[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 11 เยี่ยมครอบครัวเจ้าสาว (3)

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 11 เยี่ยมครอบครัวเจ้าสาว (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ชายหนุ่มที่แอบตามมากำลังรอให้ฉู่เหลียนแสดงออกถึงความผิดพลาด แม้มันอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่สุด เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะกำจัดนางทิ้งเสียอย่างไร้ซึ่งความปรานี ให้นางกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองหลวง!

        “คุณหนูหกเจ้าคะ เรายังต้องผ่านประตูเรือนแล้วเลี้ยวจึงจะถึงเรือนอั้นเซียง เดินช้าลงหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ทางที่นี่ไม่ค่อยดีนัก!” ฉีเยี่ยนเอ่ยเตือน นางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูหกมาแต่เยาว์วัย คอยดูแลปรนนิบัติทุกสิ่ง นางจึงใช้ชีวิตในเรือนอั้นเซียงนี้มายาวนานเช่นเดียวกับคุณหนูหก

        ยามนี้คุณหนูหกได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านเดิมหลังแต่งออก ความทรงจำในอดีตของฉีเยี่ยนเสมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้น นางลืมกระทั่งต้องเรียกฉู่เหลียนว่า นายหญิงสาม

        ดวงตาของฉีเยี่ยนเต็มไปด้วยความคิดถึง กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าข้างทางก็ทำให้นางนึกถึงเรื่องเก่า ๆ นางประคองฉู่เหลียนเดินไปช้า ๆ อย่างระมัดระวังบนทางสามเส้นของจวนอิ้ง

        ส่วนอารมณ์ของฉู่เหลียนนั้นช่างแตกต่างจากฉีเยี่ยนโดยสิ้นเชิง นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจวนแห่งนี้เลย นอกเสียจากที่ถูกบรรยายไว้ในนิยาย ซึ่งก็ยังถือเป็นจุดแข็งของนางเช่นกัน

        เมื่อผ่านซุ้มประตูอันงดงามและสวนดอกอิ้งชานหง สีเขียวขจีก็ปรากฏสู่สายตา ดวงตาของฉู่เหลียนเบิกกว้างอย่างตกตะลึง นี่… นี่คือเรือนอั้นเซียงหรือ?

        เรือนหลังเล็กอันแสนวิจิตรตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้านาง ซ่อนอยู่ภายในดงป่าไผ่ มีเพียงมุมชายคาที่โผล่พ้นจากป่าเขียวนั่น

        ที่หน้าเรือนมีสระบัวเล็ก ๆ และภูเขาจำลองประดับอยู่กลางน้ำ  เท่าที่เห็น สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีต่อการอยู่อาศัยยิ่ง

        ทว่าเรือนถูกห้อมล้อมด้วยต้นไผ่ ใครจะบอกนางได้ว่าไผ่กอไหนเล่าที่เซียวป๋อเจี้ยนซ่อนตัวอยู่?

        แล้วนางเอกเจอกับเขาที่ไหนกัน?

        ฉีเยี่ยนดูมีความสุขยิ่ง นางชี้ไปยังด้านหนึ่งของป่าไผ่แล้วกล่าว “คุณหนูหก ดูนั่นสิเจ้าคะ! หน่อไม้ตรงไผ่กอนั้นงอกแล้ว! เพิ่งจะไม่กี่วันเท่านั้นแต่โตไวนัก! วันนั้นท่านยังกล่าวอยู่เลยว่าเราอาจจะขุดมันออกมาทำหน่อไม้ทอดได้!”

        ฉู่เหลียนพูดไม่ออก นางอาจจะไม่ได้พูดถึงไผ่ก็ได้ใช่ไหม? สวนนี้มีหน่อไม้เต็มไปหมด และนางก็ไม่ใช่นักพฤกษศาสตร์ นางจะรู้ได้อย่างไรว่าต้นไหนคือต้นที่ฉี่เยี่ยนกำลังพูดถึง?

        สิ่งเดียวที่นางต้องการตอนนี้คือออกไปจากสถานที่บ้า ๆ นี่เสีย

        ฉู่เหลียนสูดหายใจเข้า ทำหน้าเหยเกอย่างถูกจังหวะ เมื่อฉีเยี่ยนเห็นดังนั้นจึงรีบตรวจสอบรอยลวกบนผิวคุณหนูอย่างกังวล

        “คุณหนูหกเจ็บไหมเจ้าคะ? บ่าวจะไปหายาทาแก้แผลรอยลวกมาให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ! บ่าวยังจำได้ว่ามียาทาอยู่ในตู้ที่ห้องรับแขกที่โถงนอก!”

