[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 36 ขออีกถ้วย

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 36 ขออีกถ้วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่ออ่านจดหมายจากสามีที่รักจบ ฉู่เหลียนโกรธจนแทบระเบิด แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ให้แอบขำอยู่ในใจ 

        เฮ่อฉางตี้เคยเห็นนางแหกกฎการเป็นภรรยาที่ดีอยู่ในศีลธรรมอะไรนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? สิ่งนั้นเขียนไว้บนหน้าผากนางหรืออย่างไร? อู้ว…  นางสับสนไปหมดแล้ว!

        นางไม่ได้คาดว่าเขาจะทิ้งจดหมายหวาน ๆ ไว้ให้หรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเตือนอะไรแบบนี้เลยใช่ไหมเล่า? ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว!

        ฉู่เหลียนรู้สึกเหมือนไอเดือดจากความโมโหกำลังแล่นออกจากทุกรูขุมขน นางโบกมือให้จงหมัวมัวและสาวใช้อีกสองนาง “ในเมื่อสามีส่งพวกเจ้ามาที่นี่…กุ้ยหมัวมัว เจ้าช่วยพวกนางหาที่พักเถิด”

        อ๋า? จะปล่อยพวกนางไปเช่นนี้เลยหรือ?

        จงหมัวมัวเก็บมุมปากที่กระตุกขึ้นกลับอย่างรวดเร็วและรีบเงยหน้ามองฉู่เหลียน ใบหน้าอ่อนเยาว์นุ่มนวลนั้นดูก็รู้ว่ากำลังโมโหอยู่เป็นแน่ ทว่านายหญิงสามกลับดูมิได้คิดเป็นอื่นอีก

        นางอดมิได้ให้คิดกับตนเอง ‘นี่ไม่ถูกต้อง หากเป็นนายหญิงแต่งใหม่บ้านอื่น แค่พบว่าสามีไม่เชื่อใจ พวกนางย่อมวิ่งไปฟ้องแม่สามีเพื่อให้รู้ว่าตนเสียใจเพียงใด’

        ทว่าสิ่งที่นายหญิงสามคนนี้ทำมีเพียงพองแก้มอย่างโมโห แล้วก็ลืมเรื่องที่ชวนหงุดหงิดเบื้องหน้าไปเสียหมดเช่นนั้นหรือ?

        นางยังไร้เดียงสาเกินไปหรือเป็นคนไม่ถือโทษผู้อื่นอยู่แล้วกันแน่นะ?

        “จงหมัวมัว เชิญทางนี้” ยามนี้กุ้ยหมัวมัวทราบแล้วว่าเหตุใดจงหมัวมัวจึงมาอยู่ที่นี่ แม้น้ำเสียงจะฟังดูสุภาพ แต่กลับเสมือนมีเส้นแบ่งเขตแดนขีดคั่นกลางอยู่ในใจ

        จงหมัวมัวทำได้เพียงผงกหัวทักทายอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามกุ้ยหมัวมัวไป โดยนำเวิ่นฉิงและเวิ่นหลานตามออกไปด้วย

        กุ้ยหมัวมัวจัดให้จงหมัวมัวพักในห้องที่อยู่ติดกันกับตน ส่วนเวิ่นฉิงกับเวิ่นหลานพักในห้องส่วนตัวที่ติดกับสาวใช้ส่วนตัวคนอื่น ๆ

        ฉู่เหลียนมองตามเวิ่นฉิงและเวิ่นหลานที่เดินจากไปโดยไม่รู้ตัว เห็นว่าฝีเท้าของทั้งคู่ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย รวมถึงการเคลื่อนไหวยังคล่องแคล่วยิ่งนัก หัวคิ้วนางขมวดเข้าหากันอย่างช้า ๆ

        ในขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าหนักของหมิงเยี่ยนก็วิ่งสวนเข้ามา ฉู่เหลียนตกใจเสียจนเหมือนมีหลอดไฟสว่างวาบขึ้นมาในใจ จึงทำให้นางรู้แล้วว่าสาวใช้สองคนนั้นต่างจากคนอื่น ๆ อย่างไร

        พวกนางเดินจากไปโดยไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย ฉู่เหลียนดูหนังมามากพอจะทราบว่าพวกคนที่ฝึกยุทธ์มักเป็นเช่นนี้ บางทีสาวใช้สองคนนี้คงฝึกฝนวรยุทธ์กระมัง?

        ฉู่เหลียนเก็บความคิดนี้เอาไว้ ก่อนจะโน้ตในใจกับตัวเองว่าคราวหน้าที่เจอกันต้องถามจงหมัวมัวเสียหน่อย

        นางเห็นหมิงเยี่ยนมองมา จึงถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดจึงเร่งรีบนัก”

        หมิงเยี่ยนถือกล่องไม้เล็ก ๆ มาด้วย “นี่เป็นของขวัญที่เฮ่อเหล่าไท่จวินและนายหญิงใหญ่ส่งมาแสดงความขอบคุณสำหรับของว่างเจ้าค่ะ ทั้งยังชมว่าอร่อยมาก!”

