[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 18 ใจแคบ

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 18 ใจแคบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อเฮ่อเหล่าไท่จวินเห็นว่าหลานชายของตนยังคงนิ่งงัน จึงสั่ง “ซานหลางรีบกลับเรือนเจ้าเสีย นี่ก็โพล้เพล้แล้ว ภรรยาเจ้าคงยังตกใจไม่หาย ไปปลอบใจนางเสียหน่อยเถิด”

        โจวซื่อเห็นพ้อง ก่อนจะหันมาคะยั้นคะยอให้เขากลับเรือน

        เฮ่อฉางตี้ค่อย ๆ เดินกลับจวนอย่างใจลอย หัวคิ้วคมหนามุ่นเข้าหากัน ดูไปคล้ายกับดาบคู่รูปทรงประหลาดยิ่ง

        ณ เรือนชิ่งสี่ โจวซื่อยังคงหารือกับเฮ่อเหล่าไท่จวินต่อปัญหาใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้น นางกล่าวอย่างไร้หนทาง “ท่านย่า ซ่อมครัวใหญ่หลังเพลิงไหม้นี้คงใช้เวลาพักใหญ่ หลานสะใภ้จะให้แต่ละครอบครัวดูแลเรื่องอาหารการกินของตนเองไปสักระยะนะเจ้าคะ”

        เฮ่อเหล่าไท่จวินพยักหน้า “ตอนนี้คงทำได้เพียงเท่านี้ ถึงอย่างไรแต่ละเรือนก็ยังมีครัวของตนเอง ถ้าเอ้อร์หลางกลับมาก็ให้เขาทานข้าวกับข้าแล้วกัน”

        โจวซื่อพยักหน้าเห็นด้วย “เช่นนั้นหลานสะใภ้จะไปจัดการให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ”

        หากแต่ละเรือนต้องทำอาหารเอง นางจำต้องสั่งบ่าวไพร่ให้นำส่งวัตถุดิบสดไปให้แต่ละเรือนในทุกวัน ซึ่งนั่นทำให้นางต้องเพิ่มงานนี้เข้าไปในรายการจัดการบ้านของนาง

        “ไปเร็วเถอะ ข้าจะไปดูแม่ของเจ้าเสียหน่อย ว่าวันนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”

        เช่นนั้นโจวซื่อจึงรุดเข้าประคองเฮ่อเหล่าไท่จวินและก้าวออกจากเรือนไปด้วยกัน

        ฉู่เหลียนนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ อ่านหนังสือตลกที่ฝูเยี่ยนเจอในห้องหนังสือ

        หนังสือเล่มนี้เขียนด้วยตัวอักษรจีนตัวเต็ม เรื่องราวค่อนข้างล้าสมัยอยู่บ้าง ดังนั้นฉู่เหลียนจึงพบว่ายิ่งอ่านเท่าใด ตัวหนังสือเบื้องหน้านางก็ยิ่งคล้ายกับเพลงกล่อมเด็กมากขึ้นเท่านั้น ในเวลาไม่นานนัก นางก็ผล็อยหลับไป

        มือเรียวบางยังคงถือหนังสือเอาไว้ ซึ่งวางพาดอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้ แขนเสื้อบางเบาถูกเลิกขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นท่อนแขนเล็กเรียวขาวผ่อง ภายใต้แสงสีส้มในห้อง ผิวขาวผุดผาดของละหม้ายคล้ายหยกอุ่น ๆ ที่ชวนให้ผู้คนอยากสัมผัส

        กุ้ยหมัวมัวรออยู่ด้านนอก เมื่อไม่ได้ยินเสียงพลิกหน้ากระดาษของนายหญิง นางจึงวางงานในมือลงและหยิบเอาผ้าห่มจากด้านข้าง เตรียมเข้าไปห่มผ้าให้ฉู่เหลียน

        ทว่าเฮ่อฉางตี้ก็ก้าวเข้าเรือนมาด้วยสีหน้าอึมครึม เขาปลายตามองกุ้ยหมัวมัว ก่อนเดินตรงเข้าสู่ห้องนอน

        สายตาเย็นชาของเฮ่อฉางตี้ทำให้กุ้ยหมัวมัวหนาวสันหลัง นางคิดจะตามเข้าไปดู แต่ก็เกรงว่าเขาจะโกรธ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดทนกับความกังวลที่ผุดพรายและรอคอยอยู่ด้านนอก นางตั้งใจแอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้อง หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นจะได้รีบเข้าไปปกป้องนายหญิงสามของนางได้ทันท่วงที

        เฮ่อฉางตี้เอามือไพล่หลังเดินตรงไปที่เตียง เขาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะสังเกตเห็นร่างน้อย ๆ บนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง

        ในส่วนลึกของแววตาชายหนุ่มยังคงทอแววมืดครึ้มยิ่ง ความหล่อเหลาเย็นชาเปี่ยมไปด้วยรัศมีเยือกเย็น ดูราวกับภูเขาน้ำแข็งที่เดินได้ไม่มีผิด เขาเป็นคนละคนกับสามีผู้แสนดี ซื่อสัตย์ดั่งที่ในนิยายบรรยายไว้โดยสิ้นเชิง

        หากมีใครสักคนพยายามกล่าวว่าเฮ่อซานหลางเป็นสามีผู้หล่อเหลา อ่อนโยน และอ่อนหวาน ฉู่เหลียนต้องเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นประท้วงอย่างแน่นอน

        เพียงก้าวยาว ๆ ไม่กี่ก้าวของเขาก็สามารถเข้าประชิดเก้าอี้ที่มีสาวน้อยกำลังหลับไหลอยู่ สายตาเย็นชาเคลื่อนมองฉู่เหลียนอย่างเชื่องช้า

