ผูกรักท่านประธานพันล้าน 23 จิ่งซี ลูกพูดแล้ว?

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 23 จิ่งซี ลูกพูดแล้ว? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางรถวิ่งกันขวักไขว่ หลังจากส่งแม่ลูกกลับแล้ว บนทางขากลับเจอช่วงเวลาเร่งด่วนของค่ำคืนเมืองจินหลิง บนท้องถนนเริ่มรถติด

หากเจอสถานการณ์อย่างนี้ ปกติอวี้จิ่งซีก็จะแสดงอาการหงุดหงิดเล็กน้อย แต่วันนี้กลับเงียบสงบแปลกๆ ถือดินสอสีแท่งหนึ่ง วาดบนกระดานเล็กของตัวเองมาตลอด

อวี้หนานเฉิงนึกถึงตอนบ่ายในร้านอาหารญี่ปุ่น รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

อวี้จิ่งซีชอบเซิ่งอันหรานสามารถใช้เรื่องก่อนหน้านี้ที่เซิ่งอันหรานช่วยเขาไว้หนึ่งครั้งมาอธิบาย แต่ลูกสาวเธอล่ะ? แม้เด็กนั่นจะน่าเอ็นดู แต่ตั้งแต่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเด็กสาวหรือเด็กชายเล่นกับจิ่งซี เขาไม่สนใจสักครั้ง

กำลังคิดอยู่ จู่ๆ แขนเสื้อก็กระตุก อวี้หนานเฉิงได้สติ มองเบาะนั่งนิรภัยข้างๆ

อวี้จิ่งซีกำลังยกกระดานวาดรูปตัวเองให้เขาดู หน้าตาตื่นเต้นมากๆ

บนกระดานวาดรูปสีขาว ใช้ดินสอสี วาดชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตรงกลางของทั้งสองจูงมือเด็กคนหนึ่งอยู่ ท้องฟ้าสีฟ้า ดวงอาทิตย์สีเหลืองทอง พื้นหญ้าเป็นสีเขียว สวยงามไปหมด

อวี้หนานเฉิงมองรูปอยู่นาน ถามอย่างสงสัย

“จิ่งซี ลูกอยากมีหม่าม้าเหรอ?”

อวี้จิ่งซีพยักหน้าแรงๆ ใบหน้าเล็กแดง ใช้แรงเค้นเสียงสองคำออกมา “หม่าม้า!”

ชั่วพริบตาที่ได้ยินคำนี้ อวี้หนานเฉิงชะงัก ตามมาด้วยดวงตาที่เขม็ง คนที่มาดนิ่งมาตลอด น้ำเสียงเวลานี้มีความสั่นอยากไม่เหลือเชื่อ

“จิ่งซี ลูกพูดแล้ว”

เมื่อ 3 ปีก่อนหลังจากอวี้จิ่งซีไข้ขึ้นสูงครั้งนั้น เขาก็ไม่เคยได้ยินลูกพูดเลยแม้สักคำเดียว

นี่เป็นครั้งแรกในช่วง 3ปีที่ผ่านมา

อวี้จิ่งซีมองเขาอย่างคาดหวัง มือเล็กบีบกระดานรูปไว้แน่น

อารมณ์อวี้หนานเฉิงเนิ่นนานกว่าจะสงบลง ถึงค่อยๆ ได้สติ คิดอยู่บางทีเมื่อตอนกลางวันเห็นตัวอย่าง

เซิ่งอันหรานกับซิงซิงน้อยอยู่ด้วยกัน ทำให้จิ่งซีอิจฉา รู้สึกผิดในใจอยู่นิดๆ

ตอนนั้นก่อนตัดสินใจเก็บลูกคนหนึ่งไว้ เขายังเด็กเอาแต่ใจ คิดแค่ว่ามีลูกคนหนึ่งให้ปู่ก็จบๆ ไป คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นตัวเองจะรักจริงๆ หากรู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ คงไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตเล็กคนหนึ่งมาเจอความหวาดกลัวบนโลกง่ายๆ

ครอบครัวที่แข็งแรงหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน เขาน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดถึงจะถูก

คิดถึงตรงนี้ เขาลูบหัวอวี้จิ่งซี หน้าตาอ่อนโยน

“งั้น ป่าป๊าจะหาหม่าม้าให้ลูก”

