[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 23 เกี๊ยว

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 23 เกี๊ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฮ่อฉางตี้นิ่งงันไปชั่วครู่ เขาไม่คาดคิดว่าไหลเยว่ บ่าวรับใช้ของตนจะร้อนรนด้วยเรื่องเพียงเท่านี้

เขาเม้มปากและกำลังจะกล่าวตักเตือนไหลเยว่อย่างโมโห ทว่ากลับนึกถึงกลิ่นหอมอันน่าดึงดูดที่สัมผัสได้ในห้องหนังสือเมื่อคืนนี้ขึ้นมาเสียก่อน

ที่แท้เฮ่อฉางตี้ย่อมจินตนาการได้ว่าอาหารจานนั้นน่าจะเอร็ดอร่อยสักเพียงใดจากการที่เห็นท่าทางที่ไหลเยว่นั่งพุ้ยข้าวเช่นนั้น

ไหลเยว่ เป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของเขาที่ดูแลรับใช้ข้างกายมาแต่ยังเยาว์วัย ย่อมได้รับประทานอาหารอันประณีตแสนอร่อยมาแล้วมากมาย หากเจ้าคนช่างเลือกอย่างเขาชอบสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมต้องดีมากเป็นแน่ เพียงแต่เมื่อรับรู้ว่าฉู่เหลียนเป็นผู้ทำอาหารจานนั้น ในหัวเขาย่อมปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงข้อนี้

เฮ่อซานหลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ลุกขึ้นและละความสนใจต่อไหลเยว่ ขณะที่เขาเดินออกมาตามทางเดิน เดิมทีเขายังคิดจะไปที่เรือนนอก แต่เมื่อเห็นห้องครัวที่วุ่นวายจากทางหางตา เฮ่อฉางตี้ก็เปลี่ยนใจกะทันหันและมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกแทน

กุ้ยหมัวมัวที่กำลังทำความสะอาดห้องรับแขกอยู่ถึงกับตกตะลึง ก่อนจะเร่งเข้ามากล่าวทักทายเฮ่อฉางตี้ “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณชายสาม” 

เฮ่อฉางตี้กวาดตามองรอบห้อง ก่อนจะถามอย่างไม่ประสงค์ดี “นายหญิงเจ้าอยู่ไหน?” 

กุ้ยหมัวมัวก้มหน้าลง และลอบมองนายก่อนจะตอบเสียงเบา “นายหญิงสามอยู่…ในครัวเจ้าค่ะ…” 

“ไร้สาระ! จวนจิ่งอันมิได้ขัดสนถึงกับต้องให้นายหญิงสามทำอาหารเอง! หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้คนจะคิดว่าจวนเราเป็นอย่างไร?” 

ศีรษะของกุ้ยหมัวมัวก้มต่ำลงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเฮ่อซานหลางตำหนิ นางไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อ จึงทำได้เพียงเงียบนิ่งอยู่เช่นนั้น 

เฮ่อฉางตี้คำราม เขานั่งลงข้างโต๊ะ ไม่ยอมจากไปไหน

เขายังคิดจะระบายโทสะตั้งแต่เมื่อคืนใส่กุ้ยหมัวมัวอีกด้วย เนื่องจากนางเป็นบ่าวที่ฉู่เหลียนไว้วางใจมากที่สุด

กุ้ยหมัวมัวที่ยืนสงบนิ่งอยู่นั้นแอบส่งสัญญาณให้หญิงรับใช้เยาว์วัยที่ยืนรินน้ำชาอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับลอบสังเกตเฮ่อฉางตี้ไปด้วย

คุณชายสามยังนั่งใจเย็นอยู่ในห้องรับแขกเช่นนี้นับว่าแปลกนัก เขาไม่ชอบฉู่เหลียนอย่างเห็นได้ชัด จึงมักจะออกไปเรือนนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอนางมากกว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ คล้ายว่าจะรออะไรอยู่

เฮ่อฉางตี้ไม่มีอะไรทำ ระหว่างรอจึงกวาดตามองรอบ ๆ สินเดิมของฉู่เหลียนอยู่ในหีบที่วางอยู่ทั่วไปในห้อง ยิ่งมองเท่าใดก็ยิ่งเห็นว่าน่ารำคาญสายตาเท่านั้น หากมิใช่เกิดสงสัยถึงอาหารเมื่อคืนนี้เข้า เขาคงจะออกจากห้องนี้ไปตั้งนานแล้ว

