ผูกรักท่านประธานพันล้าน 36 ทำไมเธอถึงไม่มีสิทธิ์ ?

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 36 ทำไมเธอถึงไม่มีสิทธิ์ ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อถึงโรงพยาบาล เซิ่งเสี่ยวซิงลากเซิ่งอันหรานไปแผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาล

“ซิงซิงน้อย ช้าหน่อย แขนจะถูกเธอดึงหลุดแล้ว ”เซิ่งอันหรานเดินตามเธอออกจากลิฟต์เงียบๆ จนกระทั่งถึงห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นอวี้จิ่งซีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอถึงเชื่อจริงๆว่าซิงซิงน้อยไม่ได้พูดไร้สาระ

“เกิดอะไรขึ้นกับจิ่งซีกัน ?”

ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่ภายในห้อง มีเพียงชายชราที่นั่งอยู่ข้างๆ

เมื่อเขาเห็นเซิ่งอันหราน สีหน้าเขาก็ดูดีใจมาก เขารีบลุกขึ้นและแกล้งถามว่า “เธอคือ ?”

เมื่อได้ยิน เซิ่งอันหรานรีบดึงสติแล้วแนะนำตัวเองกลับไปว่า “ฉันชื่อเซิ่งอันหราน เป็นผู้จัดการของโรงแรมเซิ่งถัง ลูกสาวฉันเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับจิ่งซี คุณคือ ?”

ความชัดเจน การพูดและให้เกียรติ คือทัศนคติที่ควรมีต่อผู้สูงอายุ

นอกจากนี้รูปร่างลักษณะ ยังมีความคล้ายคลึงกับจิ่งซี ชายชราดูชอบมากขึ้นเรื่อยๆ หางตาของเขาเหลือบมองไปที่เซิ่งเสี่ยวซิงจากนั้นแอบทำหน้าดีใจ แล้วพูดว่า

“ฉันคือคุณปู่ของจิ่งซี”

“คุณคือท่านประธานใหญ่อวี้”เซิ่งอันหรานยืนตรง “ขออภัยด้วยนะคะ ฉันเสียมารยาทแล้ว”

“ไม่เป็นไร”

ชายชราเรียกเธอให้นั่งลง “นั่งลงเถอะ ฉันได้ยินจิ่งซีพูดถึงเธอ เขาชอบเธอมาก ก่อนหน้านี้เธอเคยช่วยชีวิตจิ่งซีไว้ครั้งหนึ่ง ฉันประทับใจมาก”

เมื่อเห็นว่าชายชราไม่ได้ใจร้ายเหมือนกับข่าวลือ เซิ่งอันหรานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “จิ่งซีได้รับบาดเจ็บแบบนี้ได้ยังไงคะ ?”

“เรื่องเป็นยังไงฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก เขาได้รับบาดเจ็บตอนอยู่กับหนานเฉิง เห็นบอกว่ากลิ้งตกลงมาจากชั้นสอง หลังจากผ่าตัดเสร็จ หมอบอกว่าแขนขวาหัก มือซ้ายของเขาเคล็ด และยังมีบาดแผลตามร่างกาย โถ่เอ๊ย เด็กคนนี้ตั้งแต่เล็กไม่มีแม่คอยดูแลอยู่ข้างๆ และยังอ่อนแออีก”

หลังจากได้ยิน เซิ่งอันหรานก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับอวี้จิ่งซีมากนัก แต่เขาก็อายุพอๆกับซิงซิงน้อย ในตอนนั้นตัวเองก็มี

ลูกชายที่หายไปซึ่งอายุก็เท่าๆกันกับเขา เมื่อเห็นเขาเธอก็มักจะคิดถึงเด็กคนนั้น ไม่รู้ว่าจะมีแม่อยู่ข้างกายหรือเปล่า ถ้าหากว่าไม่มี ก็คงจะเหมือนกับจิ่งซี

“โชคดีที่เด็กๆฟื้นตัวได้เร็ว ถ้ากระดูกหักก็ให้ดื่มซุปปลาช่อนเพื่อเสริมแคลเซียม”

