ผู้รักษาสุดแกร่ง 535 ไม่คิดเงิน

Now you are reading ผู้รักษาสุดแกร่ง Chapter 535 ไม่คิดเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อครู่พวกเธอก็บอกไปชัดแล้วนะว่าภัตตาคารพิพิธภัณฑ์ติ่มซำแห่งนี้เป็นภัตตาคารชั้นสูง เทียบกับระดับมิชลิน 3 ดาวได้เลย

เพราะฉะนั้นคนระดับธรรมดานั้นไม่มีทางจะจองได้เลย อีกอย่างเมื่อกี้พวกฉินจุนก็บอกไว้แล้วว่าพวกเธอไม่ได้จองที่นั่งเอาไว้ เพราะฉะนั้นพวกเธอสองคนต้องเข้ามาไม่ได้แน่นอน

ร้านที่คนแน่นขนาดนี้ถ้าไม่ได้จองไว้ก็ไม่มีทางมีที่นั่ง

ขนาดว่าถงจี้เฟิงเป็นนักธุรกิจใหญ่ ยังต้องใช้เส้นสายไม่น้อยเลยกว่าจะได้ เขาต้องจองล่วงหน้าถึงเจ็ดวัน อีกอย่างแถมยังได้เป็นที่นั่งธรรมดาชั้นสองอีกด้วย

ถึงแม้ว่าบรรยากาศภาพรวมจะดูดี แต่ว่าที่นั่งของพวกเธอถือว่าเป็นที่นั่งที่แย่ที่สุดในชั้นสอง

พวกฉินจุนกับไช่ไช่ไม่ได้จองเอาไว้ แต่กลับเข้ามาได้แบบนี้ชักน่าสนุกแล้วสิ

“พี่ฉิน เมื่อกี้เขาบอกว่าชั้นไหนนะคะ?”

“ชั้นสองโต๊ะหมายเลข 9 นะ?”

พอทั้งสองเดินเข้ามา ก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันที พอมาถึงชั้นสองหาโต๊ะหมายเลข 9 เจอพอดี บนโต๊ะมีชุดรับประทานอาหารสองชุดวางเตรียมไว้ ดูแล้วน่าจะเตรียมให้พวกเขา

ทั้งสองคนจึงนั่งลงทันที

จริง ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่พวกเรื่องมากเรื่องบรรยากาศร้านอาหารหรือที่นั่ง ขอแค่อาหารถูกปาก ก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น

โดยเฉพาะฉินจุน พวกสถานที่โอ่อ่าใหญ่โตไม่มีอะไรที่เขาไม่เคยเห็น เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลชั้นนำของตงไห่ ผ่านโลกมามากมาย

ประกอบกับเขาได้ติดตามท่านอาจารย์ไปรักษาคนไข้ทั่วทุกสารทิศหลายปี พบเจอสถานที่หรูหรามาก็มาก เรียกได้ว่าเคยร่วมรับประทานอาหารระดับประเทศในหลาย ๆ ประเทศ ร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ขณะที่ทั้งสองคนนั่งลง ถงจี้เฟิงก็ขมวดคิ้ว เตรียมจะเข้าไปขวาง

ตอนนั้นเองจู่ ๆ อายะก็ดึงตัวถงจี้เฟิงเอาไว้

“ท่านประธานถงคะ อย่าเพิ่งไปห้ามพวกมันเลยค่ะ!”

ถงจี้เฟิงขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมล่ะ นั่นมันเป็นที่ของเรานะ ผมเป็นคนจองเอาไว้!”

ทันใดนั้นอายะก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “คุณลองคิดดูนะคะ ทำไมพวกนั้นถึงได้เดินไปที่ที่นั่งของเรา?”

ถงจี้เฟิงขมวดคิ้ว “ผมจะไปรู้ได้ยังไง?”

อายะทำเหมือนตัวเองฉลาด “คุณลองคิดดูนะคะ เมื่อกี้คนพวกนั้นเพิ่งรู้จักชื่อของคุณ ตอนที่พวกมันเดินเข้ามาต้องบอกว่ามากับคุณแน่ ๆ เพราะฉะนั้นถึงได้เข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันไม่ได้จองเอาไว้ จะเข้ามาได้ยังไง?”

ถงจี้เฟิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ที่อายะพูดมาก็มีเหตุผล ถ้าไม่ทำแบบนั้นพวกมันก็ไม่มีทางเข้ามาได้หรอก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นั้นไม่มีทางที่พวกมันจะจองได้ ขนาดถงจี้เฟิงที่มีเส้นสายกว้างขวาง ยังแทรกคิวไม่ได้เลย

“ที่พูดมาก็มีเหตุผล แล้วคุณจะทำยังไง?”

อายะยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไลฟ์สดไปเลยสิคะ อีกเดี๋ยวเราไลฟ์สดให้ทุกคนได้เห็นว่าไช่ไช่นางแบบชื่อดังอ้างชื่อคนอื่นเข้ามากินอาหารฟรี ๆ ยังไง วิธีนี้เป็นไงคะ?”

ถงจี้เฟิงเองก็หัวเราะออกมา “วิธีนี้โหดอยู่นะ แบบนี้ก็ทำให้หล่อนเสียชื่อเสียงได้ในพริบตา แถมยังลดแฟนคลับของหล่อนไปไม่น้อย”

อาชีพนางแบบอย่างพวกเธอเดิมทีก็มีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าเมื่อไหร่มีข่าวเชิงลบออกมานิดหน่อย ก็จะส่งผลกระทบต่อโฆษณาที่พวกเธอเป็นพรีเซนเตอร์อย่างมาก

ถ้าหากเมื่อใดก็ตามที่มีข่าวเชิงลบออกไป มีความเป็นไปได้มากว่าไช่ไช่จะต้องหลุดจากตำแหน่งการเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหลาย ๆ ชิ้น เมื่อได้ก็ตามที่เสียงานพรีเซนเตอร์ไป มันก็จะตกไปเป็นของอายะที่อยู่ลำดับสองแน่นอน

พอคิดมาถึงตรงนี้อายะก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เธอรีบหามุมแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มไลฟ์สด

“ฮาโหล ๆ สวัสดีค่าทุกคนน วันนี้ฉันจะมาไลฟ์สดให้ทุกคนดู วันนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากค่ะที่เชิญท่านประธานถงแห่งจี้เฟิงนิวส์ มาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ท่านประธานถงทักทายทุกคนหน่อยเร็วค่ะ?”

เรื่องแบบนี้อายะทำเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกครั้งเวลาที่เธอไปรับประทานอาหารกับคนมีชื่อเสียงก็จะต้องถ่ายทอดสด ให้คนดูได้เห็นว่ารอบข้างเธอมีแต่คนมีชื่อเสียง

อีกอย่างมีหลาย ๆ ครั้งที่เธอเป็นคนจ่ายเงินเอง เพื่อได้กินข้าวกับบุคคลมีชื่อเสียง จ่ายเงินเพื่อสร้างข่าว

ครั้งนี้มาทานอาหารกับถงจี้เฟิง จริง ๆ แล้วไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น แต่เป็นเพราะว่าเธอกับถงจี้เฟิงมีความสัมพันธ์พิเศษกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่กล้าเปิดเผยออกไป

แต่เหตุผลวันนี้ก็คือ เธอต้องการจะไลฟ์สดโจมตีไช่ไช่ เพราะฉะนั้นถึงได้ไลฟ์สดโชว์หน้า

หลังจากไลฟ์สด ถงจี้เฟิงก็ทำท่าทางเป็นปกติ ทั้งสองคนไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกัน เหมือนแค่เป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่นั้น

“ท่านประธานถงคะ ฉันได้ยินมาว่าภัตตาคารพิพิธภัณฑ์ติ่มซำจองโต๊ะยากมาก?ไม่ทราบว่าคุณจองล่วงหน้านานไหมคะเนี่ย?”

ถงจี้เฟิงเอ่ย “ใช่แล้วครับ ภัตตาคารนี้เป็นภัตตาคารสุดหรูอีกอย่างมีแค่คนส่วนน้อยถึงจะมาทานที่นี่ได้ครับ เพราะฉะนั้นมันจองยากมาก ๆ ”

“ผมจองล่วงหน้าตั้งเจ็ดวันแน่ะกว่าจะได้ที่นั่ง”

พอถงจี้เฟิงพูดจบ ที่ด้านล่างก็มีคอมเมนต์เด้งขึ้นมารัว ๆ

“พิพิธภัณฑ์ติ่มซำนี้ฉันเคยได้ยินมาก่อน ไม่เคยจองที่นั่งได้เลย เหมือนว่าจะต้อนรับเฉพาะพวกบุคคลสำคัญเท่านั้น”