ในขณะเดียวกัน ฉู่เหลียนที่ยังอยู่ในครัวก็พบว่าการทำเกี๊ยวนั้นง่ายมากทีเดียว นางจึงนำฉีเยี่ยนกับหมิงเยี่ยนเข้าครัวแต่เช้าตรู่ เพื่อลองฝึกทำดู

หลังจากสับเนื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกนางก็ตอกไข่ ใส่หอมและกระเทียมลงไป จากนั้นก็นวดแป้งและนำมาห่อไส้ กว่าเกี๊ยวจะพร้อมนำมาทำอาหารได้ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว

แม้ฉู่เหลียนจะมิได้ลงมือทำอะไรเองจริง ๆ แต่นางก็คอยยืนสอนฉีเยี่ยนและหมิงเยี่ยนอยู่ข้าง ๆ ตลอด ไม่ห่างกาย ยามนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อากาศในครัวก็ร้อนนัก ดังนั้นเมื่อทำอาหารเสร็จ ร่างกายของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

วันนี้นางใส่เสื้อผ้าเนื้อบางเบาสีชมพูอ่อน ช่วงกระโปรงเป็นเนื้อผ้าซ้อนกันหลายชั้นที่ดูน่ารักยิ่ง ครั้นเมื่อแต่งตัวเสร็จกุ้ยหมัวมัวก็ยังออกปากชมว่าชุดนี้เหมาะสมกับนาง ทำให้นางดูราวกับดอกโบตั๋นที่กำลังผลิบาน

ทว่ายามนี้นางเหงื่อออกไปทั่วร่างกาย ผ้าเสื้อบางก็เปียกแนบชิด เผยให้เห็นสายซับในบาง ๆ สีชมพูอ่อนที่อยู่บนบ่าได้อย่างชัดเจน

เมื่อลุกยืนขึ้น ฉู่เหลียนก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าสภาพของนางตอนนี้ดูแปลกประหลาดเพียงใด

ฉู่เหลียนสั่งฉีเยี่ยนและหมิงเยี่ยนให้นำเกี๊ยวไปไว้ที่ห้องรับแขก ทั้งยังได้สอนฉีเยี่ยนทำแป้งทอดใส่หอม เพื่อทานเป็นเครื่องเคียงอีกด้วย เมื่อไม่มีน้ำมันพืช พวกนางจึงต้องใช้น้ำมันหมูแทน ซึ่งนั่นไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะจะทำให้อาหารจานนั้นออกมามันจนเกินไป

กุ้ยหมัวมัวกล่าวย้ำต่อสาวใช้ว่า สูตรอาหารของนายหญิงทั้งหมดล้วนต้องเก็บเป็นความลับ และสั่งกำชับให้กันพวกสอดรู้สอดเห็นที่ผ่านมาออกไป พร้อมทั้งประตูครัวที่จะต้องปิดให้สนิทเสมอ จนในที่สุดเมื่อทำอาหารเสร็จ ประตูครัวก็ถูกเปิดออก อากาศสดชื่นยามเช้าจากภายนอกก็พลันลอยเข้ามา ทำให้ฉู่เหลียนรู้สึกดี

จากสภาพที่เหงื่อโทรมกาย ฉู่เหลียนก็ตัดสินใจกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน นางจึงเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องของตน ทว่าเมื่อมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นเฮ่อซานหลางที่นั่งอยู่ตรงนั้น

เฮ่อซานหลางเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ทันทีที่เห็นสภาพการแต่งกายของฉู่เหลียน ใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีก่ำ จากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นน่าเกลียดน่ากลัวดังเดิม

ฉู่เหลียนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินตรงไปหาเฮ่อฉางตี้ โบกพัดในมือคลายร้อน นางกะพริบดวงตากลมโตงดงามก่อนจะเอ่ยถาม “สามี เหตุใดวันนี้จึงตื่นเช้านัก” 

เฮ่อฉางตี้เห็นไหล่บอบบางของนางที่แทบจะเผยออกมา พลันนึกขึ้นได้ว่าไหลเยว่เองก็ยังอยู่ในห้องนี้ เขาผุดลุกขึ้นทันที และจับข้อมือน้อยของฉู่เหลียนลากเข้าไปในห้องนอน

เมื่อถูกกระทำหยาบคายรุนแรง ฉู่เหลียนก็ตกใจเสียจนดวงตาเบิกกว้าง นางไม่ทันแม้แต่จะโต้ตอบเสียด้วยซ้ำ

เมื่อเข้ามาในห้องนอน เฮ่อฉางตี้ก็สะบัดฉู่เหลียนไปทางหนึ่งอย่างไม่ไยดี พูดสั่งอย่างเกรี้ยวกราด “เปลี่ยนชุดเสีย!” 

