ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 683 คู่บุญเก่า

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 683 คู่บุญเก่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 683 คู่บุญเก่า

หลินซิ่วต้องรอจนถึงฤดูร้อนปีนี้จึงจะเรียนจบ ถึงแม้หล่อนจะเรียนวิทยาลัยที่สู้มหาวิทยาลัยอย่างที่พวกโจวหยางและโจวอู่นีเรียนไม่ได้ แต่สำหรับสมัยนี้ถือว่าเป็นการศึกษาที่เชิดหน้าชูตาได้แล้ว

พอปิดเทอมกลับบ้านที่ตัวเมือง ก็ได้ฟังเรื่องนี้จากแม่หล่อน บอกหล่อนว่าเรียนจบแล้วไม่ต้องรอวิทยาลัยจัดสรรงานให้ ไปหาป้าสะใภ้สามของหล่อนที่ปักกิ่งได้เลย

หลินซิ่วเคยไปปักกิ่งหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าหล่อนชอบที่นั่นมาก ทีแรกหล่อนกำลังเตรียมตัวเรื่องการจัดสรรงาน แต่พอได้ข่าวว่าฝั่งป้าหล่อนกำลังขาดคน มีตำแหน่งว่าง หล่อนจึงไม่ต้องการให้วิทยาลัยจัดสรรงานให้อีก

หล่อนตั้งใจว่าเรียนจบแล้วจะไปปักกิ่งเลย และตั้งใจโทรหาป้าของหล่อนในตอนค่ำ เพราะรู้ว่าป้าอยู่บ้าน

กังจือนั่งอยู่ข้าง ๆ พอดี จึงรับโทรศัพท์ให้

พอได้ยินว่าเป็นหลินซิ่วจึงเรียกน้าสะใภ้เขา หลินชิงเหอเข้ามารับโทรศัพท์ และคุยกับหลานสาวพักหนึ่ง

หลังจากวางสายแล้ว กังจือถามขึ้น “น้าสะใภ้ครับ หลินซิ่วจะมาเหรอครับ?” แน่นอนว่าเขากับหลินซิ่วรู้จักกัน แม้จะไม่ค่อยสนิทก็ตาม

“อื้ม รอหล่อนเรียนจบปีนี้แล้ว จะมาเป็นนักบัญชีมืออาชีพให้ฉัน” หลินชิงเหอกล่าว

กังจือสงสัย “มีพวกพี่เอ้อร์นีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

“ไม่ต้องกลัวว่านักบัญชีจะเยอะไปหรอก อีกอย่างพี่เอ้อร์นีของเธอยุ่งจะตาย พี่เขยรองมีโรงงานเสื้อผ้าด้วย ให้หลินซิ่วมาช่วยพี่เอ้อร์นีจะได้หาเวลาไปเดินเที่ยวเล่นกับพี่เขยรองเธอบ่อยขึ้น คราวก่อนพี่เขยรองยังมาบ่นให้ฟังอยู่เลย” หลินชิงเหอบอก

กังจือหัวเราะ โจวชิงไป๋มองหลานชายตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น “เธอน่าจะแต่งงานได้แล้วนะ”

ในเรื่องนี้โจวชิงไป๋เห็นด้วยอย่างยิ่งกับพี่สะใภ้สามโจว เขายึดหลักการเรือล่มในหนองทองจะไปไหน หลังจากหลินซิ่วเรียนจบแล้วมานี่ เขาก็คิดจะให้หลานชายเอาอ่าวขึ้นมาบ้าง

กังจือไม่อาจเข้าใจความตั้งใจของน้าเล็กเขาได้ เขาส่ายหัว “ผมอยากซื้อบ้านก่อน!” เขาหมกมุ่นอยู่กับการซื้อบ้าน แต่เขาอยากมีห้องเล็ก ๆ ของตัวเองจริง ๆ นี่นา

แม้ว่าบ้านน้าและน้าสะใภ้ของเขาจะอยู่สบายมาก แต่จะอยู่ทั้งชีวิตคงไม่ได้ อนาคตต้องแต่งภรรยาอีก จะลากทั้งครอบครัวมาอยู่บ้านน้าเล็กเขาเหรอ?

เรื่องแบบนั้นถูกเสียที่ไหนล่ะ?