“ใช่ ๆ มีแค่คนที่มีเงินทำอำนาจเท่านั้นถึงจะไปกินที่นั่นได้ ชาวบ้านธรรมดา ๆ อย่างพวกเราไม่มีทางจองได้”

“ปังมากเลยค่ะ คุณเปิดโลกของพวกเรามาก อยากเห็นจังเลยค่ะว่าภัตตาคารหรูหราแบบนี้มันจะปังขนาดไหน”

“……”

พอเห็นคอมเมนต์ด้านล่าง อายะก็ยิ่งหยิ่งผยองขึ้นไปใหญ่ พอเธอเห็นฝั่งฉินจุนและไช่ไช่กำลังพูดคุยหัวเราะกัน ใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ท่านประธานถงคะ พวกเราจองโต๊ะเบอร์อะไรไว้นะคะ ?” อายะแกล้งทำเป็นถามทั้ง ๆ ที่เธอรู้ดีอยู่แล้ว

ถงจี้เฟิงเอ่ย “ชั้นสองโต๊ะ 9 ครับ”

“โต๊ะ 9?งั้นพวกเราหาโต๊ะกันก่อนดีกว่าค่ะ……”

จริง ๆ แล้วอายะเห็นแล้วว่าโต๊ะหมายเลข 9 นั้นอยู่ตรงไหน แต่เธอแกล้งทำเป็นเดินหา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นหมายเลขโต๊ะชัดเจน

ในที่สุดพอเห็นโต๊ะหมายเลข 9 ทันใดนั้นเธอก็แกล้งทำเป็นเอ่ยอย่างตกใจ

“อ่าว นั่นมันไช่ไช่ไม่ใช่เหรอ ทำไมมาเจอไช่ไช่ได้ล่ะ?”

อายะหามุมก่อนจะวางขาตั้งโทรศัพท์แล้วตั้งโทรศัพท์ เพื่อหามุมที่จะทำการไลฟ์สด

จากนั้นเธอก็ทำเป็นเดินไปข้างหน้า แกล้งทำเป็นถามด้วยท่าทางใสซื่อ

“ไช่ไช่ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

ไช่ไช่ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย เมื่อกี้พวกเธอก็เจอกันที่หน้าร้านแล้วไม่ใช่หรือยังไง ยังมาแกล้งทำเป็นถามเพื่ออะไร?

ไช่ไช่ไม่อยากจะสนใจเธอ แต่ว่าก็ไม่อยากจะฉีกหน้าคนอื่น

“อายะ เธอมีอะไรหรือเปล่า?”

อายะยิ้มก่อนจะเอ่ย “เมื่อกี้ที่หน้าร้าน ถ้าฉันจำไม่ผิดเหมือนเธอจะบอกว่าไม่ได้จองไว้หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามหน่อยสิ เธอไม่ได้จองไว้แล้วเข้ามาได้ยังไงกันล่ะ?”

ไช่ไช่ขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ย “เมื่อกี้ฉันเพิ่งจองโต๊ะตอนอยู่หน้าร้าน ทำไมล่ะ?”

อายะยิ้มแล้วเอ่ย “จองที่หน้าร้าน?เป็นไปไม่ได้มั้ง เท่าที่ฉันรู้ภัตตาคารแห่งนี้จำเป็นต้องทำการจองอย่างน้อยล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ถึงจะได้โต๊ะ เธอจองล่วงหน้าแค่ไม่กี่นาทีก็ได้ที่นั่งเลยเหรอ?มันต่างอะไรกับการเดินเข้ามาเลยล่ะแบบนี้?”

ไช่ไช่ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าเธอเริ่มไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แล้ว

“เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”

ทำไมยัยอายะนี่ถึงได้ทำตัวแปลก ๆ เหมือนกำลังเล่นลิ้นกับเธออยู่

อายะยิ้มแล้วเอ่ย “ฉันไม่ได้อยากจะพูดอะไรหรอก ฉันก็แค่แปลกใจพวกเธอเท่านั้นเอง เอาล่ะ ฉันแกล้งทำเป็นว่าเธอจองโต๊ะไว้แล้วกัน ว่าแต่เธอจองโต๊ะหมายเลขอะไรไว้ล่ะ โต๊ะเบอร์ 9 เหรอ?”

ไช่ไช่เอ่ย “แน่นอนสิ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะเบอร์ 9 ?”

อายะยิ้มออกมาทันที เธอรอคอยประโยคนี้มานานแล้ว เธอต้องการจะเห็นทุกคนได้เห็นว่า สรุปแล้วยัยไช่ไช่เป็นผู้หญิงหยิ่งยโสขนาดไหน

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ พนักงานคะ มานี่หน่อยสิ!”