อวี้จิ่งซีหัวเราะออกมาอย่างดีใจ หางตา โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

……

“ดูโรงเรียนใกล้ๆหมดแล้ว สิ่งอำนวยการรักษาพยาบาลก็ไม่ค่อยดี หลายโรงเรียนห่างจากโรงพยาบาลไม่ค่อยสะดวก ฉันกังวลว่าซิงซิงน้อยเกิดหอบ หากเกิดในโรงเรียน พวกเขาไม่มีทางส่งถึงโรงพยาบาลได้ทัน”

เมื่อกลับถึงบ้าน เซิ่งอันหรานยังคุยสายอยู่กับถานซูจิ้งเรื่องไปดูงานต่างประเทศ

ถานซูจิ้งเป็นเพื่อนที่เธอรู้จักตอนอยู่ต่างประเทศ ทั้งสองคนเป็นตรงๆ เสียดายที่รู้จักกันช้าไป ยังรับซิงซิงน้อยเป็นลูกบุญธรรม ครั้งนี้เธอตัดสินใจพาลูกสาวกลับมารักษาในประเทศกะทันหัน ก็ขออาศัยบ้านถานซูจิ้ง

เสียงในสายของถานซูจิ้งก็เต็มไปด้วยความกังวลเหมือนกัน

“ฉันเคยสืบเรื่องนี้มาเหมือนกัน ฉันมีญาติห่างๆ คนหนึ่งเป็นครูโรงเรียนอนุบาลซือลี่ ตรงข้ามโรงเรียนนั้นมีโรงพยาบาลใหญ่ แต่ว่าทำเรื่องยาก ก็เลยไม่ได้แนะนำให้เธอ”

“ทำเรื่องยากมากเหรอ?”เซิ่งอันหรานถามต่อ

เพราะสุขภาพของซิงซิงน้อย เธอให้ความสำคัญด้านการรักษามาก กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดี

“เอาอย่างนี้ ฉันส่งเอกสารให้เธอ เธอดูก็จะรู้เอง”

“ตกลง”

มืดค่ำแล้ว เซิ่งอันหราน อยู่หน้าเครื่องแฟกซ์พิมพ์ใบเอกสารออกมา คำสบถด่าอยู่ในใจ

เข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลซือลี่ไม่คิดว่าจะเรื่องเยอะขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่ายังต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐ อะไรนี่? เด็กโรงเรียนนี้เป็นข้าราชการรุ่นสองหรือไง?

เพื่อเรื่องนี้ เซิ่งอันหรานกังวลตลอดคืนจนนอนไม่หลับ วันที่ 2 ตลอดการทำงานช่วงกลางวันในโรงเรียน ห้าวไม่หยุด

“ก๊อกๆ”

“เข้ามา”เห็นคนที่เป็นโจวฟังผู้ช่วยของอวี้หนานเฉิง เซิ่งอันหรานแปลกใจเล็กน้อย

“ผู้ช่วยโจว มีธุระอะไรเหรอคะ?”

เซิ่งถังกรุปกับที่ทำงานโรงแรมของเธอตอนนี้มีระยะห่างนิดๆ ไปกลับต้องใช้เวลาเยอะ

โจวฟังหัวเราะ “พอดีมาทำงานที่โรงแรม เลยถือโอกาสมาถามเรื่องหนึ่งกับผู้จัดการเซิ่ง ”

“เชิญพูดค่ะ”

“ทางประธานอวี้เมื่อเช้าถามถึง แผนงานและกิจกรรมวันครบรอบโรงแรม 2 เดือนหน้าคุณจะส่งได้เมื่อไร?”

“แผนงานวันครบรอบ?” เซิ่งอันหรานไม่เข้าใจ “นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉันมั้ง?”