ชายชราแสดงสีหน้าลำบากใจ “จริงเหรอ ? แต่ด้วยเหตุนี้หนานเฉิงโกรธจนไล่คนรับใช้ทั้งหมดออก ฉันก็ไม่สบายใจ ตอนนี้คนรับใช้เหล่านั้นทำอะไรก็ไม่รอบคอบ”

“ไม่เป็นไรค่ะ วันหยุดฉันพักผ่อน เดี๋ยวทำมาส่งให้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย ถ้างั้นก็รบกวนคุณเซิ่งแล้ว”

“ท่านอย่าเกรงใจฉันเลยค่ะ”เซิ่งอันหรานมองใบหน้าเล็กซีดที่นอนอยู่บนเตียง “ฉันก็รู้สึกถูกชะตากับจิ่งซี ทำซุปนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

ในขณะที่กำลังพูด ประตูก็ถูกคนผลักเข้ามา อวี๋หนานเฉิงและเกาหย่าเหวินก็เดินตามกันเข้ามา

เมื่ออวี้หนานเฉิงเห็นเซิ่งอันหราน ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่  “ฉันได้ข่าวว่าจิ่งซีเกิดเรื่องแล้ว เลยมาเยี่ยม”

“เธอได้ข่าว ?”อวี้หนานเฉิงเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องของจิ่งซี แต่ทันทีที่ได้ยินสายตาของเขาก็มืดมนลง และถามตรงตรงว่า “ตีสองเธอได้ข่าวจากไหนว่าจิ่งซีเกิดเรื่อง ? การผ่าตัดเพิ่งเสร็จไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณก็รีบมาโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ?”

เมื่อเซิ่งอันหรานถูกถามอย่างอธิบายถูก และรวมกับที่ได้ยินชายชราบอกเรื่องที่อวี้จิ่งซีตกลงมากชั้นสอง ในใจเธอก็ลุกเป็นไฟ เธอยืนขึ้นและพูดอย่างไม่เกรงใจว่า

“ตอนนี้มันใช่เวลาที่คุณจะมากังวลว่าฉันไปได้ยินเรื่องของจิ่งซีมาจากไหนเหรอ ? ตอนนี้ลูกชายของคุณนอนอยู่บนเตียง คุณยังมีกะจิตกะใจมาสงสัยฉันว่ามีจุดประสงค์ซ่อนเร้น ?”

“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวผม คุณลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นแค่ผู้จัดการโรงแรมเล็กๆในเครือเซิ่งถังกรุป”

“ประธานอวี้เรื่องของครอบครัวคุณฉันรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ถาม คุณเป็นคนสูงส่ง แค่คำพูดเดียวก็สามารถไล่ฉันออกได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน ฉันแค่มาเยี่ยมเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวฉัน เดิมทีฉันยังคิดว่าเป็นเด็กซุกซนและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ตอนนี้มีคนบอกฉันว่าได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตกลงมาจากชั้นสอง ใจคุณนี่กว้างจริงๆ ถ้าเกิดว่าศีรษะกระแทกพื้น คุณก็จะสูญเสียลูกชายคนนี้ไปตลอดชีวิต คุณรู้หรือเปล่า ?”

บางทีอาจจะเป็นเพราะความกดดันและการทำงานที่หนักเกินไปในสองวันนี้ บวกกับรู้ว่าอวี้จิ่งซีประสบ

อุบัติเหตุทั้งสองครั้งโดยไม่มีใครดูแลเขา เซิ่งอันหรานจึงไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้

“รู้ไหมว่าทำไมจิ่งซีถึงไม่ยอมเอ่ยปากเรียกคุณว่าพ่อ ? เพราะคุณไม่ใส่จิ่งซีให้มากพอ คุณถามตัวเองดูว่า คุ้มค่าพอให้เขาพึ่งพาอาศัยไหม คุณให้ความปลอดภัยกับเขาหรือเปล่า ? เขาเป็นลูกชายของคุณนะ ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะรักและดูแลเขา ทำไมคุณถึงต้องให้เขาเกิดมาตั้งแต่แรกด้วย ?”