        สาวใช้ของหรงฮูหยินรีบพานางเข้าเรือนทันที

        ทว่าเมื่อพวกนางมาถึงโถงทางเดินในจวน ก็พบกับบ่าวไม่คุ้นหน้าสองนางกำลังแทะเมล็ดแตงระหว่างอู้งานอยู่

        หญิงรับใช้ทั้งสองได้ยินเสียงสนทนาและจดจำเครื่องแต่งกายของบ่าวรับใช้รุ่นใหญ่ข้างกายฉู่เหลียนได้ พวกนางตื่นตระหนกและรีบคุกเข่าลงขอโทษพร้อมกัน “กวนเจี่ย ให้อภัยพวกข้าด้วยเจ้าค่ะ!”

        ฉู่เหลียนหมกมุ่นอยู่กับความคิดตน จึงมิได้สังเกตเห็นหญิงรับใช้ขี้เกียจทั้งสอง

        ทว่าฉีเยี่ยนกลับขมวดคิ้วถามเสียงเย็น “พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงมาอยู่ในเรือนอั้นเซียงของคุณหนูหก? และพวกเจ้ายังมาอู้งานตรงนี้อีก!”

        เมื่อครั้นยังอยู่จวนอิ้ง กุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนเป็นผู้ดูแลจัดการเรือนอั้นเซียง พวกนางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของฉู่เหลียน ดังนั้นจึงมีสถานะสูงกว่าพวกบ่าวรับใช้รุ่นเล็กเหล่านี้อยู่บ้าง

        บ่าวใช้ทั้งสองเห็นฉีเยี่ยนแสดงกริยาไม่เป็นมิตรนัก รวมทั้งสตรีด้านข้าง ‘ฉู่เหลียน’ ที่แต่งกายงดงามราวกับนายหญิงผู้ร่ำรวย สาวใช้ทั้งสองต่างนึกขึ้นได้ทันใดว่า วันนี้เป็นวันที่คุณหนูหกจะกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม จึงทำให้คิดออกทันทีว่าสตรีเบื้องหน้าพวกนางคือใคร

        ทั้งคู่ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ใบหน้าซีดขาว

        “บ่าว… บ่าวมีนามว่าชานฉินเจ้าค่ะ”

        “…ส่วนบ่าวมีนามว่าสุ่ยฉินเจ้าค่ะ”

        “พวกเราเป็นเพียงบ่าวรุ่นเล็กในจวนอั้นเซียงเจ้าค่ะ! เรา… เราเป็นบ่าวของคุณหนูแปด…” เมื่อหญิงรับใช้ทั้งสองกล่าวจบ พวกนางยังคงก้มหน้าตัวสั่น คุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับกาย

        เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้ตอบเช่นนั้น ฉีเยี่ยนก็นิ่งงันไปชั่วครู่ แต่จู่ ๆ สาวใหญ่ร่างสูงที่สวมชุดสีเขียวน้ำทะเลพลันเดินออกมาจากในเรือน “ทำเสียงดังทำไมกัน? พวกเจ้ารบกวนการพักผ่อนของข้านัก! สาวรับใช้เช่นพวกเจ้าหัดรู้จักหน้าที่ของตนเสียบ้าง! รอจนคุณหนูแปดกลับมาก่อนเถอะ! คอยดู ข้าจะลงโทษจนพวกเจ้าขาหักทีเดียว!”