อายะเรียกพนักงานคนหนึ่งมา หนุ่มหล่อคนหนึ่งก็วิ่งมาทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม

“คุณผู้หญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”

“พวกคุณช่วยตรวจสอบที ว่าโต๊ะหมายเลข 9 ใครเป็นคนจองไว้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผู้รักษาสุดแกร่ง 535 ไม่คิดเงิน

Now you are reading ผู้รักษาสุดแกร่ง Chapter 535 ไม่คิดเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อครู่พวกเธอก็บอกไปชัดแล้วนะว่าภัตตาคารพิพิธภัณฑ์ติ่มซำแห่งนี้เป็นภัตตาคารชั้นสูง เทียบกับระดับมิชลิน 3 ดาวได้เลย

เพราะฉะนั้นคนระดับธรรมดานั้นไม่มีทางจะจองได้เลย อีกอย่างเมื่อกี้พวกฉินจุนก็บอกไว้แล้วว่าพวกเธอไม่ได้จองที่นั่งเอาไว้ เพราะฉะนั้นพวกเธอสองคนต้องเข้ามาไม่ได้แน่นอน

ร้านที่คนแน่นขนาดนี้ถ้าไม่ได้จองไว้ก็ไม่มีทางมีที่นั่ง

ขนาดว่าถงจี้เฟิงเป็นนักธุรกิจใหญ่ ยังต้องใช้เส้นสายไม่น้อยเลยกว่าจะได้ เขาต้องจองล่วงหน้าถึงเจ็ดวัน อีกอย่างแถมยังได้เป็นที่นั่งธรรมดาชั้นสองอีกด้วย

ถึงแม้ว่าบรรยากาศภาพรวมจะดูดี แต่ว่าที่นั่งของพวกเธอถือว่าเป็นที่นั่งที่แย่ที่สุดในชั้นสอง

พวกฉินจุนกับไช่ไช่ไม่ได้จองเอาไว้ แต่กลับเข้ามาได้แบบนี้ชักน่าสนุกแล้วสิ

“พี่ฉิน เมื่อกี้เขาบอกว่าชั้นไหนนะคะ?”

“ชั้นสองโต๊ะหมายเลข 9 นะ?”

พอทั้งสองเดินเข้ามา ก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันที พอมาถึงชั้นสองหาโต๊ะหมายเลข 9 เจอพอดี บนโต๊ะมีชุดรับประทานอาหารสองชุดวางเตรียมไว้ ดูแล้วน่าจะเตรียมให้พวกเขา

ทั้งสองคนจึงนั่งลงทันที

จริง ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่พวกเรื่องมากเรื่องบรรยากาศร้านอาหารหรือที่นั่ง ขอแค่อาหารถูกปาก ก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น

โดยเฉพาะฉินจุน พวกสถานที่โอ่อ่าใหญ่โตไม่มีอะไรที่เขาไม่เคยเห็น เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลชั้นนำของตงไห่ ผ่านโลกมามากมาย

ประกอบกับเขาได้ติดตามท่านอาจารย์ไปรักษาคนไข้ทั่วทุกสารทิศหลายปี พบเจอสถานที่หรูหรามาก็มาก เรียกได้ว่าเคยร่วมรับประทานอาหารระดับประเทศในหลาย ๆ ประเทศ ร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ขณะที่ทั้งสองคนนั่งลง ถงจี้เฟิงก็ขมวดคิ้ว เตรียมจะเข้าไปขวาง

ตอนนั้นเองจู่ ๆ อายะก็ดึงตัวถงจี้เฟิงเอาไว้

“ท่านประธานถงคะ อย่าเพิ่งไปห้ามพวกมันเลยค่ะ!”

ถงจี้เฟิงขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมล่ะ นั่นมันเป็นที่ของเรานะ ผมเป็นคนจองเอาไว้!”

ทันใดนั้นอายะก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “คุณลองคิดดูนะคะ ทำไมพวกนั้นถึงได้เดินไปที่ที่นั่งของเรา?”

ถงจี้เฟิงขมวดคิ้ว “ผมจะไปรู้ได้ยังไง?”

อายะทำเหมือนตัวเองฉลาด “คุณลองคิดดูนะคะ เมื่อกี้คนพวกนั้นเพิ่งรู้จักชื่อของคุณ ตอนที่พวกมันเดินเข้ามาต้องบอกว่ามากับคุณแน่ ๆ เพราะฉะนั้นถึงได้เข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันไม่ได้จองเอาไว้ จะเข้ามาได้ยังไง?”