ฉู่เหลียนมุ่นคิ้วขณะถูข้อมือของตนที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงก่ำ นางก้มลงมองชุดของตนเองที่ตอนนี้มันโปร่งใส เนื่องจากชื้นเหงื่อ ทว่าสำหรับฉู่เหลียนที่ปกติแล้วมักจะใส่บิกินี่เวลาไปเที่ยวทะเล นางจึงไม่ได้มองว่าจะมีสิ่งใดที่ดูไม่เหมาะสม

ฉู่เหลียนลอบกลอกตา ก่อนจะหันไปมองเฮ่อฉางตี้ ชายคนนี้ไม่ชอบนางไม่ใช่หรือ? แล้วนางแต่งตัวอย่างไรจะไปสำคัญอะไรกับเขากัน? 

นอกจากนั้น เขายังเป็นอะไรอีก? ไม่ใช่ว่าจะให้นางเปลี่ยนเสื้อรึไง? แล้วทำไมถึงยังยืนจ้องอยู่อีกเล่า? 

แม้นางจะมีหุ่นบอบบาง แต่ก็มักจะสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ อำพรางร่างไว้ ยามนี้เนื้อผ้าสีชมพูกลับทำหน้าที่เปิดเผยหุ่นของนางได้อย่างชัดเจนทีเดียว

เฮ่อฉางตี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

ฉู่เหลียนนิ่วหน้า ใช้พัดกลมในมือบังหน้าอกไว้ นางจ้องมองเขา ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดอื่นออกมา พอหันกลับมาก็ยังเห็นเฮ่อฉางตี้ยืนเอามือไพล่อยู่ข้างฉากกั้น นางทำปากยื่น เอ่ยปากพูดด้วยความหงุดหงิด “ข้าจะเปลี่ยนชุด ออกไปได้แล้ว” 

เป็นตอนนั้นเองที่เฮ่อฉางตี้ได้สติ ที่แท้เขาก็ยืนจ้องมองนางมาตลอด ทำให้รู้สึกโมโหตัวเองยิ่งนัก ชายหนุ่มหมุนกายจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด

ขณะที่เปลี่ยนเสื้อ ฉู่เหลียนก็บ่น “ฮึ ไวเหลือเกินนะ ถ้าเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ ก็ควรไปตั้งนานแล้ว!” 

เฮ่อฉางตี้กลับมายังห้องรับแขก ที่นั่นฉีเยี่ยนกับหมิงเยี่ยนจัดวางอาหารเช้าที่ทำเสร็จสดใหม่ไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

แม้ทั่วห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม เฮ่อซานหลางก็ไม่แม้แต่จะมองไปยังอาหาร อีกทั้งยังสั่งไล่ไหลเยว่ด้วยสายตา

เมื่อไหลเยว่จากไป เฮ่อซานหลางก็นั่งลง

เขาจ้องมองเกี๊ยวที่หมิงเยี่ยนตักใส่ถ้วยให้เขาทันทีอย่างจดจ่อ นางเหยาะน้ำส้มสายชูลงไป ก่อนจะส่งถ้วยมาให้

เฮ่อฉางตี้ลังเลใจ แต่ก็รับมันมาโดยไม่ขัดขืน จากนั้นก็จ้องมองสาวใช้อย่างไม่ละสายตา และด้วยสายตาของเฮ่อซานหลางที่กดดันเสียจนหมิงเยี่ยนตัวสั่น แทบจะพูดไม่ออก นางจึงตัดสินใจกล่าวถามคุณชาย

“คุณชายสาม สิ่งนี้คือเกี๊ยวที่นายหญิงสามสอนบ่าวทำเจ้าค่ะ ถัดมาคือแป้งทอดใส่หอม นายหญิงกล่าวว่าต้องทานเกี๊ยวกับน้ำส้มสายชูและหอมซอย คุณชายสามลอง…ลองสิ่งนี้ก่อนไหมเจ้าคะ?” 