        ริ้วคลื่นปรากฏในดวงตาเย็นชาราวกับทะเลสาบกำลังจะถึงจุดเยือกแข็งอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเขามองเห็นภาพเบื้องหน้า

        ความรู้สึกมากมายที่ไม่ควรมีกำลังระเบิดอีกครา 

        เด็กสาววัยขบเผาะเบื้องหน้านั้นช่างตัวเล็กและบอบบางยิ่ง ศีรษะของนางพับอยู่บนท่อนแขนข้างหนึ่ง เส้นผมดำสนิทเริ่มหลุดรุ่ยและทิ้งตัวลงไปบนไหล่บอบบางกลมมน ขนตาของนางยาวและดำสนิทคล้ายพัดเล็ก ๆ สองอันที่คาดเงาเหนือดวงตา ผิวหน้าของนางนวลเนียนผุดผาดรับกับริมฝีปากชมพูระเรื่อราวกับกลีบบุปผาที่ขยับไหวเล็กน้อยตามแรงหายใจลึกยาว ตอนนี้นางคล้ายลูกแมวน้อยตัวหนึ่งที่กำลังหลับไหล ช่างเย้ายวนชวนให้ผู้พบเห็นต่างต้องอดกลั้นมิให้เข้าไปคว้านางเข้าสู่อ้อมกอด ลูบไล้ศีรษะน้อยอย่างอ่อนโยน และขับกล่อมนางด้วยเสียงหวานจับใจ

        เมื่อเห็นภาพฉู่เหลียนในสภาพไร้การป้องกันแล้ว ภาพเก่า ๆ ในอดีตก็ผุดพรายในใจของเฮ่อฉางตี้ราวกับห่าฝน

        เขาต้องยอมรับว่านางงดงามเหลือเกิน ด้วยความอ่อนเยาว์ของนาง แม้จะไม่ได้แต่งแต้มสิ่งใดบนใบหน้า ทว่านางก็ยังดูราวกับภาพวาดอันงดงามของจิตกรอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ไม่ปาน

        นี่อาจเป็นผลจากการเป็นนางเอกก็ได้!

        เฮ่อซานหลางใจลอยตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปชั่วขณะ แต่ทันทีที่ได้สติใบหน้าเขาพลันบิดเบี้ยวขึ้นอีกครา

        เขาก่นด่าตัวเองอย่างดุเดือด ตำหนิตนเองที่เพ้อเจ้อเรื่องสตรีปีศาจเบื้องหน้า เหตุใดจึงโง่งมถึงขั้นคิดว่านางเป็นคนดีที่ไร้อันตรายกัน?

        เฮ่อฉางตี้สูดลมหายใจเข้าลึก ให้อากาศเย็นยามค่ำปลุกตนเองให้ได้สติ เขาก้าวไปผลักฉู่เหลียนโดยแรงและกล่าวอย่างเย็นชา “ตื่น!”

        ฉู่เหลียนสะลึมสะลือและยังติดพันอยู่กับความฝันแสนสุขท่ามกลางอาหารแสนอร่อยในเทศกาลอาหารของโลกยุคปัจจุบัน เมื่อถูกเฮ่อซานหลางผลัก หนังสือในมือก็ร่วงหล่นลงพื้นดังตุ้บ นางขยี้ตาอย่างง่วงงุน และเอ่ยถามโดยไม่ทันสังเกตว่าผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายเป็นใคร “หมัวมัว ถึงเวลาทานข้าวหรือยัง? ข้าหิวแล้ว…”

        สีหน้าของเฮ่อฉางตี้สะท้อนความรู้สึกภายใน เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหลียน ใบหน้าเขาก็กลายเป็นสีดำครึ้มราวกับก้นหม้อ

        กิน กิน กิน! สตรีผู้นี้รู้จักแต่การกินทั้งวันทั้งคืน! สตรีแพศยานั่นกลายเป็นพวกเห็นแก่กินในชาตินี้ไปแล้วหรือ?

        “ยังคิดถึงอาหารอีกหรือ? ครัวไหม้หมดแล้ว! คืนนี้เจ้าอย่าคิดจะได้ทานอะไรเลย!” เฮ่อซานหลางสะกดกลั้นโทสะของตนไม่ได้ จึงตะโกนใส่นาง

        ทันทีที่ฉู่เหลียนได้ยินเสียงของเขา ความง่วงงุนก็ถูกความหวาดกลัวไล่ไปหมดสิ้น

        ฉู่เหลียนเหลือบตามองบุรุษร่างสูงด้านข้างด้วยดวงตากลมโตฉ่ำน้ำ

        ดวงตาดั่งผลชิ่งของนางยังคงชุ่มชื้นเพราะเพิ่งตื่นนอน ทั้งยังมีรอยแดงระเรื่อบนพวงแก้ม ดูไร้อันตรายโดยสิ้นเชิง เป็นเพียงเด็กสาวบอบบางคนหนึ่ง หากมีใครสักคนอย่างเฮ่อฉางตี้ที่พยายามจดรายกายสิ่งเลวร้ายที่นางจะทำในอนาคต คนอื่น ๆ ก็คงไม่มีวันเชื่อเป็นแน่ว่าสาวน้อยไร้พิษสงเช่นนี้จะกระทำการเลวร้ายอันใดได้

        หัวคิ้วของนางมุ่นเข้าหากันเมื่อมองใบหน้าเย็นชาของเขา นางดูเอื่อยเฉื่อยและเอนกายพิงเก้าอี้อีกครั้ง “สามี พวกบ่าวไพร่ในครัวใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง มีใครบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”

        น้ำเสียงของนางนุ่มละมุน ทว่าเมื่อเฮ่อซานหลางได้ยิน ความโมโหก็พลุ่งพล่านอีกครั้งอย่างไร้เหตุผล

        “เหอะ! ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้ดีอยู่แล้วหรือ ว่าใครบาดเจ็บหรือไม่?”