ถงจี้เฟิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ที่อายะพูดมาก็มีเหตุผล ถ้าไม่ทำแบบนั้นพวกมันก็ไม่มีทางเข้ามาได้หรอก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นั้นไม่มีทางที่พวกมันจะจองได้ ขนาดถงจี้เฟิงที่มีเส้นสายกว้างขวาง ยังแทรกคิวไม่ได้เลย

“ที่พูดมาก็มีเหตุผล แล้วคุณจะทำยังไง?”

อายะยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไลฟ์สดไปเลยสิคะ อีกเดี๋ยวเราไลฟ์สดให้ทุกคนได้เห็นว่าไช่ไช่นางแบบชื่อดังอ้างชื่อคนอื่นเข้ามากินอาหารฟรี ๆ ยังไง วิธีนี้เป็นไงคะ?”

ถงจี้เฟิงเองก็หัวเราะออกมา “วิธีนี้โหดอยู่นะ แบบนี้ก็ทำให้หล่อนเสียชื่อเสียงได้ในพริบตา แถมยังลดแฟนคลับของหล่อนไปไม่น้อย”

อาชีพนางแบบอย่างพวกเธอเดิมทีก็มีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าเมื่อไหร่มีข่าวเชิงลบออกมานิดหน่อย ก็จะส่งผลกระทบต่อโฆษณาที่พวกเธอเป็นพรีเซนเตอร์อย่างมาก

ถ้าหากเมื่อใดก็ตามที่มีข่าวเชิงลบออกไป มีความเป็นไปได้มากว่าไช่ไช่จะต้องหลุดจากตำแหน่งการเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหลาย ๆ ชิ้น เมื่อได้ก็ตามที่เสียงานพรีเซนเตอร์ไป มันก็จะตกไปเป็นของอายะที่อยู่ลำดับสองแน่นอน

พอคิดมาถึงตรงนี้อายะก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เธอรีบหามุมแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มไลฟ์สด

“ฮาโหล ๆ สวัสดีค่าทุกคนน วันนี้ฉันจะมาไลฟ์สดให้ทุกคนดู วันนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากค่ะที่เชิญท่านประธานถงแห่งจี้เฟิงนิวส์ มาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ท่านประธานถงทักทายทุกคนหน่อยเร็วค่ะ?”

เรื่องแบบนี้อายะทำเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกครั้งเวลาที่เธอไปรับประทานอาหารกับคนมีชื่อเสียงก็จะต้องถ่ายทอดสด ให้คนดูได้เห็นว่ารอบข้างเธอมีแต่คนมีชื่อเสียง

อีกอย่างมีหลาย ๆ ครั้งที่เธอเป็นคนจ่ายเงินเอง เพื่อได้กินข้าวกับบุคคลมีชื่อเสียง จ่ายเงินเพื่อสร้างข่าว

ครั้งนี้มาทานอาหารกับถงจี้เฟิง จริง ๆ แล้วไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น แต่เป็นเพราะว่าเธอกับถงจี้เฟิงมีความสัมพันธ์พิเศษกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่กล้าเปิดเผยออกไป

แต่เหตุผลวันนี้ก็คือ เธอต้องการจะไลฟ์สดโจมตีไช่ไช่ เพราะฉะนั้นถึงได้ไลฟ์สดโชว์หน้า

หลังจากไลฟ์สด ถงจี้เฟิงก็ทำท่าทางเป็นปกติ ทั้งสองคนไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกัน เหมือนแค่เป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่นั้น

“ท่านประธานถงคะ ฉันได้ยินมาว่าภัตตาคารพิพิธภัณฑ์ติ่มซำจองโต๊ะยากมาก?ไม่ทราบว่าคุณจองล่วงหน้านานไหมคะเนี่ย?”

