ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 373 ไม่จบไม่สิ้น

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 373 ไม่จบไม่สิ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 373 ไม่จบไม่สิ้น

เมื่อเห็นภรรยาดีใจมากขนาดนี้ โจวชิงไป๋ก็มีความสุขมากจนแววตาเป็นประกายระยิบระยับ

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่แทบจะคาดไม่ถึงเลย เรือนสี่ประสานแห่งนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ แต่มันจะมีราคาพุ่งขึ้นสูงไปถึงหลายสิบล้าน หรือกระทั่งหลายร้อยล้านหยวนในอนาคตเลยหรือ?

บ้านหลังที่ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวอาศัยอยู่ในตอนนี้ก็นับว่ามีขนาดที่ไม่เล็กแล้ว มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับเรือนแห่งนี้แล้ว ไม่สามารถนำมาเปรียบกันได้เลย

ไม่เพียงแต่ขนาดพื้นที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงจำนวนห้องและพื้นที่สวนที่เทียบกันไม่ติดอีกด้วย

ทั้งคู่พากันเดินชมสวนไปรอบ ๆ

พวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้เช่า ทั้งยังไม่ได้ตั้งใจจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย หากพวกเขาจะมาอยู่ก็คงจะเป็นในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้ปล่อยมันไว้อย่างนี้ไปก่อน

เมื่อปิดล็อคประตูเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็กลับบ้าน

ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่มีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าเลยแถมยังติดหนี้เฒ่าหวังอยู่อีก 10,000 หยวน ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่หงุดหงิดอารมณ์เสียแต่อย่างใด

ในที่สุดเรือนสี่ประสานที่ใฝ่ฝันมานานก็ตกมาอยู่ในมือของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว

นับได้ว่าความปรารถนาได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว

เรื่องการซื้อเรือนสี่ประสานและอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ นั้นมีแต่พวกเขา 2 คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

ลูกชายทั้งสองคนก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย

ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเสน่ห์น่าดึงดูดใจในตัวลูกชายของพวกเขา

ท่านแม่โจวได้พบกับแม่เฒ่าจูเพื่อนบ้านที่ต้องการจะจับคู่จูเจินเจินหลานสาวของนางให้กับโจวข่าย

ทว่าลูกชายคนเล็กกับหลานชายคนโตคือชีวิตจิตใจของท่านแม่โจว

ไม่ว่าจะเป็นโจวชิงไป๋หรือโจวข่าย สำหรับท่านแม่โจวแล้วไม่สามารถมีสิ่งใดจะมาเทียบเคียงพ่อลูกคู่นี้ในหัวใจของนางได้เลย

หลังจากจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้วในอนาคตก็จะมีความก้าวหน้าในกองทัพ จะมีใครดีไปกว่าหลานชายของนางได้อีกล่ะ?

มีหลานชายที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ ก็ต้องหาคนที่มีความสามารถทัดเทียมกันให้กับเขา

ไม่ใช่ว่าท่านแม่โจวจะหยิ่งจองหอง แต่นางเคยเห็นจูเจินเจินมาแล้ว หล่อนทั้งขี้ขลาดและอ่อนแอ เป็นเด็กสาวในเมืองหลวงแต่กลับมีโลกทัศน์แคบกว่าเด็กสาวจากชนบท ราวกับไม่เคยได้เห็นโลกกว้าง

ถ้าไม่ตั้งใจฟังให้ดีก็จะไม่ได้ยินเลยว่าหล่อนกำลังพูดอะไรอยู่

เมื่อเป็นหลานสาวของคนอื่น นางจึงพูดอะไรออกมาไม่ได้ แต่แล้วนางกลับต้องมาได้ยินเรื่องอะไรน่ะ?

แม่เฒ่าจูต้องการจะเป็นแม่สื่อให้กับจูเจินเจินกับหลานชายของนางอย่างนั้นหรือ?

ท่านแม่โจวตอบกลับไปในทันที “ถึงแม้ฉันจะเป็นย่าของเขา แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิเข้าไปจัดการเรื่องการแต่งงานของเขาหรอกนะ แม่ของเขาเป็นคนตัดสินใจไม่ใช่ฉัน”

“ทำไมเธอถึงจะจัดการไม่ได้ล่ะ? เธอเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา คำพูดของเธอต้องมีน้ำหนักอยู่แล้ว” แม่เฒ่าจูโต้กลับ

ท่านแม่โจวคิดอยู่ในใจ ‘ถ้าหลานสาวของเธอเป็นคนเฉลียวฉลาด ใจกว้างและมีการศึกษา ฉันก็คงพอจะเอ่ยปากขึ้นมาให้หลานชายหมั้นหมายด้วยได้ ถึงแม้หล่อนจะไม่ใช่คนที่สวยเลยก็ตาม จากนั้นก็แค่ให้พวกเขาได้แต่งงานกันในอนาคต’

