ผูกรักท่านประธานพันล้าน 29 งั้นหลังจากนี้พี่ก็เป็นพี่ชายหนูแล้ว

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 29 งั้นหลังจากนี้พี่ก็เป็นพี่ชายหนูแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซิ่งอันหรานไม่รู้สึกว่าคำพูดของเธอมีอะไรแปลก พยักหน้า ดีใจเล็กน้อย

“คุณเกายังจำฉันได้”

เกาหย่าเหวินไม่ตอบกับถาม “ลูกสาวคุณชื่ออะไร?”

สายตาเธอมองไปที่ตัวเซิ่งเสี่ยวซิง หลังจากเห็นใบหน้าเล็กขาวนุ่มละมุนนั้น ตากระตุกแปลกๆ ทำไมรู้สึกว่าเด็กนี้หน้าต่างคล้ายอวี้หนานเฉิง?

เป็นไปไม่ได้ ในใจเธอมีเสียงเตือนตัวเองขึ้น

“หนูชื่อเซิ่งเสี่ยวซิง คุณเรียกหนูว่าซิงซิงน้อย”

จู่ๆ เซิ่งเสี่ยวซิงพูดแทรก เงยหน้ามองเกาหย่าเหวิน ท่าทีเหมือนสำรวจ

“เซิ่งเสี่ยวซิง ?”

หลังจากที่ได้ยินชื่อนี้ เกาหย่าเหวินกำมือแน่น นึกถึงประวัติการแพทย์บนโต๊ะทำงานอวี้หนานเฉิงวันนั้น ในใจยิ่งสงสัย เลยถามตรงไปตรงมา

“ทำไมหนูใช้นามสกุลของแม่?”

เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้าไม่เข้าใจ หันกลับไปมองหม่าม้าของตัวเอง

คำถามก่อนหน้านี้เซิ่งอันหรานไม่รู้สึกผิดปกติอะไรถือเป็นเรื่องปกติ ถามถึงตรงนี้ก็เข้าข่ายเรื่องส่วนบุคคลไปแล้ว หากเธอไม่รู้ก็โง่แล้ว

ดึงเซิ่งเสี่ยวซิงไปข้างหลังตัวเอง น้ำเสียงเข้มเล็กน้อย

“ซิงซิงน้อยเติบโตที่ประเทศอเมริกา เพิ่งกลับประเทศไม่นาน ไม่ค่อยเข้าใจคำถามนี้ของคุณเกา ยิ่งไปกว่านั้นศตวรรษที่ 21 ใช้นามสกุลใครไม่เห็นแปลกอะไร”

เกาหย่าเหวินอึ้งไป และเห็นอวี้จิ่งซีหลบหลังเซิ่งอันหรานอยากสนิทสนม ยิ่งไม่พอใจทันที น้ำเสียงโหดนิดๆ

“ใช้นามสกุลใครก็ไม่มีอะไร ฉันก็แค่สงสัยนิดหน่อย โรงเรียนหลานเป่านี้ ไม่ใช้คนทั่วไปสามารถส่งลูกเข้าเรียนได้ คุณเซิ่งก็แค่ผู้จัดการฝึกหัดคนหนึ่งของเซิ่งถังกรุป หากไม่ใช่สามีเก่ง ฉันก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าคุณเอาความสามารถส่งลูกเรียนที่นี่จากไหน”

เซิ่งอันหรานมีสีหน้าอึดอัด

เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้หาเรื่องเกาหย่าเหวิน หล่อนกลับก้าวร้าว และประโยคเดียวก็แทงถูกจุดอ่อนเธอ ตามความสามารถเธอเอง ไม่มีความสามารถจะส่งเซิ่งเสี่ยวซิงมาที่นี่จริงๆ พูดไม่ออกทันที

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น”

จู่ๆ เสียงอวี้หนานเฉิงแทรกขึ้น ช่วยเซิ่งอันหรานที่อึดอัด เขากวาดตามองเกาหย่าเหวินอย่างไม่พอใจ “คนอื่นเข้าเรียนยังไงก็ต้องรายงานคุณเหรอ? ช่วงนี้คุณยุ่งมากเกินไปจริงๆ”