        สตรีแพศยาต้องเป็นผู้สั่งการให้คนวางเพลิงเผาครัวเป็นแน่! นางไม่รู้สึกว่าตนเองเสแสร้งไปหน่อยหรือจึงถามเช่นนั้น?

        ฉู่เหลียนรู้สึกประหลาดใจ นางพองแก้มราวกับกระรอก “นี่ ข้าไม่ใช่คนวางเพลิงเสียหน่อย ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า?”

        ในทางกลับกัน เฮ่อฉางตี้แค่นหายใจตอบ คำพูดของนางทำให้เขาเกรี้ยวกราด เขารู้สึกว่าตนคงไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับสตรีแพศยาเบื้องหน้านี้ต่อไปได้อีกแม้เพียงชั่วอึดใจ อกเขาสะท้านขึ้นลงจากแรงโมโหที่กรุ่นอยู่ภายใน ตอนนี้เขาต้องการแทงนางให้ตายเสียเดี๋ยวนี้!

        ฉู่เหลียนชินเสียแล้วกับท่าทีแปลก ๆ ของเฮ่อซานหลาง แม้นางจะรู้สึกได้ว่าเขาคอยจะดูถูกเหยียดหยามนางอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ทว่านอกจากคืนวันแต่งงานแล้ว เขาก็มิได้มีท่าทีเป็นศัตรูแต่อย่างใด จะมีก็แต่ท่าทีเย็นชาเช่นนี้

        นางไม่ใช่ฉู่เหลียนในต้นฉบับที่เต็มไปด้วยความละโมบ ทั้งยังไม่สนเซียวป๋อเจี้ยน ฉู่เหลียนคนนี้เพียงต้องการชีวิตที่เรียบง่าย แม้จะยังไม่รู้ว่าเหตุใดเฮ่อซานหลางถึงไม่ชอบนาง ทว่าตราบใดที่เขามิได้รบกวนความสะดวกสบายอันใด นางก็จะปล่อยเขาไป

        นับตั้งแต่นางทะลุมิติมายังยุคราชวงศ์อู่อย่างเป็นปริศนาและกลายเป็นนายหญิงของตระกูลขุนนาง ชีวิตของนางก็สุขสำราญปนเปไปกับชีวิตเฉื่อยแฉะเช่นนี้

        ส่วนเฮ่อฉางตี้นั้นก็คงต้องปล่อยเขาไว้กับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ นั่นแหละ จะไปโมโห ‘เด็กน้อย’ เจ้าอารมณ์ไปเพื่ออะไรเล่า?

        “สมปรารถนาเจ้าแล้วสิ ครัวใหญ่ล้วนไหม้จนหมดสิ้น แต่เดาว่าเจ้าคงไม่คาดว่าพี่สะใภ้จะไม่เป็นไรกระมัง เกรงว่าแผนร้ายของเจ้าจะล่มเสียแล้ว โอ… ข้าลืมบอกไป เกรงว่าแม่ครัวโจวจะไม่รอด ท่าทางเจ้าจะไม่มีวันได้ทานของว่างขึ้นชื่อของจวนจิ่งอันอีกต่อไปแล้ว!” เฮ่อซานหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

        ย้อนกลับไปตอนอยู่ที่โถงชิ่งสี่ เขาคิดว่าที่โจวซื่อเอ่ยว่าฉู่เหลียนช่วยชีวิตนางก็เพียงเพื่อให้ท่านย่าสบายใจเท่านั้น เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่านางปีศาจที่อยู่เบื้องหลังเพลิงไหม้จะเป็นผู้ช่วยชีวิตพี่สะใภ้ นอกเสียจากเขาจะเห็นมันด้วยสองตาของตนเอง!

        ฉู่เหลียนส่ายหน้าเล็กน้อย นางไม่รู้จริง ๆ ว่าในหัวของชายผู้นี้คิดอะไรอยู่ ให้ตายสิ หมอนี่เป็นโรควิตกจริตหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่านะ?

        นางไม่มีกระทั่งเวลาจะทำอาหารดี ๆ จริง ๆ ด้วยซ้ำ แล้วนางจะไปมีเวลาวางแผนการร้ายได้ยังไงเล่า?

        ซ้ำยังไม่ต้องเอ่ยถึงธุระมหาศาลของจวนจิ่งอัน การจัดการสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดจะไปน่าสนุกตรงไหนกัน?

        นางไม่มีความปรารถนาที่จะทำงานอันน่าเหนื่อยหน่ายเหล่านั้นแม้แต่น้อย นางยินดียก ‘เกียรติยศ’ นี้ให้แก่พี่สะใภ้ด้วยความเต็มใจยิ่ง

        ในชาติที่แล้วนางต้องทำงานหัวหกก้นขวิด แล้วมาตอนนี้สิ โอกาสครั้งเดียวในชีวิตมาถึงแล้ว นางก็จะขี้เกียจไปวัน ๆ นี่แหละ

        นางไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการเลื่อนตำแหน่งหรือหนี้สินอีกแล้ว แม้ที่นี่จะไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากการทำอาหารอร่อย ๆ และชมวิวไปวัน ๆ ก็ยังได้เงินเดือนอีก แถมเงินเดือนเยอะมากเสียด้วย จะมี ‘งาน’ ไหนสมบูรณ์แบบกว่านี้อีกหรือ?

