ผูกรักท่านประธานพันล้าน 35 หม่าม้า พี่ชายเกิดเรื่องแล้ว

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 35 หม่าม้า พี่ชายเกิดเรื่องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงกระแทกดังก้องกังวานในวิลล่า ตอนที่เกาหย่าเหวินได้สติ อวี้จิ่งซีก็นอนอยู่บนพื้นของชั้นล่างด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด

ใบหน้าของเกาหย่าเหวินซิดเซียวขึ้นในทันที เธอมองไปรอบๆด้วยความกังวล เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ยังไม่มา เธอจึงรีบหันหลังกลับและวิ่งกลับไปที่ห้องนอนโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เกาหน่าเหวินถอดเสื้อพลางนอนลงไปที่เตียง

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงตะโกนด้วยความตื่นตระหนกของคนรับใช้ในบ้านก็ดังขึ้นมาจากทางด้านล่างของวิลล่า

“คุณชายน้อยลื่นล้มตกบันได”

“รีบโทรเรียกรถพยาบาลเร็ว”

“คุณชายล่ะ?”

“รีบไปเรียกคุณชายมาเร็วสิ”

“คุณชาย”

“ปัง” ประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดออกเสียงดังสนั่น สาวใช้บุกเข้ามาเห็นคนทั้งสองกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เธอหน้าซีดด้วยความตกใจ เดิมทีตั้งใจจะวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวร้าย แต่ไม่ทันที่จะได้เปล่งเสียงออกมา

ปรากฏว่ามีเสียงร้องของเกาหย่าเหวินดังขึ้นในห้องใหญ่ เธอรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายของเธอไว้อย่างรวดเร็ว

อวี้หนานเฉินถูกปลุกให้ตื่น เขาขมวดคิ้วและค่อยๆลืมตา หลังจากที่ได้เห็นเกาหย่าเหวินกำลังเปลื้องผ้าและใช้ผ้าห่มคลุมตัวด้วยอยู่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป อวี้หนานเฉิงที่สร่างเมาแล้ว ถามเกาหย่าเหวินด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้”

เกาหย่าเหวินทำหน้าเศร้าโศกและพยายามบีบน้ำตาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เธอพูดด้วยท่าทางที่ลังเลใจว่า “หนานเฉิง คุณดื่มมากเกินไป คุณต้องการ…ฉัน…”

อวี้หนานเฉิงยกมือขึ้นมาจับหน้าผาก เขารู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาก็หันไปถามสาวใช้ด้วยความหงุดหงิดว่า “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?”

สาวใช้ที่กำลังยื่นอยู่ตรงหน้าประตูได้สติกลับมา เธอรีบร้อนพูดขึ้นว่า

“คุณ คุณชาย คุณชายน้อยตกบันไดค่ะ เลือดเต็มตัวไปหมด”

“อะไรนะ?”

อวี้หนานเฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางตกใจ สีหน้าของเขาดูน่าเกรงกลัวมาก เขารีบเปิดผ้าห่มออก จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันได้สวมใส่ เกาหย่าเหวินที่อยู่ทางด้านหลัง สวมเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ เธอรีบพลิกตัวและลุกขึ้นจากเตียง

อวี้จิ่งซีซึ่งหมดสติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยอวี้หนานเฉิง และไม่นานหลังจากนั้น เรื่องก็ได้ยินไปถึงหูของคุณปู่เฉิง ชายชราตกใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายชรายืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องผ่าตัด เขาหันหน้ากลับไปถามอวี้หนานเฉิงด้วยความกังวล “อยู่ๆดี ทำไมถึงได้กลิ้งตกบันไดลงมาเสียได้ล่ะ คนรับใช้ที่บ้านมีตั้งมากมาย ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลเลยสักคนอย่างนั้นเหรอ?”

อวี้หนานเฉิงนั่งบนโซฟาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ทันทีที่ชายชราเดินเข้าใกล้ๆ เขา ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์

“แกดื่มไปมากแค่ไหนกัน?”