เกาหย่าเหวินได้ยินหน้าซีดขาว

อวี้หนานเฉิงกลับออกหน้าแทนผู้หญิงคนนี้ ยังไม่ไว้หน้าเธอในที่สาธารณะ

“หนานเฉิง ฉันทำเพื่อจิ่งซี” เธอรีบแก้สถานการณ์”กลัวว่าโรงเรียนจะมีคนดีและคนเลวปะปนกัน ถามให้ชัดเจนหน่อยดีกว่า”

“ไม่จำเป็น”

อวี้หนานเฉิงไม่มองเธออีก ท่าทีเย็นชา “คุณกลับขึ้นรถก่อนเถอะ ผมส่งจิ่งซีเข้าไปก็พอ”

ผู้ปกครองนักเรียนเปิดปากพูดแล้ว เป็นธรรมดาที่ยามจะไม่ปล่อยให้เกาหย่าเหวินเข้าไป นี่เป็นกฎของหลานเป่า

“หนานเฉิง”

เกาหย่าเหวินยืนกระทืบเท้าอยู่หน้าประตู มองด้านหลังอวี้หนานเฉิงและเซิ่งอันหรานเดินเข้าไป

เซิ่งเสี่ยวซิงกับอวี้จิ่งซีเดินอยู่ข้างหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง เด็กหันไปมองเกาหย่าเหวินที่กระทืบเท้าอยู่นอกประตูใหญ่ ตามมาด้วยห่อไหล่ พูดเสียงเบา

“พี่จิ่งซี พี่ชอบคุณป้าคนนั้นจริงเหรอ? หนูรู้สึกว่าเธอน่ากลัวนิดหน่อย”

หลังจากได้ยินคุณปู่บอกข่าวอวี้หนานเฉิงจะแต่งกับเกาหย่าเหวิน เธอก็หาข้อมูลเกาหย่าเหวินบนเน็ต รูปถ่ายบนเน็ตสวยเหมือนนางฟ้าลงมาที่โลก แต่ตอนนี้เห็นตัวจริง เซิ่งเสี่ยวซิงแอบเม้มปากอยู่ในใจ

ก็แค่แต่งตัวทันสมัยหน่อยเดียว หากมองใบหน้านั้นแล้วยังคำพูดหยาบๆ มีจุดไหนเทียบหม่าม้าของเธอได้ ลุงอวี้คนนี้ตาบอดแล้ว

จู่ๆ อวี้จิ่งซีก็ตื่นเต้น  “พี่ไม่ชอบเธอเหรอ?” เซิ่งเสี่ยวซิงตะลึง “งั้นพี่ยังอยากให้เธอมาเป็นแม่เลี้ยงของพี่?”

อวี้จิ่งซีส่ายหน้าหนักเข้าไปใหญ่

“ความหมายของพี่คือ พี่แม่อยากให้เธอเป็นแม่เลี้ยงเหรอ?” จู่ๆ ตาของเซิ่งเสี่ยวซิงเป็นประกายขึ้น

อวี้จิ่งซีพยักหน้า

“งั้น…”เซิ่งเสี่ยวซิงทำตาโต”พี่คิดว่าหม่าม้าหนูเป็นยังไง? พี่รู้สึกไหมว่าหากหม่าม้าหนูเป็นแม่เลี้ยงพี่จะดีกว่า? หนูกับหม่าม้าหนูทำกับข้าวอร่อยนะ”

อวี้จิ่งซีพยักหน้าแรงๆ

เซิ่งเสี่ยวซิงเห็นดีใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา ท่าทีเหมือนเห็นความหวัง จู่ๆ ก็ดึงมืออวี้จิ่งซีอย่างจริงจัง กะพริบตาที่โต พูดว่า

“งั้นหลังจากนี้พี่ก็เป็นพี่ชายหนูแล้ว พี่สบายใจได้ หากฉันมีเนื้อกิน ไม่มีวันให้พี่ดื่มแกง ดีไหม?”

อวี้จิ่งซีพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า ก้มหน้าเขียนกระดานวาดรูปที่ติดตัวมายกให้เธอดู

เซิ่งเสี่ยวซิงรู้จักตัวหนังสือไม่มาก ขมวดคิ้วแน่น “พี่จิ่งซี พี่เขียนอะไร?”