“เป็นกฎของโรงแรมเซิ่งถัง คุณเพิ่งมาไม่นานคงไม่ทราบ”โจวฟังอธิบายอย่างไม่เร่งรีบ

“แผนงานวันครบรอบทุกคนที่อยู่ระดับกลางและสูงของบริษัทต้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นแผนกหรือตำแหน่งอะไร พนักงานทั่วไปเป็นการสมัครใจ ระดับกลางขึ้นไปเป็นการบังคับ และเป็นธรรมเนียมหนึ่งของบริษัทเรา

ประธานอวี้คงกลัวว่าคุณจะไม่รู้ ดังนั้นเลยให้ผมมาบอกคุณ”

สำหรับคำพูดของโจวฟัง เซิ่งอันหรานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอยังไม่ผ่านทดลองงานเลย เรื่องที่พนันกับอวี้หนานเฉิงยังไม่ได้ขึ้นเงินหมดเลย ครั้งนี้มาบอกเธอเรื่อง 2 เดือนข้างหน้า ? นี่มันเหลวไหลไม่ใช่เหรอ?

แต่ความเป็นจริงก็ยังพูดอย่างมีมารยาท “งั้นฉันเตรียมให้เร็วที่สุด”

“ครับ ผมถือว่าได้แจ้งให้รับทราบแล้ว”

“ผู้ช่วยโจวรอเดี๋ยวก่อน” จู่ๆ เซิ่งอันหรานนึกอะไรได้ เรียกโจวฟังไว้ หยิบกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิที่ติดต่อตลอดเวลาไป

“นี้เป็นลูกชิ้นที่ฉันทำเอง ยังมีเครื่องเคียงเล็กน้อย ครั้งก่อนฉันเห็นลูกชายประธานอวี้ของพวกคุณชอบ ในเมื่อคุณมาแล้วถือโอกาสช่วยฉันเอาไปด้วยเถอะ”

โจวฟังนิ่งไปครู่หนึ่ง หากเป็นปกติเขาคงไม่ทำเรื่องนี้ อวี้หนานเฉิงเกลียดผู้หญิงในบริษัทให้ท่าที่สุด เขาเข้าบริษัทก็เคยเตือนซ้ำๆ เสียแรงอย่างไม่คุ้มค่า

แต่ว่าเซิ่งอันหราน? เขาดูไม่ค่อยออก บริษัทช่วงนี้มีข่าวลือเรื่องเธอกับเจ้านายไม่น้อย

ลังเลอยู่หลายวินาที เขาถาม “นี่ไม่ใช่มื้อเที่ยงคุณเหรอ? คุณไม่กินแล้ว?”

“อ้อ กำลังยุ่งเรื่องลูกสาวต้องเข้าเรียน กำลังปวดหัวเลย ตอนเที่ยงคงต้องออกไปสักหน่อย กินไม่ทันแล้ว เลยจะซื้ออะไรข้างนอกกิน อย่าสิ้นเปลือง”

โจวฟังหมดคำพูด ไม่คิดให้ท่ายังไม่พอ ก็แค่คิดว่าสิ้นเปลืองของ

ผู้จัดการเซิ่งคนนี้ตลกใช้ได้

กลับถึงบริษัท โจวฟังวางของที่เหลือไว้บนโต๊ะ รายงานสถานการณ์ที่ซุ่มตรวจโรงแรมหลายที่ให้อวี้หนานเฉิงที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน

อวี้หนานเฉิงกำลังฟังอยู่ สายตามองผ่านไหล่ของโจวฟังไปที่บนโต๊ะด้านหลังเขา

“จิ่งซี ลูกกินอะไรอยู่?”

โจวฟังอึ้งไปเหมือนกัน เลยหันหลังกลับไปมอง เห็นอวี้จิ่งซีกำลังถือกล่องข้าวเป็ดน้อยที่เขาเอากลับมา ถือช้อนด้วยตัวเองตักกินกับข้าวด้านในปากเต็มไปด้วยมัน

“ผู้จัดการเซิ่งให้ผมเอามาให้คุณชายน้อย”เขารีบอธิบาย

ได้ยินว่าเซิ่งอันหรานฝากมาให้ อวี้หนานเฉิงกำลังจะลุกขึ้นก่อนผ่อนลง สีหน้าก็อ่อนโยน พยักหน้าเล็กน้อย

เห็นใบหน้าอวี้หนานเฉิงไม่มีการต่อต้านและระวังเลย คุณชายน้อยที่ก่อนหน้านี้เลือกกิน เวลานี้ก็กินอย่างเอร็ดอร่อย โจวฟังประหลาดใจสุดๆ

เจ้านายเชื่อใจผู้จัดการเซิ่งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผูกรักท่านประธานพันล้าน 23 จิ่งซี ลูกพูดแล้ว?