ชายชราโกรธมาก “สารรูปแกแบบนี้เนี๊ยนะ จะมาทำหน้าที่เป็นพ่อของจิ่งซี”

“คุณท่าน คุณชายก็ต้องเข้าร่วมเข้าสังคม” พ่อบ้านช่วยอวี้หนานเฉิงอธิบาย

“วันนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับที่หอการค้าจินหลิง จะไม่ไปก็ไม่ได้”

ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก แพทย์เดินออกมาจจากห้องผ่าตัด

เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว อวี้หนานเฉิงก็รีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปถามในทันที “คุณหมอครับ จิ่งซีเป็นอย่างไรบ้าง?”

“กระดูกแขนขวาหัก ส่วนแขนซ้ายกระดูกเคลื่อนนิดหน่อย นอกนั้นได้รับอาการบาดเจ็บแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนสมองไม่ได้รับการกระแทก โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรร้ายแรง

โดยปกติร่างกายของเด็กจะฟื้นตัวได้ดีกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา”

ชายชราที่ยืนอยู่ทางด้านข้างของเตียงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง

“จิ่งซี เด็กคนนี้โชคร้ายจริงๆ เป็นเด็กตัวแค่นี้จะต้องมาได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก คงจะเจ็บปวดมากสินะ”

เมื่อเห็นว่าจิ่งซีนอนหลับอย่างสงบ จิตใจของอวี้หนานเฉิงจึงสงบลง เขาขมวดคิ้วและถามพ่อบ้านที่ดูแลอวี้ย่วนวิลล่าว่า

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?ทำไมจิ่งซีถึงได้ตกบันได”

โดยปกติแล้ว ในเวลานี้จิ่งซีควรนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง

พ่อบ้านก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนั้น ผมกำลังตรวจสอบดูความเรียบร้อยประตูและหน้าต่างอยู่ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ผมไล่ถามทีละๆคน แต่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุเลย คุณชายน้อยอาจจะลื่นล้มตกลงมาก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไล่คนรับใช้ที่ดูแลจิ่งซีในวันนี้ทั้งหมดออกไป และเปลี่ยนคนใหม่มา ฉันไม่อยากเห็นเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีก”

พ่อบ้านพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ครับ คุณชาย”

อีกด้านหนึ่งเซิ่งอันหรานกำลังนอนหลับอยู่ แต่จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เสี่ยวซิงซิงวิ่งเข้ามา และค่อยๆปีนป่ายขึ้นไปบนตัวของเซิ่งอันหรานเพื่อเปิดผ้าห่มขึ้น

“หม่าม้า หม่าม้า เกิดเรื่องแล้ว”

“เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ?”

เซิ่งอันหรานพลิกตัว จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง เธอเหลือบมองไปที่เสี่ยวซิงซิง “ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ใช่หนูค่ะ พี่ชายต่างหาก พี่ชายประสบอุบัติเหตุ”

“พี่ชายอะไร หนูมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เซิ่งอันหรานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลับตาลงอย่างเงียบ ๆ เธอดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือว่า

“หนูคงฝันไปล่ะซิ”

เสี่ยวซิงซิงกระโดดย้ำเท้าไปมาด้วยความกระวนกระวาย เธอดึงแขนของคุณแม่เพื่อลากคุณแม่ลงจากเตียง “พี่จิ่งซี จิ่งซีลื่นล้มตกลงมาจากบันได เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆนะคะ”

“หนูกำลังพูดเหลวไหลอะไร” เซิ่งอันหรานลืมตาแทบไม่ขึ้น

เธอโบกมืออย่างอ่อนแรง ราวกับว่ากำลังอ้อนวอนขอความเมตตา

“ง่วงจริงๆ ให้หม่าม้านอนเถอะนะ ลูกก็แค่ฝันไป”

ดึกจนป่านนี้แล้ว จิ่งซีจะลื่นล้มและตกบันไดได้ยังไงกัน เจ้าเด็กคนนี้ ในสมองกำลังคิดเรื่องอะไรกันอยู่นะ?