        ฉู่เหลียนเปิดกล่องไม้ เห็นแต่กำไลข้อมือหยกและปิ่นปักผมที่ทำจากทองคำ

        ดวงตาของนางสว่างวาบ นางเพิ่งจะกังวลเรื่องไม่มีเงินทุนไป แต่ยามนี้เฮ่อเหล่าไท่จวินและพี่สะใภ้ใหญ่ก็ได้ส่งทุนนั้นมาสมทบให้นางแล้ว ทว่าฉู่เหลียนย่อมทราบว่าพวกนางทำไปเพื่อปลอบใจที่เฮ่อซานหลางจากไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นพวกนางจะส่งของตอบแทนที่มีมูลค่าเช่นนี้มาให้นางแค่เพราะของว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ? สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นหน้าที่ของผู้เยาว์เช่นนางที่ควรกระทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลอยู่แล้ว

        นางโบกมือให้ฝูเยี่ยนนำของขวัญไปเก็บเสีย

        เวลาผ่านไปกระทั่งฟ้ามืด ฉู่เหลียนก็ยังมิได้ทานอะไรเป็นกิจจะลักษณะตลอดทั้งวัน ยามนี้ท้องของนางจึงส่งเสียงประท้วง ดังนั้นฉู่เหลียนจึงนำฉีเยี่ยนและจิ่งเยี่ยนไปยังห้องครัว

        จงหมัวมัว เวิ่นฉิง และเวิ่นหลานที่เพิ่งจัดของเสร็จก็เห็นเงาร่างบอบบางของฉู่เหลียน พวกนางจ้องมองไปยังทิศทางที่ฉู่เหลียนกำลังมุ่งหน้าไป ก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง “นาย…นายหญิงสามกำลังไปห้องครัวหรือ”

        เวิ่นฉิงเขย่งเท้ามองตาม “หมัวมัว ทางนั้นไปได้เพียงห้องครัวเท่านั้น”

        ประกายส่องวาบในดวงตาจงหมัวมัว ใบหน้างดงามแต่กลับไร้ซึ่งมารยาท – นั่นคือคุณหนูจากจวนอิ้งกั๋วกงโดยแท้ ตระกูลที่ตกต่ำย่อมมิอาจสั่งสอนบุตรสาวให้ดีได้ นายหญิงของจวนจะเข้าครัวเพื่อดูแม่ครัวทำอาหารได้อย่างไร? หากผู้อื่นทราบเข้าคงคิดว่าจวนจิ่งอันปล่อยให้นายหญิงสามของจวนอดอยากเป็นแน่!

        ฉู่เหลียนไม่ทราบว่าจงหมัวมัวจะตีความการกระทำของนางไปถึงขั้นนั้น นางเพียงแค่หิวมากจริง ๆ จึงไปที่ครัวเพียงเพื่อตรวจดูว่ามีวัตถุดิบใหม่ ๆ ให้ทำอะไรได้บ้าง

        ภายในครัว ฉู่เหลียนเห็นตะกร้าไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยเห็ดหลากชนิดวางอยู่บนเขียง มุมปากของนางยกขึ้น แล้วจึงสั่งฉีเยี่ยนและจิ่งเยี่ยนให้เริ่มต้มน้ำแกงสำหรับเตรียมทำก๋วยเตี๋ยวเห็ด

        ก๋วยเตี๋ยวนั้นย่อยง่าย แม้นางจะทานมากเสียหน่อยก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

        ขณะนวดแป้งก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น ใบหน้าของจิ่งเยี่ยนก็แดงก่ำเพราะการออกแรง นางเอ่ยกับฉู่เหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างตื่นเต้น “นายหญิงสาม บ่าวเคยเห็นแต่เห็ดนึ่ง ไม่ทราบเลยว่าจะสามารถนำมาใส่น้ำแกงได้ด้วย”

        ฉู่เหลียน: ……….

        เช่นนั้นขุนนางในยุคราชวงศ์อู่นี้ก็ทานเห็ดโดยการ…นึ่ง หรือ? ใครเป็นคนคิดวิธีทำอาหารพิลึกพิลั่นนี้กัน? หากนางเจอต้นตอละก็ นางจะเฆี่ยนให้ตายเลย!

        ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพวกบ่าวในครัวถึงบอกว่าเห็ดไม่ได้มีค่าอะไรนัก! พวกนั้นเพียงแต่เอาเห็ดมาทำให้เสียรสชาติ

        เห็ดนั้นมักจะสดใหม่และอุดมไปด้วยสารอาหาร ในยุคปัจจุบันเห็ดป่ายังขายในราคาแพงลิบ! แต่ที่นี่กลับไม่มีใครสนใจ

        คนพวกนี้ช่างทิ้งขว้างของมีค่าเสียจริง ๆ

        “อีกเดี๋ยวให้ใส่เห็ดลงไปในซุปกระดูกหมู แล้วเติมนมเล็กน้อย ทำเช่นนี้แล้วก๋วยเตี๋ยวจะหอมขึ้น”

        “อา! จริงหรือเจ้าคะ?” แก้มของจิ่งเยี่ยนยิ่งแดงก่ำกว่าเดิม เมื่อคิดถึงอาหารแสนอร่อยที่กำลังจะได้ทาน ความเร็วในการนวดแป้งของนางก็เพิ่มขึ้นสูงทีเดียว

        เมื่อทำก๋วยเตี๋ยวเห็ดจนเสร็จสิ้น ฉู่เหลียนก็จัดการทานอาหารจนหมด ก่อนจะไปเข้านอน

        ราวครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น จงหมัวมัวและสาวใช้อีกสองนางก็ได้รับเชิญให้ไปทานอาหารเย็น

        ตั้งแต่ห้องครัวใหญ่ถูกทำลายเพราะเพลิงไหม้ บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนก็รับประทานอาหารในครัวเล็กของเรือนที่ตนรับใช้ เช่นเดียวกับผู้เป็นนาย ทว่าพวกนางยังคงต้องรอหลังจากที่นายทานเสร็จแล้วจึงจะสามารถทาน ส่วนวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารนั้น แม่ครัวจะเป็นผู้จัดการแบ่งส่วนและนำส่งให้แต่ละเรือน