อวี้จิ่งซีเห็นหันหลังวิ่งไปหลายก้าว เอากระดานวาดรูปยัดไปในมืออวี้หนานเฉิง ชี้ไปที่กระดานรูปแล้วชี้ไปที่เซิ่งเสี่ยวซิง ความหมายคือให้เขาอ่านออกมา

หลังจากอวี้หนานเฉิงเห็น มองอวี้จิ่งซีแปลกๆ แวบหนึ่ง เห็นเขาจับชายเสื้อเขย่า ท่าทางเหมือนรีบร้อน ทำได้แค่ขมวดคิ้ว อ่านด้วยความสงสัย

“บ้านผมมีเงินเยอะ พวกเรากินเนื้อด้วยกันได้ ไม่ต้องดื่มน้ำแกง? จิ่งซีเขียนอะไร?”

อวี้จิ่งซีมองบ่นใส่เขา แย่งกระดานรูปแล้วไม่คุยกับเขาอีก แล้วเดินไปข้างๆ เซิ่งเสี่ยวซิง กะพริบตาให้เธอ

เซิ่งเสี่ยวซิงยิ้มออกมา พยักหน้าให้เซิ่งเสี่ยวซิงอย่างร่าเริง

“จริงๆ ด้วย ฮ่าๆ”

การกระทำแปลกๆ ของเด็กทั้งสองอยู่ในสายตาของอวี้หนานเฉิง ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจ เพียงแต่เขามองการกระทำเด็กไม่เข้าใจก็ไม่เห็นต้องสนใจ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก

เซิ่งอันหรานหนักใจมาตลอดทาง เด็กทั้งสองเสียงดังถึงได้สติ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เปิดปากพูด

“ประธานอวี้ ขอบคุณค่ะ เรื่องซิงซิงน้อยเข้าเรียน ”

อวี้หนานเฉิงมองไปข้างหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงไม่ใส่ใจ

“คุณไม่ต้องคิดมาก เพียงแค่จิ่งซีกับซิงซิงน้อยเข้ากันได้ ซิงซิงน้อยถือว่าเป็นเพื่อนคนแรกของจิ่งซี ดังนั้นในฐานะที่เป็นพ่อของจิ่งซี ผมหวังให้เธอสามารถเป็นเพื่อนจิ่งซี”

ได้ยินคำนี้ เซิ่งอันหรานหมดคำพูดสุดๆ

กล้าใช้เงินมากมายขนาดนี้ให้ซิงซิงน้อยมาเรียนก็เพื่อเป็นเพื่อนเรียนให้จิ่งซี มีเงินสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ

หากไม่ใช่เพราะหมอจู้ชุนฟัง ใครจะก้มหัวให้

ตอนนี้ทำได้แค่ก้มหัวแล้ว แถมยังต้องก้มต่ำๆ

เซิ่งอันหรานเดินตามหลังเขา กำหมดจนเกิดเสียงโกรธสุดๆ

“เสียงอะไร?” จู่ๆ อวี้หนานเฉิงหันกลับมามองเธอ

เธอคลายมือ ใบหน้ามีรอยยิ้ม

“มีเสียงอะไรเหรอ? ทำไมฉันไม่ได้ยิน”

อวี้หนานเฉิงเก็บสายตา พูดเรียบๆ

“เหรอ? คงหูฟาดไป”

ระเบียบการเข้าเรียนทำเสร็จนานแล้ว เด็กทั้งสองก็ถูกผู้ช่วยจัดชั้นเรียนให้

ครั้งนี้เซิ่งอันหรานตามมาเพื่อดูสภาพแวดล้อมโรงเรียน จุดประสงค์อวี้หนานเฉิงเหมือนกันกับเธอ ที่ต่างกันอย่างเดียวคือ เซิ่งอันหรานมีเวลาไม่มาก ต้องเรียนไปทำงานก่อน 9โมงเช้า ดังนั้นเธอเลยเดินอย่างรวดเร็ว

ถึงโซนเครื่องเล่นก็แวบหนึ่งกำลังจะไป จู่ๆ ได้ยินคำถามดังมาจากด้านหลัง เธอก็หยุดฝีเท้าไป

“ชิงช้าที่นี่มีมาตรการความปลอดภัยไหม”

อวี้หนานเฉิงมองไปที่ผู้ช่วยที่ตามพวกเขามา น้ำเสียงเข้มเล็กน้อย

“พวกคุณแน่ใจว่ามันปลอดภัย?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผูกรักท่านประธานพันล้าน 29 งั้นหลังจากนี้พี่ก็เป็นพี่ชายหนูแล้ว

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 29 งั้นหลังจากนี้พี่ก็เป็นพี่ชายหนูแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซิ่งอันหรานไม่รู้สึกว่าคำพูดของเธอมีอะไรแปลก พยักหน้า ดีใจเล็กน้อย

“คุณเกายังจำฉันได้”

เกาหย่าเหวินไม่ตอบกับถาม “ลูกสาวคุณชื่ออะไร?”