คำพูดนี้จี้จุดของอวี้หนานเฉิง เขาพูดไม่ออก แววตาทั้งคู่ของเขาเคร่งขรึมขึ้น คิ้วขมวดเป็นรอยย่น

ในตอนแรก ในตอนที่อวี้หนานเฉิงเกิด เขาเพียงเพื่อที่จะรับมือกับการกดขี่ข่มเหงของคุณปู่ เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการจัดการเซิ่งถังกรุปเท่านั้น

เมื่อถูกจี้จุด ใบหน้าของเขาก็แสดงความไม่พอใจออกมา และในขณะที่กำลังจะพูดอะไร เกาหย่าเหวินที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ผู้จัดการเซิ่ง คุณยุ่งมากไปหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่ง ?”

“ทำไมเธอถึงไม่มีสิทธิ์ ? ”ทันใดนั้นชายชราก็พูดขั้น เสียงที่ดังและแน่วแน่ก้องอยู่ในห้องผู้ป่วย

“เธอยืนอยู่ในมุมมองของแม่ที่สั่งสอนหนานเฉิงถึงวิธีการเป็นพ่อ เธอสอนลูกสาวได้ดีขนาดนี้ เธอมีสิทธิ์ที่จะพูด และหนานเฉิง เรื่องนี้คุณควรทบทวนตัวเองจริงๆ คุณจัดการบริษัทได้ดี แต่ในฐานะพ่อนี้ คุณลองคิดดูว่าตัวเองมีความรับผิดชอบจริงเหรอ ?”

ชายชราช่วยเซิ่งอันหรานพูด ดวงตาของเกาหย่าเหวินจ้องเขม็ง เธอโกรธจนมือสั่น

ผู้หญิงคนนี้ช่างอ้อยอิ่ง อย่างแรกเธอคว้าใจของอวี้จิ่งซีที่น่ารังเกียจคนนี้ และตอนนี้แม้แต่ชายชราเองก็ยังอยู่ข้างเธอ และยังช่วยพูดให้อีก

“ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ใช่คนของตระกูลอวี้ และจะมาโวยวายอยู่ที่นี่ในกลางดึกแบบนี้”

จู่ๆซิงซิงน้อยที่เงียบก็พูดขึ้นขัดจังหวะขึ้นมา

“แต่คุณป้าก็ไม่ใช่คนของตระกูลอวี้นี่นา แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ ?”

หลังจากได้ยิน ใบหน้าของเกาหย่าเหวินก็ซีดเซียว “สาวน้อย เธอพูดบ้าอะไรกัน ฉันเป็นคู่หมั้นของหนานเฉิง ทำไมฉันถึงจะไม่ใช่คนของตระกูลอวี้ล่ะ ”

“คู่หมั้น ก็คือยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”ซิงซิงน้อยย่องไปอยู่ข้างหลังเซิ่งอันหราน และกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา

“เธอ……….”

เกาหย่าถูกสกัดจนไม่มีอะไรจะพูด

ด้วยการหลบอยู่หลังเซิ่งอันหราน ชายชราและซิงซิงน้อยแอบตบมือกันอย่างลับๆ แต่สีหน้าของพวกเขายังคงสงบนิ่ง

“พอแล้ว จะทะเลาะอะไรกันอีก ? จิ่งซียังต้องพักผ่อนนะ”อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว เหลือบมองเกาหย่าเหวิน “ดึกแล้ว รีบกลับเถอะ ที่นี่มีผมก็พอแล้ว”

คำพูดนี้มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ เกาหย่าเหวินไม่มีทางที่จะเพิกเฉย นอกจากนี้เธอยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ดังนั้นเธอจึงไม่ไปไหนไกล เธอทำเป็นเดินไปที่หน้าประตูให้คิดว่าตัวเองจากไปแล้ว เซิ่งอันหรานแม่ลูกคู่นั้นยังอยู่ด้านใน เธอชะงักฝ่าเท้า

จนกระทั่งได้ยินประโยคหนึ่งดังมาจากห้องผู้ป่วย

“คุณก็ไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้องการคุณ”

เธอถึงถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ แล้วเดินจากไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผูกรักท่านประธานพันล้าน 36 ทำไมเธอถึงไม่มีสิทธิ์ ?