        ทว่าสำหรับแม่ครัวประจำเรือนซงเถาแล้ว นางกลับไม่มีอะไรให้ทำ เนื่องจากนายหญิงสามรู้สึกว่าอาหารฝีมือนางยังไม่ดีพอ

        คราแรกที่ฉู่เหลียนนำสาวใช้ส่วนตัวมาเพื่อจัดทำอาหารเองนั้น แม่ครัวยังไม่เต็มใจนัก ทว่าหลังจากทานอาหารที่นายหญิงสามเป็นผู้ทำไปครั้งหนึ่ง ความคิดของนางก็เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง ตอนนี้นางแทบจะเหมือนกับสุนัขที่เฝ้ารออยู่ที่ประตู เพื่อคอยให้นายหญิงสามมาหาอยู่ทุกวัน

        บ่าวไพร่ในเรือนซงเถานับว่าโชคดีนักที่ได้ทานอาหารที่ฉู่เหลียนเป็นผู้แนะนำวิธีทำ ทุก ๆ วันฉู่เหลียนล้วนต้องการให้พวกเขาได้ทานอาหารอย่างอิ่มหนำ จึงมักจะทำอาหารออกมาเยอะเป็นพิเศษเสมอ

        จงหมัวมัวและกุ้ยหมัวมัว รวมไปถึงสาวใช้คนอื่น ๆ นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะตัวเดียว จงหมัวมัวเคยเป็นสาวใช้ขั้นสองที่ดูแลฮูหยินจิ่งอันป๋อเมื่อยังเยาว์วัย และเมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของเฮ่อฉางตี้

        นอกจากนี้นางยังมีบุตรของตนอีกสองคน สองปีก่อนสะใภ้ใหญ่ของนางตั้งครรภ์ฝาแฝด จึงเกิดเป็นกังวล และขอกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อดูแลลูกสะใภ้ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน นางก็ได้รับคำขอร้องจากเฮ่อซานหลางให้รีบกลับมาที่จวนเพื่อทำหน้าที่อีกครั้ง

        ฮูหยินจิ่งอันป๋อเกิดมาบนกองเงินกองทอง ทั้งจงหมัวมัวยังรับใช้นางมาตั้งแต่ครั้งที่เข้าจวนจิ่งอันใหม่ ๆ  ดังนั้นอาหารดี ๆ ล้วนเคยผ่านจงหมัวมัวมาแล้วทั้งสิ้น เมื่อนางเห็นสีหน้าตื่นเต้นของสาวใช้รอบตัว นางก็ลอบดูแคลนอยู่ในใจ

        อาหารก็เป็นเพียงอาหารที่ทำให้ท้องอิ่ม จะมีอะไรให้ตื่นเต้นนักหนา? ไม่ใช่ว่าคนพวกนี้อดอยาก หรือเป็นดั่งเช่นคนทั่วไปที่นาน ๆ ครั้งจะได้ทานเนื้อเสียหน่อย

        ความรู้สึกดูถูกสาวใช้ในเรือนซงเถาของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางยังคิดว่าคุณชายสามช่างปราดเปรื่องนักที่ส่งนางมาคอยจับตาดูพฤติกรรมของนายหญิงสาม ทั้งนายหญิงและบ่าวไพร่ที่นี่ล้วนกระทำตัวให้ตกต่ำนัก หากไม่ถูกจับตาดู เกรงว่าคงทำให้จวนจิ่งอันเสื่อมเสียชื่อแล้ว

        กุ้ยหมัวมัวมองสีหน้าจงหมัวมัวอย่างเยือกเย็น และยังพบเห็นร่องรอยความดูถูกที่จงหมัวมัวมีต่อคุณหนูหกของนาง มุมปากพลันขยับขึ้น พร้อมทั้งส่งสัญญาณมือให้สาวใช้ระดับล่าง “นำอาหารเข้ามา”

        จิ่งเยี่ยนกลืนน้ำลายเล็กน้อย อดโอ้อวดมิได้ “หมัวมัว วันนี้เรามีก๋วยเตี๋ยวเห็ด! ข้าเพิ่งจะเคยทานอาหารเช่นนี้เป็นครั้งแรก เพียงแค่ได้กลิ่นน้ำลายข้าก็ไหลไม่หยุดแล้ว!”

        กุ้ยหมัวมัวมองหน้าจิ่งเยี่ยน

        จงหมัวมัวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเหลือบมองกุ้ยหมัวมัวอย่างดูถูกดูแคลนในเวลาเดียวกัน

        เวลานั้นเอง สาวใช้หลายคนก็นำถ้วยกระเบื้องที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวเข้ามา และวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะตามด้วยเครื่องเคียง

        ผักดองกรอบ ๆ เห็ดหูหนูยัดไส้ฟองเต้าหู้ และถั่วเหลืองที่เพิ่งดอง องค์ประกอบทั้งหมดล้วนดูเข้ากันยิ่งนัก

        ถ้วยกระเบื้องขาวถูกล้อมรอบด้วยเครื่องเคียง ภายในถ้วยมีก๋วยเตี๋ยวที่ส่งกลิ่นหอม น้ำแกงก๋วยเตี๋ยวนั้นมีสีขาวจากส่วนผสมของน้ำนมสด อีกทั้งยังมีเห็ดหอม เห็ดนางรมหลวง เห็ดเข็มทอง และเห็ดนางรมถูกหั่นวางตกแต่งอย่างเรียบร้อยอยู่ด้านบน

