขนเป็ดเดินออกไปยังสามารถสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่ผ่านเข้ามาตรงช่วงข้อเท้าได้

หลังจากปรึกษากันแล้ว หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็เตรียมตัวกลับในอีก 2-3 วัน ซึ่งในตอนนี้เองเสี่ยวมี่มี่ก็อายุได้ 2 เดือนกว่าแล้ว

หล่อนเกิดวันที่ 10 เดือนตุลาคมตามปฏิทินสุริยคติ ถ้านับตามปฏิทินจันทรคติก็คือกลาางเดือนที่เก้า เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาจะ 2 เดือนกว่าใกล้จะ 3 เดือนแล้ว

ดังนั้นวันนี้โจวชิงไป๋จึงไปเชิญยายเฒ่าเจียงมา เสี่ยวมี่มี่ที่กินอิ่มแล้วกำลังนอนหลับอยู่ภายในห้อง

ที่สำคัญคือต้องมีคนดูไว้หน่อย

เขาให้ยายเฒ่าเจียงอยู่ที่ห้องรับแขกสานหมวกดูทีวีไปก็เพียงพอ จากนั้นเขาก็พาภรรยาขับรถออกมาข้างนอก ตอนมาได้ครึ่งทางจึงได้นำรถยนต์เข้าไปเก็บไว้ในมิติ หลังจากนั้นสองสามีภรรยาจึงค่อย ๆ นั่งรถสาธารณะกลับมาอย่างช้า ๆ

หลังออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง พวกเขาก็เก็บรถยนต์เข้าไปในมิติเรียบร้อย รอไปที่ปักกิ่งแล้วค่อยหาโอกาสเอามันออกมาเท่านั้น

วิธีที่ยายเฒ่าเจียงบอกก็คือให้หารถบรรทุกสินค้าของคนสนิท แล้วให้รถบรรทุกสินค้าของคนสนิทเดินทางไปด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็สามารถขับไปถึงปักกิ่งได้แล้ว

ยายเฒ่าเจียงคิดได้เพียงเท่านั้น วิธีอื่นก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกัน ยังบอกอีกว่าแบบนี้ถึงจะปลอดภัย ด้านนอกไม่ได้ปลอดภัยอะไรมากนัก มีคนแถบชนบทที่ออกมาสร้างความวุ่นวายอยู่บางส่วน คอยรังแกคนอื่นอยู่ด้านนอกนั่น

หลังจากเอารถไปเก็บเป็นวันที่สาม โจวชิงไป๋ก็เริ่มที่จะย้ายสิ่งของจากบ้านนี้ไปยังบ้านของตาเฒ่าและยายเฒ่าเจียง

ตู้เย็น เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ ของเหล่านี้เขาย้ายไปให้เพื่อนบ้านใช้หมดเลย พวกมันเคลื่อนย้ายไม่ค่อยสะดวกนักและเขาก็ไม่คิดจะเอาไปด้วยเช่นกัน จึงส่งมอบให้กับสองตายายนี้

แต่ตาเฒ่าเจียงกลับไม่ตกลงรับไว้เฉย ๆ เขาบอกว่าอย่างไรก็ต้องจ่ายเงิน ไม่ให้เขาจ่ายก็นำกลับไปเสีย จนผู้ว่าการเจียงที่กำลังยุ่งอยู่ต้องหาโอกาสมา

ปลายปีแล้วลูกหนี้ทั้งหลายก็จะโดนเจ้าหนีไล่ตาม ดังนั้นตอนนี้ขโมยจึงเยอะมากเพราะพวกเขาพยายามรีบมาปิดหนี้สิ้น ดังนั้นผู้ว่าการเจียงจึงมีงานยุ่งมากจริง ๆ แต่ก็ยังคงหาเวลามาหาญาติบุญธรรมของเขาสักหน่อย

เขายัดเงิน 500 หยวนให้โจวชิงไป๋ “ฉันรู้ว่าเงินพวกนี้ไม่พอ แต่ถ้าผมให้คุณพันหยวนคุณก็คงจะไม่รับ เงิน 500 หยวนนี้ให้คนแก่ได้สบายใจเถอะครับ น้ำใจของพี่ผมจะจำเอาไว้”

ยังมีโทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า แม้กระทั่งพัดลม แต่สิ่งเหล่านี้โจวชิงไป๋ไม่คิดจะเอาไปด้วยเลย ทิ้งไว้ให้ตาเฒ่ายายเฒ่าเจียงทั้งหมด ถ้าไปซื้อเองด้วยเงิน 1,400 หรือ 1,500 หยวนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถซื้อได้ เพราะเป็นของดีทั้งสิ้น

แต่ก็เป็นอย่างที่ผู้ว่าการเจียงบอกว่า ของเยอะขนาดนี้ไม่รับเงินเลยสองตายายคงจะรู้สึกเกรงใจไม่น้อยแน่

ดังนั้นโจวชิงไป๋จึงไม่ได้ปฏิเสธเงิน 500 หยวนนี้

แต่ถึงจะเป็นเงิน 500 หยวน สำหรับมิตรภาพก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แม้ของมือสองที่เคยใช้มาแล้วจะไม่ใช่ราคานี้ แต่ตาเฒ่าและยายเฒ่าเจียงก็รับไว้ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย

เนื่องจากเงินไม่ใช่ของที่อยู่ ๆ ก็พัดมากับสายลม พ่อบุญธรรมของหลานชายเขาก็เป็นคนใจกว้างสบาย ๆ พวกเขาจึงไม่อาจเอาเทียบพวกเขาได้หรอก

“บ้านหลังนี้ คุณลุงเจียงช่วยเรื่องเช่ามันออกไปด้วยนะครับ ส่วนอย่างอื่นก็ยังมีบ้านกับร้านบางแห่งที่ผมซื้อเอาไว้หมดแล้ว รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ถึงตอนนั้นคุณลุงเจียงช่วยเป็นธุระจัดการแทนผมด้วย บ้านเช่าผมจัดการไว้ให้แล้ว ทุกหลังที่เช่าออกไปคุณลุงเจียงก็รับกำไรไปสามส่วนนะครับ” โจวชิงไป๋พูด

“บ้านอะไร ร้านอะไร?” ตาเฒ่าเจียงนิ่งอึ้งไปสักพัก

“คือชิงไป๋เขาซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้น่ะค่ะ ตอนนี้พวกเราต้องกลับปักกิ่งแล้ว ไม่มีคนคอยดูแลสักคน คุณลุงเจียงจะเต็มใจช่วยฉันดูแลไหมคะ เงินเดือนก็อ้างอิงตามที่เก็บแต่ละเดือน ส่วนเงินเดือนขั้นต่ำคงจะไม่มีนะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“ส่วนแบ่งอะไรไม่ต้องคิด หน้าร้านอยู่ที่ไหนล่ะ ชิงไป๋วันนี้เธอพาฉันไปสักหน่อย พอถึงปีหน้าเดี๋ยวฉันจะดูแลเรื่องเช่าให้เอง” ตาเฒ่าเจียงพูดอย่างตื่นเต้น

“อย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ” หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูด “เงินส่วนแบ่งอย่างไรก็ต้องให้ สำหรับจะได้เงินส่วนแบ่งเท่าไหร่ ต้องพึ่งพาความสามารถของคุณลุงแล้วนะคะ”

โจวชิงไป๋พาตาเฒ่าเจียงไปดูหน้าร้านด้วยกัน พอดูบ้านเสร็จแล้วก็พาวนไปดูร้านทั้งหมด หลังวนไปดูหนึ่งรอบ ตาเฒ่าเจียงก็มึนงงไปแล้ว

“ทำไมเธอมีหน้าร้านกับบ้านเยอะแบบนี้?” ตาเฒ่าเจียงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ทั้งหมดเป็นเพราะว่างไม่มีอะไรทำเลยออกมาตระเวนดูน่ะครับ พอรู้สึกว่าไม่เลวก็ซื้อมาเก็บไว้ ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาดูแลทางนี้แล้ว ปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่ดีเหมือนกัน จึงคิดว่าจะปล่อยเช่าน่ะครับ” โจวชิงไป๋พูดพลางหยิบใบรายการออกมา “ที่อยู่ของร้านและบ้านทุกหลังผมเขียนเอาไว้ในนี้แล้ว คุณลุงช่วยดูแลให้ผมไปก่อนนะครับ ในอนาคตผมน่าจะมาทำกิจการที่นี่ด้วยตัวเอง”

