ผูกรักท่านประธานพันล้าน 21 คุณถามมากเกินไปแล้ว

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 21 คุณถามมากเกินไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี้หนานเฉิงได้ยินคนเรียนคุณลุง เลยมองไปแวบหนึ่ง เห็นคนที่โบกมือเรียกตัวเองเป็นเด็กน้อยน่ารักก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

การนิ่งอึ้ง อวี้จิ่งซีก็ได้รอดออกจากมือเขาไป

เขาทำได้เพียงตามไป

เซิ่งอันหรานกำลังปิดหน้าไว้ จู่ๆ รู้สึกที่น่องมีแรงบีบ ก้มลงก็เห็นตาดำโตเหมือนอีกาคู่หนึ่ง ตัวเล็กกำลังกอดขาข้างหนึ่งของเธออยู่ ท่าทางดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

“คุณลุง! พวกเราเคยเจอกัน!”

เด็กน้อยน่ารักยืนด้านข้างโต๊ะ กะพริบตาดำโตคล้ายไข่มุกดำทั้งสองมองอวี้หนานเฉิงอยู่

อวี้หนานเฉิงย้อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงคิดได้ว่าก่อนหน้านี้พบเจอสาวน้อยที่สนามบินเด็กน้อยน่ารักประมาทชนมาตัวเขา เดี๋ยวเดียวสายตาก็อ่อนโยนลงมาก

“พวกคุณรู้จักกันได้ยังไง?”เซิ่งอันหรานยังมีท่าทางมึนงง

“ก็คือคุณลุงคนนี้ วันนั้นที่สนามบินให้ช็อกโกแลตหนูไง!หม่าม้า!”

เซิ่งเสี่ยวซิงหันหน้าไปอธิบายให้เซิ่งอันหราน นัยน์ตาประกายไปด้วยแสงดาว “บังเอิญจัง คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณลุงที่นี่เหมือนกัน หม่าม้าก็รู้จักคุณลุงคนนี้เหมือนกันเหรอ? ”

เซิ่งอันหรานได้ยินสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย “นี่เป็น…เจ้านายบริษัทของหม่าม้า”

อวี้หนานเฉิงยืนอยู่ข้างโต๊ะ ค่อนข้างวางตัวหน่อยๆ ” นี่คือลูกสาวของคุณ? ”

“ค่ะ”

ได้ยินคำตอบ ในใจอวี้หนานเฉิงมีความรู้สึกยากที่จะอธิบาย ไม่คิดว่าเธอจะแต่งงานมีลูกแล้ว? เลยถือโอกาสเปลี่ยนคำถาม

“มือหายเจ็บแล้ว? ”

กลัวอะไรมาอย่างนั้น เซิ่งอันหรานพลางดึงอวี้จิ่งซีออกมาจากโต๊ะเป็นโล่ พูดคุยไปพลาง

“ยัง ยังไม่ค่อยหายดี ยังไม่ค่อยได้ดั่งใจอยู่นิดหน่อย”

“งั้นก็พักผ่อนไปช่วงหนึ่ง ไม่ต้องรีบกลับมาทำงาน”

คำพูดของอวี้หนานเฉิง กลับทำให้เซิ่งอันหรานนิ่งไป

เขากลายเป็นคนเข้าใจง่ายตั้งแต่เมื่อไร?

“มือหม่าม้าหนูหายแล้ว! พรุ่งนี้กลับไปทำงานได้แล้ว! ”

เซิ่งเสี่ยวซิงพูดแทรกกะทันหัน

“ซิงซิงน้อย!” เซิ่งอันหรานถลึงตาให้เธอหนึ่งที ไม่เคยเห็นคนที่หักหน้าคนแบบนี้มาก่อน