        ทุกสิ่งถูกจัดโรยด้วยต้นหอมสับ จุดสีเขียวสดใสในน้ำนมขาวส่องประกายราวกับอัญมณีมรกต ไอร้อน ๆ ลอยขึ้นจากถ้วยกระเบื้องพร้อมส่งกลิ่นหอมหวนกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนในบริเวณนั้นยิ่งนัก

        จงหมัวมัวจ้องก๋วยเตี๋ยวเห็ดตาโต เมื่อนึกถึงเห็ดไร้รสชาติที่นางเคยลิ้มลอง แต่เมื่อนำมาเทียบกับเห็ดเหล่านี้ที่ถูกจัดเรียงอย่างงดงามน่ารับประทานเบื้องหน้า นางอดมิได้ให้กลืนน้ำลาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามสิ่งใด ทุกคนบนโต๊ะต่างไม่พูดไม่จาและหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มทานทันที

        อาหารอร่อยตั้งอยู่เบื้องหน้า จะมีใครใส่ใจการสนทนากันเล่า? มีเพียงเสียงสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ก้องสะท้อนอยู่ในห้องเท่านั้น

        สาวใช้รุ่นเล็กที่ถูกฝึกฝนกิริยามารยาทมาอย่างพร้อมสรรพ ในตอนนี้พวกนางต่างละทิ้งความสุขุม สุภาพไว้เบื้องหลังและก้มหน้าก้มตากินอาหารเบื้องหน้าอย่างตะกละตะกลาม   

        เมื่อพวกสาวใช้เห็นของกินในถ้วยเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหากอยากจะทานเพิ่มอีกในถ้วยที่สอง ก็มีแต่ต้องทานให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้! พวกนางต้องทานให้ไวเท่านั้น!

        จงหมัวมัวที่เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ก็รีบกลืนถ้อยคำที่อยากพูดลงไป หันไปมองทางเวิ่นหลานและเวิ่นฉิง ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นคีบก๋วยเตี๋ยว และนำเข้าปาก

        คราแรกนางยังเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ในเวลาต่อมา ความเร็วของตะเกียบก็เพิ่มขึ้นอย่างว่องไว กระทั่งน้ำซุปเข้มข้นในคำสุดท้ายก็กลืนหายลงคอไป นางผ่อนหายใจยาว รู้สึกสดชื่นไปทั้งร่าง รสชาติแสนอร่อยยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น โชคไม่ดีที่ถ้วยก๋วยเตี๋ยวที่ยกมานั้นเล็กนิดเดียว นางยังรู้สึกไม่อิ่มเลยด้วยซ้ำ จึงหันไปสั่งสาวใช้ด้านหลัง “เอามาให้ข้าอีกถ้วย!”

        สาวใช้นางนั้นทำสีหน้ากระอักกระอ่วนขณะตอบ “หมัวมัว คือ…คือก๋วยเตี๋ยวหมดแล้วเจ้าค่ะ…”

        อะไรนะ? หมดแล้ว?

        จงหมัวมัวที่ได้ยินดังนั้นแทบจะกระอักเลือด นางเพิ่งเห็นหม้อที่เต็มไปด้วยก๋วยเตี๋ยว แล้วยามนี้กลับหายไปหมดแล้วหรือ?

        คนพวกนี้กระหายอยากเพียงใดกันแน่!?

        จงหมัวมัวหันหน้าไปมองหม้อที่อยู่ใกล้ ๆ

        ดังคาด หม้อที่ครั้งหนึ่งเคยมีก๋วยเตี๋ยวอยู่เต็มหม้อ ในตอนนี้เหลือเพียงน้ำแกงเล็กน้อยที่ติดอยู่ก้น ซ้ำยังมีสาวใช้ในชุดเขียวที่กระทั่งน้ำแกงหยาดสุดท้าย นางก็อุตส่าห์เทลงในถ้วยตนเอง…

        กุ้ยหมัวมัวนั้นผ่านประสบการณ์ในสมรภูมิรบแห่งอาหารนี้มามากแล้วจึงยังคงสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะวางตะเกียบลงและยิ้มให้จงหมัวมัว

        “จงหมัวมัวเชิญทานตามสบาย ข้าขอตัวไปพักก่อนแล้ว”

        จงหมัวมัวมองถ้วยของตนที่ยามนี้ว่างเปล่า ก่อนจะมองกุ้ยหมัวมัวที่หายไปในเงามืด ในใจนางเกรี้ยวกราดยิ่ง ‘ข้าต้องการมีความสุขกับการค่อย ๆ ลิ้มรสของอาหารเบื้องหน้า แต่พวกเจ้ากลับบ้าบอทานทุกสิ่งหมดเสียก่อนข้าจะรู้ตัวเสียอีก แล้วข้าจะทานอะไรเล่า!?’

        นางกระแอมครั้งหนึ่ง เรียกเวิ่นหลานและเวิ่นฉิงออกไป

        ระหว่างทางกลับห้อง เวิ่นฉิงอดมิได้ให้กล่าว “หมัวมัว อาหารที่นี่อร่อยเหลือเกิน แต่ข้ายังทานไม่อิ่มเลย!”

        จงหมัวมัวกลอกตา นางก็ยังไม่อิ่มเหมือนกันนั่นแหละ! ดังนั้น จงหมัวมัวจึงประกาศกร้าวอยู่ในใจ วันพรุ่งนี้นางจะทานให้เร็วกว่านี้ เพื่อที่จะได้ทานถ้วยที่สอง!