แต่ดูหลานสาวเธอสิ หล่อนดีพอสำหรับหลานชายของฉันเหรอ? เพ้อฝันไปแล้ว

คิดอย่างนี้แล้วท่านแม่โจวก็เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ฉันไม่เข้าไปยุ่งด้วยหรอก การแต่งงานของหลาน ๆ ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับแม่ของพวกเขา”

เดิมทีแม่เฒ่าจูคิดว่าทันทีที่นางเอ่ยปากเรื่องนี้ขึ้นมา แม่เฒ่าโจวผู้นี้จะต้องดีใจและเห็นด้วยในทันที แต่คาดไม่ถึงว่านางจะหลบเลี่ยง?

“เจินเจินของฉันไม่เข้าตาเธอหรือยังไง?” แม่เฒ่าจูพูดออกมาตรง ๆ

ท่านแม่โจวหัวเราะอยู่ในใจ ในขณะที่นางแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา “เธอกำลังพูดอะไร? ฉันเคยเห็นเจินเจินกับตาตัวเองมาแล้ว หล่อนทำงานได้เรียบร้อยดี หล่อนจะไม่เข้าตาฉันได้ยังไง? แต่ลองดูที่ฉันนี่ ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยได้ช่วยอะไรลูกสะใภ้คนเล็กเลย หล่อนคอยซื้อโน่นซื้อนี่มาให้เรา ถ้าฉันไปตัดสินใจแทนหล่อนและคิดจะทำอะไรเอาเอง ถ้าเป็นเธอ เธอจะชอบไหมล่ะ?”

แม่เฒ่าจูไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ “ลูกสะใภ้ของเธอกตัญญูต่อเธอออก ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรไป หล่อนจะต้องรับฟังแน่ อีกอย่างเพราะฉันเห็นว่าหลานชายของเธอเข้าท่าดีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ตั้งใจจะเก็บเจินเจินไว้อีกสัก 2-3 ปี”

ถ้าอย่างนั้นก็เก็บหล่อนเอาไว้เถอะ จะเก็บไว้กี่ปีก็เป็นเรื่องของเธอ มาเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยเล่า?

ท่านแม่โจวกล่าวกับนางด้วยความอดทน โดยบอกไปว่าถ้ามีเวลาจะไปคุยกับลูกสะใภ้ให้ จากนั้นนางก็เข้าบ้านไปบ่นให้ท่านพ่อโจวฟัง

“ฉันว่าแล้วว่าทำไมลูกสะใภ้หล่อนถึงได้รำคาญหล่อนนัก ก่อความรำคาญไม่หยุดหย่อน ความคิดเห็นของฉันยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ? หล่อนพูดราวกับว่าหลานสาวของหล่อนเป็นคนงามที่หาได้ยาก หล่อนไปได้หน้ามาจากที่ไหนกัน? เด็กคนนั้นพูดเสียงค่อยยิ่งกว่าเสียงแมวซะอีก เหมือนกับว่าถ้าพูดเสียงดังจะทำให้หล่อนตกใจกลัวได้อย่างนั้นแหละ เจ้าใหญ่ไม่ได้มีบุคลิกแบบนั้นแล้วเขาจะมาชอบคนแบบนี้ได้ยังไง?” ท่านแม่โจวพร่ำบ่น

ท่านพ่อโจวไม่ได้ขยับแม้แต่เปลือกตาด้วยซ้ำ เขาสนิทสนมกันดีกับพ่อเฒ่าจู ในเวลาว่างมักจะไปที่สวนพร้อมกันกับพ่อเฒ่าหูอยู่บ่อย ๆ ซึ่งทั้ง 3 คนไปเล่นหมากรุกด้วยกันที่นั่น

“ตาเฒ่า คุณคิดยังไงเรื่องนี้? ดูจากทัศนคติของหล่อนแล้วอยากจะให้หลานสาวได้แต่งกับหลานชายของเราจริง ๆ นะ” ท่านแม่โจวกล่าว

“แล้วคุณเต็มใจหรือเปล่าเล่า?” ท่านพ่อโจวถามกลับนิ่ง ๆ

“ก็ไม่เต็มใจน่ะสิ ไม่ถูกใจฉันเลยล่ะ” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างไม่พอใจ

ไม่ใช่แต่หลานชายคนโตของนางเท่านั้น แม้แต่จะให้จับคู่กับหู่จือที่เป็นหลานยายนางก็ไม่ยินดี

นางไม่ชอบคนประเภทนี้ แบบที่มีเรื่องซ่อนเร้นอยู่ในใจแล้วก็มาทำท่าทางให้ดูน่าสงสาร จากที่เห็นคนประเภทนี้ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอย่างเปิดเผยซึ่ง ๆ หน้า แต่จะไปพูดลับหลัง ไม่ช้าไม่นานจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