        ฉู่เหลียนไม่กล่าวตอบและลุกจากเก้าอี้ จัดผมเผ้ายุ่งเหยิงให้เข้าทรง

        นางก้มศีรษะต่ำลงเล็กน้อยภายใต้แสงอ่อน ๆ จากโคมไฟสลัว ใบหน้านางเร้นอยู่ภายในเงาจนไม่อาจสังเกตได้ว่าตอนนี้สีหน้าของนางเป็นเช่นไร

        เฮ่อซานหลางคิดว่าในที่สุดตนก็มีชัยเหนือฉู่เหลียน และนางกำลังปิดซ่อนความหงุดหงิดนั้นอยู่ ทว่าโชคร้ายสำหรับนางที่เฮ่อซานหลางดูสบายใจอย่างออกหน้าออกตา ตราบใดที่แผนชั่วร้ายของหญิงสารเลวผู้นี้ไร้ผล เขาย่อมมีความสุข

        “ฮึ ฉู่เหลียน ข้าขอแนะนำเจ้าให้เลิกแผนการร้ายเสียตราบที่ยังทำได้ ที่นี่ไม่ใช่จวนจิ่งอันแบบเดิมอีกแล้ว! หางจิ้งจอกของเจ้าปรากฏชัดแล้ว ดังนั้นจงรีบเก็บมันเข้าไปเสีย!” เฮ่อฉางตี้รู้สึกราวกับว่าตนกล่าวตรงประเด็น จี้ใจดำนางได้ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไป

        ฉู่เหลียนลุกขึ้นยืน เอียงคอมองเขาเดินจากไป เมื่อไม่เห็นร่างของชายหนุ่มแล้ว นางก็พึมพำกับตัวเอง

        “เจ้าบ้าเอ๊ย”

        นางมีหางจิ้งจอกตั้งแต่เมื่อไรกัน? นางแค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปวัน ๆ ทำอาหารดี ๆ ยกระดับความเป็นอยู่ของตนเท่านั้น แต่เขานั่นแหละ เอาแต่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางทั้งที่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด!

        เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?

        เสียดายความหล่อระดับพระเจ้านั่นจริง ๆ นะ!

        ใจดำเป็นบ้า!

        เฮ่อฉางตี้เดินออกจากห้องนอนอย่างเย็นชา กุ้ยหมัวมัวที่ยืนรออยู่หน้าประตูกล่าวทักทายเขาอย่างหวาดหวั่น ทว่าเขามิได้มองนางแม้แต่น้อย และมุ่งไปยังห้องหนังสือ

        เมื่อเดินมาถึงทางเดิน ก็เห็นไหลเยว่เดินนำหญิงรับใช้สองนางเข้ามาในเรือน

        เฮ่อซานหลางหยุดพวกเขาแล้วเอ่ยถาม “พวกเจ้าจะเร่งรีบไปที่ใดกัน? ”

        เมื่อได้ยินน้ำเสียงของผู้เป็นนาย ไหลเยว่ก็ทราบได้ทันทีว่าเขาอารมณ์ไม่ดีนัก จึงมิกล้าชักช้าให้มากความ เร่งรีบอธิบาย “เฮ่อเหล่าไท่จวินสั่งหญิงรับใช้เหล่านี้ให้มาส่งอาหารค่ำขอรับ” เมื่อกล่าวแล้ว ไหลเยว่ก็ขยับไปด้านข้างให้นายน้อยของเขาได้เห็นหญิงรับใช้สองนางได้ชัดเจนขึ้น สาวใช้ทั้งสองกำลังถือกล่องใส่อาหารที่ประดับประดาอย่างงดงาม

        พูดถึงอาหารค่ำก็ทำให้เฮ่อซานหลางนึกถึงฉู่เหลียนที่ถามถึงอาหารทันทีที่ตื่น สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์

        “นำไปไว้ที่ห้องหนังสือข้า” เฮ่อฉางตี้สั่งอย่างเย็นชา

        ไหลเยว่สะอึกก่อนกระซิบถาม “เอ๊ะ คุณชาย ท่านไม่ทานในห้องรับแขกหรือ? ห้อง… ห้องหนังสือมิใช่สถานที่ทานอาหารนะขอรับ…”

        เมื่อไหลเยว่เอ่ยจบก็รู้สึกได้ถึงสายตาเย็นชาที่จับจ้องตน เขาจึงหันไปเร่งสั่งหญิงรับใช้ด้านหลัง “ไม่ได้ยินที่คุณชายสั่งหรือ? รีบไปที่ห้องหนังสือเร็วเข้า!”

        หญิงรับใช้ทั้งสองนางก้มหน้าลงลอบส่งสายตาให้กัน พวกนางไม่เข้าใจว่าคุณชายสามจะทำอะไร แต่อย่างไรพวกนางก็เป็นเพียงบ่าว จึงทำได้เพียงเชื่อฟัง

        ทั้งคู่ตัวสั่นระริกอย่างหวาดกลัวเมื่อต้องส่งอาหารไปยังห้องหนังสือ

        ไหลเยว่ขยับเข้าไปด้านข้างเฮ่อฉางตี้ “คุณชายขอรับ ยังมีอาหารสดอยู่ตรงนี้ จะให้เอาไปไว้ที่ไหนดีขอรับ? นายหญิงใหญ่กล่าวว่าพรุ่งนี้พวกนางจะวุ่นวายแต่เช้า อาจทำให้ส่งอาหารช้ากว่าปกติ นางจึงส่งวัตถุดิบมาแทนขอรับ”

 