 

                                                             ————————

                         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ 36 ขออีกถ้วย

Now you are reading [นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ Chapter 36 ขออีกถ้วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่ออ่านจดหมายจากสามีที่รักจบ ฉู่เหลียนโกรธจนแทบระเบิด แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ให้แอบขำอยู่ในใจ 

        เฮ่อฉางตี้เคยเห็นนางแหกกฎการเป็นภรรยาที่ดีอยู่ในศีลธรรมอะไรนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? สิ่งนั้นเขียนไว้บนหน้าผากนางหรืออย่างไร? อู้ว…  นางสับสนไปหมดแล้ว!

        นางไม่ได้คาดว่าเขาจะทิ้งจดหมายหวาน ๆ ไว้ให้หรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเตือนอะไรแบบนี้เลยใช่ไหมเล่า? ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว!

        ฉู่เหลียนรู้สึกเหมือนไอเดือดจากความโมโหกำลังแล่นออกจากทุกรูขุมขน นางโบกมือให้จงหมัวมัวและสาวใช้อีกสองนาง “ในเมื่อสามีส่งพวกเจ้ามาที่นี่…กุ้ยหมัวมัว เจ้าช่วยพวกนางหาที่พักเถิด”

        อ๋า? จะปล่อยพวกนางไปเช่นนี้เลยหรือ?

        จงหมัวมัวเก็บมุมปากที่กระตุกขึ้นกลับอย่างรวดเร็วและรีบเงยหน้ามองฉู่เหลียน ใบหน้าอ่อนเยาว์นุ่มนวลนั้นดูก็รู้ว่ากำลังโมโหอยู่เป็นแน่ ทว่านายหญิงสามกลับดูมิได้คิดเป็นอื่นอีก

        นางอดมิได้ให้คิดกับตนเอง ‘นี่ไม่ถูกต้อง หากเป็นนายหญิงแต่งใหม่บ้านอื่น แค่พบว่าสามีไม่เชื่อใจ พวกนางย่อมวิ่งไปฟ้องแม่สามีเพื่อให้รู้ว่าตนเสียใจเพียงใด’

        ทว่าสิ่งที่นายหญิงสามคนนี้ทำมีเพียงพองแก้มอย่างโมโห แล้วก็ลืมเรื่องที่ชวนหงุดหงิดเบื้องหน้าไปเสียหมดเช่นนั้นหรือ?

        นางยังไร้เดียงสาเกินไปหรือเป็นคนไม่ถือโทษผู้อื่นอยู่แล้วกันแน่นะ?

        “จงหมัวมัว เชิญทางนี้” ยามนี้กุ้ยหมัวมัวทราบแล้วว่าเหตุใดจงหมัวมัวจึงมาอยู่ที่นี่ แม้น้ำเสียงจะฟังดูสุภาพ แต่กลับเสมือนมีเส้นแบ่งเขตแดนขีดคั่นกลางอยู่ในใจ

        จงหมัวมัวทำได้เพียงผงกหัวทักทายอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามกุ้ยหมัวมัวไป โดยนำเวิ่นฉิงและเวิ่นหลานตามออกไปด้วย

        กุ้ยหมัวมัวจัดให้จงหมัวมัวพักในห้องที่อยู่ติดกันกับตน ส่วนเวิ่นฉิงกับเวิ่นหลานพักในห้องส่วนตัวที่ติดกับสาวใช้ส่วนตัวคนอื่น ๆ

        ฉู่เหลียนมองตามเวิ่นฉิงและเวิ่นหลานที่เดินจากไปโดยไม่รู้ตัว เห็นว่าฝีเท้าของทั้งคู่ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย รวมถึงการเคลื่อนไหวยังคล่องแคล่วยิ่งนัก หัวคิ้วนางขมวดเข้าหากันอย่างช้า ๆ

        ในขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าหนักของหมิงเยี่ยนก็วิ่งสวนเข้ามา ฉู่เหลียนตกใจเสียจนเหมือนมีหลอดไฟสว่างวาบขึ้นมาในใจ จึงทำให้นางรู้แล้วว่าสาวใช้สองคนนั้นต่างจากคนอื่น ๆ อย่างไร

        พวกนางเดินจากไปโดยไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย ฉู่เหลียนดูหนังมามากพอจะทราบว่าพวกคนที่ฝึกยุทธ์มักเป็นเช่นนี้ บางทีสาวใช้สองคนนี้คงฝึกฝนวรยุทธ์กระมัง?

        ฉู่เหลียนเก็บความคิดนี้เอาไว้ ก่อนจะโน้ตในใจกับตัวเองว่าคราวหน้าที่เจอกันต้องถามจงหมัวมัวเสียหน่อย

        นางเห็นหมิงเยี่ยนมองมา จึงถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดจึงเร่งรีบนัก”

        หมิงเยี่ยนถือกล่องไม้เล็ก ๆ มาด้วย “นี่เป็นของขวัญที่เฮ่อเหล่าไท่จวินและนายหญิงใหญ่ส่งมาแสดงความขอบคุณสำหรับของว่างเจ้าค่ะ ทั้งยังชมว่าอร่อยมาก!”