“ซื้อบ้านก็เพื่อแต่งภรรยา งั้นเจอคนที่ดีแล้วก็หมั้นหมายไว้ก่อนสิ ไม่อย่างนั้นรอเธอซื้อบ้านได้ก็ปาเข้าไปอายุเท่าไหร่แล้ว” โจวชิงไป๋กล่าว

ตอนเขาอายุเท่านี้ ลูกคนโตสามคนออกมาเกือบครบแล้ว

กังจือหัวเราะ “ก็ยังไม่เจอนี่ครับ”

“เดี๋ยวหาคนดี ๆ ให้ อย่าไปคบสะเปะสะปะกับคนข้างนอกล่ะ” โจวชิงไป๋บอก

กังจือพยักหน้า เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานของเขาปล่อยให้น้าและน้าสะใภ้เขาจัดการไม่มีปัญหาแน่นอน คนที่พวกเขาบอกว่าดี ไม่มีคู่ไหนที่อยู่อย่างไร้ความสุขเลย

ด้านพี่ใหญ่เขาบัดนี้ก็อยู่อย่างสุขสันต์ ถ้าเขาบอกว่าไม่อิจฉาคงเป็นไปไม่ได้ แต่ช่วยไม่ได้นี่ เขาอยากซื้อคอนโดมิเนียม แล้วก็ยังขาดเงินอีกตั้งเยอะ

เช้าวันรุ่งขึ้น กังจือบรรทุกสินค้าเต็มรถกระบะแล้วออกจากบ้านไป ไม่เพียงแต่มีเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับวัยรุ่นเท่านั้น ยังมีพวกที่คาดผมด้วย ส่วนตัวเขาเองซื้อซาลาเปาข้างนอกกินก่อนจะไปตั้งร้าน

ปกติสินค้าหนึ่งคันรถขายได้หนึ่งในสามที่ตลาดนัดตอนเช้า และเวลาที่เหลืออยู่ในหนึ่งวันจะขายสองในสามได้ ปกติเวลาเก็บร้านกลับบ้านก็ไม่ค่อยเหลืออะไรแล้ว

เขาขายดีมาก ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงตอนนี้เขาจะแค่ตั้งแผงขาย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องขายดีหรือไม่นั้น ดีกว่าหน้าร้านบางแห่งเสียอีก

หลินชิงเหอไม่ได้ถามเขาว่าช่วงนี้ขายดีไหม แค่เห็นเขารับของส่งของทุกวันก็รู้ได้โดยไม่ต้องถาม

สู้ชีวิตแบบนี้เป็นเรื่องดี อีกหน่อยอยากตั้งแผงยังตั้งไม่ได้เลย เทศกิจจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม ฉวยโอกาสตอนนี้รีบตักตวงหาเงินซื้อบ้านก็ถือว่ากำไรแล้ว

โจวกุยหลายกับหม่าเฉิงหมินเดินทางลงใต้ วุ่นวายกันอยู่ที่นั่น 20 กว่าวันถึงจะเดินทางกลับ

“ตอนผมกับอาเฉิงหมินไป เจอกับพ่อค้าชาอีกคนพอดี พวกเขาก็ตั้งใจจะไปเก็บชาครับ แต่พ่อลองเดาสิครับว่าเป็นยังไง” โจวกุยหลายยิ้ม

“ชาวไร่ชาไม่ขายให้พวกเขา?” โจวชิงไป๋พูดบ้าง

โจวกุยหลายยิ้มกว้าง “ใช่แล้วครับ ไม่ขายให้พวกเขา ขายให้แค่เรา”

อันที่จริงชาวไร่ชาก็มีความซื่อสัตย์เหมือนกัน ไม่ใช่พวกเห็นเงินแล้วตาโต มีการตกลงกับหลินชิงเหอแล้วว่าใบชาภายใน 5 ปีนี้เธอเหมาหมด ไม่เพียงเท่านั้น หากราคาตลาดในแต่ละปีเพิ่มขึ้น เธอก็จะขึ้นให้ ไม่ให้ชาวไร่ชาต้องเสียเปรียบ

และเนื่องจากเก็บชาเองขายชาเอง ไม่ต้องผ่านคนกลางที่สองที่สาม ราคาที่หลินชิงเหอจ่าย พ่อค้าชาคนอื่นล้วนเทียบไม่ได้เลย ราคาที่คนอื่นให้นับเป็นแค่หกส่วนของที่หลินชิงเหอให้ แต่เพราะใบชานี้ดีจริง ๆ บางคนยอมขึ้นให้เป็นเจ็ดส่วนหรืออาจจะถึงแปดส่วน