“ไม่มีปัญหา ยกทั้งหมดให้ฉันได้เลย เงินค่าเช่าทุกหยวนฉันจะจดให้เธออย่างละเอียด” ตาเฒ่าเจียงรีบพูด

“ถ้ามีเรื่องสำคัญอะไรก็ติดต่อมานะครับ โทรศัพท์มาหาผมที่เบอร์โทรศัพท์ร้านเกี๊ยวที่ปักกิ่งทางนั่นได้เลย” โจวชิงไป๋พูด

“ได้สิ” ตาเฒ่าเจียงตอบตกลง

วันถัดมา โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็เริ่มออกเดินทาง เป็นผู้ว่าการเจียงที่ขับรถตำรวจมาส่งพวกเขาไปสถานีรถไฟ

“พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ปิดเทอมฤดูร้อนปีหน้าผมจะไปหานะครับ!” เจียงเกิงพูดอย่างอาลัยอาวรณ์

“จำที่อยู่ได้ไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอถาม

“จำได้ครับ จำได้ชัดเจนเลย!” เจียงเกิงพูด

“งั้นก็ดีจ๊ะ แต่ว่าก่อนไปต้องให้พ่อกับแม่เธอตกลงก่อนนะ ไม่ใช่แอบมาด้วยตัวเอง” หลินชิงเหอพูด

“ผมรู้แล้วครับ!” เจียงเกิงพูดอย่างจริงจัง

…………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

น้องมี่มี่จะมาหาทุกคนที่ปักกิ่งแล้วนะคะ เตรียมต้อนรับน้องได้เลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 599 กลับปักกิ่ง

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 599 กลับปักกิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 599 กลับปักกิ่ง

การทำงานแปลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลินชิงเหอก็ไม่ได้ถึงกับเหนื่อยอะไร อีกทั้งพอมีงานนี้ให้เธอทำ ก็ทำให้ชีวิตรู้สึกได้รับการเติมเต็มด้วยเช่นกัน

ตอนนี้รอให้ลูกพวกเขาโตอีกหน่อย หลังจากนั้นก็จะกลับปักกิ่งกันแล้ว

แต่ก็ไม่พูดไม่ได้ว่าเด็กน้อยคนนี้โตเร็วมาก ไม่ได้พูดเท็จเลยจริง ๆ หล่อนโตเร็วมากตั้งแต่เดือนแรกนอกจากกินแล้วก็คือนอน พอเข้าเดือนที่สอง เวลาตื่นของหล่อนก็เยอะมากขึ้นเล็กน้อยแล้ว

แม้ว่าจะกินและนอนเป็นส่วนใหญ่ แต่ในตอนที่แหย่เล่น หล่อนก็เริ่มที่จะยิ้มมากขึ้นแล้ว

ซุปซี่โครงหมูใส่ฟักอร่อยมาก หลินชิงเหอชอบมันเหลือเกิน

อาหารอย่างในวันนี้แม้ว่าเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นมาก โจวชิงไป๋รับผิดชอบที่เหลือแล้วไปล้างถ้วยชามตะเกียบ หลังจากนั้นก็โอบภรรยาของเขาดูทีวี

สำหรับลูกสาวให้อยู่ในห้องเล่นกับตัวเองไป

แม้จะเห็นได้ชัดว่ารักลูกสาวมาก แต่เขาก็อยู่เป็นเพื่อนเธอทุกวันเหมือนกัน แล้วหลินชิงเหอก็ได้รับช่วงเวลาความสงบสุขกันสองคนสักพักหนึ่ง

“ตอนนี้คุณอ้วนขึ้นมากแล้วนะคะ คุณต้องออกกำลังกายได้แล้ว” หลินชิงเหอพูดขึ้นขณะผิงร่างอยู่ในอ้อมแขนเขา