        ฉีเยี่ยนคุ้นเคยกับเสียงนั้นดี นั่นคือเซี่ยวฉินที่รับใช้คุณหนูแปด เมื่อครั้งที่ยังอาศัยอยู่ในจวนอิ้ง พวกนางทะเลาะกันบ่อยทีเดียว

        เซี่ยวฉินมักจะพูดจาในแง่ร้ายถึงคุณหนูหกอยู่เสมอ

        แน่นอนว่าเซี่ยวฉินไม่รู้เลยว่าฉู่เหลียนและคนอื่น ๆ อยู่ด้านนอก กระทั่งนางเดินออกมาเห็นฉู่เหลียนกับฉีเยี่ยน

        “คุณ… คุณหนูหก” เซี่ยวฉินกลืนน้ำลาย เรียกฉู่เหลียนด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่รู้สึกตัวก็รีบกล่าวต้อนรับ

        สีหน้าของฉีเยี่ยนเลวร้ายนัก บ่าวรับใช้รุ่นใหญ่ที่ตามฉู่เหลียนมาก็รู้สึกได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

        ทันทีที่คุณหนูแต่งออก เรือนของนางในบ้านเดิมก็ถูกคนอื่นชิงไป คนพวกนี้ไม่รอกระทั่งให้นางกลับมาเยี่ยมเรือนก่อน ใครพบเรื่องเช่นนี้ก็ต้องโกรธกันทั้งนั้น

        “เจ้า… จะเกินไปแล้ว!” ฉีเยี่ยนทนไม่ไหวจนต้องประท้วงออกมากับความอยุติธรรมที่นายหญิงของตนได้รับ

        สีหน้าของบ่าวรับใช้รุ่นใหญ่ก็ไม่สู้ดีเช่นกัน นางลอบด่าคุณหนูแปดอยู่ในใจที่ไม่รู้สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร แม้คุณหนูแปดจะชอบเรือนนี้มากเพียงใด นางก็ควรรอให้เวลาผ่านไปสักพักก่อนจะย้ายเข้า ทว่านางกลับรีบย้ายเข้ามาเช่นนี้ ไม่ต่างจากการทำลายเกียรติของจวนอิ้ง!

        นอกจากนั้นผู้ดูแลจวนอิ้งในตอนนี้ก็ยังเป็นนายหญิงของพวกนาง ท้ายที่สุดนายหญิงของพวกนางก็จะโดนกล่าวโทษเป็นคนแรก

        เซี่ยวฉินก้มหน้า หลังโดนฉีเยี่ยนด่านางก็ใจเย็นลง ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูหกก็แต่งออกไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเรือนนี้ต้องตกเป็นของคุณหนูแปด บุตรสาวที่แต่งออกไปก็เปรียบเหมือนน้ำที่สาดออก พวกนางต้องอาศัยอยู่ห่างไกลจากจวน ดังนั้นยอมถูกคุณหนูหกเกรี้ยวกราดใส่ ย่อมดีกว่าให้พูดจาลบหลู่คุณหนูแปดของนาง

        หลังจากคิดได้ เซี่ยวฉินก็ไม่กลัวอีกต่อไป “นี่คือเรือนของคุณหนูแปด พี่ฉีเยี่ยนโปรดระวังคำพูดด้วย”

        ฉีเยี่ยนโกรธจนแทบเป็นลมเมื่อได้ยินคำตอบของเซี่ยวฉิน ทว่าเมื่อคิดถึงฉู่เหลียนและนึกได้ว่านางน่าจะเป็นผู้ที่เจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวที่สุดในยามนี้ นางก็รีบหันไปกล่าวกับฉู่เหลียน “คุณหนูหก อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ”

        ทว่าฉู่เหลียนกลับส่ายหน้า มุมปากของนางแย้มยิ้มอบอุ่น “ข้าไม่โกรธหรอก มีอะไรให้โกรธเล่า? ข้าแต่งงานแล้ว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว จะปล่อยเรือนทิ้งไว้เฉย ๆ ก็น่าเสียดายแย่ สู้ยกให้น้องสาวเสียดีกว่า นางจะได้ไม่ต้องแออัดอยู่กับพี่สาวน้องสาวคนอื่น ๆ อย่างไร? ทว่าเรือนนี้ก็อยู่ติดกับสระบัว อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นแล้ว น้องแปดต้องระวังยุงหน่อย”

        ฉีเยี่ยนนึกถึงช่วงที่นางยังอาศัยอยู่ในเรือนนี้กับคุณหนูหก ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยป่าไผ่และยังอยู่ติดกับสระบัว ในช่วงคืนหน้าร้อนจะมียุงเต็มไปหมด กว่าจะรู้ตัว ร่างกายก็มีตุ่มแดงที่ทั้งเจ็บทั้งคัน  หน้าร้อนจึงเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดของพวกนาง

        คุณหนูคนอื่น ๆ เห็นเพียงความงดงามแต่เพียงภายนอกของเรือนอั้นเซียง ทว่าไม่เคยรับรู้ถึงความทรมานของการอาศัยอยู่ที่นี่

        เมื่อนางคิดได้ว่าคุณหนูแปดผู้หยิ่งผยองคนนั้นต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้บ้าง ฉีเยี่ยนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันใด!