“เมื่อคุณไม่เต็มใจก็ไม่ต้องไปกังวลหรอก” ท่านพ่อโจวไม่ได้จริงจังในเรื่องนี้

ก็ในเมื่อท่านแม่โจวไม่เต็มใจ แล้วแม่เฒ่าจูจะแต่งหลานสาวเข้ามาได้ยังไงกัน อย่าว่าแต่ท่านแม่โจวเลย แม้แต่ท่านพ่อโจวเองก็ไม่ชอบจูเจินเจิน

ถึงแม้จะเป็นเด็กสาวในเมืองหลวง แต่หลานชายของนางก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย ตอนนี้เขามีทะเบียนบ้านอยู่ในเมืองหลวงแล้ว

สิ่งที่สำคัญคือลักษณะนิสัยที่เห็นได้ชัดเจนว่าเข้ากันไม่ได้กับหลานชายของนาง

ท่านแม่โจวตั้งใจไว้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างเย็นชา นางไม่มีความคิดที่จะไปเล่าเรื่องนี้ให้หลินชิงเหอฟัง นางรู้ดีว่าหลินชิงเหอจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

ตัวนางเองยังไม่เห็นด้วยเลย

แต่นางไม่สามารถรับมือกับแม่เฒ่าจูที่คอยตามรบเร้าไม่จบไม่สิ้นได้

ทุกครั้งหล่อนจะพูดราวกับว่าหลานสาวของหล่อนอยู่ในฐานะที่สูงส่ง และหลานชายคนโตของนางต้องปีนป่ายขึ้นไปหา

“ฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าหล่อนจะเป็นคนที่ดื้อรั้นได้ถึงขนาดนี้ น่ารำคาญที่สุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกสะใภ้ถึงได้ไม่กตัญญูต่อหล่อนเอาซะเลย ฉันไม่เคยต้องพบเจออะไรอย่างนี้มาก่อนเลยจริง ๆ!” ท่านแม่โจวไม่ต้องการจะคบหากับแม่เฒ่าจูอีกแล้วในตอนนี้ นางตาบอดไปเพราะถั่วลิสงกับถั่วเหลืองแช่น้ำเกลือที่หล่อนเคยชวนให้กินก่อนหน้านี้จริง ๆ!

และเพราะความรำคาญ นางจึงได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้หลินชิงเหอฟังพอเป็นพิธี

“ตอนนี้เจ้าใหญ่อายุเท่าไหร่เองคะ? เขาเพิ่งจะ 18 เท่านั้น ยังเร็วเกินไป เขาบอกไว้ว่าจะตั้งหลักเรื่องอาชีพการงานให้ได้ก่อนถึงค่อยคิดถึงเรื่องครอบครัว ในอนาคตเขาจะหาผู้หญิงที่คล้ายกันกับเขา ให้เขาหาด้วยตัวเองเถอะค่ะ” หลินชิงเหอกล่าว

“หาผู้หญิงเอง? จะทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน?” ท่านแม่โจวตอบ

“ในอนาคตเขาคงหานางพยาบาลหรือคล้าย ๆ อย่างนั้นจากในโรงพยาบาลของกองทัพค่ะ ก็ดีนะคะจะได้คอยดูแลเขาได้สะดวก” หลินชิงเหออธิบาย

ตัวเลือกที่เธอพอใจมากที่สุดคือเวิงเหม่ยเจี่ย หล่อนเป็นคนดีเปิดเผยแถมยังสวยและใจกว้าง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาสูงและมาจากครอบครัวที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่หล่อนต้องการเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลของกองทัพ เธอก็เดาว่าจะต้องเป็นเพราะเจ้าใหญ่ของเธอไม่มากก็น้อย

สำหรับคนอื่น ตอนนี้หลินชิงเหอยังไม่มีแผนอะไร

เมื่อได้ยินอย่างนั้นท่านแม่โจวก็พอใจมาก “ถ้าเขาสามารถหาใครได้ที่นั่นจริง ๆ ก็จะดีมากเลย”

หลินชิงเหอพยักหน้า “คุณแม่กลับได้แล้วล่ะค่ะ”

……………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แม่เฒ่าจูน่ารำคาญจริง ๆ ค่ะ ก็ทางนั้นเขาไม่เอาหลานของย่า ย่าก็ยังยัดเยียดไม่เลิก ต้องให้เจ้าใหญ่ควงสาวบ้านเวิงมาเยี่ยมให้เห็นกับตาใช่ไหมคะถึงจะเลิก

อา…หงุดหงิดย่าแก่ขี้ตื๊อจังค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด