[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 28 พูดเปิดใจ

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 28 พูดเปิดใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อฉู่เหลียนตรวจดูใบรายการสินเดิมเสร็จแล้ว นางจึงม้วนกลับเช่นเดิมแล้วนำมาเคาะลงบนฝ่ามืออีกข้างหนึ่งเหมือนกับกำลังใช้ความคิด ก่อนที่จะเอ่ยปากถาม “หมัวมัว ข้าจำไม่ได้เสียแล้ว…ในสินเดิมข้ามีเงินทองบ้างหรือไม่?” 

        กุ้ยหมัวมัวลอบมองนางอย่างระมัดระวัง เกรงฉู่เหลียนจะเข้าใจผิด และกล่าวด้วยเสียงเรียบ “ย่อมมีเจ้าค่ะ! เหตุใดจะไม่มีเล่า?” 

        เนื่องจากคุณหนูหกไม่พอใจกับการจับคู่แต่งงานครั้งนี้ ในวันแต่งงาน กุ้ยหมัวมัวจึงได้เก็บตั๋วแลกเงินที่ฮูหยินภริยาซื่อจื่อแห่งจวนอิ้งส่งมอบให้เอาไว้ เมื่อฉู่เหลียนแต่งออกมาแล้ว กุ้ยหมัวมัวที่สับสนและตกใจในพฤติกรรมแปลกประหลาดของทั้งนายหญิงสามและคุณชายสาม จึงลืมสิ้นถึงเงินทองที่นางต้องดูแล

        ทางด้านฉู่เหลียนที่ตอนนี้รู้สึกดีใจยิ่งนัก เพราะในที่สุดก็มีสิ่งที่ไม่ทำให้นางผิดหวังเกิดขึ้นบ้างแล้ว นางจึงถามอย่างเร่งร้อน “เท่าไหร่?” 

        กุ้ยหมัวมัวรู้สึกกดดันเล็กน้อยจากการถูกเพ่งเล็งเช่นนี้ นางจึงยกนิ้วขึ้นห้านิ้วอย่างกระอักกระอ่วน

        ฉู่เหลียนกลับยิ้มตอบ “ห้าร้อยตำลึงหรือ?” 

        กุ้ยหมัวมัวเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง นางมิได้คาดว่าฉู่เหลียนจะเดาถูก มิใช่ว่าบุตรีขุนนางส่วนมากจะคาดเดาเป็นห้าพันตำลึงหรอกหรือ? 

        เห็นฉู่เหลียนยิ้มอย่างมีความสุขกับเงินเพียงเท่านี้ ใจฉีเยี่ยนก็รวดร้าวแทนผู้เป็นนาย

        แม้จวนอิ้งกั๋วกงจะมิได้ประสบความสำเร็จใดและดูคล้ายจะมีดีเพียงแค่เปลือก ทว่าอูฐที่ผอมโซย่อมตัวใหญ่กว่าม้า ยามบุตรีสายตรงอย่างคุณหนูสี่ที่แต่งออก ซ้ำยังเป็นบุตรีคนโปรดของฮูหยิน นางจึงได้รับสินเดิมถึงหนึ่งพันตำลึงเงิน! 

        คุณหนูหก นายหญิงของพวกนางก็เป็นบุตรสายตรงของจวนอิ้งเช่นกัน ทว่ากลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

        “คุณหนูหก…” ฉีเยี่ยนร้องเรียกเสียงเบา

        ทุกคราที่คนเรียกนางด้วยเสียงเช่นนี้ย่อมคล้ายว่าจวนจะร่ำไห้ ฉู่เหลียนทราบว่าฉีเยี่ยนคงกำลังเสียใจกับสถานะและความเป็นอยู่ของนางโดยไม่สามารถมองเรื่องนี้ในแง่ดีได้

        ดังนั้นฉู่เหลียนจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสและอ่อนโยนยิ่ง “เสียใจเรื่องอะไรกัน? ห้าร้อยตำลึงก็มิใช่จำนวนน้อยนิดเสียหน่อย ครอบครัวที่มีกันสามคน ใช้เงินสิบตำลึงยังอยู่ได้ทั้งปี! นอกจากนี้ท่านแม่ข้าด่วนจากไปตั้งแต่ข้ายังเล็ก คิดว่าบุตรีที่ไร้มารดาจะได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกับบุตรที่มีมารดาหรือ? แม้สินเดิมของข้าจะน้อยไปเสียหน่อย แต่ก็ยังได้แต่งกับสามีที่ดีมิใช่หรือ? ข้ายอมรับได้ตั้งนานแล้ว พวกเจ้ายังรับกันไม่ได้อีกหรือ? อีกประการหนึ่ง ใครจะสนกันหากมีเงินมากน้อยกว่านี้? เราก็แค่หาเงินเพื่อตัวเองเท่านั้น! ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดแก้ไขง่ายไปกว่าปัญหาเงินทองแล้ว!” 

        ในถ้อยคำของฉู่เหลียนเต็มไปด้วยความตั้งมั่นอันแรงกล้า นางสามารถยืนหยัดอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและผู้คนที่มีแต่ความบิดเบี้ยวได้ แล้วโลกที่เรียบง่ายอย่างในยุคราชวงศ์อู่นี้จะเป็นปัญหาอะไร

        ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณต้องรู้จักจัดการความเครียดของตัวเองให้ได้เสียก่อน นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงฉลาดควรรู้เอาไว้

        กุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนตัวสั่นสะท้านด้วยคำพูดของผู้เป็นนาย แต่ด้วยความที่กุ้ยหมัวมัวนั้นทั้งอายุและประสบการณ์มากกว่าฉีเยี่ยนจึงเรียกเอาสติของตัวเองให้กลับมาได้เร็วกว่า นางรีบพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อได้เห็นดอกไม้น้อยแสนงามนี้เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง และเบ่งบานเป็นดอกไม้งามส่งกลิ่นหอมละมุน บัดนี้ฉู่เหลียนมิใช่เมล็ดพันธุ์อันแสนโดดเดี่ยวที่ติดอยู่ท่ามกลางหนองน้ำอีกต่อไป

        ฉีเยี่ยนยังคงนิ่งงัน เสียงอ่อนหวานของฉู่เหลียนยังสั่นสะท้อนก้องในหู ‘ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดแก้ไขง่ายไปกว่าปัญหาเงินทองแล้ว!’ 

        ช่างอหังการและมั่นใจนัก ในโลกนี้มีผู้คนตั้งเท่าไรที่นำชีวิตตนไปเสี่ยง–ถึงขั้นนำชีวิตไปทิ้ง—เพียงเพื่อเหรียญทองแดงสกปรก ๆ ไม่กี่เหรียญ คำกล่าวที่ว่า ‘ทุกคนล้วนทำงานเพื่อเงิน’ ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอย ๆ 

        ฉีเยี่ยนมองเห็นภาพฉู่เหลียนที่ตัวโปร่งแสง และมีรัศมีสีขาวเปล่งประกายรอบตัวคล้ายกับนางคือพระเจ้าที่ได้รับความนับถือจากมนุษย์ทุกคน นางยังรู้สึกตัวว่านายหญิงจ้องมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน ทันใดนั้นความปลอดโปร่งก็ประดังประเดเข้ามา ความโศกเศร้าจากความอยุติธรรมที่ได้รับจากจวนอิ้งล้วนสลายกลายเป็นผุยผง

        “เจ้าค่ะ เช่นที่ท่านกล่าว บ่าวผู้นี้เชื่อฟังคุณหนูหกเสมอ” 

        ฉู่เหลียนโคลงศีรษะ เมื่อเห็นฉีเยี่ยนยิ้มกว้างอย่างสดใส เผยลักยิ้มน่ารักที่สองข้างแก้มแล้ว ฉู่เหลียนก็รู้สึกมีความสุขไปกับนางด้วย

        เด็กคนนี้มีปัญหาอยู่ในใจ หากนางปล่อยวางไปได้เช่นวันนี้ นางก็คงไม่ตายอย่างเปล่าประโยชน์ดังเช่นที่ทำไปเพื่อ ‘ฉู่เหลียน’ คนนั้นแล้ว! 

        “เอาล่ะ ตอนนี้ดูเสร็จแล้ว เราก็กลับกันเถอะ!” ฉู่เหลียนลุกขึ้นเดินนำทั้งกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนกลับสู่เรือนซงเถา

        เมื่อกลับมาถึงเรือนแล้ว กุ้ยหมัวมัวก็ส่งถุงใส่ตั๋วแลกเงินให้แก่ฉู่เหลียนด้วยสองมือ “นายหญิงสาม นี่คือเงินที่ฮูหยินที่จวนมอบให้บ่าวเก็บไว้ให้ท่านในวันแต่งงานเจ้าค่ะ” 

        ฉู่เหลียนรับถุงเงินมาเปิดดู ในนั้นมีตั๋วแลกเงินใบละ 100 ตำลึงอยู่ห้าใบ ทุกใบล้วนออกโดยร้านแลกเงินต้าถง

        นางหยิบตั๋วแลกเงินใบหนึ่งขึ้นมาส่งให้กุ้ยหมัวมัว “หมัวมัว เก็บเงินร้อยตำลึงนี่ไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ที่เหลือข้าจะเก็บเอาไว้เอง” 

        กุ้ยหมัวมัวโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่ “ไม่เจ้าค่ะ! นี่เป็นสินเดิมของนายหญิงสาม บ่าวจะกล้าเก็บเอาไว้กับตัวได้อย่างไร? สบายใจเถิดเจ้าค่ะ อยู่จวนนี้มีหรือจะต้องใช้จ่ายเงิน ย่อมไม่มีเหตุด่วนใดแน่เจ้าค่ะ”  กล่าวจบหางตานางก็แดงก่ำ หวนคิดถึงยามอยู่จวนอิ้ง คุณหนูหกมักเก็บซ่อนเงินทองไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า เกรงเหลือเกินว่าบ่าวไพร่ต่ำต้อยจะหาพบแล้วขโมยไป แม้กุ้ยหมัวมัวจะมิได้มีความคิดต่อต้านฉู่เหลียน ทว่าอดมิได้ให้รู้สึกห่างเหิน แม้จะใกล้ชิดเพียงใด ท้ายที่สุดพวกนางก็ยังเป็นเพียงนายและบ่าว ความบาดหมางใด ๆ ล้วนเป็นสิ่งเลวร้าย

        ฉู่เหลียนยิ้ม แน่นอนนางเดาออกว่ากุ้ยหมัวมัวคิดอะไรอยู่ นางลอบเม้มปากด่า ‘ฉู่เหลียน’ คนเดิมอยู่ในใจว่าออกจะโง่เง่าเกินไปหน่อยหรือไม่

        ไม่ว่ากุ้ยหมัวมัวจะพยายามปฏิเสธเงินจำนวนนี้อย่างไร ฉู่เหลียนก็ยังบังคับเอาตั๋วแลกเงินยัดใส่มือบ่าวชราอยู่ดี “หมัวมัวเก็บไว้เถอะ เจ้าไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเงินในมืออยู่บ้างดีกว่าไม่มีเลย ในโลกนี้หลายปัญหาที่แก้ไขได้ด้วยเงิน มิหนำซ้ำข้ายังมีเงินติดตัวอีกตั้งสี่ร้อยตำลึง ท้ายที่สุดข้าก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางได้บ้างแล้ว เงินอยู่ในมือ ถึงอย่างไรก็ต้องใช้ออก เหตุใดจะต้องคิดว่าใครจะเป็นผู้เก็บเล่า? หมัวมัว ในอดีตข้าใจแคบเกินไป เป็นความผิดข้าเอง อย่าได้ใส่ใจอีกเลย” 

        ได้ยินดังนั้นกุ้ยหมัวมัวก็สะกดกลั้นอารมณ์ต่อไปมิได้ หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม เสียงสะอื้นดังลอดออกมา ในมือนางยังคงกำตั๋วแลกเงินแผ่นบางไว้แน่น แต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะกล่าวสิ่งใด จึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับนายของตน บ่าวไพร่คนใดที่รับใช้นายด้วยใจ ล้วนต้องการได้รับความเชื่อมั่น ยามนี้นางได้รับความไว้วางใจจากฉู่เหลียนแล้ว ความชอกช้ำในอดีตที่นางเฝ้าอดทนมาล้วนคุ้มค่าทั้งสิ้น

        กุ้ยหมัวมัวกล่าวกับตัวเองอยู่ในใจ ‘ฮูหยิน ท่านเห็นหรือไม่เจ้าคะ? คุณหนูยามนี้เติบใหญ่แล้ว ท่านคงสู่สุคติได้แล้วกระมัง’ 

        ฉู่เหลียนเห็นกุ้ยหมัวมัวสูญเสียการควบคุม นางยังต้องการปลุกปลอบใจให้คนรู้สึกดีขึ้น จึงก้าวเข้าไปใกล้และกล่าวต่อกุ้ยหมัวมัวที่ยามนี้น้ำตานองหน้า นางยิ้มน้อย ๆ ให้บ่าวตรงหน้า ดวงตาหรี่ลงเป็นวงพระจันทร์ “ทำไมหรือ? หมัวมัวคิดว่าข้าให้น้อยไปหรือไม่? รอข้าหาเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อนเถอะ! ข้าจะให้เจ้านับตั๋วแลกเงินเสียจนเจ็บมือเลยทีเดียว!” 

        กุ้ยหมัวมัวพลันหัวเราะคิกคักออกมา นางมองฉู่เหลียนที่หยอกล้อตน “นายหญิงสามช่างมีลิ้นเป็นเงินโดยแท้!” 

        “คำพูดข้าล้วนยืนยันได้ด้วยผลลัพธ์! หมัวมัวไม่เชื่อข้าหรือ?” 

        “เชื่อเจ้าค่ะ! บ่าวชราผู้นี้เชื่อท่านที่สุด!” 

        “เฮะเฮะ” 

        กุ้ยหมัวมัวมองดอกไม้น้อยดอกงามเบื้องหน้า รู้สึกราวกับถูกปลดเปลื้องทุกความเจ็บปวด นางรู้สึกโล่งอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในอดีตคุณหนูหกมักเศร้าซึมอยู่เสมอ ทว่าคุณหนูหกยามนี้ดูสดสวยราวกับหยกชิ้นงามที่ปราศจากรอยตำหนิ นางเปล่งประกายอบอุ่นอ่อนโยน และเป็นที่น่าดึงดูดใจยิ่งนัก ส่วนเรื่องที่คุณหนูหกโอ้อวดว่าจะหาเงินได้หรือไม่นั้นจะสำคัญอย่างไรเล่า? ตราบใดที่พวกนางยังได้อยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้ นางก็พอใจแล้ว

 

                                                              ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 28 พูดเปิดใจ

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 28 พูดเปิดใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อฉู่เหลียนตรวจดูใบรายการสินเดิมเสร็จแล้ว นางจึงม้วนกลับเช่นเดิมแล้วนำมาเคาะลงบนฝ่ามืออีกข้างหนึ่งเหมือนกับกำลังใช้ความคิด ก่อนที่จะเอ่ยปากถาม “หมัวมัว ข้าจำไม่ได้เสียแล้ว…ในสินเดิมข้ามีเงินทองบ้างหรือไม่?” 

        กุ้ยหมัวมัวลอบมองนางอย่างระมัดระวัง เกรงฉู่เหลียนจะเข้าใจผิด และกล่าวด้วยเสียงเรียบ “ย่อมมีเจ้าค่ะ! เหตุใดจะไม่มีเล่า?” 

        เนื่องจากคุณหนูหกไม่พอใจกับการจับคู่แต่งงานครั้งนี้ ในวันแต่งงาน กุ้ยหมัวมัวจึงได้เก็บตั๋วแลกเงินที่ฮูหยินภริยาซื่อจื่อแห่งจวนอิ้งส่งมอบให้เอาไว้ เมื่อฉู่เหลียนแต่งออกมาแล้ว กุ้ยหมัวมัวที่สับสนและตกใจในพฤติกรรมแปลกประหลาดของทั้งนายหญิงสามและคุณชายสาม จึงลืมสิ้นถึงเงินทองที่นางต้องดูแล

        ทางด้านฉู่เหลียนที่ตอนนี้รู้สึกดีใจยิ่งนัก เพราะในที่สุดก็มีสิ่งที่ไม่ทำให้นางผิดหวังเกิดขึ้นบ้างแล้ว นางจึงถามอย่างเร่งร้อน “เท่าไหร่?” 

        กุ้ยหมัวมัวรู้สึกกดดันเล็กน้อยจากการถูกเพ่งเล็งเช่นนี้ นางจึงยกนิ้วขึ้นห้านิ้วอย่างกระอักกระอ่วน

        ฉู่เหลียนกลับยิ้มตอบ “ห้าร้อยตำลึงหรือ?” 

        กุ้ยหมัวมัวเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง นางมิได้คาดว่าฉู่เหลียนจะเดาถูก มิใช่ว่าบุตรีขุนนางส่วนมากจะคาดเดาเป็นห้าพันตำลึงหรอกหรือ? 

        เห็นฉู่เหลียนยิ้มอย่างมีความสุขกับเงินเพียงเท่านี้ ใจฉีเยี่ยนก็รวดร้าวแทนผู้เป็นนาย

        แม้จวนอิ้งกั๋วกงจะมิได้ประสบความสำเร็จใดและดูคล้ายจะมีดีเพียงแค่เปลือก ทว่าอูฐที่ผอมโซย่อมตัวใหญ่กว่าม้า ยามบุตรีสายตรงอย่างคุณหนูสี่ที่แต่งออก ซ้ำยังเป็นบุตรีคนโปรดของฮูหยิน นางจึงได้รับสินเดิมถึงหนึ่งพันตำลึงเงิน! 

        คุณหนูหก นายหญิงของพวกนางก็เป็นบุตรสายตรงของจวนอิ้งเช่นกัน ทว่ากลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

        “คุณหนูหก…” ฉีเยี่ยนร้องเรียกเสียงเบา

        ทุกคราที่คนเรียกนางด้วยเสียงเช่นนี้ย่อมคล้ายว่าจวนจะร่ำไห้ ฉู่เหลียนทราบว่าฉีเยี่ยนคงกำลังเสียใจกับสถานะและความเป็นอยู่ของนางโดยไม่สามารถมองเรื่องนี้ในแง่ดีได้

        ดังนั้นฉู่เหลียนจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสและอ่อนโยนยิ่ง “เสียใจเรื่องอะไรกัน? ห้าร้อยตำลึงก็มิใช่จำนวนน้อยนิดเสียหน่อย ครอบครัวที่มีกันสามคน ใช้เงินสิบตำลึงยังอยู่ได้ทั้งปี! นอกจากนี้ท่านแม่ข้าด่วนจากไปตั้งแต่ข้ายังเล็ก คิดว่าบุตรีที่ไร้มารดาจะได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกับบุตรที่มีมารดาหรือ? แม้สินเดิมของข้าจะน้อยไปเสียหน่อย แต่ก็ยังได้แต่งกับสามีที่ดีมิใช่หรือ? ข้ายอมรับได้ตั้งนานแล้ว พวกเจ้ายังรับกันไม่ได้อีกหรือ? อีกประการหนึ่ง ใครจะสนกันหากมีเงินมากน้อยกว่านี้? เราก็แค่หาเงินเพื่อตัวเองเท่านั้น! ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดแก้ไขง่ายไปกว่าปัญหาเงินทองแล้ว!” 

        ในถ้อยคำของฉู่เหลียนเต็มไปด้วยความตั้งมั่นอันแรงกล้า นางสามารถยืนหยัดอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและผู้คนที่มีแต่ความบิดเบี้ยวได้ แล้วโลกที่เรียบง่ายอย่างในยุคราชวงศ์อู่นี้จะเป็นปัญหาอะไร

        ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณต้องรู้จักจัดการความเครียดของตัวเองให้ได้เสียก่อน นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงฉลาดควรรู้เอาไว้

        กุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนตัวสั่นสะท้านด้วยคำพูดของผู้เป็นนาย แต่ด้วยความที่กุ้ยหมัวมัวนั้นทั้งอายุและประสบการณ์มากกว่าฉีเยี่ยนจึงเรียกเอาสติของตัวเองให้กลับมาได้เร็วกว่า นางรีบพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อได้เห็นดอกไม้น้อยแสนงามนี้เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง และเบ่งบานเป็นดอกไม้งามส่งกลิ่นหอมละมุน บัดนี้ฉู่เหลียนมิใช่เมล็ดพันธุ์อันแสนโดดเดี่ยวที่ติดอยู่ท่ามกลางหนองน้ำอีกต่อไป

        ฉีเยี่ยนยังคงนิ่งงัน เสียงอ่อนหวานของฉู่เหลียนยังสั่นสะท้อนก้องในหู ‘ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดแก้ไขง่ายไปกว่าปัญหาเงินทองแล้ว!’ 

        ช่างอหังการและมั่นใจนัก ในโลกนี้มีผู้คนตั้งเท่าไรที่นำชีวิตตนไปเสี่ยง–ถึงขั้นนำชีวิตไปทิ้ง—เพียงเพื่อเหรียญทองแดงสกปรก ๆ ไม่กี่เหรียญ คำกล่าวที่ว่า ‘ทุกคนล้วนทำงานเพื่อเงิน’ ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอย ๆ 

        ฉีเยี่ยนมองเห็นภาพฉู่เหลียนที่ตัวโปร่งแสง และมีรัศมีสีขาวเปล่งประกายรอบตัวคล้ายกับนางคือพระเจ้าที่ได้รับความนับถือจากมนุษย์ทุกคน นางยังรู้สึกตัวว่านายหญิงจ้องมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน ทันใดนั้นความปลอดโปร่งก็ประดังประเดเข้ามา ความโศกเศร้าจากความอยุติธรรมที่ได้รับจากจวนอิ้งล้วนสลายกลายเป็นผุยผง

        “เจ้าค่ะ เช่นที่ท่านกล่าว บ่าวผู้นี้เชื่อฟังคุณหนูหกเสมอ” 

        ฉู่เหลียนโคลงศีรษะ เมื่อเห็นฉีเยี่ยนยิ้มกว้างอย่างสดใส เผยลักยิ้มน่ารักที่สองข้างแก้มแล้ว ฉู่เหลียนก็รู้สึกมีความสุขไปกับนางด้วย

        เด็กคนนี้มีปัญหาอยู่ในใจ หากนางปล่อยวางไปได้เช่นวันนี้ นางก็คงไม่ตายอย่างเปล่าประโยชน์ดังเช่นที่ทำไปเพื่อ ‘ฉู่เหลียน’ คนนั้นแล้ว! 

        “เอาล่ะ ตอนนี้ดูเสร็จแล้ว เราก็กลับกันเถอะ!” ฉู่เหลียนลุกขึ้นเดินนำทั้งกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนกลับสู่เรือนซงเถา

        เมื่อกลับมาถึงเรือนแล้ว กุ้ยหมัวมัวก็ส่งถุงใส่ตั๋วแลกเงินให้แก่ฉู่เหลียนด้วยสองมือ “นายหญิงสาม นี่คือเงินที่ฮูหยินที่จวนมอบให้บ่าวเก็บไว้ให้ท่านในวันแต่งงานเจ้าค่ะ” 

        ฉู่เหลียนรับถุงเงินมาเปิดดู ในนั้นมีตั๋วแลกเงินใบละ 100 ตำลึงอยู่ห้าใบ ทุกใบล้วนออกโดยร้านแลกเงินต้าถง

        นางหยิบตั๋วแลกเงินใบหนึ่งขึ้นมาส่งให้กุ้ยหมัวมัว “หมัวมัว เก็บเงินร้อยตำลึงนี่ไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ที่เหลือข้าจะเก็บเอาไว้เอง” 

        กุ้ยหมัวมัวโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่ “ไม่เจ้าค่ะ! นี่เป็นสินเดิมของนายหญิงสาม บ่าวจะกล้าเก็บเอาไว้กับตัวได้อย่างไร? สบายใจเถิดเจ้าค่ะ อยู่จวนนี้มีหรือจะต้องใช้จ่ายเงิน ย่อมไม่มีเหตุด่วนใดแน่เจ้าค่ะ”  กล่าวจบหางตานางก็แดงก่ำ หวนคิดถึงยามอยู่จวนอิ้ง คุณหนูหกมักเก็บซ่อนเงินทองไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า เกรงเหลือเกินว่าบ่าวไพร่ต่ำต้อยจะหาพบแล้วขโมยไป แม้กุ้ยหมัวมัวจะมิได้มีความคิดต่อต้านฉู่เหลียน ทว่าอดมิได้ให้รู้สึกห่างเหิน แม้จะใกล้ชิดเพียงใด ท้ายที่สุดพวกนางก็ยังเป็นเพียงนายและบ่าว ความบาดหมางใด ๆ ล้วนเป็นสิ่งเลวร้าย

        ฉู่เหลียนยิ้ม แน่นอนนางเดาออกว่ากุ้ยหมัวมัวคิดอะไรอยู่ นางลอบเม้มปากด่า ‘ฉู่เหลียน’ คนเดิมอยู่ในใจว่าออกจะโง่เง่าเกินไปหน่อยหรือไม่