เฮ่อฉางตี้ยังคงนิ่งไม่ไหวติง ภาพลักษณ์เฉยชาภายนอกมิได้สะท้อนถึงความประหลาดใจลึก ๆ แม้แต่น้อย

 

                                                        ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                           https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 23 เกี๊ยว

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 23 เกี๊ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฮ่อฉางตี้นิ่งงันไปชั่วครู่ เขาไม่คาดคิดว่าไหลเยว่ บ่าวรับใช้ของตนจะร้อนรนด้วยเรื่องเพียงเท่านี้

เขาเม้มปากและกำลังจะกล่าวตักเตือนไหลเยว่อย่างโมโห ทว่ากลับนึกถึงกลิ่นหอมอันน่าดึงดูดที่สัมผัสได้ในห้องหนังสือเมื่อคืนนี้ขึ้นมาเสียก่อน

ที่แท้เฮ่อฉางตี้ย่อมจินตนาการได้ว่าอาหารจานนั้นน่าจะเอร็ดอร่อยสักเพียงใดจากการที่เห็นท่าทางที่ไหลเยว่นั่งพุ้ยข้าวเช่นนั้น

ไหลเยว่ เป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของเขาที่ดูแลรับใช้ข้างกายมาแต่ยังเยาว์วัย ย่อมได้รับประทานอาหารอันประณีตแสนอร่อยมาแล้วมากมาย หากเจ้าคนช่างเลือกอย่างเขาชอบสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมต้องดีมากเป็นแน่ เพียงแต่เมื่อรับรู้ว่าฉู่เหลียนเป็นผู้ทำอาหารจานนั้น ในหัวเขาย่อมปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงข้อนี้

เฮ่อซานหลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ลุกขึ้นและละความสนใจต่อไหลเยว่ ขณะที่เขาเดินออกมาตามทางเดิน เดิมทีเขายังคิดจะไปที่เรือนนอก แต่เมื่อเห็นห้องครัวที่วุ่นวายจากทางหางตา เฮ่อฉางตี้ก็เปลี่ยนใจกะทันหันและมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกแทน

กุ้ยหมัวมัวที่กำลังทำความสะอาดห้องรับแขกอยู่ถึงกับตกตะลึง ก่อนจะเร่งเข้ามากล่าวทักทายเฮ่อฉางตี้ “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณชายสาม” 

เฮ่อฉางตี้กวาดตามองรอบห้อง ก่อนจะถามอย่างไม่ประสงค์ดี “นายหญิงเจ้าอยู่ไหน?” 

กุ้ยหมัวมัวก้มหน้าลง และลอบมองนายก่อนจะตอบเสียงเบา “นายหญิงสามอยู่…ในครัวเจ้าค่ะ…” 

“ไร้สาระ! จวนจิ่งอันมิได้ขัดสนถึงกับต้องให้นายหญิงสามทำอาหารเอง! หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้คนจะคิดว่าจวนเราเป็นอย่างไร?” 

ศีรษะของกุ้ยหมัวมัวก้มต่ำลงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเฮ่อซานหลางตำหนิ นางไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อ จึงทำได้เพียงเงียบนิ่งอยู่เช่นนั้น 

เฮ่อฉางตี้คำราม เขานั่งลงข้างโต๊ะ ไม่ยอมจากไปไหน

เขายังคิดจะระบายโทสะตั้งแต่เมื่อคืนใส่กุ้ยหมัวมัวอีกด้วย เนื่องจากนางเป็นบ่าวที่ฉู่เหลียนไว้วางใจมากที่สุด

กุ้ยหมัวมัวที่ยืนสงบนิ่งอยู่นั้นแอบส่งสัญญาณให้หญิงรับใช้เยาว์วัยที่ยืนรินน้ำชาอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับลอบสังเกตเฮ่อฉางตี้ไปด้วย

คุณชายสามยังนั่งใจเย็นอยู่ในห้องรับแขกเช่นนี้นับว่าแปลกนัก เขาไม่ชอบฉู่เหลียนอย่างเห็นได้ชัด จึงมักจะออกไปเรือนนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอนางมากกว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ คล้ายว่าจะรออะไรอยู่

เฮ่อฉางตี้ไม่มีอะไรทำ ระหว่างรอจึงกวาดตามองรอบ ๆ สินเดิมของฉู่เหลียนอยู่ในหีบที่วางอยู่ทั่วไปในห้อง ยิ่งมองเท่าใดก็ยิ่งเห็นว่าน่ารำคาญสายตาเท่านั้น หากมิใช่เกิดสงสัยถึงอาหารเมื่อคืนนี้เข้า เขาคงจะออกจากห้องนี้ไปตั้งนานแล้ว