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 36 ทำไมเธอถึงไม่มีสิทธิ์ ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อถึงโรงพยาบาล เซิ่งเสี่ยวซิงลากเซิ่งอันหรานไปแผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาล

“ซิงซิงน้อย ช้าหน่อย แขนจะถูกเธอดึงหลุดแล้ว ”เซิ่งอันหรานเดินตามเธอออกจากลิฟต์เงียบๆ จนกระทั่งถึงห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นอวี้จิ่งซีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอถึงเชื่อจริงๆว่าซิงซิงน้อยไม่ได้พูดไร้สาระ

“เกิดอะไรขึ้นกับจิ่งซีกัน ?”

ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่ภายในห้อง มีเพียงชายชราที่นั่งอยู่ข้างๆ

เมื่อเขาเห็นเซิ่งอันหราน สีหน้าเขาก็ดูดีใจมาก เขารีบลุกขึ้นและแกล้งถามว่า “เธอคือ ?”

เมื่อได้ยิน เซิ่งอันหรานรีบดึงสติแล้วแนะนำตัวเองกลับไปว่า “ฉันชื่อเซิ่งอันหราน เป็นผู้จัดการของโรงแรมเซิ่งถัง ลูกสาวฉันเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับจิ่งซี คุณคือ ?”

ความชัดเจน การพูดและให้เกียรติ คือทัศนคติที่ควรมีต่อผู้สูงอายุ

นอกจากนี้รูปร่างลักษณะ ยังมีความคล้ายคลึงกับจิ่งซี ชายชราดูชอบมากขึ้นเรื่อยๆ หางตาของเขาเหลือบมองไปที่เซิ่งเสี่ยวซิงจากนั้นแอบทำหน้าดีใจ แล้วพูดว่า

“ฉันคือคุณปู่ของจิ่งซี”

“คุณคือท่านประธานใหญ่อวี้”เซิ่งอันหรานยืนตรง “ขออภัยด้วยนะคะ ฉันเสียมารยาทแล้ว”

“ไม่เป็นไร”

ชายชราเรียกเธอให้นั่งลง “นั่งลงเถอะ ฉันได้ยินจิ่งซีพูดถึงเธอ เขาชอบเธอมาก ก่อนหน้านี้เธอเคยช่วยชีวิตจิ่งซีไว้ครั้งหนึ่ง ฉันประทับใจมาก”

เมื่อเห็นว่าชายชราไม่ได้ใจร้ายเหมือนกับข่าวลือ เซิ่งอันหรานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “จิ่งซีได้รับบาดเจ็บแบบนี้ได้ยังไงคะ ?”

“เรื่องเป็นยังไงฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก เขาได้รับบาดเจ็บตอนอยู่กับหนานเฉิง เห็นบอกว่ากลิ้งตกลงมาจากชั้นสอง หลังจากผ่าตัดเสร็จ หมอบอกว่าแขนขวาหัก มือซ้ายของเขาเคล็ด และยังมีบาดแผลตามร่างกาย โถ่เอ๊ย เด็กคนนี้ตั้งแต่เล็กไม่มีแม่คอยดูแลอยู่ข้างๆ และยังอ่อนแออีก”

หลังจากได้ยิน เซิ่งอันหรานก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับอวี้จิ่งซีมากนัก แต่เขาก็อายุพอๆกับซิงซิงน้อย ในตอนนั้นตัวเองก็มี

ลูกชายที่หายไปซึ่งอายุก็เท่าๆกันกับเขา เมื่อเห็นเขาเธอก็มักจะคิดถึงเด็กคนนั้น ไม่รู้ว่าจะมีแม่อยู่ข้างกายหรือเปล่า ถ้าหากว่าไม่มี ก็คงจะเหมือนกับจิ่งซี

“โชคดีที่เด็กๆฟื้นตัวได้เร็ว ถ้ากระดูกหักก็ให้ดื่มซุปปลาช่อนเพื่อเสริมแคลเซียม”