        ไม่ว่ากุ้ยหมัวมัวจะพยายามปฏิเสธเงินจำนวนนี้อย่างไร ฉู่เหลียนก็ยังบังคับเอาตั๋วแลกเงินยัดใส่มือบ่าวชราอยู่ดี “หมัวมัวเก็บไว้เถอะ เจ้าไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเงินในมืออยู่บ้างดีกว่าไม่มีเลย ในโลกนี้หลายปัญหาที่แก้ไขได้ด้วยเงิน มิหนำซ้ำข้ายังมีเงินติดตัวอีกตั้งสี่ร้อยตำลึง ท้ายที่สุดข้าก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางได้บ้างแล้ว เงินอยู่ในมือ ถึงอย่างไรก็ต้องใช้ออก เหตุใดจะต้องคิดว่าใครจะเป็นผู้เก็บเล่า? หมัวมัว ในอดีตข้าใจแคบเกินไป เป็นความผิดข้าเอง อย่าได้ใส่ใจอีกเลย” 

        ได้ยินดังนั้นกุ้ยหมัวมัวก็สะกดกลั้นอารมณ์ต่อไปมิได้ หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม เสียงสะอื้นดังลอดออกมา ในมือนางยังคงกำตั๋วแลกเงินแผ่นบางไว้แน่น แต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะกล่าวสิ่งใด จึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับนายของตน บ่าวไพร่คนใดที่รับใช้นายด้วยใจ ล้วนต้องการได้รับความเชื่อมั่น ยามนี้นางได้รับความไว้วางใจจากฉู่เหลียนแล้ว ความชอกช้ำในอดีตที่นางเฝ้าอดทนมาล้วนคุ้มค่าทั้งสิ้น

        กุ้ยหมัวมัวกล่าวกับตัวเองอยู่ในใจ ‘ฮูหยิน ท่านเห็นหรือไม่เจ้าคะ? คุณหนูยามนี้เติบใหญ่แล้ว ท่านคงสู่สุคติได้แล้วกระมัง’ 

        ฉู่เหลียนเห็นกุ้ยหมัวมัวสูญเสียการควบคุม นางยังต้องการปลุกปลอบใจให้คนรู้สึกดีขึ้น จึงก้าวเข้าไปใกล้และกล่าวต่อกุ้ยหมัวมัวที่ยามนี้น้ำตานองหน้า นางยิ้มน้อย ๆ ให้บ่าวตรงหน้า ดวงตาหรี่ลงเป็นวงพระจันทร์ “ทำไมหรือ? หมัวมัวคิดว่าข้าให้น้อยไปหรือไม่? รอข้าหาเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อนเถอะ! ข้าจะให้เจ้านับตั๋วแลกเงินเสียจนเจ็บมือเลยทีเดียว!” 

        กุ้ยหมัวมัวพลันหัวเราะคิกคักออกมา นางมองฉู่เหลียนที่หยอกล้อตน “นายหญิงสามช่างมีลิ้นเป็นเงินโดยแท้!” 

        “คำพูดข้าล้วนยืนยันได้ด้วยผลลัพธ์! หมัวมัวไม่เชื่อข้าหรือ?” 

        “เชื่อเจ้าค่ะ! บ่าวชราผู้นี้เชื่อท่านที่สุด!” 

        “เฮะเฮะ” 

        กุ้ยหมัวมัวมองดอกไม้น้อยดอกงามเบื้องหน้า รู้สึกราวกับถูกปลดเปลื้องทุกความเจ็บปวด นางรู้สึกโล่งอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในอดีตคุณหนูหกมักเศร้าซึมอยู่เสมอ ทว่าคุณหนูหกยามนี้ดูสดสวยราวกับหยกชิ้นงามที่ปราศจากรอยตำหนิ นางเปล่งประกายอบอุ่นอ่อนโยน และเป็นที่น่าดึงดูดใจยิ่งนัก ส่วนเรื่องที่คุณหนูหกโอ้อวดว่าจะหาเงินได้หรือไม่นั้นจะสำคัญอย่างไรเล่า? ตราบใดที่พวกนางยังได้อยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้ นางก็พอใจแล้ว

 

                                                              ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                            https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+