แต่จะเทียบกับราคาที่หลินชิงเหอให้ได้อย่างไรล่ะ ราคาสูงกว่านี้ก็ไม่มีกำไรแล้ว ทว่าเธอผลิตเองจำหน่ายเอง แค่ตัวเองยอมยกกำไรส่วนหนึ่งให้ชาวไร่ชา คนอื่นแย่งผู้ผลิตของเธอไปไม่ได้หรอก

และหลินชิงเหอก็เป็นคนรู้จักวางตัว ครั้งนี้ที่โจวกุยหลายกับหม่าเฉิงหมินไป เธอได้ฝากของขวัญไปให้ด้วย

เป็นของจากร้านอาหารทะเลแห้ง เป่าฮื้อ ปลิงทะเล กระเพาะปลาอย่างละห่อ

พวกนี้ถือว่าเป็นอาหารทะเลราคาแพงทั้งหมด เป็นของขวัญที่มีมูลค่ามาก ให้ใจพอไหม? ราคาที่ให้ก็ดี คนก็ดี ชาวไร่ชาไม่ได้โง่ ต้องให้พูดอีกหรือว่าจะร่วมงานกับใคร?

โจวกุยหลายและหม่าเฉิงหมินก็ไม่เจออุปสรรคอะไรตอนไป ชาวไร่ชาบอกให้พวกเขาวางใจ ตอนชาล็อตใหม่มาแล้วจะนำไปส่งให้ สบายใจเรื่องคุณภาพได้ ไม่แย่แน่นอน

ผู้รับซื้อแบบนี้ชาวไร่ชาก็อยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้เหมือนกัน

“แม่ผมนี่มีฝีมือจริง ๆ” โจวกุยหลายอุทานในตอนท้าย ก่อนจะชำเลืองมองพ่อเขา “พ่อ ได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบแม่ พ่อรู้สึกสบายมากเลยใช่ไหม?”

โจวชิงไป๋เหล่มองลูกชาย

ถึงแม้ประโยคนี้จะน่าสงสัยว่าหมายถึงว่าเขาเกาะภรรยากิน แต่โจวชิงไป๋ไม่ปฏิเสธ แต่งงานกับภรรยาที่เก่ง คนเป็นสามีอย่างเขาโดยรวมก็เหลือเพียงประโยชน์เดียว นั่นก็คือรักษาหน้าตาของที่บ้าน ให้ที่บ้านรู้ว่าบ้านนี้ยังมีผู้ชายอยู่

ส่วนที่เหลือ ไม่ต้องให้เขาเหนื่อยอะไร แค่ไม่ทำตัวถ่วงภรรยาเขาก็ดีเท่าไรแล้ว

ส่วนเรื่องเสียศักดิ์ศรีหรือไม่นั้นโจวชิงไป๋ไม่ใส่ใจ ภรรยาเก่งแล้วอย่างไร เขาได้แต่งงานกับภรรยาแบบนี้และเธอยอมมีลูกให้ก็เป็นความสามารถของเขาเหมือนกัน

เจ้าสามไม่เพียงพูดต่อหน้าพ่อเขา แต่ยังชมต่อหน้าแม่เขาด้วย ว่าอีกหน่อยอยากได้ภรรยาแบบนี้เหมือนกัน

หลินชิงเหอโบกมือ “ลูกคงไม่โชคดีอย่างพ่อหรอก ขยันขันแข็งเป็นวัวเป็นควายต่อไปเถอะ”

ตอนที่เธอพูด โจวชิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เลิกมุมปากขึ้นเล็กน้อย อย่าให้พูดถึงสายตาอ่อนโยนที่มองภรรยาตัวเอง

หลินชิงเหอก็ส่งสายตาแพรวพราวให้เขาเหมือนกัน ผู้ชายของตัวเอง เธอย่อมรัก

เจ้าสามที่เป็นลูกชายได้แต่จิ๊ปาก จริง ๆ เลยนะ นี่ก็ตั้งหลายปีแล้ว สองสามีภรรยานี่ยังหวานแหววกันอยู่