เมื่อเห็นว่าเซิ่งอันหรานไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูด เซิ่งเสี่ยวซิงจึงกระทืบเท้าลงข้างเตียงด้วยความโกรธ “หม่าม้า ถ้าหม่าม้าไม่ไป หนูจะไปเอง ดึกๆแบบนี้ข้างนอกต้องมีคนไม่ดีอยู่เยอะแน่ๆ ถ้าหม่าม้าไม่เป็นห่วงหนูล่ะก็ หม่าม้าก็นอนหลับต่อไปได้เลย”

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็วิ่งออกไปจากห้อง

ตอนแรกเซิ่งอันหรานคิดว่าเธอกำลังพูดเล่น แต่แล้วเธอก็อดที่จะกังวลไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงลุกจากเตียงเพื่อมาดู แต่ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยจะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บกระเป๋าอยู่ในห้องจริงๆ

“หนูจะออกไปจริงๆเหรอ? นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?”

เซิ่งอันหรานลูบไปที่ผมอันยุ่งเหยิงของเด็กน้อย จากนั้นเธอก็เหลือบมองดูเวลา “แม่เจ้า นี่มันจะตีสองแล้วนะ ลูกจะไปที่ไหน?”

“โรงพยาบาล”

เซิ่งเสี่ยวซิงกำลังสวมถุงเท้า “หม่าม้าไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลย เชอะ หนูจะสนใจหม่าม้าแล้ว”

เซิ่งอันหรานพูดไม่ออก มือหนึ่งข้างเท้ากับประตู อีกหนึ่งข้างเท้าเอว “หม่าม้าไม่เป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นยังไง หนูนอนฝันไปเอง แล้วดึกขนาดนี้จะให้หม่าม้าไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อน แบบนี้ดูไม่แปลกอย่างนั้นเหรอ ”

“หนูไม่ได้ฝันไป พี่จิ่งซีลื่นล้มตกลงมาจากบันไดจริงๆ นะคะ”

“โอเค” เซิ่งอันหรานพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง “แล้วถ้าจิ่งซีลื่นล้มตกลงมาจากบันไดจริงๆ หนูจะตื่นเต้นอะไร? เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของหนูสักหน่อย แล้วทำไมหนูถึงได้ดูเป็นกังวลมากขนาดนี้?”

“หม่าม้าถอยไป หนูจะต้องไปแล้ว” เซิ่งเสี่ยวซิงยืนอยู่ตรงด้านหน้าคุณแม่พร้อมกับแต่งตัวและถือกระเป๋านักเรียนใบเล็กๆอย่างเรียบร้อย เด็กน้อยผลักมือผู้เป็นแม่ แล้วเดินออกจากห้องนอนอย่างไม่สนใจไยดี

“เฮ้ นี่ลูกจะไปจริงๆเหรอ?”

เมื่อเห็นเซิ่งเสี่ยวซิงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงบริเวณทางเดินและกำลังเปลี่ยนรองเท้า เซิ่งอันหรานจึงรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก

“ก็ได้ๆ สาวน้อย รอหม่าม้าก่อนนะ หม่าม้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปเป็นเพื่อน”

เวลานี้จะเรียกแท็กซี่คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่สุดท้ายทั้งสองก็หารถแท็กซี่ได้ เซิ่งอันหรานหันไปถามเสี่ยวซิงซิงด้วยความสงสัยว่า “จะไปโรงพยาบาลไหนล่ะ?”

“โรงพยาบาลศัลยกรรมจินหลิง” หนูน้อยตอบด้วยเสียงที่ดังฟังชัดและดูจริงจังมาก

เซิ่งอันหรานรู้สึกสงสัยมาก จึงถามหนูน้อยขึ้นว่า

“ลูกไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม? แล้วลูกรู้ได้อย่างไรว่าจิ่งซีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล? ใครเป็นคนบอกหนู”

เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้ามุ่ย

“หนูรู้ก็แล้วกัน”

“อะไรนะ? หม่าม้าจะบ้าตาย”

เซิ่งอันหรานพูดไม่ออก เธอรู้สึกลึกๆว่าการที่เธอออกมาเป็นเพื่อนลูกสาวในเวลากลางดึกแบบนี้ เธอคงจะเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผูกรักท่านประธานพันล้าน 35 หม่าม้า พี่ชายเกิดเรื่องแล้ว