        ฉู่เหลียนเปิดกล่องไม้ เห็นแต่กำไลข้อมือหยกและปิ่นปักผมที่ทำจากทองคำ

        ดวงตาของนางสว่างวาบ นางเพิ่งจะกังวลเรื่องไม่มีเงินทุนไป แต่ยามนี้เฮ่อเหล่าไท่จวินและพี่สะใภ้ใหญ่ก็ได้ส่งทุนนั้นมาสมทบให้นางแล้ว ทว่าฉู่เหลียนย่อมทราบว่าพวกนางทำไปเพื่อปลอบใจที่เฮ่อซานหลางจากไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นพวกนางจะส่งของตอบแทนที่มีมูลค่าเช่นนี้มาให้นางแค่เพราะของว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ? สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นหน้าที่ของผู้เยาว์เช่นนางที่ควรกระทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลอยู่แล้ว

        นางโบกมือให้ฝูเยี่ยนนำของขวัญไปเก็บเสีย

        เวลาผ่านไปกระทั่งฟ้ามืด ฉู่เหลียนก็ยังมิได้ทานอะไรเป็นกิจจะลักษณะตลอดทั้งวัน ยามนี้ท้องของนางจึงส่งเสียงประท้วง ดังนั้นฉู่เหลียนจึงนำฉีเยี่ยนและจิ่งเยี่ยนไปยังห้องครัว

        จงหมัวมัว เวิ่นฉิง และเวิ่นหลานที่เพิ่งจัดของเสร็จก็เห็นเงาร่างบอบบางของฉู่เหลียน พวกนางจ้องมองไปยังทิศทางที่ฉู่เหลียนกำลังมุ่งหน้าไป ก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง “นาย…นายหญิงสามกำลังไปห้องครัวหรือ”

        เวิ่นฉิงเขย่งเท้ามองตาม “หมัวมัว ทางนั้นไปได้เพียงห้องครัวเท่านั้น”

        ประกายส่องวาบในดวงตาจงหมัวมัว ใบหน้างดงามแต่กลับไร้ซึ่งมารยาท – นั่นคือคุณหนูจากจวนอิ้งกั๋วกงโดยแท้ ตระกูลที่ตกต่ำย่อมมิอาจสั่งสอนบุตรสาวให้ดีได้ นายหญิงของจวนจะเข้าครัวเพื่อดูแม่ครัวทำอาหารได้อย่างไร? หากผู้อื่นทราบเข้าคงคิดว่าจวนจิ่งอันปล่อยให้นายหญิงสามของจวนอดอยากเป็นแน่!

        ฉู่เหลียนไม่ทราบว่าจงหมัวมัวจะตีความการกระทำของนางไปถึงขั้นนั้น นางเพียงแค่หิวมากจริง ๆ จึงไปที่ครัวเพียงเพื่อตรวจดูว่ามีวัตถุดิบใหม่ ๆ ให้ทำอะไรได้บ้าง

        ภายในครัว ฉู่เหลียนเห็นตะกร้าไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยเห็ดหลากชนิดวางอยู่บนเขียง มุมปากของนางยกขึ้น แล้วจึงสั่งฉีเยี่ยนและจิ่งเยี่ยนให้เริ่มต้มน้ำแกงสำหรับเตรียมทำก๋วยเตี๋ยวเห็ด

        ก๋วยเตี๋ยวนั้นย่อยง่าย แม้นางจะทานมากเสียหน่อยก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

        ขณะนวดแป้งก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น ใบหน้าของจิ่งเยี่ยนก็แดงก่ำเพราะการออกแรง นางเอ่ยกับฉู่เหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างตื่นเต้น “นายหญิงสาม บ่าวเคยเห็นแต่เห็ดนึ่ง ไม่ทราบเลยว่าจะสามารถนำมาใส่น้ำแกงได้ด้วย”

        ฉู่เหลียน: ……….

        เช่นนั้นขุนนางในยุคราชวงศ์อู่นี้ก็ทานเห็ดโดยการ…นึ่ง หรือ? ใครเป็นคนคิดวิธีทำอาหารพิลึกพิลั่นนี้กัน? หากนางเจอต้นตอละก็ นางจะเฆี่ยนให้ตายเลย!

        ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพวกบ่าวในครัวถึงบอกว่าเห็ดไม่ได้มีค่าอะไรนัก! พวกนั้นเพียงแต่เอาเห็ดมาทำให้เสียรสชาติ

        เห็ดนั้นมักจะสดใหม่และอุดมไปด้วยสารอาหาร ในยุคปัจจุบันเห็ดป่ายังขายในราคาแพงลิบ! แต่ที่นี่กลับไม่มีใครสนใจ

        คนพวกนี้ช่างทิ้งขว้างของมีค่าเสียจริง ๆ

        “อีกเดี๋ยวให้ใส่เห็ดลงไปในซุปกระดูกหมู แล้วเติมนมเล็กน้อย ทำเช่นนี้แล้วก๋วยเตี๋ยวจะหอมขึ้น”

        “อา! จริงหรือเจ้าคะ?” แก้มของจิ่งเยี่ยนยิ่งแดงก่ำกว่าเดิม เมื่อคิดถึงอาหารแสนอร่อยที่กำลังจะได้ทาน ความเร็วในการนวดแป้งของนางก็เพิ่มขึ้นสูงทีเดียว

        เมื่อทำก๋วยเตี๋ยวเห็ดจนเสร็จสิ้น ฉู่เหลียนก็จัดการทานอาหารจนหมด ก่อนจะไปเข้านอน

        ราวครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น จงหมัวมัวและสาวใช้อีกสองนางก็ได้รับเชิญให้ไปทานอาหารเย็น

        ตั้งแต่ห้องครัวใหญ่ถูกทำลายเพราะเพลิงไหม้ บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนก็รับประทานอาหารในครัวเล็กของเรือนที่ตนรับใช้ เช่นเดียวกับผู้เป็นนาย ทว่าพวกนางยังคงต้องรอหลังจากที่นายทานเสร็จแล้วจึงจะสามารถทาน ส่วนวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารนั้น แม่ครัวจะเป็นผู้จัดการแบ่งส่วนและนำส่งให้แต่ละเรือน