นี่สินะ คู่บุญเก่าที่เขาว่ากัน

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม 683 คู่บุญเก่า

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม Chapter 683 คู่บุญเก่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 683 คู่บุญเก่า

หลินซิ่วต้องรอจนถึงฤดูร้อนปีนี้จึงจะเรียนจบ ถึงแม้หล่อนจะเรียนวิทยาลัยที่สู้มหาวิทยาลัยอย่างที่พวกโจวหยางและโจวอู่นีเรียนไม่ได้ แต่สำหรับสมัยนี้ถือว่าเป็นการศึกษาที่เชิดหน้าชูตาได้แล้ว

พอปิดเทอมกลับบ้านที่ตัวเมือง ก็ได้ฟังเรื่องนี้จากแม่หล่อน บอกหล่อนว่าเรียนจบแล้วไม่ต้องรอวิทยาลัยจัดสรรงานให้ ไปหาป้าสะใภ้สามของหล่อนที่ปักกิ่งได้เลย

หลินซิ่วเคยไปปักกิ่งหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าหล่อนชอบที่นั่นมาก ทีแรกหล่อนกำลังเตรียมตัวเรื่องการจัดสรรงาน แต่พอได้ข่าวว่าฝั่งป้าหล่อนกำลังขาดคน มีตำแหน่งว่าง หล่อนจึงไม่ต้องการให้วิทยาลัยจัดสรรงานให้อีก

หล่อนตั้งใจว่าเรียนจบแล้วจะไปปักกิ่งเลย และตั้งใจโทรหาป้าของหล่อนในตอนค่ำ เพราะรู้ว่าป้าอยู่บ้าน

กังจือนั่งอยู่ข้าง ๆ พอดี จึงรับโทรศัพท์ให้

พอได้ยินว่าเป็นหลินซิ่วจึงเรียกน้าสะใภ้เขา หลินชิงเหอเข้ามารับโทรศัพท์ และคุยกับหลานสาวพักหนึ่ง

หลังจากวางสายแล้ว กังจือถามขึ้น “น้าสะใภ้ครับ หลินซิ่วจะมาเหรอครับ?” แน่นอนว่าเขากับหลินซิ่วรู้จักกัน แม้จะไม่ค่อยสนิทก็ตาม

“อื้ม รอหล่อนเรียนจบปีนี้แล้ว จะมาเป็นนักบัญชีมืออาชีพให้ฉัน” หลินชิงเหอกล่าว

กังจือสงสัย “มีพวกพี่เอ้อร์นีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

“ไม่ต้องกลัวว่านักบัญชีจะเยอะไปหรอก อีกอย่างพี่เอ้อร์นีของเธอยุ่งจะตาย พี่เขยรองมีโรงงานเสื้อผ้าด้วย ให้หลินซิ่วมาช่วยพี่เอ้อร์นีจะได้หาเวลาไปเดินเที่ยวเล่นกับพี่เขยรองเธอบ่อยขึ้น คราวก่อนพี่เขยรองยังมาบ่นให้ฟังอยู่เลย” หลินชิงเหอบอก

กังจือหัวเราะ โจวชิงไป๋มองหลานชายตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น “เธอน่าจะแต่งงานได้แล้วนะ”

ในเรื่องนี้โจวชิงไป๋เห็นด้วยอย่างยิ่งกับพี่สะใภ้สามโจว เขายึดหลักการเรือล่มในหนองทองจะไปไหน หลังจากหลินซิ่วเรียนจบแล้วมานี่ เขาก็คิดจะให้หลานชายเอาอ่าวขึ้นมาบ้าง

กังจือไม่อาจเข้าใจความตั้งใจของน้าเล็กเขาได้ เขาส่ายหัว “ผมอยากซื้อบ้านก่อน!” เขาหมกมุ่นอยู่กับการซื้อบ้าน แต่เขาอยากมีห้องเล็ก ๆ ของตัวเองจริง ๆ นี่นา

แม้ว่าบ้านน้าและน้าสะใภ้ของเขาจะอยู่สบายมาก แต่จะอยู่ทั้งชีวิตคงไม่ได้ อนาคตต้องแต่งภรรยาอีก จะลากทั้งครอบครัวมาอยู่บ้านน้าเล็กเขาเหรอ?

เรื่องแบบนั้นถูกเสียที่ไหนล่ะ?