“คุณก็อย่าเหลือกับข้าวไว้ให้ผมกินสิ” โจวชิงไป๋รู้สึกอับจนปัญญาเล็กน้อย มีอะไรมาบอกว่าเขาอ้วนขึ้นเยอะ จะไม่ให้เขาอ้วนได้อย่างไร กับข้าวมากมายที่เขาทำเสร็จล้วนเข้ามาอยู่ในท้องของเขาหมด ไม่อ้วนน่ะสิแปลก

“คุณทำเยอะไปแล้วค่ะ ฉันกินปริมาณเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พูด “งั้นพรุ่งนี้ผมจะเริ่มไปวิ่งแล้ว”

“ไปเถอะค่ะ เอารูปร่างก่อนหน้านี้กลับคืนมานะคะ ฉันชอบรูปร่างของคุณเมื่อก่อนนี้” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋เงียบไป…ถ้าอย่างนั้นก็เกรงว่าจะยากแล้ว

ก่อนหน้าคือเขาอายุ 20-30 ปี ตอนนี้ 40 กว่าแล้ว ไม่ใช่ระดับเดียวกันแล้ว

หลินชิงเหอก็เพียงหยอกเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจริงจัง สามีของเธอกลายสภาพมาเป็นแบบนี้เธอไม่ตำหนิอะไรหรอก แน่นอนว่าขอแค่อย่าเปลี่ยนไปจนเหมือนหมูก็พอ ไม่อย่างนั้นเธอคงรับไม่ได้แล้ว

แม้ว่าเซี่ยงไฮ้จะเป็นภาคใต้ของจีน แต่พูดตามตรงว่าหน้าหนาวนั้นก็หนาวมากเหมือนกัน เป็นความหนาวที่คล้ายกับมีลมหนาวพัดโกรกตลอด ไม่ใช่หนาวแบบแห้ง ๆ อย่างนั้น

โดยเฉพาะหลังจากเข้าสู่ช่วงปลายปีตามปฏิทินจีน มันก็เป็นหนาวติดลบจริง ๆ

ขนาดหลินชิงเหอสวมชุดขนเป็ดเดินออกไปยังสามารถสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่ผ่านเข้ามาตรงช่วงข้อเท้าได้

หลังจากปรึกษากันแล้ว หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็เตรียมตัวกลับในอีก 2-3 วัน ซึ่งในตอนนี้เองเสี่ยวมี่มี่ก็อายุได้ 2 เดือนกว่าแล้ว

หล่อนเกิดวันที่ 10 เดือนตุลาคมตามปฏิทินสุริยคติ ถ้านับตามปฏิทินจันทรคติก็คือกลาางเดือนที่เก้า เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาจะ 2 เดือนกว่าใกล้จะ 3 เดือนแล้ว

ดังนั้นวันนี้โจวชิงไป๋จึงไปเชิญยายเฒ่าเจียงมา เสี่ยวมี่มี่ที่กินอิ่มแล้วกำลังนอนหลับอยู่ภายในห้อง

ที่สำคัญคือต้องมีคนดูไว้หน่อย

เขาให้ยายเฒ่าเจียงอยู่ที่ห้องรับแขกสานหมวกดูทีวีไปก็เพียงพอ จากนั้นเขาก็พาภรรยาขับรถออกมาข้างนอก ตอนมาได้ครึ่งทางจึงได้นำรถยนต์เข้าไปเก็บไว้ในมิติ หลังจากนั้นสองสามีภรรยาจึงค่อย ๆ นั่งรถสาธารณะกลับมาอย่างช้า ๆ

หลังออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง พวกเขาก็เก็บรถยนต์เข้าไปในมิติเรียบร้อย รอไปที่ปักกิ่งแล้วค่อยหาโอกาสเอามันออกมาเท่านั้น

วิธีที่ยายเฒ่าเจียงบอกก็คือให้หารถบรรทุกสินค้าของคนสนิท แล้วให้รถบรรทุกสินค้าของคนสนิทเดินทางไปด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็สามารถขับไปถึงปักกิ่งได้แล้ว