                                                             ————————

                         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 18 ใจแคบ

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 18 ใจแคบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อเฮ่อเหล่าไท่จวินเห็นว่าหลานชายของตนยังคงนิ่งงัน จึงสั่ง “ซานหลางรีบกลับเรือนเจ้าเสีย นี่ก็โพล้เพล้แล้ว ภรรยาเจ้าคงยังตกใจไม่หาย ไปปลอบใจนางเสียหน่อยเถิด”

        โจวซื่อเห็นพ้อง ก่อนจะหันมาคะยั้นคะยอให้เขากลับเรือน

        เฮ่อฉางตี้ค่อย ๆ เดินกลับจวนอย่างใจลอย หัวคิ้วคมหนามุ่นเข้าหากัน ดูไปคล้ายกับดาบคู่รูปทรงประหลาดยิ่ง

        ณ เรือนชิ่งสี่ โจวซื่อยังคงหารือกับเฮ่อเหล่าไท่จวินต่อปัญหาใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้น นางกล่าวอย่างไร้หนทาง “ท่านย่า ซ่อมครัวใหญ่หลังเพลิงไหม้นี้คงใช้เวลาพักใหญ่ หลานสะใภ้จะให้แต่ละครอบครัวดูแลเรื่องอาหารการกินของตนเองไปสักระยะนะเจ้าคะ”

        เฮ่อเหล่าไท่จวินพยักหน้า “ตอนนี้คงทำได้เพียงเท่านี้ ถึงอย่างไรแต่ละเรือนก็ยังมีครัวของตนเอง ถ้าเอ้อร์หลางกลับมาก็ให้เขาทานข้าวกับข้าแล้วกัน”

        โจวซื่อพยักหน้าเห็นด้วย “เช่นนั้นหลานสะใภ้จะไปจัดการให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ”

        หากแต่ละเรือนต้องทำอาหารเอง นางจำต้องสั่งบ่าวไพร่ให้นำส่งวัตถุดิบสดไปให้แต่ละเรือนในทุกวัน ซึ่งนั่นทำให้นางต้องเพิ่มงานนี้เข้าไปในรายการจัดการบ้านของนาง

        “ไปเร็วเถอะ ข้าจะไปดูแม่ของเจ้าเสียหน่อย ว่าวันนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”

        เช่นนั้นโจวซื่อจึงรุดเข้าประคองเฮ่อเหล่าไท่จวินและก้าวออกจากเรือนไปด้วยกัน

        ฉู่เหลียนนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ อ่านหนังสือตลกที่ฝูเยี่ยนเจอในห้องหนังสือ

        หนังสือเล่มนี้เขียนด้วยตัวอักษรจีนตัวเต็ม เรื่องราวค่อนข้างล้าสมัยอยู่บ้าง ดังนั้นฉู่เหลียนจึงพบว่ายิ่งอ่านเท่าใด ตัวหนังสือเบื้องหน้านางก็ยิ่งคล้ายกับเพลงกล่อมเด็กมากขึ้นเท่านั้น ในเวลาไม่นานนัก นางก็ผล็อยหลับไป

        มือเรียวบางยังคงถือหนังสือเอาไว้ ซึ่งวางพาดอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้ แขนเสื้อบางเบาถูกเลิกขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นท่อนแขนเล็กเรียวขาวผ่อง ภายใต้แสงสีส้มในห้อง ผิวขาวผุดผาดของละหม้ายคล้ายหยกอุ่น ๆ ที่ชวนให้ผู้คนอยากสัมผัส

        กุ้ยหมัวมัวรออยู่ด้านนอก เมื่อไม่ได้ยินเสียงพลิกหน้ากระดาษของนายหญิง นางจึงวางงานในมือลงและหยิบเอาผ้าห่มจากด้านข้าง เตรียมเข้าไปห่มผ้าให้ฉู่เหลียน

        ทว่าเฮ่อฉางตี้ก็ก้าวเข้าเรือนมาด้วยสีหน้าอึมครึม เขาปลายตามองกุ้ยหมัวมัว ก่อนเดินตรงเข้าสู่ห้องนอน

        สายตาเย็นชาของเฮ่อฉางตี้ทำให้กุ้ยหมัวมัวหนาวสันหลัง นางคิดจะตามเข้าไปดู แต่ก็เกรงว่าเขาจะโกรธ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดทนกับความกังวลที่ผุดพรายและรอคอยอยู่ด้านนอก นางตั้งใจแอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้อง หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นจะได้รีบเข้าไปปกป้องนายหญิงสามของนางได้ทันท่วงที

        เฮ่อฉางตี้เอามือไพล่หลังเดินตรงไปที่เตียง เขาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะสังเกตเห็นร่างน้อย ๆ บนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง

        ในส่วนลึกของแววตาชายหนุ่มยังคงทอแววมืดครึ้มยิ่ง ความหล่อเหลาเย็นชาเปี่ยมไปด้วยรัศมีเยือกเย็น ดูราวกับภูเขาน้ำแข็งที่เดินได้ไม่มีผิด เขาเป็นคนละคนกับสามีผู้แสนดี ซื่อสัตย์ดั่งที่ในนิยายบรรยายไว้โดยสิ้นเชิง

        หากมีใครสักคนพยายามกล่าวว่าเฮ่อซานหลางเป็นสามีผู้หล่อเหลา อ่อนโยน และอ่อนหวาน ฉู่เหลียนต้องเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นประท้วงอย่างแน่นอน

        เพียงก้าวยาว ๆ ไม่กี่ก้าวของเขาก็สามารถเข้าประชิดเก้าอี้ที่มีสาวน้อยกำลังหลับไหลอยู่ สายตาเย็นชาเคลื่อนมองฉู่เหลียนอย่างเชื่องช้า