“ซื้อบ้านก็เพื่อแต่งภรรยา งั้นเจอคนที่ดีแล้วก็หมั้นหมายไว้ก่อนสิ ไม่อย่างนั้นรอเธอซื้อบ้านได้ก็ปาเข้าไปอายุเท่าไหร่แล้ว” โจวชิงไป๋กล่าว

ตอนเขาอายุเท่านี้ ลูกคนโตสามคนออกมาเกือบครบแล้ว

กังจือหัวเราะ “ก็ยังไม่เจอนี่ครับ”

“เดี๋ยวหาคนดี ๆ ให้ อย่าไปคบสะเปะสะปะกับคนข้างนอกล่ะ” โจวชิงไป๋บอก

กังจือพยักหน้า เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานของเขาปล่อยให้น้าและน้าสะใภ้เขาจัดการไม่มีปัญหาแน่นอน คนที่พวกเขาบอกว่าดี ไม่มีคู่ไหนที่อยู่อย่างไร้ความสุขเลย

ด้านพี่ใหญ่เขาบัดนี้ก็อยู่อย่างสุขสันต์ ถ้าเขาบอกว่าไม่อิจฉาคงเป็นไปไม่ได้ แต่ช่วยไม่ได้นี่ เขาอยากซื้อคอนโดมิเนียม แล้วก็ยังขาดเงินอีกตั้งเยอะ

เช้าวันรุ่งขึ้น กังจือบรรทุกสินค้าเต็มรถกระบะแล้วออกจากบ้านไป ไม่เพียงแต่มีเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับวัยรุ่นเท่านั้น ยังมีพวกที่คาดผมด้วย ส่วนตัวเขาเองซื้อซาลาเปาข้างนอกกินก่อนจะไปตั้งร้าน

ปกติสินค้าหนึ่งคันรถขายได้หนึ่งในสามที่ตลาดนัดตอนเช้า และเวลาที่เหลืออยู่ในหนึ่งวันจะขายสองในสามได้ ปกติเวลาเก็บร้านกลับบ้านก็ไม่ค่อยเหลืออะไรแล้ว

เขาขายดีมาก ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงตอนนี้เขาจะแค่ตั้งแผงขาย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องขายดีหรือไม่นั้น ดีกว่าหน้าร้านบางแห่งเสียอีก

หลินชิงเหอไม่ได้ถามเขาว่าช่วงนี้ขายดีไหม แค่เห็นเขารับของส่งของทุกวันก็รู้ได้โดยไม่ต้องถาม

สู้ชีวิตแบบนี้เป็นเรื่องดี อีกหน่อยอยากตั้งแผงยังตั้งไม่ได้เลย เทศกิจจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม ฉวยโอกาสตอนนี้รีบตักตวงหาเงินซื้อบ้านก็ถือว่ากำไรแล้ว

โจวกุยหลายกับหม่าเฉิงหมินเดินทางลงใต้ วุ่นวายกันอยู่ที่นั่น 20 กว่าวันถึงจะเดินทางกลับ

“ตอนผมกับอาเฉิงหมินไป เจอกับพ่อค้าชาอีกคนพอดี พวกเขาก็ตั้งใจจะไปเก็บชาครับ แต่พ่อลองเดาสิครับว่าเป็นยังไง” โจวกุยหลายยิ้ม

“ชาวไร่ชาไม่ขายให้พวกเขา?” โจวชิงไป๋พูดบ้าง

โจวกุยหลายยิ้มกว้าง “ใช่แล้วครับ ไม่ขายให้พวกเขา ขายให้แค่เรา”

อันที่จริงชาวไร่ชาก็มีความซื่อสัตย์เหมือนกัน ไม่ใช่พวกเห็นเงินแล้วตาโต มีการตกลงกับหลินชิงเหอแล้วว่าใบชาภายใน 5 ปีนี้เธอเหมาหมด ไม่เพียงเท่านั้น หากราคาตลาดในแต่ละปีเพิ่มขึ้น เธอก็จะขึ้นให้ ไม่ให้ชาวไร่ชาต้องเสียเปรียบ

และเนื่องจากเก็บชาเองขายชาเอง ไม่ต้องผ่านคนกลางที่สองที่สาม ราคาที่หลินชิงเหอจ่าย พ่อค้าชาคนอื่นล้วนเทียบไม่ได้เลย ราคาที่คนอื่นให้นับเป็นแค่หกส่วนของที่หลินชิงเหอให้ แต่เพราะใบชานี้ดีจริง ๆ บางคนยอมขึ้นให้เป็นเจ็ดส่วนหรืออาจจะถึงแปดส่วน