        ทว่าสำหรับแม่ครัวประจำเรือนซงเถาแล้ว นางกลับไม่มีอะไรให้ทำ เนื่องจากนายหญิงสามรู้สึกว่าอาหารฝีมือนางยังไม่ดีพอ

        คราแรกที่ฉู่เหลียนนำสาวใช้ส่วนตัวมาเพื่อจัดทำอาหารเองนั้น แม่ครัวยังไม่เต็มใจนัก ทว่าหลังจากทานอาหารที่นายหญิงสามเป็นผู้ทำไปครั้งหนึ่ง ความคิดของนางก็เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง ตอนนี้นางแทบจะเหมือนกับสุนัขที่เฝ้ารออยู่ที่ประตู เพื่อคอยให้นายหญิงสามมาหาอยู่ทุกวัน

        บ่าวไพร่ในเรือนซงเถานับว่าโชคดีนักที่ได้ทานอาหารที่ฉู่เหลียนเป็นผู้แนะนำวิธีทำ ทุก ๆ วันฉู่เหลียนล้วนต้องการให้พวกเขาได้ทานอาหารอย่างอิ่มหนำ จึงมักจะทำอาหารออกมาเยอะเป็นพิเศษเสมอ

        จงหมัวมัวและกุ้ยหมัวมัว รวมไปถึงสาวใช้คนอื่น ๆ นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะตัวเดียว จงหมัวมัวเคยเป็นสาวใช้ขั้นสองที่ดูแลฮูหยินจิ่งอันป๋อเมื่อยังเยาว์วัย และเมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของเฮ่อฉางตี้

        นอกจากนี้นางยังมีบุตรของตนอีกสองคน สองปีก่อนสะใภ้ใหญ่ของนางตั้งครรภ์ฝาแฝด จึงเกิดเป็นกังวล และขอกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อดูแลลูกสะใภ้ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน นางก็ได้รับคำขอร้องจากเฮ่อซานหลางให้รีบกลับมาที่จวนเพื่อทำหน้าที่อีกครั้ง

        ฮูหยินจิ่งอันป๋อเกิดมาบนกองเงินกองทอง ทั้งจงหมัวมัวยังรับใช้นางมาตั้งแต่ครั้งที่เข้าจวนจิ่งอันใหม่ ๆ  ดังนั้นอาหารดี ๆ ล้วนเคยผ่านจงหมัวมัวมาแล้วทั้งสิ้น เมื่อนางเห็นสีหน้าตื่นเต้นของสาวใช้รอบตัว นางก็ลอบดูแคลนอยู่ในใจ

        อาหารก็เป็นเพียงอาหารที่ทำให้ท้องอิ่ม จะมีอะไรให้ตื่นเต้นนักหนา? ไม่ใช่ว่าคนพวกนี้อดอยาก หรือเป็นดั่งเช่นคนทั่วไปที่นาน ๆ ครั้งจะได้ทานเนื้อเสียหน่อย

        ความรู้สึกดูถูกสาวใช้ในเรือนซงเถาของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางยังคิดว่าคุณชายสามช่างปราดเปรื่องนักที่ส่งนางมาคอยจับตาดูพฤติกรรมของนายหญิงสาม ทั้งนายหญิงและบ่าวไพร่ที่นี่ล้วนกระทำตัวให้ตกต่ำนัก หากไม่ถูกจับตาดู เกรงว่าคงทำให้จวนจิ่งอันเสื่อมเสียชื่อแล้ว

        กุ้ยหมัวมัวมองสีหน้าจงหมัวมัวอย่างเยือกเย็น และยังพบเห็นร่องรอยความดูถูกที่จงหมัวมัวมีต่อคุณหนูหกของนาง มุมปากพลันขยับขึ้น พร้อมทั้งส่งสัญญาณมือให้สาวใช้ระดับล่าง “นำอาหารเข้ามา”

        จิ่งเยี่ยนกลืนน้ำลายเล็กน้อย อดโอ้อวดมิได้ “หมัวมัว วันนี้เรามีก๋วยเตี๋ยวเห็ด! ข้าเพิ่งจะเคยทานอาหารเช่นนี้เป็นครั้งแรก เพียงแค่ได้กลิ่นน้ำลายข้าก็ไหลไม่หยุดแล้ว!”

        กุ้ยหมัวมัวมองหน้าจิ่งเยี่ยน

        จงหมัวมัวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเหลือบมองกุ้ยหมัวมัวอย่างดูถูกดูแคลนในเวลาเดียวกัน

        เวลานั้นเอง สาวใช้หลายคนก็นำถ้วยกระเบื้องที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวเข้ามา และวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะตามด้วยเครื่องเคียง

        ผักดองกรอบ ๆ เห็ดหูหนูยัดไส้ฟองเต้าหู้ และถั่วเหลืองที่เพิ่งดอง องค์ประกอบทั้งหมดล้วนดูเข้ากันยิ่งนัก

        ถ้วยกระเบื้องขาวถูกล้อมรอบด้วยเครื่องเคียง ภายในถ้วยมีก๋วยเตี๋ยวที่ส่งกลิ่นหอม น้ำแกงก๋วยเตี๋ยวนั้นมีสีขาวจากส่วนผสมของน้ำนมสด อีกทั้งยังมีเห็ดหอม เห็ดนางรมหลวง เห็ดเข็มทอง และเห็ดนางรมถูกหั่นวางตกแต่งอย่างเรียบร้อยอยู่ด้านบน