        ริ้วคลื่นปรากฏในดวงตาเย็นชาราวกับทะเลสาบกำลังจะถึงจุดเยือกแข็งอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเขามองเห็นภาพเบื้องหน้า

        ความรู้สึกมากมายที่ไม่ควรมีกำลังระเบิดอีกครา 

        เด็กสาววัยขบเผาะเบื้องหน้านั้นช่างตัวเล็กและบอบบางยิ่ง ศีรษะของนางพับอยู่บนท่อนแขนข้างหนึ่ง เส้นผมดำสนิทเริ่มหลุดรุ่ยและทิ้งตัวลงไปบนไหล่บอบบางกลมมน ขนตาของนางยาวและดำสนิทคล้ายพัดเล็ก ๆ สองอันที่คาดเงาเหนือดวงตา ผิวหน้าของนางนวลเนียนผุดผาดรับกับริมฝีปากชมพูระเรื่อราวกับกลีบบุปผาที่ขยับไหวเล็กน้อยตามแรงหายใจลึกยาว ตอนนี้นางคล้ายลูกแมวน้อยตัวหนึ่งที่กำลังหลับไหล ช่างเย้ายวนชวนให้ผู้พบเห็นต่างต้องอดกลั้นมิให้เข้าไปคว้านางเข้าสู่อ้อมกอด ลูบไล้ศีรษะน้อยอย่างอ่อนโยน และขับกล่อมนางด้วยเสียงหวานจับใจ

        เมื่อเห็นภาพฉู่เหลียนในสภาพไร้การป้องกันแล้ว ภาพเก่า ๆ ในอดีตก็ผุดพรายในใจของเฮ่อฉางตี้ราวกับห่าฝน

        เขาต้องยอมรับว่านางงดงามเหลือเกิน ด้วยความอ่อนเยาว์ของนาง แม้จะไม่ได้แต่งแต้มสิ่งใดบนใบหน้า ทว่านางก็ยังดูราวกับภาพวาดอันงดงามของจิตกรอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ไม่ปาน

        นี่อาจเป็นผลจากการเป็นนางเอกก็ได้!

        เฮ่อซานหลางใจลอยตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปชั่วขณะ แต่ทันทีที่ได้สติใบหน้าเขาพลันบิดเบี้ยวขึ้นอีกครา

        เขาก่นด่าตัวเองอย่างดุเดือด ตำหนิตนเองที่เพ้อเจ้อเรื่องสตรีปีศาจเบื้องหน้า เหตุใดจึงโง่งมถึงขั้นคิดว่านางเป็นคนดีที่ไร้อันตรายกัน?

        เฮ่อฉางตี้สูดลมหายใจเข้าลึก ให้อากาศเย็นยามค่ำปลุกตนเองให้ได้สติ เขาก้าวไปผลักฉู่เหลียนโดยแรงและกล่าวอย่างเย็นชา “ตื่น!”

        ฉู่เหลียนสะลึมสะลือและยังติดพันอยู่กับความฝันแสนสุขท่ามกลางอาหารแสนอร่อยในเทศกาลอาหารของโลกยุคปัจจุบัน เมื่อถูกเฮ่อซานหลางผลัก หนังสือในมือก็ร่วงหล่นลงพื้นดังตุ้บ นางขยี้ตาอย่างง่วงงุน และเอ่ยถามโดยไม่ทันสังเกตว่าผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายเป็นใคร “หมัวมัว ถึงเวลาทานข้าวหรือยัง? ข้าหิวแล้ว…”

        สีหน้าของเฮ่อฉางตี้สะท้อนความรู้สึกภายใน เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหลียน ใบหน้าเขาก็กลายเป็นสีดำครึ้มราวกับก้นหม้อ

        กิน กิน กิน! สตรีผู้นี้รู้จักแต่การกินทั้งวันทั้งคืน! สตรีแพศยานั่นกลายเป็นพวกเห็นแก่กินในชาตินี้ไปแล้วหรือ?

        “ยังคิดถึงอาหารอีกหรือ? ครัวไหม้หมดแล้ว! คืนนี้เจ้าอย่าคิดจะได้ทานอะไรเลย!” เฮ่อซานหลางสะกดกลั้นโทสะของตนไม่ได้ จึงตะโกนใส่นาง

        ทันทีที่ฉู่เหลียนได้ยินเสียงของเขา ความง่วงงุนก็ถูกความหวาดกลัวไล่ไปหมดสิ้น

        ฉู่เหลียนเหลือบตามองบุรุษร่างสูงด้านข้างด้วยดวงตากลมโตฉ่ำน้ำ

        ดวงตาดั่งผลชิ่งของนางยังคงชุ่มชื้นเพราะเพิ่งตื่นนอน ทั้งยังมีรอยแดงระเรื่อบนพวงแก้ม ดูไร้อันตรายโดยสิ้นเชิง เป็นเพียงเด็กสาวบอบบางคนหนึ่ง หากมีใครสักคนอย่างเฮ่อฉางตี้ที่พยายามจดรายกายสิ่งเลวร้ายที่นางจะทำในอนาคต คนอื่น ๆ ก็คงไม่มีวันเชื่อเป็นแน่ว่าสาวน้อยไร้พิษสงเช่นนี้จะกระทำการเลวร้ายอันใดได้

        หัวคิ้วของนางมุ่นเข้าหากันเมื่อมองใบหน้าเย็นชาของเขา นางดูเอื่อยเฉื่อยและเอนกายพิงเก้าอี้อีกครั้ง “สามี พวกบ่าวไพร่ในครัวใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง มีใครบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”

        น้ำเสียงของนางนุ่มละมุน ทว่าเมื่อเฮ่อซานหลางได้ยิน ความโมโหก็พลุ่งพล่านอีกครั้งอย่างไร้เหตุผล

        “เหอะ! ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้ดีอยู่แล้วหรือ ว่าใครบาดเจ็บหรือไม่?”