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 23 จิ่งซี ลูกพูดแล้ว? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางรถวิ่งกันขวักไขว่ หลังจากส่งแม่ลูกกลับแล้ว บนทางขากลับเจอช่วงเวลาเร่งด่วนของค่ำคืนเมืองจินหลิง บนท้องถนนเริ่มรถติด

หากเจอสถานการณ์อย่างนี้ ปกติอวี้จิ่งซีก็จะแสดงอาการหงุดหงิดเล็กน้อย แต่วันนี้กลับเงียบสงบแปลกๆ ถือดินสอสีแท่งหนึ่ง วาดบนกระดานเล็กของตัวเองมาตลอด

อวี้หนานเฉิงนึกถึงตอนบ่ายในร้านอาหารญี่ปุ่น รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

อวี้จิ่งซีชอบเซิ่งอันหรานสามารถใช้เรื่องก่อนหน้านี้ที่เซิ่งอันหรานช่วยเขาไว้หนึ่งครั้งมาอธิบาย แต่ลูกสาวเธอล่ะ? แม้เด็กนั่นจะน่าเอ็นดู แต่ตั้งแต่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเด็กสาวหรือเด็กชายเล่นกับจิ่งซี เขาไม่สนใจสักครั้ง

กำลังคิดอยู่ จู่ๆ แขนเสื้อก็กระตุก อวี้หนานเฉิงได้สติ มองเบาะนั่งนิรภัยข้างๆ

อวี้จิ่งซีกำลังยกกระดานวาดรูปตัวเองให้เขาดู หน้าตาตื่นเต้นมากๆ

บนกระดานวาดรูปสีขาว ใช้ดินสอสี วาดชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตรงกลางของทั้งสองจูงมือเด็กคนหนึ่งอยู่ ท้องฟ้าสีฟ้า ดวงอาทิตย์สีเหลืองทอง พื้นหญ้าเป็นสีเขียว สวยงามไปหมด

อวี้หนานเฉิงมองรูปอยู่นาน ถามอย่างสงสัย

“จิ่งซี ลูกอยากมีหม่าม้าเหรอ?”

อวี้จิ่งซีพยักหน้าแรงๆ ใบหน้าเล็กแดง ใช้แรงเค้นเสียงสองคำออกมา “หม่าม้า!”

ชั่วพริบตาที่ได้ยินคำนี้ อวี้หนานเฉิงชะงัก ตามมาด้วยดวงตาที่เขม็ง คนที่มาดนิ่งมาตลอด น้ำเสียงเวลานี้มีความสั่นอยากไม่เหลือเชื่อ

“จิ่งซี ลูกพูดแล้ว”

เมื่อ 3 ปีก่อนหลังจากอวี้จิ่งซีไข้ขึ้นสูงครั้งนั้น เขาก็ไม่เคยได้ยินลูกพูดเลยแม้สักคำเดียว

นี่เป็นครั้งแรกในช่วง 3ปีที่ผ่านมา

อวี้จิ่งซีมองเขาอย่างคาดหวัง มือเล็กบีบกระดานรูปไว้แน่น

อารมณ์อวี้หนานเฉิงเนิ่นนานกว่าจะสงบลง ถึงค่อยๆ ได้สติ คิดอยู่บางทีเมื่อตอนกลางวันเห็นตัวอย่าง

เซิ่งอันหรานกับซิงซิงน้อยอยู่ด้วยกัน ทำให้จิ่งซีอิจฉา รู้สึกผิดในใจอยู่นิดๆ

ตอนนั้นก่อนตัดสินใจเก็บลูกคนหนึ่งไว้ เขายังเด็กเอาแต่ใจ คิดแค่ว่ามีลูกคนหนึ่งให้ปู่ก็จบๆ ไป คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นตัวเองจะรักจริงๆ หากรู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ คงไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตเล็กคนหนึ่งมาเจอความหวาดกลัวบนโลกง่ายๆ

ครอบครัวที่แข็งแรงหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน เขาน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดถึงจะถูก

คิดถึงตรงนี้ เขาลูบหัวอวี้จิ่งซี หน้าตาอ่อนโยน

“งั้น ป่าป๊าจะหาหม่าม้าให้ลูก”