ชายชราแสดงสีหน้าลำบากใจ “จริงเหรอ ? แต่ด้วยเหตุนี้หนานเฉิงโกรธจนไล่คนรับใช้ทั้งหมดออก ฉันก็ไม่สบายใจ ตอนนี้คนรับใช้เหล่านั้นทำอะไรก็ไม่รอบคอบ”

“ไม่เป็นไรค่ะ วันหยุดฉันพักผ่อน เดี๋ยวทำมาส่งให้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย ถ้างั้นก็รบกวนคุณเซิ่งแล้ว”

“ท่านอย่าเกรงใจฉันเลยค่ะ”เซิ่งอันหรานมองใบหน้าเล็กซีดที่นอนอยู่บนเตียง “ฉันก็รู้สึกถูกชะตากับจิ่งซี ทำซุปนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

ในขณะที่กำลังพูด ประตูก็ถูกคนผลักเข้ามา อวี๋หนานเฉิงและเกาหย่าเหวินก็เดินตามกันเข้ามา

เมื่ออวี้หนานเฉิงเห็นเซิ่งอันหราน ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่  “ฉันได้ข่าวว่าจิ่งซีเกิดเรื่องแล้ว เลยมาเยี่ยม”

“เธอได้ข่าว ?”อวี้หนานเฉิงเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องของจิ่งซี แต่ทันทีที่ได้ยินสายตาของเขาก็มืดมนลง และถามตรงตรงว่า “ตีสองเธอได้ข่าวจากไหนว่าจิ่งซีเกิดเรื่อง ? การผ่าตัดเพิ่งเสร็จไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณก็รีบมาโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ?”

เมื่อเซิ่งอันหรานถูกถามอย่างอธิบายถูก และรวมกับที่ได้ยินชายชราบอกเรื่องที่อวี้จิ่งซีตกลงมากชั้นสอง ในใจเธอก็ลุกเป็นไฟ เธอยืนขึ้นและพูดอย่างไม่เกรงใจว่า

“ตอนนี้มันใช่เวลาที่คุณจะมากังวลว่าฉันไปได้ยินเรื่องของจิ่งซีมาจากไหนเหรอ ? ตอนนี้ลูกชายของคุณนอนอยู่บนเตียง คุณยังมีกะจิตกะใจมาสงสัยฉันว่ามีจุดประสงค์ซ่อนเร้น ?”

“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวผม คุณลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นแค่ผู้จัดการโรงแรมเล็กๆในเครือเซิ่งถังกรุป”

“ประธานอวี้เรื่องของครอบครัวคุณฉันรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ถาม คุณเป็นคนสูงส่ง แค่คำพูดเดียวก็สามารถไล่ฉันออกได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน ฉันแค่มาเยี่ยมเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวฉัน เดิมทีฉันยังคิดว่าเป็นเด็กซุกซนและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ตอนนี้มีคนบอกฉันว่าได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตกลงมาจากชั้นสอง ใจคุณนี่กว้างจริงๆ ถ้าเกิดว่าศีรษะกระแทกพื้น คุณก็จะสูญเสียลูกชายคนนี้ไปตลอดชีวิต คุณรู้หรือเปล่า ?”

บางทีอาจจะเป็นเพราะความกดดันและการทำงานที่หนักเกินไปในสองวันนี้ บวกกับรู้ว่าอวี้จิ่งซีประสบ

อุบัติเหตุทั้งสองครั้งโดยไม่มีใครดูแลเขา เซิ่งอันหรานจึงไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้

“รู้ไหมว่าทำไมจิ่งซีถึงไม่ยอมเอ่ยปากเรียกคุณว่าพ่อ ? เพราะคุณไม่ใส่จิ่งซีให้มากพอ คุณถามตัวเองดูว่า คุ้มค่าพอให้เขาพึ่งพาอาศัยไหม คุณให้ความปลอดภัยกับเขาหรือเปล่า ? เขาเป็นลูกชายของคุณนะ ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะรักและดูแลเขา ทำไมคุณถึงต้องให้เขาเกิดมาตั้งแต่แรกด้วย ?”