ในขณะเดียวกัน ฉู่เหลียนที่ยังอยู่ในครัวก็พบว่าการทำเกี๊ยวนั้นง่ายมากทีเดียว นางจึงนำฉีเยี่ยนกับหมิงเยี่ยนเข้าครัวแต่เช้าตรู่ เพื่อลองฝึกทำดู

หลังจากสับเนื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกนางก็ตอกไข่ ใส่หอมและกระเทียมลงไป จากนั้นก็นวดแป้งและนำมาห่อไส้ กว่าเกี๊ยวจะพร้อมนำมาทำอาหารได้ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว

แม้ฉู่เหลียนจะมิได้ลงมือทำอะไรเองจริง ๆ แต่นางก็คอยยืนสอนฉีเยี่ยนและหมิงเยี่ยนอยู่ข้าง ๆ ตลอด ไม่ห่างกาย ยามนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อากาศในครัวก็ร้อนนัก ดังนั้นเมื่อทำอาหารเสร็จ ร่างกายของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

วันนี้นางใส่เสื้อผ้าเนื้อบางเบาสีชมพูอ่อน ช่วงกระโปรงเป็นเนื้อผ้าซ้อนกันหลายชั้นที่ดูน่ารักยิ่ง ครั้นเมื่อแต่งตัวเสร็จกุ้ยหมัวมัวก็ยังออกปากชมว่าชุดนี้เหมาะสมกับนาง ทำให้นางดูราวกับดอกโบตั๋นที่กำลังผลิบาน

ทว่ายามนี้นางเหงื่อออกไปทั่วร่างกาย ผ้าเสื้อบางก็เปียกแนบชิด เผยให้เห็นสายซับในบาง ๆ สีชมพูอ่อนที่อยู่บนบ่าได้อย่างชัดเจน

เมื่อลุกยืนขึ้น ฉู่เหลียนก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าสภาพของนางตอนนี้ดูแปลกประหลาดเพียงใด

ฉู่เหลียนสั่งฉีเยี่ยนและหมิงเยี่ยนให้นำเกี๊ยวไปไว้ที่ห้องรับแขก ทั้งยังได้สอนฉีเยี่ยนทำแป้งทอดใส่หอม เพื่อทานเป็นเครื่องเคียงอีกด้วย เมื่อไม่มีน้ำมันพืช พวกนางจึงต้องใช้น้ำมันหมูแทน ซึ่งนั่นไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะจะทำให้อาหารจานนั้นออกมามันจนเกินไป

กุ้ยหมัวมัวกล่าวย้ำต่อสาวใช้ว่า สูตรอาหารของนายหญิงทั้งหมดล้วนต้องเก็บเป็นความลับ และสั่งกำชับให้กันพวกสอดรู้สอดเห็นที่ผ่านมาออกไป พร้อมทั้งประตูครัวที่จะต้องปิดให้สนิทเสมอ จนในที่สุดเมื่อทำอาหารเสร็จ ประตูครัวก็ถูกเปิดออก อากาศสดชื่นยามเช้าจากภายนอกก็พลันลอยเข้ามา ทำให้ฉู่เหลียนรู้สึกดี

จากสภาพที่เหงื่อโทรมกาย ฉู่เหลียนก็ตัดสินใจกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน นางจึงเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องของตน ทว่าเมื่อมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นเฮ่อซานหลางที่นั่งอยู่ตรงนั้น

เฮ่อซานหลางเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ทันทีที่เห็นสภาพการแต่งกายของฉู่เหลียน ใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีก่ำ จากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นน่าเกลียดน่ากลัวดังเดิม

ฉู่เหลียนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินตรงไปหาเฮ่อฉางตี้ โบกพัดในมือคลายร้อน นางกะพริบดวงตากลมโตงดงามก่อนจะเอ่ยถาม “สามี เหตุใดวันนี้จึงตื่นเช้านัก” 

เฮ่อฉางตี้เห็นไหล่บอบบางของนางที่แทบจะเผยออกมา พลันนึกขึ้นได้ว่าไหลเยว่เองก็ยังอยู่ในห้องนี้ เขาผุดลุกขึ้นทันที และจับข้อมือน้อยของฉู่เหลียนลากเข้าไปในห้องนอน

เมื่อถูกกระทำหยาบคายรุนแรง ฉู่เหลียนก็ตกใจเสียจนดวงตาเบิกกว้าง นางไม่ทันแม้แต่จะโต้ตอบเสียด้วยซ้ำ

เมื่อเข้ามาในห้องนอน เฮ่อฉางตี้ก็สะบัดฉู่เหลียนไปทางหนึ่งอย่างไม่ไยดี พูดสั่งอย่างเกรี้ยวกราด “เปลี่ยนชุดเสีย!” 