สายตาเธอมองไปที่ตัวเซิ่งเสี่ยวซิง หลังจากเห็นใบหน้าเล็กขาวนุ่มละมุนนั้น ตากระตุกแปลกๆ ทำไมรู้สึกว่าเด็กนี้หน้าต่างคล้ายอวี้หนานเฉิง?

เป็นไปไม่ได้ ในใจเธอมีเสียงเตือนตัวเองขึ้น

“หนูชื่อเซิ่งเสี่ยวซิง คุณเรียกหนูว่าซิงซิงน้อย”

จู่ๆ เซิ่งเสี่ยวซิงพูดแทรก เงยหน้ามองเกาหย่าเหวิน ท่าทีเหมือนสำรวจ

“เซิ่งเสี่ยวซิง ?”

หลังจากที่ได้ยินชื่อนี้ เกาหย่าเหวินกำมือแน่น นึกถึงประวัติการแพทย์บนโต๊ะทำงานอวี้หนานเฉิงวันนั้น ในใจยิ่งสงสัย เลยถามตรงไปตรงมา

“ทำไมหนูใช้นามสกุลของแม่?”

เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้าไม่เข้าใจ หันกลับไปมองหม่าม้าของตัวเอง

คำถามก่อนหน้านี้เซิ่งอันหรานไม่รู้สึกผิดปกติอะไรถือเป็นเรื่องปกติ ถามถึงตรงนี้ก็เข้าข่ายเรื่องส่วนบุคคลไปแล้ว หากเธอไม่รู้ก็โง่แล้ว

ดึงเซิ่งเสี่ยวซิงไปข้างหลังตัวเอง น้ำเสียงเข้มเล็กน้อย

“ซิงซิงน้อยเติบโตที่ประเทศอเมริกา เพิ่งกลับประเทศไม่นาน ไม่ค่อยเข้าใจคำถามนี้ของคุณเกา ยิ่งไปกว่านั้นศตวรรษที่ 21 ใช้นามสกุลใครไม่เห็นแปลกอะไร”

เกาหย่าเหวินอึ้งไป และเห็นอวี้จิ่งซีหลบหลังเซิ่งอันหรานอยากสนิทสนม ยิ่งไม่พอใจทันที น้ำเสียงโหดนิดๆ

“ใช้นามสกุลใครก็ไม่มีอะไร ฉันก็แค่สงสัยนิดหน่อย โรงเรียนหลานเป่านี้ ไม่ใช้คนทั่วไปสามารถส่งลูกเข้าเรียนได้ คุณเซิ่งก็แค่ผู้จัดการฝึกหัดคนหนึ่งของเซิ่งถังกรุป หากไม่ใช่สามีเก่ง ฉันก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าคุณเอาความสามารถส่งลูกเรียนที่นี่จากไหน”

เซิ่งอันหรานมีสีหน้าอึดอัด

เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้หาเรื่องเกาหย่าเหวิน หล่อนกลับก้าวร้าว และประโยคเดียวก็แทงถูกจุดอ่อนเธอ ตามความสามารถเธอเอง ไม่มีความสามารถจะส่งเซิ่งเสี่ยวซิงมาที่นี่จริงๆ พูดไม่ออกทันที

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น”

จู่ๆ เสียงอวี้หนานเฉิงแทรกขึ้น ช่วยเซิ่งอันหรานที่อึดอัด เขากวาดตามองเกาหย่าเหวินอย่างไม่พอใจ “คนอื่นเข้าเรียนยังไงก็ต้องรายงานคุณเหรอ? ช่วงนี้คุณยุ่งมากเกินไปจริงๆ”