คำพูดนี้จี้จุดของอวี้หนานเฉิง เขาพูดไม่ออก แววตาทั้งคู่ของเขาเคร่งขรึมขึ้น คิ้วขมวดเป็นรอยย่น

ในตอนแรก ในตอนที่อวี้หนานเฉิงเกิด เขาเพียงเพื่อที่จะรับมือกับการกดขี่ข่มเหงของคุณปู่ เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการจัดการเซิ่งถังกรุปเท่านั้น

เมื่อถูกจี้จุด ใบหน้าของเขาก็แสดงความไม่พอใจออกมา และในขณะที่กำลังจะพูดอะไร เกาหย่าเหวินที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ผู้จัดการเซิ่ง คุณยุ่งมากไปหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่ง ?”

“ทำไมเธอถึงไม่มีสิทธิ์ ? ”ทันใดนั้นชายชราก็พูดขั้น เสียงที่ดังและแน่วแน่ก้องอยู่ในห้องผู้ป่วย

“เธอยืนอยู่ในมุมมองของแม่ที่สั่งสอนหนานเฉิงถึงวิธีการเป็นพ่อ เธอสอนลูกสาวได้ดีขนาดนี้ เธอมีสิทธิ์ที่จะพูด และหนานเฉิง เรื่องนี้คุณควรทบทวนตัวเองจริงๆ คุณจัดการบริษัทได้ดี แต่ในฐานะพ่อนี้ คุณลองคิดดูว่าตัวเองมีความรับผิดชอบจริงเหรอ ?”

ชายชราช่วยเซิ่งอันหรานพูด ดวงตาของเกาหย่าเหวินจ้องเขม็ง เธอโกรธจนมือสั่น

ผู้หญิงคนนี้ช่างอ้อยอิ่ง อย่างแรกเธอคว้าใจของอวี้จิ่งซีที่น่ารังเกียจคนนี้ และตอนนี้แม้แต่ชายชราเองก็ยังอยู่ข้างเธอ และยังช่วยพูดให้อีก

“ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ใช่คนของตระกูลอวี้ และจะมาโวยวายอยู่ที่นี่ในกลางดึกแบบนี้”

จู่ๆซิงซิงน้อยที่เงียบก็พูดขึ้นขัดจังหวะขึ้นมา

“แต่คุณป้าก็ไม่ใช่คนของตระกูลอวี้นี่นา แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ ?”

หลังจากได้ยิน ใบหน้าของเกาหย่าเหวินก็ซีดเซียว “สาวน้อย เธอพูดบ้าอะไรกัน ฉันเป็นคู่หมั้นของหนานเฉิง ทำไมฉันถึงจะไม่ใช่คนของตระกูลอวี้ล่ะ ”

“คู่หมั้น ก็คือยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”ซิงซิงน้อยย่องไปอยู่ข้างหลังเซิ่งอันหราน และกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา

“เธอ……….”

เกาหย่าถูกสกัดจนไม่มีอะไรจะพูด

ด้วยการหลบอยู่หลังเซิ่งอันหราน ชายชราและซิงซิงน้อยแอบตบมือกันอย่างลับๆ แต่สีหน้าของพวกเขายังคงสงบนิ่ง

“พอแล้ว จะทะเลาะอะไรกันอีก ? จิ่งซียังต้องพักผ่อนนะ”อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว เหลือบมองเกาหย่าเหวิน “ดึกแล้ว รีบกลับเถอะ ที่นี่มีผมก็พอแล้ว”

คำพูดนี้มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ เกาหย่าเหวินไม่มีทางที่จะเพิกเฉย นอกจากนี้เธอยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ดังนั้นเธอจึงไม่ไปไหนไกล เธอทำเป็นเดินไปที่หน้าประตูให้คิดว่าตัวเองจากไปแล้ว เซิ่งอันหรานแม่ลูกคู่นั้นยังอยู่ด้านใน เธอชะงักฝ่าเท้า

จนกระทั่งได้ยินประโยคหนึ่งดังมาจากห้องผู้ป่วย

“คุณก็ไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้องการคุณ”

เธอถึงถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ แล้วเดินจากไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+