ฉู่เหลียนมุ่นคิ้วขณะถูข้อมือของตนที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงก่ำ นางก้มลงมองชุดของตนเองที่ตอนนี้มันโปร่งใส เนื่องจากชื้นเหงื่อ ทว่าสำหรับฉู่เหลียนที่ปกติแล้วมักจะใส่บิกินี่เวลาไปเที่ยวทะเล นางจึงไม่ได้มองว่าจะมีสิ่งใดที่ดูไม่เหมาะสม

ฉู่เหลียนลอบกลอกตา ก่อนจะหันไปมองเฮ่อฉางตี้ ชายคนนี้ไม่ชอบนางไม่ใช่หรือ? แล้วนางแต่งตัวอย่างไรจะไปสำคัญอะไรกับเขากัน? 

นอกจากนั้น เขายังเป็นอะไรอีก? ไม่ใช่ว่าจะให้นางเปลี่ยนเสื้อรึไง? แล้วทำไมถึงยังยืนจ้องอยู่อีกเล่า? 

แม้นางจะมีหุ่นบอบบาง แต่ก็มักจะสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ อำพรางร่างไว้ ยามนี้เนื้อผ้าสีชมพูกลับทำหน้าที่เปิดเผยหุ่นของนางได้อย่างชัดเจนทีเดียว

เฮ่อฉางตี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

ฉู่เหลียนนิ่วหน้า ใช้พัดกลมในมือบังหน้าอกไว้ นางจ้องมองเขา ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดอื่นออกมา พอหันกลับมาก็ยังเห็นเฮ่อฉางตี้ยืนเอามือไพล่อยู่ข้างฉากกั้น นางทำปากยื่น เอ่ยปากพูดด้วยความหงุดหงิด “ข้าจะเปลี่ยนชุด ออกไปได้แล้ว” 

เป็นตอนนั้นเองที่เฮ่อฉางตี้ได้สติ ที่แท้เขาก็ยืนจ้องมองนางมาตลอด ทำให้รู้สึกโมโหตัวเองยิ่งนัก ชายหนุ่มหมุนกายจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด

ขณะที่เปลี่ยนเสื้อ ฉู่เหลียนก็บ่น “ฮึ ไวเหลือเกินนะ ถ้าเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ ก็ควรไปตั้งนานแล้ว!” 

เฮ่อฉางตี้กลับมายังห้องรับแขก ที่นั่นฉีเยี่ยนกับหมิงเยี่ยนจัดวางอาหารเช้าที่ทำเสร็จสดใหม่ไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

แม้ทั่วห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม เฮ่อซานหลางก็ไม่แม้แต่จะมองไปยังอาหาร อีกทั้งยังสั่งไล่ไหลเยว่ด้วยสายตา

เมื่อไหลเยว่จากไป เฮ่อซานหลางก็นั่งลง

เขาจ้องมองเกี๊ยวที่หมิงเยี่ยนตักใส่ถ้วยให้เขาทันทีอย่างจดจ่อ นางเหยาะน้ำส้มสายชูลงไป ก่อนจะส่งถ้วยมาให้

เฮ่อฉางตี้ลังเลใจ แต่ก็รับมันมาโดยไม่ขัดขืน จากนั้นก็จ้องมองสาวใช้อย่างไม่ละสายตา และด้วยสายตาของเฮ่อซานหลางที่กดดันเสียจนหมิงเยี่ยนตัวสั่น แทบจะพูดไม่ออก นางจึงตัดสินใจกล่าวถามคุณชาย

“คุณชายสาม สิ่งนี้คือเกี๊ยวที่นายหญิงสามสอนบ่าวทำเจ้าค่ะ ถัดมาคือแป้งทอดใส่หอม นายหญิงกล่าวว่าต้องทานเกี๊ยวกับน้ำส้มสายชูและหอมซอย คุณชายสามลอง…ลองสิ่งนี้ก่อนไหมเจ้าคะ?” 

เฮ่อฉางตี้ยังคงนิ่งไม่ไหวติง ภาพลักษณ์เฉยชาภายนอกมิได้สะท้อนถึงความประหลาดใจลึก ๆ แม้แต่น้อย

 

                                                        ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                           https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+