อวี้หนานเฉิงเหมือนไม่ถือ คิดเพียงเป็นคำพูดเล่นของเด็ก เปลี่ยนหัวข้อไป

“เรื่องจิ่งซี ขอบคุณนะ ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล ตอนหลังมีเวลาว่างแล้ว แต่ได้ยินว่าคุณออกโรงพยาบาล ยังคิดอยู่ว่าว่างๆ จะพาจิ่งซีไปขอบคุณถึงบ้าน”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง “เซิ่งอันหรานรีบส่ายหน้า “ยังไงคุณก็ให้ฉันลาแล้ว ก็ถือว่าเป็นคำขอบคุณ อีกอย่างการดูแลความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของฉันที่เป็นพนักงานบริษัท”

สีหน้าก็เข้มขึ้นเล็กน้อย “แต่คุณก็อย่าลืมเรื่องพนันกันไว้ 3เดือน ฉันไม่คิดจะเลื่อนออกไป”

เซิ่งอันหรานได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้า

อะไรคือ3เดือนไม่คิดจะเลื่อนออกไปกัน? งั้นเธอตอนนี้ลาพักก็คือว่าตัวเองทำเสียเวลาเองเหรอ? เมื่อกี้ยังรู้สึกขอบคุณอวี้หนานเฉิง ตอนนี้มลายหายเป็นไอหมดแล้ว

ผู้ชายคนนี้ เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนอารมณ์เสียอย่างที่คิด

ไม่รอให้เซิ่งอันหรานตั้งตัว อวี้หนานเฉิงโบกมือเรียกอวี้จิ่งซี

“จิ่งซีไปเถอะ อย่ารบกวนคนอื่นกินข้าว”  เห็นชัดว่าเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร

“จิ่งซี! “อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วขึ้น

เห็นหน้าเด็กน้อยดื้อดึง ยืนตรงข้ามเหมือนกับก๊อบปี้ใบหน้าอย่างนั้น ยืนกรานไม่ยอม เซิ่งอันหรานรีบไกล่เกลี่ย

“หากไม่รังเกียจละก็นั่งตรงนี้เถอะ ยังไงนี่ก็เป็นที่นั่งสำหรับ4 คน”

คนในร้านไม่เยอะ พนักงานก็จัดตำแหน่งกว้างขวางให้เธอ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ก็ได้ใช้งานแล้ว

เห็นอวี้จิ่งซีไม่มีความคิดจะไปสักนิด อวี้หนานเฉิงทำได้แค่นั่งลง เพียงแต่สายตาเหี่ยวแห้งเล็กน้อย ในสายตา

เซิ่งอันหรานดูตลกเป็นพิเศษ

อวี้หนานเฉิงประธานเซิ่งถังกรุปผู้สง่า คิดไม่ถึงว่าก็มีจุดอ่อนเหมือนกันนะ

ตอนนี้เซิ่งเสี่ยวซิงแทบอยากจะรีบลากเก้าอี้ให้อวี้หนานเฉิง “ลุงอวี้นั่ง หนูไปเอาผลไม้”

ตอนที่กำลังจะเดินไป ก็มองอวี้จิ่งซีแวบหนึ่ง พูดเชิญอย่างจริงใจ

“พี่ชาย พี่จะไปด้วยกันกับหนูไหม?”

มองเซิ่งเสี่ยวซิงที่สดใสร่าเริงเป็นที่น่าเอ็นดู อวี้จิ่งซีลังเลครู่หนึ่ง ปล่อยมือที่จับมือเซิ่งอันหรานไว้แล้วเดินตามไป เขาอยากจะทำตัวดีกับลูกสาวป้าเซิ่ง

อวี้หนานเฉิงกลับแปลกใจมาก

คิดไม่ถึงว่าจิ่งซียอมเข้าหาสาวน้อยคนนี้?

ลูกชายที่รักของตัวเองคนนี้ เป็นคนขี้โมโหมาตลอด เพื่อนในวัยเดียวกันไม่มีสักคน เขาเคยลองให้ลูกเพื่อนในวงการเดียวกันเล่นกับเขา เขาไม่ยอมสนใจใครเลยสักคน โรคปิดกั้นตัวเองนิดๆ เป็นปัญหาในใจเขามาโดยตลอด

“ลูกสาวคุณ ร่าเริงมาก”

“ซิงซิงน้อยเหรอ?” เซิ่งอันหรานหัวเราะ “เธอนะก็คือเด็กซน มีบางเวลาฉันก็ไม่รู้ว่าในหัวเธอใส่อะไรประหลาดๆ มากมายเท่าไหร่ เข้ากันได้ดีกับคนวัยเดียวกัน สองคนนั้นคงเข้ากันได้ ประธานอวี้ไม่ต้องกังวล”

เดิมอวี้หนานเฉิงไม่ได้อยากอธิบายว่าตัวเองไม่ได้กังวลเรื่องนี้ คำพูดติดที่ปากสุดท้ายก็ปล่อยไป

“ไม่ต้องเรียกสุภาพขนาดนั้น จิ่งซีชอบคุณมาก หากเธอเรียกเขาว่าคุณชาย กลัวว่าเขาจะโมโห”

พูดอยู่ก็ก้มหน้าสั่งอาหารเพิ่มสองสามอย่าง ยื่นเมนูให้พนักงาน

เด็กทั้งสองเอาผลไม้กลับมา เห็นอาหารยังไม่ขึ้นโต๊ะ ก็วิ่งไปโซนเครื่องเล่นเด็ก เล่นสไลเดอร์ ตรงนี้วิวไม่เลวสามารถเห็นโซนเล่นของเด็กทั้งสอง ก็เลยวางใจ

ยากที่บรรยากาศจะผ่อนคลาย หลังจากคุยกันสองคำ เซิ่งอันหรานก็รู้สึกอวี้หนานเฉิงไม่ได้ทำถือตัวเหมือนปกติที่อยู่บริษัทขนาดนั้น คุยกันเรื่อยเปื่อย คิดถึงก่อนหน้าเรื่องที่จิ่งซีโมโห เธอเลยพูดถามออกไป

“จริงด้วย เรื่องจิ่งซีพูดไม่ได้ เป็นมาแต่เกิดเหรอ? หรือแม่เขาร่างกายไม่แข็งแรงเหรอ?”

ได้ยินคำนี้ เดิมอวี้หนานเฉิงที่นิ่งอยู่ก็เข้มขึ้นกะทันหัน สายตาจากโซนเครื่องเล่นเด็กมาที่ตัวเซิ่งอันหราน ในความระวังตัวมีความเย็นชาเล็กน้อย

“ขอโทษค่ะ”เซิ่งอันหรานถูกเขาจ้องจนตกใจ รีบรู้สึกตัวถึงขอบเขตตัวเอง ลืมอธิบาย”ฉันก็คือถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความหมายอะไร”

อวี้หนานเฉิงชำเลืองเธอด้วยความเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างไม่เกรงใจ

“คุณถามมากเกินไปแล้ว อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มาก”

เซิ่งอันหรานได้ยินบีบนิ้วมือใต้โต๊ะ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เทียบกับความอึดอัด คืออารมณ์เสียที่ตัวเองเสียมารยาทถามมากเกินไปมากกว่า ลูกบ้านตัวเองพิการใครจะให้คนอื่นถามได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นอวี้หนานเฉิงเป็นคนหยิ่งยโสอย่างนั้น

บรรยากาศเย็นลงทันที

อวี้หนานเฉิงเพราะคำนี้ มองเหม่อไปที่โซนเครื่องเล่นเด็กที่อยู่ไกลๆ

จิ่งซีพูดไม่ได้ไม่ใช่เป็นมาตั้งแต่เกิด ตอนเขา2ขวบก็พูดได้หลายคำแล้ว ฉลาดกว่าเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน หากไม่ใช่เวลานั้นเขาละเลยการดูแล ทำให้เขาไข้ขึ้นสูงเกือบเสียชีวิต ก็คงไม่เป็นสภาพเหมือนวันนี้

หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าหาหมอไปมากเท่าไหร่ ผลสรุปเดียวกัน กล่องเสียงเด็กไม่ได้บาดเจ็บใดๆ ก็แค่เขาไม่ยอมพูด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผูกรักท่านประธานพันล้าน 21 คุณถามมากเกินไปแล้ว

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 21 คุณถามมากเกินไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี้หนานเฉิงได้ยินคนเรียนคุณลุง เลยมองไปแวบหนึ่ง เห็นคนที่โบกมือเรียกตัวเองเป็นเด็กน้อยน่ารักก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

การนิ่งอึ้ง อวี้จิ่งซีก็ได้รอดออกจากมือเขาไป

เขาทำได้เพียงตามไป

เซิ่งอันหรานกำลังปิดหน้าไว้ จู่ๆ รู้สึกที่น่องมีแรงบีบ ก้มลงก็เห็นตาดำโตเหมือนอีกาคู่หนึ่ง ตัวเล็กกำลังกอดขาข้างหนึ่งของเธออยู่ ท่าทางดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

“คุณลุง! พวกเราเคยเจอกัน!”

เด็กน้อยน่ารักยืนด้านข้างโต๊ะ กะพริบตาดำโตคล้ายไข่มุกดำทั้งสองมองอวี้หนานเฉิงอยู่

อวี้หนานเฉิงย้อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงคิดได้ว่าก่อนหน้านี้พบเจอสาวน้อยที่สนามบินเด็กน้อยน่ารักประมาทชนมาตัวเขา เดี๋ยวเดียวสายตาก็อ่อนโยนลงมาก

“พวกคุณรู้จักกันได้ยังไง?”เซิ่งอันหรานยังมีท่าทางมึนงง

“ก็คือคุณลุงคนนี้ วันนั้นที่สนามบินให้ช็อกโกแลตหนูไง!หม่าม้า!”

เซิ่งเสี่ยวซิงหันหน้าไปอธิบายให้เซิ่งอันหราน นัยน์ตาประกายไปด้วยแสงดาว “บังเอิญจัง คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณลุงที่นี่เหมือนกัน หม่าม้าก็รู้จักคุณลุงคนนี้เหมือนกันเหรอ? ”

เซิ่งอันหรานได้ยินสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย “นี่เป็น…เจ้านายบริษัทของหม่าม้า”

อวี้หนานเฉิงยืนอยู่ข้างโต๊ะ ค่อนข้างวางตัวหน่อยๆ ” นี่คือลูกสาวของคุณ? ”

“ค่ะ”

ได้ยินคำตอบ ในใจอวี้หนานเฉิงมีความรู้สึกยากที่จะอธิบาย ไม่คิดว่าเธอจะแต่งงานมีลูกแล้ว? เลยถือโอกาสเปลี่ยนคำถาม

“มือหายเจ็บแล้ว? ”

กลัวอะไรมาอย่างนั้น เซิ่งอันหรานพลางดึงอวี้จิ่งซีออกมาจากโต๊ะเป็นโล่ พูดคุยไปพลาง

“ยัง ยังไม่ค่อยหายดี ยังไม่ค่อยได้ดั่งใจอยู่นิดหน่อย”

“งั้นก็พักผ่อนไปช่วงหนึ่ง ไม่ต้องรีบกลับมาทำงาน”

คำพูดของอวี้หนานเฉิง กลับทำให้เซิ่งอันหรานนิ่งไป

เขากลายเป็นคนเข้าใจง่ายตั้งแต่เมื่อไร?

“มือหม่าม้าหนูหายแล้ว! พรุ่งนี้กลับไปทำงานได้แล้ว! ”

เซิ่งเสี่ยวซิงพูดแทรกกะทันหัน

“ซิงซิงน้อย!” เซิ่งอันหรานถลึงตาให้เธอหนึ่งที ไม่เคยเห็นคนที่หักหน้าคนแบบนี้มาก่อน

อวี้หนานเฉิงเหมือนไม่ถือ คิดเพียงเป็นคำพูดเล่นของเด็ก เปลี่ยนหัวข้อไป

“เรื่องจิ่งซี ขอบคุณนะ ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล ตอนหลังมีเวลาว่างแล้ว แต่ได้ยินว่าคุณออกโรงพยาบาล ยังคิดอยู่ว่าว่างๆ จะพาจิ่งซีไปขอบคุณถึงบ้าน”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง “เซิ่งอันหรานรีบส่ายหน้า “ยังไงคุณก็ให้ฉันลาแล้ว ก็ถือว่าเป็นคำขอบคุณ อีกอย่างการดูแลความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของฉันที่เป็นพนักงานบริษัท”

สีหน้าก็เข้มขึ้นเล็กน้อย “แต่คุณก็อย่าลืมเรื่องพนันกันไว้ 3เดือน ฉันไม่คิดจะเลื่อนออกไป”

เซิ่งอันหรานได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้า

อะไรคือ3เดือนไม่คิดจะเลื่อนออกไปกัน? งั้นเธอตอนนี้ลาพักก็คือว่าตัวเองทำเสียเวลาเองเหรอ? เมื่อกี้ยังรู้สึกขอบคุณอวี้หนานเฉิง ตอนนี้มลายหายเป็นไอหมดแล้ว

ผู้ชายคนนี้ เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนอารมณ์เสียอย่างที่คิด

ไม่รอให้เซิ่งอันหรานตั้งตัว อวี้หนานเฉิงโบกมือเรียกอวี้จิ่งซี

“จิ่งซีไปเถอะ อย่ารบกวนคนอื่นกินข้าว”  เห็นชัดว่าเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร

“จิ่งซี! “อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วขึ้น

เห็นหน้าเด็กน้อยดื้อดึง ยืนตรงข้ามเหมือนกับก๊อบปี้ใบหน้าอย่างนั้น ยืนกรานไม่ยอม เซิ่งอันหรานรีบไกล่เกลี่ย

“หากไม่รังเกียจละก็นั่งตรงนี้เถอะ ยังไงนี่ก็เป็นที่นั่งสำหรับ4 คน”

คนในร้านไม่เยอะ พนักงานก็จัดตำแหน่งกว้างขวางให้เธอ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ก็ได้ใช้งานแล้ว

เห็นอวี้จิ่งซีไม่มีความคิดจะไปสักนิด อวี้หนานเฉิงทำได้แค่นั่งลง เพียงแต่สายตาเหี่ยวแห้งเล็กน้อย ในสายตา

เซิ่งอันหรานดูตลกเป็นพิเศษ

อวี้หนานเฉิงประธานเซิ่งถังกรุปผู้สง่า คิดไม่ถึงว่าก็มีจุดอ่อนเหมือนกันนะ

ตอนนี้เซิ่งเสี่ยวซิงแทบอยากจะรีบลากเก้าอี้ให้อวี้หนานเฉิง “ลุงอวี้นั่ง หนูไปเอาผลไม้”

ตอนที่กำลังจะเดินไป ก็มองอวี้จิ่งซีแวบหนึ่ง พูดเชิญอย่างจริงใจ

“พี่ชาย พี่จะไปด้วยกันกับหนูไหม?”

มองเซิ่งเสี่ยวซิงที่สดใสร่าเริงเป็นที่น่าเอ็นดู อวี้จิ่งซีลังเลครู่หนึ่ง ปล่อยมือที่จับมือเซิ่งอันหรานไว้แล้วเดินตามไป เขาอยากจะทำตัวดีกับลูกสาวป้าเซิ่ง

อวี้หนานเฉิงกลับแปลกใจมาก

คิดไม่ถึงว่าจิ่งซียอมเข้าหาสาวน้อยคนนี้?

ลูกชายที่รักของตัวเองคนนี้ เป็นคนขี้โมโหมาตลอด เพื่อนในวัยเดียวกันไม่มีสักคน เขาเคยลองให้ลูกเพื่อนในวงการเดียวกันเล่นกับเขา เขาไม่ยอมสนใจใครเลยสักคน โรคปิดกั้นตัวเองนิดๆ เป็นปัญหาในใจเขามาโดยตลอด

“ลูกสาวคุณ ร่าเริงมาก”

“ซิงซิงน้อยเหรอ?” เซิ่งอันหรานหัวเราะ “เธอนะก็คือเด็กซน มีบางเวลาฉันก็ไม่รู้ว่าในหัวเธอใส่อะไรประหลาดๆ มากมายเท่าไหร่ เข้ากันได้ดีกับคนวัยเดียวกัน สองคนนั้นคงเข้ากันได้ ประธานอวี้ไม่ต้องกังวล”

เดิมอวี้หนานเฉิงไม่ได้อยากอธิบายว่าตัวเองไม่ได้กังวลเรื่องนี้ คำพูดติดที่ปากสุดท้ายก็ปล่อยไป

“ไม่ต้องเรียกสุภาพขนาดนั้น จิ่งซีชอบคุณมาก หากเธอเรียกเขาว่าคุณชาย กลัวว่าเขาจะโมโห”

พูดอยู่ก็ก้มหน้าสั่งอาหารเพิ่มสองสามอย่าง ยื่นเมนูให้พนักงาน

เด็กทั้งสองเอาผลไม้กลับมา เห็นอาหารยังไม่ขึ้นโต๊ะ ก็วิ่งไปโซนเครื่องเล่นเด็ก เล่นสไลเดอร์ ตรงนี้วิวไม่เลวสามารถเห็นโซนเล่นของเด็กทั้งสอง ก็เลยวางใจ

ยากที่บรรยากาศจะผ่อนคลาย หลังจากคุยกันสองคำ เซิ่งอันหรานก็รู้สึกอวี้หนานเฉิงไม่ได้ทำถือตัวเหมือนปกติที่อยู่บริษัทขนาดนั้น คุยกันเรื่อยเปื่อย คิดถึงก่อนหน้าเรื่องที่จิ่งซีโมโห เธอเลยพูดถามออกไป

“จริงด้วย เรื่องจิ่งซีพูดไม่ได้ เป็นมาแต่เกิดเหรอ? หรือแม่เขาร่างกายไม่แข็งแรงเหรอ?”

ได้ยินคำนี้ เดิมอวี้หนานเฉิงที่นิ่งอยู่ก็เข้มขึ้นกะทันหัน สายตาจากโซนเครื่องเล่นเด็กมาที่ตัวเซิ่งอันหราน ในความระวังตัวมีความเย็นชาเล็กน้อย

“ขอโทษค่ะ”เซิ่งอันหรานถูกเขาจ้องจนตกใจ รีบรู้สึกตัวถึงขอบเขตตัวเอง ลืมอธิบาย”ฉันก็คือถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความหมายอะไร”

อวี้หนานเฉิงชำเลืองเธอด้วยความเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างไม่เกรงใจ

“คุณถามมากเกินไปแล้ว อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มาก”

เซิ่งอันหรานได้ยินบีบนิ้วมือใต้โต๊ะ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เทียบกับความอึดอัด คืออารมณ์เสียที่ตัวเองเสียมารยาทถามมากเกินไปมากกว่า ลูกบ้านตัวเองพิการใครจะให้คนอื่นถามได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นอวี้หนานเฉิงเป็นคนหยิ่งยโสอย่างนั้น

บรรยากาศเย็นลงทันที

อวี้หนานเฉิงเพราะคำนี้ มองเหม่อไปที่โซนเครื่องเล่นเด็กที่อยู่ไกลๆ

จิ่งซีพูดไม่ได้ไม่ใช่เป็นมาตั้งแต่เกิด ตอนเขา2ขวบก็พูดได้หลายคำแล้ว ฉลาดกว่าเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน หากไม่ใช่เวลานั้นเขาละเลยการดูแล ทำให้เขาไข้ขึ้นสูงเกือบเสียชีวิต ก็คงไม่เป็นสภาพเหมือนวันนี้

หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าหาหมอไปมากเท่าไหร่ ผลสรุปเดียวกัน กล่องเสียงเด็กไม่ได้บาดเจ็บใดๆ ก็แค่เขาไม่ยอมพูด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+