        “หมัวมัว ท่านพาข้าไปทายาที่เรือนของพี่สะใภ้ใหญ่แทนได้หรือไม่?” ฉู่เหลียนยิ้ม ถามสาวใช้ของหรงฮูหยิน

        สาวใช้รุ่นใหญ่ผู้นี้นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะรู้ตัวและตอบกลับอย่างอบอุ่น “ตอบคุณหนูหก แน่นอนเจ้าค่ะ! นายหญิงใหญ่มียาหิมะชั้นดีที่ช่วยรักษารอยไหม้อยู่ บ่าวชราจะนำทางท่านไปเองเจ้าค่ะ”

        ฉู่เหลียนที่กำลังจะหันหลังกลับออกไป ก็พลันได้ยินเสียงหวานแหลมตะโกนมาอย่างเกรี้ยวกราด “ฉู่เหลียน อย่าได้คิดว่าข้าจะย้ายออกจากเรือนอั้นเซียงแค่เพราะได้ยินเจ้าพูดเช่นนั้นเป็นอันขาด! ข้าจะบอกเจ้าไว้ เรือนอั้นเซียงเป็นของข้าแล้ว! นับจากนี้เจ้าอย่าได้คิดจะกลับมาพักที่นี่อีกแม้แต่คืนเดียว!”

        ฉู่เหลียนเพิ่งจะผ่อนคลายไปเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อคลี่คลายปัญหาที่เบื้องหน้าลงได้ด้วยดี นางเหนื่อยมากแล้วจริง ๆ เหตุใดคุณหนูหยวนต้องทำตัวแปลก ๆ กับนางอีกเล่า? พวกนางก็แก้ปัญหาได้แล้วมิใช่หรือ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังตามมาเพื่อสร้างปัญหาให้นางอีกแล้ว

 

                                                              ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 11 เยี่ยมครอบครัวเจ้าสาว (3)

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 11 เยี่ยมครอบครัวเจ้าสาว (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ชายหนุ่มที่แอบตามมากำลังรอให้ฉู่เหลียนแสดงออกถึงความผิดพลาด แม้มันอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่สุด เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะกำจัดนางทิ้งเสียอย่างไร้ซึ่งความปรานี ให้นางกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองหลวง!

        “คุณหนูหกเจ้าคะ เรายังต้องผ่านประตูเรือนแล้วเลี้ยวจึงจะถึงเรือนอั้นเซียง เดินช้าลงหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ทางที่นี่ไม่ค่อยดีนัก!” ฉีเยี่ยนเอ่ยเตือน นางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูหกมาแต่เยาว์วัย คอยดูแลปรนนิบัติทุกสิ่ง นางจึงใช้ชีวิตในเรือนอั้นเซียงนี้มายาวนานเช่นเดียวกับคุณหนูหก

        ยามนี้คุณหนูหกได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านเดิมหลังแต่งออก ความทรงจำในอดีตของฉีเยี่ยนเสมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้น นางลืมกระทั่งต้องเรียกฉู่เหลียนว่า นายหญิงสาม

        ดวงตาของฉีเยี่ยนเต็มไปด้วยความคิดถึง กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าข้างทางก็ทำให้นางนึกถึงเรื่องเก่า ๆ นางประคองฉู่เหลียนเดินไปช้า ๆ อย่างระมัดระวังบนทางสามเส้นของจวนอิ้ง

        ส่วนอารมณ์ของฉู่เหลียนนั้นช่างแตกต่างจากฉีเยี่ยนโดยสิ้นเชิง นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจวนแห่งนี้เลย นอกเสียจากที่ถูกบรรยายไว้ในนิยาย ซึ่งก็ยังถือเป็นจุดแข็งของนางเช่นกัน

        เมื่อผ่านซุ้มประตูอันงดงามและสวนดอกอิ้งชานหง สีเขียวขจีก็ปรากฏสู่สายตา ดวงตาของฉู่เหลียนเบิกกว้างอย่างตกตะลึง นี่… นี่คือเรือนอั้นเซียงหรือ?