ยายเฒ่าเจียงคิดได้เพียงเท่านั้น วิธีอื่นก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกัน ยังบอกอีกว่าแบบนี้ถึงจะปลอดภัย ด้านนอกไม่ได้ปลอดภัยอะไรมากนัก มีคนแถบชนบทที่ออกมาสร้างความวุ่นวายอยู่บางส่วน คอยรังแกคนอื่นอยู่ด้านนอกนั่น

หลังจากเอารถไปเก็บเป็นวันที่สาม โจวชิงไป๋ก็เริ่มที่จะย้ายสิ่งของจากบ้านนี้ไปยังบ้านของตาเฒ่าและยายเฒ่าเจียง

ตู้เย็น เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ ของเหล่านี้เขาย้ายไปให้เพื่อนบ้านใช้หมดเลย พวกมันเคลื่อนย้ายไม่ค่อยสะดวกนักและเขาก็ไม่คิดจะเอาไปด้วยเช่นกัน จึงส่งมอบให้กับสองตายายนี้

แต่ตาเฒ่าเจียงกลับไม่ตกลงรับไว้เฉย ๆ เขาบอกว่าอย่างไรก็ต้องจ่ายเงิน ไม่ให้เขาจ่ายก็นำกลับไปเสีย จนผู้ว่าการเจียงที่กำลังยุ่งอยู่ต้องหาโอกาสมา

ปลายปีแล้วลูกหนี้ทั้งหลายก็จะโดนเจ้าหนีไล่ตาม ดังนั้นตอนนี้ขโมยจึงเยอะมากเพราะพวกเขาพยายามรีบมาปิดหนี้สิ้น ดังนั้นผู้ว่าการเจียงจึงมีงานยุ่งมากจริง ๆ แต่ก็ยังคงหาเวลามาหาญาติบุญธรรมของเขาสักหน่อย

เขายัดเงิน 500 หยวนให้โจวชิงไป๋ “ฉันรู้ว่าเงินพวกนี้ไม่พอ แต่ถ้าผมให้คุณพันหยวนคุณก็คงจะไม่รับ เงิน 500 หยวนนี้ให้คนแก่ได้สบายใจเถอะครับ น้ำใจของพี่ผมจะจำเอาไว้”

ยังมีโทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า แม้กระทั่งพัดลม แต่สิ่งเหล่านี้โจวชิงไป๋ไม่คิดจะเอาไปด้วยเลย ทิ้งไว้ให้ตาเฒ่ายายเฒ่าเจียงทั้งหมด ถ้าไปซื้อเองด้วยเงิน 1,400 หรือ 1,500 หยวนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถซื้อได้ เพราะเป็นของดีทั้งสิ้น

แต่ก็เป็นอย่างที่ผู้ว่าการเจียงบอกว่า ของเยอะขนาดนี้ไม่รับเงินเลยสองตายายคงจะรู้สึกเกรงใจไม่น้อยแน่

ดังนั้นโจวชิงไป๋จึงไม่ได้ปฏิเสธเงิน 500 หยวนนี้

แต่ถึงจะเป็นเงิน 500 หยวน สำหรับมิตรภาพก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แม้ของมือสองที่เคยใช้มาแล้วจะไม่ใช่ราคานี้ แต่ตาเฒ่าและยายเฒ่าเจียงก็รับไว้ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย

เนื่องจากเงินไม่ใช่ของที่อยู่ ๆ ก็พัดมากับสายลม พ่อบุญธรรมของหลานชายเขาก็เป็นคนใจกว้างสบาย ๆ พวกเขาจึงไม่อาจเอาเทียบพวกเขาได้หรอก

“บ้านหลังนี้ คุณลุงเจียงช่วยเรื่องเช่ามันออกไปด้วยนะครับ ส่วนอย่างอื่นก็ยังมีบ้านกับร้านบางแห่งที่ผมซื้อเอาไว้หมดแล้ว รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ถึงตอนนั้นคุณลุงเจียงช่วยเป็นธุระจัดการแทนผมด้วย บ้านเช่าผมจัดการไว้ให้แล้ว ทุกหลังที่เช่าออกไปคุณลุงเจียงก็รับกำไรไปสามส่วนนะครับ” โจวชิงไป๋พูด