แต่จะเทียบกับราคาที่หลินชิงเหอให้ได้อย่างไรล่ะ ราคาสูงกว่านี้ก็ไม่มีกำไรแล้ว ทว่าเธอผลิตเองจำหน่ายเอง แค่ตัวเองยอมยกกำไรส่วนหนึ่งให้ชาวไร่ชา คนอื่นแย่งผู้ผลิตของเธอไปไม่ได้หรอก

และหลินชิงเหอก็เป็นคนรู้จักวางตัว ครั้งนี้ที่โจวกุยหลายกับหม่าเฉิงหมินไป เธอได้ฝากของขวัญไปให้ด้วย

เป็นของจากร้านอาหารทะเลแห้ง เป่าฮื้อ ปลิงทะเล กระเพาะปลาอย่างละห่อ

พวกนี้ถือว่าเป็นอาหารทะเลราคาแพงทั้งหมด เป็นของขวัญที่มีมูลค่ามาก ให้ใจพอไหม? ราคาที่ให้ก็ดี คนก็ดี ชาวไร่ชาไม่ได้โง่ ต้องให้พูดอีกหรือว่าจะร่วมงานกับใคร?

โจวกุยหลายและหม่าเฉิงหมินก็ไม่เจออุปสรรคอะไรตอนไป ชาวไร่ชาบอกให้พวกเขาวางใจ ตอนชาล็อตใหม่มาแล้วจะนำไปส่งให้ สบายใจเรื่องคุณภาพได้ ไม่แย่แน่นอน

ผู้รับซื้อแบบนี้ชาวไร่ชาก็อยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้เหมือนกัน

“แม่ผมนี่มีฝีมือจริง ๆ” โจวกุยหลายอุทานในตอนท้าย ก่อนจะชำเลืองมองพ่อเขา “พ่อ ได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบแม่ พ่อรู้สึกสบายมากเลยใช่ไหม?”

โจวชิงไป๋เหล่มองลูกชาย

ถึงแม้ประโยคนี้จะน่าสงสัยว่าหมายถึงว่าเขาเกาะภรรยากิน แต่โจวชิงไป๋ไม่ปฏิเสธ แต่งงานกับภรรยาที่เก่ง คนเป็นสามีอย่างเขาโดยรวมก็เหลือเพียงประโยชน์เดียว นั่นก็คือรักษาหน้าตาของที่บ้าน ให้ที่บ้านรู้ว่าบ้านนี้ยังมีผู้ชายอยู่

ส่วนที่เหลือ ไม่ต้องให้เขาเหนื่อยอะไร แค่ไม่ทำตัวถ่วงภรรยาเขาก็ดีเท่าไรแล้ว

ส่วนเรื่องเสียศักดิ์ศรีหรือไม่นั้นโจวชิงไป๋ไม่ใส่ใจ ภรรยาเก่งแล้วอย่างไร เขาได้แต่งงานกับภรรยาแบบนี้และเธอยอมมีลูกให้ก็เป็นความสามารถของเขาเหมือนกัน

เจ้าสามไม่เพียงพูดต่อหน้าพ่อเขา แต่ยังชมต่อหน้าแม่เขาด้วย ว่าอีกหน่อยอยากได้ภรรยาแบบนี้เหมือนกัน

หลินชิงเหอโบกมือ “ลูกคงไม่โชคดีอย่างพ่อหรอก ขยันขันแข็งเป็นวัวเป็นควายต่อไปเถอะ”

ตอนที่เธอพูด โจวชิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เลิกมุมปากขึ้นเล็กน้อย อย่าให้พูดถึงสายตาอ่อนโยนที่มองภรรยาตัวเอง

หลินชิงเหอก็ส่งสายตาแพรวพราวให้เขาเหมือนกัน ผู้ชายของตัวเอง เธอย่อมรัก

เจ้าสามที่เป็นลูกชายได้แต่จิ๊ปาก จริง ๆ เลยนะ นี่ก็ตั้งหลายปีแล้ว สองสามีภรรยานี่ยังหวานแหววกันอยู่

นี่สินะ คู่บุญเก่าที่เขาว่ากัน

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+