เกาหย่าเหวินได้ยินหน้าซีดขาว

อวี้หนานเฉิงกลับออกหน้าแทนผู้หญิงคนนี้ ยังไม่ไว้หน้าเธอในที่สาธารณะ

“หนานเฉิง ฉันทำเพื่อจิ่งซี” เธอรีบแก้สถานการณ์”กลัวว่าโรงเรียนจะมีคนดีและคนเลวปะปนกัน ถามให้ชัดเจนหน่อยดีกว่า”

“ไม่จำเป็น”

อวี้หนานเฉิงไม่มองเธออีก ท่าทีเย็นชา “คุณกลับขึ้นรถก่อนเถอะ ผมส่งจิ่งซีเข้าไปก็พอ”

ผู้ปกครองนักเรียนเปิดปากพูดแล้ว เป็นธรรมดาที่ยามจะไม่ปล่อยให้เกาหย่าเหวินเข้าไป นี่เป็นกฎของหลานเป่า

“หนานเฉิง”

เกาหย่าเหวินยืนกระทืบเท้าอยู่หน้าประตู มองด้านหลังอวี้หนานเฉิงและเซิ่งอันหรานเดินเข้าไป

เซิ่งเสี่ยวซิงกับอวี้จิ่งซีเดินอยู่ข้างหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง เด็กหันไปมองเกาหย่าเหวินที่กระทืบเท้าอยู่นอกประตูใหญ่ ตามมาด้วยห่อไหล่ พูดเสียงเบา

“พี่จิ่งซี พี่ชอบคุณป้าคนนั้นจริงเหรอ? หนูรู้สึกว่าเธอน่ากลัวนิดหน่อย”

หลังจากได้ยินคุณปู่บอกข่าวอวี้หนานเฉิงจะแต่งกับเกาหย่าเหวิน เธอก็หาข้อมูลเกาหย่าเหวินบนเน็ต รูปถ่ายบนเน็ตสวยเหมือนนางฟ้าลงมาที่โลก แต่ตอนนี้เห็นตัวจริง เซิ่งเสี่ยวซิงแอบเม้มปากอยู่ในใจ

ก็แค่แต่งตัวทันสมัยหน่อยเดียว หากมองใบหน้านั้นแล้วยังคำพูดหยาบๆ มีจุดไหนเทียบหม่าม้าของเธอได้ ลุงอวี้คนนี้ตาบอดแล้ว

จู่ๆ อวี้จิ่งซีก็ตื่นเต้น  “พี่ไม่ชอบเธอเหรอ?” เซิ่งเสี่ยวซิงตะลึง “งั้นพี่ยังอยากให้เธอมาเป็นแม่เลี้ยงของพี่?”

อวี้จิ่งซีส่ายหน้าหนักเข้าไปใหญ่

“ความหมายของพี่คือ พี่แม่อยากให้เธอเป็นแม่เลี้ยงเหรอ?” จู่ๆ ตาของเซิ่งเสี่ยวซิงเป็นประกายขึ้น

อวี้จิ่งซีพยักหน้า

“งั้น…”เซิ่งเสี่ยวซิงทำตาโต”พี่คิดว่าหม่าม้าหนูเป็นยังไง? พี่รู้สึกไหมว่าหากหม่าม้าหนูเป็นแม่เลี้ยงพี่จะดีกว่า? หนูกับหม่าม้าหนูทำกับข้าวอร่อยนะ”

อวี้จิ่งซีพยักหน้าแรงๆ

เซิ่งเสี่ยวซิงเห็นดีใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา ท่าทีเหมือนเห็นความหวัง จู่ๆ ก็ดึงมืออวี้จิ่งซีอย่างจริงจัง กะพริบตาที่โต พูดว่า

“งั้นหลังจากนี้พี่ก็เป็นพี่ชายหนูแล้ว พี่สบายใจได้ หากฉันมีเนื้อกิน ไม่มีวันให้พี่ดื่มแกง ดีไหม?”

อวี้จิ่งซีพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า ก้มหน้าเขียนกระดานวาดรูปที่ติดตัวมายกให้เธอดู

เซิ่งเสี่ยวซิงรู้จักตัวหนังสือไม่มาก ขมวดคิ้วแน่น “พี่จิ่งซี พี่เขียนอะไร?”