        เรือนหลังเล็กอันแสนวิจิตรตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้านาง ซ่อนอยู่ภายในดงป่าไผ่ มีเพียงมุมชายคาที่โผล่พ้นจากป่าเขียวนั่น

        ที่หน้าเรือนมีสระบัวเล็ก ๆ และภูเขาจำลองประดับอยู่กลางน้ำ  เท่าที่เห็น สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีต่อการอยู่อาศัยยิ่ง

        ทว่าเรือนถูกห้อมล้อมด้วยต้นไผ่ ใครจะบอกนางได้ว่าไผ่กอไหนเล่าที่เซียวป๋อเจี้ยนซ่อนตัวอยู่?

        แล้วนางเอกเจอกับเขาที่ไหนกัน?

        ฉีเยี่ยนดูมีความสุขยิ่ง นางชี้ไปยังด้านหนึ่งของป่าไผ่แล้วกล่าว “คุณหนูหก ดูนั่นสิเจ้าคะ! หน่อไม้ตรงไผ่กอนั้นงอกแล้ว! เพิ่งจะไม่กี่วันเท่านั้นแต่โตไวนัก! วันนั้นท่านยังกล่าวอยู่เลยว่าเราอาจจะขุดมันออกมาทำหน่อไม้ทอดได้!”

        ฉู่เหลียนพูดไม่ออก นางอาจจะไม่ได้พูดถึงไผ่ก็ได้ใช่ไหม? สวนนี้มีหน่อไม้เต็มไปหมด และนางก็ไม่ใช่นักพฤกษศาสตร์ นางจะรู้ได้อย่างไรว่าต้นไหนคือต้นที่ฉี่เยี่ยนกำลังพูดถึง?

        สิ่งเดียวที่นางต้องการตอนนี้คือออกไปจากสถานที่บ้า ๆ นี่เสีย

        ฉู่เหลียนสูดหายใจเข้า ทำหน้าเหยเกอย่างถูกจังหวะ เมื่อฉีเยี่ยนเห็นดังนั้นจึงรีบตรวจสอบรอยลวกบนผิวคุณหนูอย่างกังวล

        “คุณหนูหกเจ็บไหมเจ้าคะ? บ่าวจะไปหายาทาแก้แผลรอยลวกมาให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ! บ่าวยังจำได้ว่ามียาทาอยู่ในตู้ที่ห้องรับแขกที่โถงนอก!”

        สาวใช้ของหรงฮูหยินรีบพานางเข้าเรือนทันที

        ทว่าเมื่อพวกนางมาถึงโถงทางเดินในจวน ก็พบกับบ่าวไม่คุ้นหน้าสองนางกำลังแทะเมล็ดแตงระหว่างอู้งานอยู่

        หญิงรับใช้ทั้งสองได้ยินเสียงสนทนาและจดจำเครื่องแต่งกายของบ่าวรับใช้รุ่นใหญ่ข้างกายฉู่เหลียนได้ พวกนางตื่นตระหนกและรีบคุกเข่าลงขอโทษพร้อมกัน “กวนเจี่ย ให้อภัยพวกข้าด้วยเจ้าค่ะ!”

        ฉู่เหลียนหมกมุ่นอยู่กับความคิดตน จึงมิได้สังเกตเห็นหญิงรับใช้ขี้เกียจทั้งสอง

        ทว่าฉีเยี่ยนกลับขมวดคิ้วถามเสียงเย็น “พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงมาอยู่ในเรือนอั้นเซียงของคุณหนูหก? และพวกเจ้ายังมาอู้งานตรงนี้อีก!”

        เมื่อครั้นยังอยู่จวนอิ้ง กุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนเป็นผู้ดูแลจัดการเรือนอั้นเซียง พวกนางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของฉู่เหลียน ดังนั้นจึงมีสถานะสูงกว่าพวกบ่าวรับใช้รุ่นเล็กเหล่านี้อยู่บ้าง

        บ่าวใช้ทั้งสองเห็นฉีเยี่ยนแสดงกริยาไม่เป็นมิตรนัก รวมทั้งสตรีด้านข้าง ‘ฉู่เหลียน’ ที่แต่งกายงดงามราวกับนายหญิงผู้ร่ำรวย สาวใช้ทั้งสองต่างนึกขึ้นได้ทันใดว่า วันนี้เป็นวันที่คุณหนูหกจะกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม จึงทำให้คิดออกทันทีว่าสตรีเบื้องหน้าพวกนางคือใคร