Now you are reading ผูกรักท่านประธานพันล้าน Chapter 35 หม่าม้า พี่ชายเกิดเรื่องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงกระแทกดังก้องกังวานในวิลล่า ตอนที่เกาหย่าเหวินได้สติ อวี้จิ่งซีก็นอนอยู่บนพื้นของชั้นล่างด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด

ใบหน้าของเกาหย่าเหวินซิดเซียวขึ้นในทันที เธอมองไปรอบๆด้วยความกังวล เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ยังไม่มา เธอจึงรีบหันหลังกลับและวิ่งกลับไปที่ห้องนอนโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เกาหน่าเหวินถอดเสื้อพลางนอนลงไปที่เตียง

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงตะโกนด้วยความตื่นตระหนกของคนรับใช้ในบ้านก็ดังขึ้นมาจากทางด้านล่างของวิลล่า

“คุณชายน้อยลื่นล้มตกบันได”

“รีบโทรเรียกรถพยาบาลเร็ว”

“คุณชายล่ะ?”

“รีบไปเรียกคุณชายมาเร็วสิ”

“คุณชาย”

“ปัง” ประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดออกเสียงดังสนั่น สาวใช้บุกเข้ามาเห็นคนทั้งสองกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เธอหน้าซีดด้วยความตกใจ เดิมทีตั้งใจจะวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวร้าย แต่ไม่ทันที่จะได้เปล่งเสียงออกมา

ปรากฏว่ามีเสียงร้องของเกาหย่าเหวินดังขึ้นในห้องใหญ่ เธอรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายของเธอไว้อย่างรวดเร็ว

อวี้หนานเฉินถูกปลุกให้ตื่น เขาขมวดคิ้วและค่อยๆลืมตา หลังจากที่ได้เห็นเกาหย่าเหวินกำลังเปลื้องผ้าและใช้ผ้าห่มคลุมตัวด้วยอยู่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป อวี้หนานเฉิงที่สร่างเมาแล้ว ถามเกาหย่าเหวินด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้”

เกาหย่าเหวินทำหน้าเศร้าโศกและพยายามบีบน้ำตาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เธอพูดด้วยท่าทางที่ลังเลใจว่า “หนานเฉิง คุณดื่มมากเกินไป คุณต้องการ…ฉัน…”

อวี้หนานเฉิงยกมือขึ้นมาจับหน้าผาก เขารู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาก็หันไปถามสาวใช้ด้วยความหงุดหงิดว่า “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?”

สาวใช้ที่กำลังยื่นอยู่ตรงหน้าประตูได้สติกลับมา เธอรีบร้อนพูดขึ้นว่า

“คุณ คุณชาย คุณชายน้อยตกบันไดค่ะ เลือดเต็มตัวไปหมด”

“อะไรนะ?”

อวี้หนานเฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางตกใจ สีหน้าของเขาดูน่าเกรงกลัวมาก เขารีบเปิดผ้าห่มออก จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันได้สวมใส่ เกาหย่าเหวินที่อยู่ทางด้านหลัง สวมเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ เธอรีบพลิกตัวและลุกขึ้นจากเตียง

อวี้จิ่งซีซึ่งหมดสติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยอวี้หนานเฉิง และไม่นานหลังจากนั้น เรื่องก็ได้ยินไปถึงหูของคุณปู่เฉิง ชายชราตกใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายชรายืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องผ่าตัด เขาหันหน้ากลับไปถามอวี้หนานเฉิงด้วยความกังวล “อยู่ๆดี ทำไมถึงได้กลิ้งตกบันไดลงมาเสียได้ล่ะ คนรับใช้ที่บ้านมีตั้งมากมาย ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลเลยสักคนอย่างนั้นเหรอ?”

อวี้หนานเฉิงนั่งบนโซฟาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ทันทีที่ชายชราเดินเข้าใกล้ๆ เขา ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์

“แกดื่มไปมากแค่ไหนกัน?”