“บ้านอะไร ร้านอะไร?” ตาเฒ่าเจียงนิ่งอึ้งไปสักพัก

“คือชิงไป๋เขาซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้น่ะค่ะ ตอนนี้พวกเราต้องกลับปักกิ่งแล้ว ไม่มีคนคอยดูแลสักคน คุณลุงเจียงจะเต็มใจช่วยฉันดูแลไหมคะ เงินเดือนก็อ้างอิงตามที่เก็บแต่ละเดือน ส่วนเงินเดือนขั้นต่ำคงจะไม่มีนะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“ส่วนแบ่งอะไรไม่ต้องคิด หน้าร้านอยู่ที่ไหนล่ะ ชิงไป๋วันนี้เธอพาฉันไปสักหน่อย พอถึงปีหน้าเดี๋ยวฉันจะดูแลเรื่องเช่าให้เอง” ตาเฒ่าเจียงพูดอย่างตื่นเต้น

“อย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ” หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูด “เงินส่วนแบ่งอย่างไรก็ต้องให้ สำหรับจะได้เงินส่วนแบ่งเท่าไหร่ ต้องพึ่งพาความสามารถของคุณลุงแล้วนะคะ”

โจวชิงไป๋พาตาเฒ่าเจียงไปดูหน้าร้านด้วยกัน พอดูบ้านเสร็จแล้วก็พาวนไปดูร้านทั้งหมด หลังวนไปดูหนึ่งรอบ ตาเฒ่าเจียงก็มึนงงไปแล้ว

“ทำไมเธอมีหน้าร้านกับบ้านเยอะแบบนี้?” ตาเฒ่าเจียงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ทั้งหมดเป็นเพราะว่างไม่มีอะไรทำเลยออกมาตระเวนดูน่ะครับ พอรู้สึกว่าไม่เลวก็ซื้อมาเก็บไว้ ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาดูแลทางนี้แล้ว ปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่ดีเหมือนกัน จึงคิดว่าจะปล่อยเช่าน่ะครับ” โจวชิงไป๋พูดพลางหยิบใบรายการออกมา “ที่อยู่ของร้านและบ้านทุกหลังผมเขียนเอาไว้ในนี้แล้ว คุณลุงช่วยดูแลให้ผมไปก่อนนะครับ ในอนาคตผมน่าจะมาทำกิจการที่นี่ด้วยตัวเอง”

“ไม่มีปัญหา ยกทั้งหมดให้ฉันได้เลย เงินค่าเช่าทุกหยวนฉันจะจดให้เธออย่างละเอียด” ตาเฒ่าเจียงรีบพูด

“ถ้ามีเรื่องสำคัญอะไรก็ติดต่อมานะครับ โทรศัพท์มาหาผมที่เบอร์โทรศัพท์ร้านเกี๊ยวที่ปักกิ่งทางนั่นได้เลย” โจวชิงไป๋พูด

“ได้สิ” ตาเฒ่าเจียงตอบตกลง

วันถัดมา โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็เริ่มออกเดินทาง เป็นผู้ว่าการเจียงที่ขับรถตำรวจมาส่งพวกเขาไปสถานีรถไฟ

“พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ปิดเทอมฤดูร้อนปีหน้าผมจะไปหานะครับ!” เจียงเกิงพูดอย่างอาลัยอาวรณ์

“จำที่อยู่ได้ไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอถาม

“จำได้ครับ จำได้ชัดเจนเลย!” เจียงเกิงพูด

“งั้นก็ดีจ๊ะ แต่ว่าก่อนไปต้องให้พ่อกับแม่เธอตกลงก่อนนะ ไม่ใช่แอบมาด้วยตัวเอง” หลินชิงเหอพูด

“ผมรู้แล้วครับ!” เจียงเกิงพูดอย่างจริงจัง

…………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

น้องมี่มี่จะมาหาทุกคนที่ปักกิ่งแล้วนะคะ เตรียมต้อนรับน้องได้เลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+