        ทุกสิ่งถูกจัดโรยด้วยต้นหอมสับ จุดสีเขียวสดใสในน้ำนมขาวส่องประกายราวกับอัญมณีมรกต ไอร้อน ๆ ลอยขึ้นจากถ้วยกระเบื้องพร้อมส่งกลิ่นหอมหวนกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนในบริเวณนั้นยิ่งนัก

        จงหมัวมัวจ้องก๋วยเตี๋ยวเห็ดตาโต เมื่อนึกถึงเห็ดไร้รสชาติที่นางเคยลิ้มลอง แต่เมื่อนำมาเทียบกับเห็ดเหล่านี้ที่ถูกจัดเรียงอย่างงดงามน่ารับประทานเบื้องหน้า นางอดมิได้ให้กลืนน้ำลาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามสิ่งใด ทุกคนบนโต๊ะต่างไม่พูดไม่จาและหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มทานทันที

        อาหารอร่อยตั้งอยู่เบื้องหน้า จะมีใครใส่ใจการสนทนากันเล่า? มีเพียงเสียงสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ก้องสะท้อนอยู่ในห้องเท่านั้น

        สาวใช้รุ่นเล็กที่ถูกฝึกฝนกิริยามารยาทมาอย่างพร้อมสรรพ ในตอนนี้พวกนางต่างละทิ้งความสุขุม สุภาพไว้เบื้องหลังและก้มหน้าก้มตากินอาหารเบื้องหน้าอย่างตะกละตะกลาม   

        เมื่อพวกสาวใช้เห็นของกินในถ้วยเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหากอยากจะทานเพิ่มอีกในถ้วยที่สอง ก็มีแต่ต้องทานให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้! พวกนางต้องทานให้ไวเท่านั้น!

        จงหมัวมัวที่เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ก็รีบกลืนถ้อยคำที่อยากพูดลงไป หันไปมองทางเวิ่นหลานและเวิ่นฉิง ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นคีบก๋วยเตี๋ยว และนำเข้าปาก

        คราแรกนางยังเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ในเวลาต่อมา ความเร็วของตะเกียบก็เพิ่มขึ้นอย่างว่องไว กระทั่งน้ำซุปเข้มข้นในคำสุดท้ายก็กลืนหายลงคอไป นางผ่อนหายใจยาว รู้สึกสดชื่นไปทั้งร่าง รสชาติแสนอร่อยยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น โชคไม่ดีที่ถ้วยก๋วยเตี๋ยวที่ยกมานั้นเล็กนิดเดียว นางยังรู้สึกไม่อิ่มเลยด้วยซ้ำ จึงหันไปสั่งสาวใช้ด้านหลัง “เอามาให้ข้าอีกถ้วย!”

        สาวใช้นางนั้นทำสีหน้ากระอักกระอ่วนขณะตอบ “หมัวมัว คือ…คือก๋วยเตี๋ยวหมดแล้วเจ้าค่ะ…”

        อะไรนะ? หมดแล้ว?

        จงหมัวมัวที่ได้ยินดังนั้นแทบจะกระอักเลือด นางเพิ่งเห็นหม้อที่เต็มไปด้วยก๋วยเตี๋ยว แล้วยามนี้กลับหายไปหมดแล้วหรือ?

        คนพวกนี้กระหายอยากเพียงใดกันแน่!?

        จงหมัวมัวหันหน้าไปมองหม้อที่อยู่ใกล้ ๆ

        ดังคาด หม้อที่ครั้งหนึ่งเคยมีก๋วยเตี๋ยวอยู่เต็มหม้อ ในตอนนี้เหลือเพียงน้ำแกงเล็กน้อยที่ติดอยู่ก้น ซ้ำยังมีสาวใช้ในชุดเขียวที่กระทั่งน้ำแกงหยาดสุดท้าย นางก็อุตส่าห์เทลงในถ้วยตนเอง…

        กุ้ยหมัวมัวนั้นผ่านประสบการณ์ในสมรภูมิรบแห่งอาหารนี้มามากแล้วจึงยังคงสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะวางตะเกียบลงและยิ้มให้จงหมัวมัว

        “จงหมัวมัวเชิญทานตามสบาย ข้าขอตัวไปพักก่อนแล้ว”

        จงหมัวมัวมองถ้วยของตนที่ยามนี้ว่างเปล่า ก่อนจะมองกุ้ยหมัวมัวที่หายไปในเงามืด ในใจนางเกรี้ยวกราดยิ่ง ‘ข้าต้องการมีความสุขกับการค่อย ๆ ลิ้มรสของอาหารเบื้องหน้า แต่พวกเจ้ากลับบ้าบอทานทุกสิ่งหมดเสียก่อนข้าจะรู้ตัวเสียอีก แล้วข้าจะทานอะไรเล่า!?’

        นางกระแอมครั้งหนึ่ง เรียกเวิ่นหลานและเวิ่นฉิงออกไป

        ระหว่างทางกลับห้อง เวิ่นฉิงอดมิได้ให้กล่าว “หมัวมัว อาหารที่นี่อร่อยเหลือเกิน แต่ข้ายังทานไม่อิ่มเลย!”

        จงหมัวมัวกลอกตา นางก็ยังไม่อิ่มเหมือนกันนั่นแหละ! ดังนั้น จงหมัวมัวจึงประกาศกร้าวอยู่ในใจ วันพรุ่งนี้นางจะทานให้เร็วกว่านี้ เพื่อที่จะได้ทานถ้วยที่สอง!

 

                                                             ————————

                         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6816

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+