อวี้จิ่งซีเห็นหันหลังวิ่งไปหลายก้าว เอากระดานวาดรูปยัดไปในมืออวี้หนานเฉิง ชี้ไปที่กระดานรูปแล้วชี้ไปที่เซิ่งเสี่ยวซิง ความหมายคือให้เขาอ่านออกมา

หลังจากอวี้หนานเฉิงเห็น มองอวี้จิ่งซีแปลกๆ แวบหนึ่ง เห็นเขาจับชายเสื้อเขย่า ท่าทางเหมือนรีบร้อน ทำได้แค่ขมวดคิ้ว อ่านด้วยความสงสัย

“บ้านผมมีเงินเยอะ พวกเรากินเนื้อด้วยกันได้ ไม่ต้องดื่มน้ำแกง? จิ่งซีเขียนอะไร?”

อวี้จิ่งซีมองบ่นใส่เขา แย่งกระดานรูปแล้วไม่คุยกับเขาอีก แล้วเดินไปข้างๆ เซิ่งเสี่ยวซิง กะพริบตาให้เธอ

เซิ่งเสี่ยวซิงยิ้มออกมา พยักหน้าให้เซิ่งเสี่ยวซิงอย่างร่าเริง

“จริงๆ ด้วย ฮ่าๆ”

การกระทำแปลกๆ ของเด็กทั้งสองอยู่ในสายตาของอวี้หนานเฉิง ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจ เพียงแต่เขามองการกระทำเด็กไม่เข้าใจก็ไม่เห็นต้องสนใจ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก

เซิ่งอันหรานหนักใจมาตลอดทาง เด็กทั้งสองเสียงดังถึงได้สติ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เปิดปากพูด

“ประธานอวี้ ขอบคุณค่ะ เรื่องซิงซิงน้อยเข้าเรียน ”

อวี้หนานเฉิงมองไปข้างหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงไม่ใส่ใจ

“คุณไม่ต้องคิดมาก เพียงแค่จิ่งซีกับซิงซิงน้อยเข้ากันได้ ซิงซิงน้อยถือว่าเป็นเพื่อนคนแรกของจิ่งซี ดังนั้นในฐานะที่เป็นพ่อของจิ่งซี ผมหวังให้เธอสามารถเป็นเพื่อนจิ่งซี”

ได้ยินคำนี้ เซิ่งอันหรานหมดคำพูดสุดๆ

กล้าใช้เงินมากมายขนาดนี้ให้ซิงซิงน้อยมาเรียนก็เพื่อเป็นเพื่อนเรียนให้จิ่งซี มีเงินสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ

หากไม่ใช่เพราะหมอจู้ชุนฟัง ใครจะก้มหัวให้

ตอนนี้ทำได้แค่ก้มหัวแล้ว แถมยังต้องก้มต่ำๆ

เซิ่งอันหรานเดินตามหลังเขา กำหมดจนเกิดเสียงโกรธสุดๆ

“เสียงอะไร?” จู่ๆ อวี้หนานเฉิงหันกลับมามองเธอ

เธอคลายมือ ใบหน้ามีรอยยิ้ม

“มีเสียงอะไรเหรอ? ทำไมฉันไม่ได้ยิน”

อวี้หนานเฉิงเก็บสายตา พูดเรียบๆ

“เหรอ? คงหูฟาดไป”

ระเบียบการเข้าเรียนทำเสร็จนานแล้ว เด็กทั้งสองก็ถูกผู้ช่วยจัดชั้นเรียนให้

ครั้งนี้เซิ่งอันหรานตามมาเพื่อดูสภาพแวดล้อมโรงเรียน จุดประสงค์อวี้หนานเฉิงเหมือนกันกับเธอ ที่ต่างกันอย่างเดียวคือ เซิ่งอันหรานมีเวลาไม่มาก ต้องเรียนไปทำงานก่อน 9โมงเช้า ดังนั้นเธอเลยเดินอย่างรวดเร็ว

ถึงโซนเครื่องเล่นก็แวบหนึ่งกำลังจะไป จู่ๆ ได้ยินคำถามดังมาจากด้านหลัง เธอก็หยุดฝีเท้าไป

“ชิงช้าที่นี่มีมาตรการความปลอดภัยไหม”

อวี้หนานเฉิงมองไปที่ผู้ช่วยที่ตามพวกเขามา น้ำเสียงเข้มเล็กน้อย

“พวกคุณแน่ใจว่ามันปลอดภัย?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+