อวี้จิ่งซีหัวเราะออกมาอย่างดีใจ หางตา โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

……

“ดูโรงเรียนใกล้ๆหมดแล้ว สิ่งอำนวยการรักษาพยาบาลก็ไม่ค่อยดี หลายโรงเรียนห่างจากโรงพยาบาลไม่ค่อยสะดวก ฉันกังวลว่าซิงซิงน้อยเกิดหอบ หากเกิดในโรงเรียน พวกเขาไม่มีทางส่งถึงโรงพยาบาลได้ทัน”

เมื่อกลับถึงบ้าน เซิ่งอันหรานยังคุยสายอยู่กับถานซูจิ้งเรื่องไปดูงานต่างประเทศ

ถานซูจิ้งเป็นเพื่อนที่เธอรู้จักตอนอยู่ต่างประเทศ ทั้งสองคนเป็นตรงๆ เสียดายที่รู้จักกันช้าไป ยังรับซิงซิงน้อยเป็นลูกบุญธรรม ครั้งนี้เธอตัดสินใจพาลูกสาวกลับมารักษาในประเทศกะทันหัน ก็ขออาศัยบ้านถานซูจิ้ง

เสียงในสายของถานซูจิ้งก็เต็มไปด้วยความกังวลเหมือนกัน

“ฉันเคยสืบเรื่องนี้มาเหมือนกัน ฉันมีญาติห่างๆ คนหนึ่งเป็นครูโรงเรียนอนุบาลซือลี่ ตรงข้ามโรงเรียนนั้นมีโรงพยาบาลใหญ่ แต่ว่าทำเรื่องยาก ก็เลยไม่ได้แนะนำให้เธอ”

“ทำเรื่องยากมากเหรอ?”เซิ่งอันหรานถามต่อ

เพราะสุขภาพของซิงซิงน้อย เธอให้ความสำคัญด้านการรักษามาก กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดี

“เอาอย่างนี้ ฉันส่งเอกสารให้เธอ เธอดูก็จะรู้เอง”

“ตกลง”

มืดค่ำแล้ว เซิ่งอันหราน อยู่หน้าเครื่องแฟกซ์พิมพ์ใบเอกสารออกมา คำสบถด่าอยู่ในใจ

เข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลซือลี่ไม่คิดว่าจะเรื่องเยอะขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่ายังต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐ อะไรนี่? เด็กโรงเรียนนี้เป็นข้าราชการรุ่นสองหรือไง?

เพื่อเรื่องนี้ เซิ่งอันหรานกังวลตลอดคืนจนนอนไม่หลับ วันที่ 2 ตลอดการทำงานช่วงกลางวันในโรงเรียน ห้าวไม่หยุด

“ก๊อกๆ”

“เข้ามา”เห็นคนที่เป็นโจวฟังผู้ช่วยของอวี้หนานเฉิง เซิ่งอันหรานแปลกใจเล็กน้อย

“ผู้ช่วยโจว มีธุระอะไรเหรอคะ?”

เซิ่งถังกรุปกับที่ทำงานโรงแรมของเธอตอนนี้มีระยะห่างนิดๆ ไปกลับต้องใช้เวลาเยอะ

โจวฟังหัวเราะ “พอดีมาทำงานที่โรงแรม เลยถือโอกาสมาถามเรื่องหนึ่งกับผู้จัดการเซิ่ง ”

“เชิญพูดค่ะ”

“ทางประธานอวี้เมื่อเช้าถามถึง แผนงานและกิจกรรมวันครบรอบโรงแรม 2 เดือนหน้าคุณจะส่งได้เมื่อไร?”

“แผนงานวันครบรอบ?” เซิ่งอันหรานไม่เข้าใจ “นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉันมั้ง?”