        สตรีแพศยาต้องเป็นผู้สั่งการให้คนวางเพลิงเผาครัวเป็นแน่! นางไม่รู้สึกว่าตนเองเสแสร้งไปหน่อยหรือจึงถามเช่นนั้น?

        ฉู่เหลียนรู้สึกประหลาดใจ นางพองแก้มราวกับกระรอก “นี่ ข้าไม่ใช่คนวางเพลิงเสียหน่อย ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า?”

        ในทางกลับกัน เฮ่อฉางตี้แค่นหายใจตอบ คำพูดของนางทำให้เขาเกรี้ยวกราด เขารู้สึกว่าตนคงไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับสตรีแพศยาเบื้องหน้านี้ต่อไปได้อีกแม้เพียงชั่วอึดใจ อกเขาสะท้านขึ้นลงจากแรงโมโหที่กรุ่นอยู่ภายใน ตอนนี้เขาต้องการแทงนางให้ตายเสียเดี๋ยวนี้!

        ฉู่เหลียนชินเสียแล้วกับท่าทีแปลก ๆ ของเฮ่อซานหลาง แม้นางจะรู้สึกได้ว่าเขาคอยจะดูถูกเหยียดหยามนางอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ทว่านอกจากคืนวันแต่งงานแล้ว เขาก็มิได้มีท่าทีเป็นศัตรูแต่อย่างใด จะมีก็แต่ท่าทีเย็นชาเช่นนี้

        นางไม่ใช่ฉู่เหลียนในต้นฉบับที่เต็มไปด้วยความละโมบ ทั้งยังไม่สนเซียวป๋อเจี้ยน ฉู่เหลียนคนนี้เพียงต้องการชีวิตที่เรียบง่าย แม้จะยังไม่รู้ว่าเหตุใดเฮ่อซานหลางถึงไม่ชอบนาง ทว่าตราบใดที่เขามิได้รบกวนความสะดวกสบายอันใด นางก็จะปล่อยเขาไป

        นับตั้งแต่นางทะลุมิติมายังยุคราชวงศ์อู่อย่างเป็นปริศนาและกลายเป็นนายหญิงของตระกูลขุนนาง ชีวิตของนางก็สุขสำราญปนเปไปกับชีวิตเฉื่อยแฉะเช่นนี้

        ส่วนเฮ่อฉางตี้นั้นก็คงต้องปล่อยเขาไว้กับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ นั่นแหละ จะไปโมโห ‘เด็กน้อย’ เจ้าอารมณ์ไปเพื่ออะไรเล่า?

        “สมปรารถนาเจ้าแล้วสิ ครัวใหญ่ล้วนไหม้จนหมดสิ้น แต่เดาว่าเจ้าคงไม่คาดว่าพี่สะใภ้จะไม่เป็นไรกระมัง เกรงว่าแผนร้ายของเจ้าจะล่มเสียแล้ว โอ… ข้าลืมบอกไป เกรงว่าแม่ครัวโจวจะไม่รอด ท่าทางเจ้าจะไม่มีวันได้ทานของว่างขึ้นชื่อของจวนจิ่งอันอีกต่อไปแล้ว!” เฮ่อซานหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

        ย้อนกลับไปตอนอยู่ที่โถงชิ่งสี่ เขาคิดว่าที่โจวซื่อเอ่ยว่าฉู่เหลียนช่วยชีวิตนางก็เพียงเพื่อให้ท่านย่าสบายใจเท่านั้น เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่านางปีศาจที่อยู่เบื้องหลังเพลิงไหม้จะเป็นผู้ช่วยชีวิตพี่สะใภ้ นอกเสียจากเขาจะเห็นมันด้วยสองตาของตนเอง!

        ฉู่เหลียนส่ายหน้าเล็กน้อย นางไม่รู้จริง ๆ ว่าในหัวของชายผู้นี้คิดอะไรอยู่ ให้ตายสิ หมอนี่เป็นโรควิตกจริตหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่านะ?

        นางไม่มีกระทั่งเวลาจะทำอาหารดี ๆ จริง ๆ ด้วยซ้ำ แล้วนางจะไปมีเวลาวางแผนการร้ายได้ยังไงเล่า?

        ซ้ำยังไม่ต้องเอ่ยถึงธุระมหาศาลของจวนจิ่งอัน การจัดการสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดจะไปน่าสนุกตรงไหนกัน?

        นางไม่มีความปรารถนาที่จะทำงานอันน่าเหนื่อยหน่ายเหล่านั้นแม้แต่น้อย นางยินดียก ‘เกียรติยศ’ นี้ให้แก่พี่สะใภ้ด้วยความเต็มใจยิ่ง

        ในชาติที่แล้วนางต้องทำงานหัวหกก้นขวิด แล้วมาตอนนี้สิ โอกาสครั้งเดียวในชีวิตมาถึงแล้ว นางก็จะขี้เกียจไปวัน ๆ นี่แหละ

        นางไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการเลื่อนตำแหน่งหรือหนี้สินอีกแล้ว แม้ที่นี่จะไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากการทำอาหารอร่อย ๆ และชมวิวไปวัน ๆ ก็ยังได้เงินเดือนอีก แถมเงินเดือนเยอะมากเสียด้วย จะมี ‘งาน’ ไหนสมบูรณ์แบบกว่านี้อีกหรือ?