        ทั้งคู่ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ใบหน้าซีดขาว

        “บ่าว… บ่าวมีนามว่าชานฉินเจ้าค่ะ”

        “…ส่วนบ่าวมีนามว่าสุ่ยฉินเจ้าค่ะ”

        “พวกเราเป็นเพียงบ่าวรุ่นเล็กในจวนอั้นเซียงเจ้าค่ะ! เรา… เราเป็นบ่าวของคุณหนูแปด…” เมื่อหญิงรับใช้ทั้งสองกล่าวจบ พวกนางยังคงก้มหน้าตัวสั่น คุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับกาย

        เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้ตอบเช่นนั้น ฉีเยี่ยนก็นิ่งงันไปชั่วครู่ แต่จู่ ๆ สาวใหญ่ร่างสูงที่สวมชุดสีเขียวน้ำทะเลพลันเดินออกมาจากในเรือน “ทำเสียงดังทำไมกัน? พวกเจ้ารบกวนการพักผ่อนของข้านัก! สาวรับใช้เช่นพวกเจ้าหัดรู้จักหน้าที่ของตนเสียบ้าง! รอจนคุณหนูแปดกลับมาก่อนเถอะ! คอยดู ข้าจะลงโทษจนพวกเจ้าขาหักทีเดียว!”

        ฉีเยี่ยนคุ้นเคยกับเสียงนั้นดี นั่นคือเซี่ยวฉินที่รับใช้คุณหนูแปด เมื่อครั้งที่ยังอาศัยอยู่ในจวนอิ้ง พวกนางทะเลาะกันบ่อยทีเดียว

        เซี่ยวฉินมักจะพูดจาในแง่ร้ายถึงคุณหนูหกอยู่เสมอ

        แน่นอนว่าเซี่ยวฉินไม่รู้เลยว่าฉู่เหลียนและคนอื่น ๆ อยู่ด้านนอก กระทั่งนางเดินออกมาเห็นฉู่เหลียนกับฉีเยี่ยน

        “คุณ… คุณหนูหก” เซี่ยวฉินกลืนน้ำลาย เรียกฉู่เหลียนด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่รู้สึกตัวก็รีบกล่าวต้อนรับ

        สีหน้าของฉีเยี่ยนเลวร้ายนัก บ่าวรับใช้รุ่นใหญ่ที่ตามฉู่เหลียนมาก็รู้สึกได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

        ทันทีที่คุณหนูแต่งออก เรือนของนางในบ้านเดิมก็ถูกคนอื่นชิงไป คนพวกนี้ไม่รอกระทั่งให้นางกลับมาเยี่ยมเรือนก่อน ใครพบเรื่องเช่นนี้ก็ต้องโกรธกันทั้งนั้น

        “เจ้า… จะเกินไปแล้ว!” ฉีเยี่ยนทนไม่ไหวจนต้องประท้วงออกมากับความอยุติธรรมที่นายหญิงของตนได้รับ

        สีหน้าของบ่าวรับใช้รุ่นใหญ่ก็ไม่สู้ดีเช่นกัน นางลอบด่าคุณหนูแปดอยู่ในใจที่ไม่รู้สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร แม้คุณหนูแปดจะชอบเรือนนี้มากเพียงใด นางก็ควรรอให้เวลาผ่านไปสักพักก่อนจะย้ายเข้า ทว่านางกลับรีบย้ายเข้ามาเช่นนี้ ไม่ต่างจากการทำลายเกียรติของจวนอิ้ง!