“เป็นกฎของโรงแรมเซิ่งถัง คุณเพิ่งมาไม่นานคงไม่ทราบ”โจวฟังอธิบายอย่างไม่เร่งรีบ

“แผนงานวันครบรอบทุกคนที่อยู่ระดับกลางและสูงของบริษัทต้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นแผนกหรือตำแหน่งอะไร พนักงานทั่วไปเป็นการสมัครใจ ระดับกลางขึ้นไปเป็นการบังคับ และเป็นธรรมเนียมหนึ่งของบริษัทเรา

ประธานอวี้คงกลัวว่าคุณจะไม่รู้ ดังนั้นเลยให้ผมมาบอกคุณ”

สำหรับคำพูดของโจวฟัง เซิ่งอันหรานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอยังไม่ผ่านทดลองงานเลย เรื่องที่พนันกับอวี้หนานเฉิงยังไม่ได้ขึ้นเงินหมดเลย ครั้งนี้มาบอกเธอเรื่อง 2 เดือนข้างหน้า ? นี่มันเหลวไหลไม่ใช่เหรอ?

แต่ความเป็นจริงก็ยังพูดอย่างมีมารยาท “งั้นฉันเตรียมให้เร็วที่สุด”

“ครับ ผมถือว่าได้แจ้งให้รับทราบแล้ว”

“ผู้ช่วยโจวรอเดี๋ยวก่อน” จู่ๆ เซิ่งอันหรานนึกอะไรได้ เรียกโจวฟังไว้ หยิบกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิที่ติดต่อตลอดเวลาไป

“นี้เป็นลูกชิ้นที่ฉันทำเอง ยังมีเครื่องเคียงเล็กน้อย ครั้งก่อนฉันเห็นลูกชายประธานอวี้ของพวกคุณชอบ ในเมื่อคุณมาแล้วถือโอกาสช่วยฉันเอาไปด้วยเถอะ”

โจวฟังนิ่งไปครู่หนึ่ง หากเป็นปกติเขาคงไม่ทำเรื่องนี้ อวี้หนานเฉิงเกลียดผู้หญิงในบริษัทให้ท่าที่สุด เขาเข้าบริษัทก็เคยเตือนซ้ำๆ เสียแรงอย่างไม่คุ้มค่า

แต่ว่าเซิ่งอันหราน? เขาดูไม่ค่อยออก บริษัทช่วงนี้มีข่าวลือเรื่องเธอกับเจ้านายไม่น้อย

ลังเลอยู่หลายวินาที เขาถาม “นี่ไม่ใช่มื้อเที่ยงคุณเหรอ? คุณไม่กินแล้ว?”

“อ้อ กำลังยุ่งเรื่องลูกสาวต้องเข้าเรียน กำลังปวดหัวเลย ตอนเที่ยงคงต้องออกไปสักหน่อย กินไม่ทันแล้ว เลยจะซื้ออะไรข้างนอกกิน อย่าสิ้นเปลือง”

โจวฟังหมดคำพูด ไม่คิดให้ท่ายังไม่พอ ก็แค่คิดว่าสิ้นเปลืองของ

ผู้จัดการเซิ่งคนนี้ตลกใช้ได้

กลับถึงบริษัท โจวฟังวางของที่เหลือไว้บนโต๊ะ รายงานสถานการณ์ที่ซุ่มตรวจโรงแรมหลายที่ให้อวี้หนานเฉิงที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน

อวี้หนานเฉิงกำลังฟังอยู่ สายตามองผ่านไหล่ของโจวฟังไปที่บนโต๊ะด้านหลังเขา

“จิ่งซี ลูกกินอะไรอยู่?”

โจวฟังอึ้งไปเหมือนกัน เลยหันหลังกลับไปมอง เห็นอวี้จิ่งซีกำลังถือกล่องข้าวเป็ดน้อยที่เขาเอากลับมา ถือช้อนด้วยตัวเองตักกินกับข้าวด้านในปากเต็มไปด้วยมัน

“ผู้จัดการเซิ่งให้ผมเอามาให้คุณชายน้อย”เขารีบอธิบาย

ได้ยินว่าเซิ่งอันหรานฝากมาให้ อวี้หนานเฉิงกำลังจะลุกขึ้นก่อนผ่อนลง สีหน้าก็อ่อนโยน พยักหน้าเล็กน้อย

เห็นใบหน้าอวี้หนานเฉิงไม่มีการต่อต้านและระวังเลย คุณชายน้อยที่ก่อนหน้านี้เลือกกิน เวลานี้ก็กินอย่างเอร็ดอร่อย โจวฟังประหลาดใจสุดๆ

เจ้านายเชื่อใจผู้จัดการเซิ่งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+