ชายชราโกรธมาก “สารรูปแกแบบนี้เนี๊ยนะ จะมาทำหน้าที่เป็นพ่อของจิ่งซี”

“คุณท่าน คุณชายก็ต้องเข้าร่วมเข้าสังคม” พ่อบ้านช่วยอวี้หนานเฉิงอธิบาย

“วันนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับที่หอการค้าจินหลิง จะไม่ไปก็ไม่ได้”

ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก แพทย์เดินออกมาจจากห้องผ่าตัด

เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว อวี้หนานเฉิงก็รีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปถามในทันที “คุณหมอครับ จิ่งซีเป็นอย่างไรบ้าง?”

“กระดูกแขนขวาหัก ส่วนแขนซ้ายกระดูกเคลื่อนนิดหน่อย นอกนั้นได้รับอาการบาดเจ็บแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนสมองไม่ได้รับการกระแทก โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรร้ายแรง

โดยปกติร่างกายของเด็กจะฟื้นตัวได้ดีกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา”

ชายชราที่ยืนอยู่ทางด้านข้างของเตียงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง

“จิ่งซี เด็กคนนี้โชคร้ายจริงๆ เป็นเด็กตัวแค่นี้จะต้องมาได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก คงจะเจ็บปวดมากสินะ”

เมื่อเห็นว่าจิ่งซีนอนหลับอย่างสงบ จิตใจของอวี้หนานเฉิงจึงสงบลง เขาขมวดคิ้วและถามพ่อบ้านที่ดูแลอวี้ย่วนวิลล่าว่า

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?ทำไมจิ่งซีถึงได้ตกบันได”

โดยปกติแล้ว ในเวลานี้จิ่งซีควรนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง

พ่อบ้านก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนั้น ผมกำลังตรวจสอบดูความเรียบร้อยประตูและหน้าต่างอยู่ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ผมไล่ถามทีละๆคน แต่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุเลย คุณชายน้อยอาจจะลื่นล้มตกลงมาก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไล่คนรับใช้ที่ดูแลจิ่งซีในวันนี้ทั้งหมดออกไป และเปลี่ยนคนใหม่มา ฉันไม่อยากเห็นเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีก”

พ่อบ้านพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ครับ คุณชาย”

อีกด้านหนึ่งเซิ่งอันหรานกำลังนอนหลับอยู่ แต่จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เสี่ยวซิงซิงวิ่งเข้ามา และค่อยๆปีนป่ายขึ้นไปบนตัวของเซิ่งอันหรานเพื่อเปิดผ้าห่มขึ้น

“หม่าม้า หม่าม้า เกิดเรื่องแล้ว”

“เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ?”

เซิ่งอันหรานพลิกตัว จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง เธอเหลือบมองไปที่เสี่ยวซิงซิง “ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ใช่หนูค่ะ พี่ชายต่างหาก พี่ชายประสบอุบัติเหตุ”

“พี่ชายอะไร หนูมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เซิ่งอันหรานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลับตาลงอย่างเงียบ ๆ เธอดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือว่า

“หนูคงฝันไปล่ะซิ”

เสี่ยวซิงซิงกระโดดย้ำเท้าไปมาด้วยความกระวนกระวาย เธอดึงแขนของคุณแม่เพื่อลากคุณแม่ลงจากเตียง “พี่จิ่งซี จิ่งซีลื่นล้มตกลงมาจากบันได เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆนะคะ”

“หนูกำลังพูดเหลวไหลอะไร” เซิ่งอันหรานลืมตาแทบไม่ขึ้น

เธอโบกมืออย่างอ่อนแรง ราวกับว่ากำลังอ้อนวอนขอความเมตตา

“ง่วงจริงๆ ให้หม่าม้านอนเถอะนะ ลูกก็แค่ฝันไป”

ดึกจนป่านนี้แล้ว จิ่งซีจะลื่นล้มและตกบันไดได้ยังไงกัน เจ้าเด็กคนนี้ ในสมองกำลังคิดเรื่องอะไรกันอยู่นะ?