        นอกจากนั้นผู้ดูแลจวนอิ้งในตอนนี้ก็ยังเป็นนายหญิงของพวกนาง ท้ายที่สุดนายหญิงของพวกนางก็จะโดนกล่าวโทษเป็นคนแรก

        เซี่ยวฉินก้มหน้า หลังโดนฉีเยี่ยนด่านางก็ใจเย็นลง ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูหกก็แต่งออกไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเรือนนี้ต้องตกเป็นของคุณหนูแปด บุตรสาวที่แต่งออกไปก็เปรียบเหมือนน้ำที่สาดออก พวกนางต้องอาศัยอยู่ห่างไกลจากจวน ดังนั้นยอมถูกคุณหนูหกเกรี้ยวกราดใส่ ย่อมดีกว่าให้พูดจาลบหลู่คุณหนูแปดของนาง

        หลังจากคิดได้ เซี่ยวฉินก็ไม่กลัวอีกต่อไป “นี่คือเรือนของคุณหนูแปด พี่ฉีเยี่ยนโปรดระวังคำพูดด้วย”

        ฉีเยี่ยนโกรธจนแทบเป็นลมเมื่อได้ยินคำตอบของเซี่ยวฉิน ทว่าเมื่อคิดถึงฉู่เหลียนและนึกได้ว่านางน่าจะเป็นผู้ที่เจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวที่สุดในยามนี้ นางก็รีบหันไปกล่าวกับฉู่เหลียน “คุณหนูหก อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ”

        ทว่าฉู่เหลียนกลับส่ายหน้า มุมปากของนางแย้มยิ้มอบอุ่น “ข้าไม่โกรธหรอก มีอะไรให้โกรธเล่า? ข้าแต่งงานแล้ว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว จะปล่อยเรือนทิ้งไว้เฉย ๆ ก็น่าเสียดายแย่ สู้ยกให้น้องสาวเสียดีกว่า นางจะได้ไม่ต้องแออัดอยู่กับพี่สาวน้องสาวคนอื่น ๆ อย่างไร? ทว่าเรือนนี้ก็อยู่ติดกับสระบัว อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นแล้ว น้องแปดต้องระวังยุงหน่อย”

        ฉีเยี่ยนนึกถึงช่วงที่นางยังอาศัยอยู่ในเรือนนี้กับคุณหนูหก ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยป่าไผ่และยังอยู่ติดกับสระบัว ในช่วงคืนหน้าร้อนจะมียุงเต็มไปหมด กว่าจะรู้ตัว ร่างกายก็มีตุ่มแดงที่ทั้งเจ็บทั้งคัน  หน้าร้อนจึงเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดของพวกนาง

        คุณหนูคนอื่น ๆ เห็นเพียงความงดงามแต่เพียงภายนอกของเรือนอั้นเซียง ทว่าไม่เคยรับรู้ถึงความทรมานของการอาศัยอยู่ที่นี่

        เมื่อนางคิดได้ว่าคุณหนูแปดผู้หยิ่งผยองคนนั้นต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้บ้าง ฉีเยี่ยนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันใด!

        “หมัวมัว ท่านพาข้าไปทายาที่เรือนของพี่สะใภ้ใหญ่แทนได้หรือไม่?” ฉู่เหลียนยิ้ม ถามสาวใช้ของหรงฮูหยิน

        สาวใช้รุ่นใหญ่ผู้นี้นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะรู้ตัวและตอบกลับอย่างอบอุ่น “ตอบคุณหนูหก แน่นอนเจ้าค่ะ! นายหญิงใหญ่มียาหิมะชั้นดีที่ช่วยรักษารอยไหม้อยู่ บ่าวชราจะนำทางท่านไปเองเจ้าค่ะ”

        ฉู่เหลียนที่กำลังจะหันหลังกลับออกไป ก็พลันได้ยินเสียงหวานแหลมตะโกนมาอย่างเกรี้ยวกราด “ฉู่เหลียน อย่าได้คิดว่าข้าจะย้ายออกจากเรือนอั้นเซียงแค่เพราะได้ยินเจ้าพูดเช่นนั้นเป็นอันขาด! ข้าจะบอกเจ้าไว้ เรือนอั้นเซียงเป็นของข้าแล้ว! นับจากนี้เจ้าอย่าได้คิดจะกลับมาพักที่นี่อีกแม้แต่คืนเดียว!”

        ฉู่เหลียนเพิ่งจะผ่อนคลายไปเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อคลี่คลายปัญหาที่เบื้องหน้าลงได้ด้วยดี นางเหนื่อยมากแล้วจริง ๆ เหตุใดคุณหนูหยวนต้องทำตัวแปลก ๆ กับนางอีกเล่า? พวกนางก็แก้ปัญหาได้แล้วมิใช่หรือ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังตามมาเพื่อสร้างปัญหาให้นางอีกแล้ว

 

                                                              ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+