        ฉู่เหลียนไม่กล่าวตอบและลุกจากเก้าอี้ จัดผมเผ้ายุ่งเหยิงให้เข้าทรง

        นางก้มศีรษะต่ำลงเล็กน้อยภายใต้แสงอ่อน ๆ จากโคมไฟสลัว ใบหน้านางเร้นอยู่ภายในเงาจนไม่อาจสังเกตได้ว่าตอนนี้สีหน้าของนางเป็นเช่นไร

        เฮ่อซานหลางคิดว่าในที่สุดตนก็มีชัยเหนือฉู่เหลียน และนางกำลังปิดซ่อนความหงุดหงิดนั้นอยู่ ทว่าโชคร้ายสำหรับนางที่เฮ่อซานหลางดูสบายใจอย่างออกหน้าออกตา ตราบใดที่แผนชั่วร้ายของหญิงสารเลวผู้นี้ไร้ผล เขาย่อมมีความสุข

        “ฮึ ฉู่เหลียน ข้าขอแนะนำเจ้าให้เลิกแผนการร้ายเสียตราบที่ยังทำได้ ที่นี่ไม่ใช่จวนจิ่งอันแบบเดิมอีกแล้ว! หางจิ้งจอกของเจ้าปรากฏชัดแล้ว ดังนั้นจงรีบเก็บมันเข้าไปเสีย!” เฮ่อฉางตี้รู้สึกราวกับว่าตนกล่าวตรงประเด็น จี้ใจดำนางได้ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไป

        ฉู่เหลียนลุกขึ้นยืน เอียงคอมองเขาเดินจากไป เมื่อไม่เห็นร่างของชายหนุ่มแล้ว นางก็พึมพำกับตัวเอง

        “เจ้าบ้าเอ๊ย”

        นางมีหางจิ้งจอกตั้งแต่เมื่อไรกัน? นางแค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปวัน ๆ ทำอาหารดี ๆ ยกระดับความเป็นอยู่ของตนเท่านั้น แต่เขานั่นแหละ เอาแต่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางทั้งที่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด!

        เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?

        เสียดายความหล่อระดับพระเจ้านั่นจริง ๆ นะ!

        ใจดำเป็นบ้า!

        เฮ่อฉางตี้เดินออกจากห้องนอนอย่างเย็นชา กุ้ยหมัวมัวที่ยืนรออยู่หน้าประตูกล่าวทักทายเขาอย่างหวาดหวั่น ทว่าเขามิได้มองนางแม้แต่น้อย และมุ่งไปยังห้องหนังสือ

        เมื่อเดินมาถึงทางเดิน ก็เห็นไหลเยว่เดินนำหญิงรับใช้สองนางเข้ามาในเรือน

        เฮ่อซานหลางหยุดพวกเขาแล้วเอ่ยถาม “พวกเจ้าจะเร่งรีบไปที่ใดกัน? ”

        เมื่อได้ยินน้ำเสียงของผู้เป็นนาย ไหลเยว่ก็ทราบได้ทันทีว่าเขาอารมณ์ไม่ดีนัก จึงมิกล้าชักช้าให้มากความ เร่งรีบอธิบาย “เฮ่อเหล่าไท่จวินสั่งหญิงรับใช้เหล่านี้ให้มาส่งอาหารค่ำขอรับ” เมื่อกล่าวแล้ว ไหลเยว่ก็ขยับไปด้านข้างให้นายน้อยของเขาได้เห็นหญิงรับใช้สองนางได้ชัดเจนขึ้น สาวใช้ทั้งสองกำลังถือกล่องใส่อาหารที่ประดับประดาอย่างงดงาม

        พูดถึงอาหารค่ำก็ทำให้เฮ่อซานหลางนึกถึงฉู่เหลียนที่ถามถึงอาหารทันทีที่ตื่น สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์

        “นำไปไว้ที่ห้องหนังสือข้า” เฮ่อฉางตี้สั่งอย่างเย็นชา

        ไหลเยว่สะอึกก่อนกระซิบถาม “เอ๊ะ คุณชาย ท่านไม่ทานในห้องรับแขกหรือ? ห้อง… ห้องหนังสือมิใช่สถานที่ทานอาหารนะขอรับ…”

        เมื่อไหลเยว่เอ่ยจบก็รู้สึกได้ถึงสายตาเย็นชาที่จับจ้องตน เขาจึงหันไปเร่งสั่งหญิงรับใช้ด้านหลัง “ไม่ได้ยินที่คุณชายสั่งหรือ? รีบไปที่ห้องหนังสือเร็วเข้า!”

        หญิงรับใช้ทั้งสองนางก้มหน้าลงลอบส่งสายตาให้กัน พวกนางไม่เข้าใจว่าคุณชายสามจะทำอะไร แต่อย่างไรพวกนางก็เป็นเพียงบ่าว จึงทำได้เพียงเชื่อฟัง

        ทั้งคู่ตัวสั่นระริกอย่างหวาดกลัวเมื่อต้องส่งอาหารไปยังห้องหนังสือ

        ไหลเยว่ขยับเข้าไปด้านข้างเฮ่อฉางตี้ “คุณชายขอรับ ยังมีอาหารสดอยู่ตรงนี้ จะให้เอาไปไว้ที่ไหนดีขอรับ? นายหญิงใหญ่กล่าวว่าพรุ่งนี้พวกนางจะวุ่นวายแต่เช้า อาจทำให้ส่งอาหารช้ากว่าปกติ นางจึงส่งวัตถุดิบมาแทนขอรับ”

 

                                                             ————————

                         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+