เมื่อเห็นว่าเซิ่งอันหรานไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูด เซิ่งเสี่ยวซิงจึงกระทืบเท้าลงข้างเตียงด้วยความโกรธ “หม่าม้า ถ้าหม่าม้าไม่ไป หนูจะไปเอง ดึกๆแบบนี้ข้างนอกต้องมีคนไม่ดีอยู่เยอะแน่ๆ ถ้าหม่าม้าไม่เป็นห่วงหนูล่ะก็ หม่าม้าก็นอนหลับต่อไปได้เลย”

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็วิ่งออกไปจากห้อง

ตอนแรกเซิ่งอันหรานคิดว่าเธอกำลังพูดเล่น แต่แล้วเธอก็อดที่จะกังวลไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงลุกจากเตียงเพื่อมาดู แต่ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยจะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บกระเป๋าอยู่ในห้องจริงๆ

“หนูจะออกไปจริงๆเหรอ? นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?”

เซิ่งอันหรานลูบไปที่ผมอันยุ่งเหยิงของเด็กน้อย จากนั้นเธอก็เหลือบมองดูเวลา “แม่เจ้า นี่มันจะตีสองแล้วนะ ลูกจะไปที่ไหน?”

“โรงพยาบาล”

เซิ่งเสี่ยวซิงกำลังสวมถุงเท้า “หม่าม้าไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลย เชอะ หนูจะสนใจหม่าม้าแล้ว”

เซิ่งอันหรานพูดไม่ออก มือหนึ่งข้างเท้ากับประตู อีกหนึ่งข้างเท้าเอว “หม่าม้าไม่เป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นยังไง หนูนอนฝันไปเอง แล้วดึกขนาดนี้จะให้หม่าม้าไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อน แบบนี้ดูไม่แปลกอย่างนั้นเหรอ ”

“หนูไม่ได้ฝันไป พี่จิ่งซีลื่นล้มตกลงมาจากบันไดจริงๆ นะคะ”

“โอเค” เซิ่งอันหรานพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง “แล้วถ้าจิ่งซีลื่นล้มตกลงมาจากบันไดจริงๆ หนูจะตื่นเต้นอะไร? เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของหนูสักหน่อย แล้วทำไมหนูถึงได้ดูเป็นกังวลมากขนาดนี้?”

“หม่าม้าถอยไป หนูจะต้องไปแล้ว” เซิ่งเสี่ยวซิงยืนอยู่ตรงด้านหน้าคุณแม่พร้อมกับแต่งตัวและถือกระเป๋านักเรียนใบเล็กๆอย่างเรียบร้อย เด็กน้อยผลักมือผู้เป็นแม่ แล้วเดินออกจากห้องนอนอย่างไม่สนใจไยดี

“เฮ้ นี่ลูกจะไปจริงๆเหรอ?”

เมื่อเห็นเซิ่งเสี่ยวซิงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงบริเวณทางเดินและกำลังเปลี่ยนรองเท้า เซิ่งอันหรานจึงรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก

“ก็ได้ๆ สาวน้อย รอหม่าม้าก่อนนะ หม่าม้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปเป็นเพื่อน”

เวลานี้จะเรียกแท็กซี่คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่สุดท้ายทั้งสองก็หารถแท็กซี่ได้ เซิ่งอันหรานหันไปถามเสี่ยวซิงซิงด้วยความสงสัยว่า “จะไปโรงพยาบาลไหนล่ะ?”

“โรงพยาบาลศัลยกรรมจินหลิง” หนูน้อยตอบด้วยเสียงที่ดังฟังชัดและดูจริงจังมาก

เซิ่งอันหรานรู้สึกสงสัยมาก จึงถามหนูน้อยขึ้นว่า

“ลูกไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม? แล้วลูกรู้ได้อย่างไรว่าจิ่งซีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล? ใครเป็นคนบอกหนู”

เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้ามุ่ย

“หนูรู้ก็แล้วกัน”

“อะไรนะ? หม่าม้าจะบ้าตาย”

เซิ่งอันหรานพูดไม่ออก เธอรู้สึกลึกๆว่าการที่เธอออกมาเป็นเพื่อนลูกสาวในเวลากลางดึกแบบนี้ เธอคงจะเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+