ถงจี้เฟิงเอ่ย “ใช่แล้วครับ ภัตตาคารนี้เป็นภัตตาคารสุดหรูอีกอย่างมีแค่คนส่วนน้อยถึงจะมาทานที่นี่ได้ครับ เพราะฉะนั้นมันจองยากมาก ๆ ”

“ผมจองล่วงหน้าตั้งเจ็ดวันแน่ะกว่าจะได้ที่นั่ง”

พอถงจี้เฟิงพูดจบ ที่ด้านล่างก็มีคอมเมนต์เด้งขึ้นมารัว ๆ

“พิพิธภัณฑ์ติ่มซำนี้ฉันเคยได้ยินมาก่อน ไม่เคยจองที่นั่งได้เลย เหมือนว่าจะต้อนรับเฉพาะพวกบุคคลสำคัญเท่านั้น”

“ใช่ ๆ มีแค่คนที่มีเงินทำอำนาจเท่านั้นถึงจะไปกินที่นั่นได้ ชาวบ้านธรรมดา ๆ อย่างพวกเราไม่มีทางจองได้”

“ปังมากเลยค่ะ คุณเปิดโลกของพวกเรามาก อยากเห็นจังเลยค่ะว่าภัตตาคารหรูหราแบบนี้มันจะปังขนาดไหน”

“……”

พอเห็นคอมเมนต์ด้านล่าง อายะก็ยิ่งหยิ่งผยองขึ้นไปใหญ่ พอเธอเห็นฝั่งฉินจุนและไช่ไช่กำลังพูดคุยหัวเราะกัน ใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ท่านประธานถงคะ พวกเราจองโต๊ะเบอร์อะไรไว้นะคะ ?” อายะแกล้งทำเป็นถามทั้ง ๆ ที่เธอรู้ดีอยู่แล้ว

ถงจี้เฟิงเอ่ย “ชั้นสองโต๊ะ 9 ครับ”

“โต๊ะ 9?งั้นพวกเราหาโต๊ะกันก่อนดีกว่าค่ะ……”

จริง ๆ แล้วอายะเห็นแล้วว่าโต๊ะหมายเลข 9 นั้นอยู่ตรงไหน แต่เธอแกล้งทำเป็นเดินหา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นหมายเลขโต๊ะชัดเจน

ในที่สุดพอเห็นโต๊ะหมายเลข 9 ทันใดนั้นเธอก็แกล้งทำเป็นเอ่ยอย่างตกใจ

“อ่าว นั่นมันไช่ไช่ไม่ใช่เหรอ ทำไมมาเจอไช่ไช่ได้ล่ะ?”

อายะหามุมก่อนจะวางขาตั้งโทรศัพท์แล้วตั้งโทรศัพท์ เพื่อหามุมที่จะทำการไลฟ์สด

จากนั้นเธอก็ทำเป็นเดินไปข้างหน้า แกล้งทำเป็นถามด้วยท่าทางใสซื่อ

“ไช่ไช่ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

ไช่ไช่ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย เมื่อกี้พวกเธอก็เจอกันที่หน้าร้านแล้วไม่ใช่หรือยังไง ยังมาแกล้งทำเป็นถามเพื่ออะไร?

ไช่ไช่ไม่อยากจะสนใจเธอ แต่ว่าก็ไม่อยากจะฉีกหน้าคนอื่น

“อายะ เธอมีอะไรหรือเปล่า?”

อายะยิ้มก่อนจะเอ่ย “เมื่อกี้ที่หน้าร้าน ถ้าฉันจำไม่ผิดเหมือนเธอจะบอกว่าไม่ได้จองไว้หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามหน่อยสิ เธอไม่ได้จองไว้แล้วเข้ามาได้ยังไงกันล่ะ?”

ไช่ไช่ขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ย “เมื่อกี้ฉันเพิ่งจองโต๊ะตอนอยู่หน้าร้าน ทำไมล่ะ?”

อายะยิ้มแล้วเอ่ย “จองที่หน้าร้าน?เป็นไปไม่ได้มั้ง เท่าที่ฉันรู้ภัตตาคารแห่งนี้จำเป็นต้องทำการจองอย่างน้อยล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ถึงจะได้โต๊ะ เธอจองล่วงหน้าแค่ไม่กี่นาทีก็ได้ที่นั่งเลยเหรอ?มันต่างอะไรกับการเดินเข้ามาเลยล่ะแบบนี้?”

ไช่ไช่ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าเธอเริ่มไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แล้ว

“เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”

ทำไมยัยอายะนี่ถึงได้ทำตัวแปลก ๆ เหมือนกำลังเล่นลิ้นกับเธออยู่

อายะยิ้มแล้วเอ่ย “ฉันไม่ได้อยากจะพูดอะไรหรอก ฉันก็แค่แปลกใจพวกเธอเท่านั้นเอง เอาล่ะ ฉันแกล้งทำเป็นว่าเธอจองโต๊ะไว้แล้วกัน ว่าแต่เธอจองโต๊ะหมายเลขอะไรไว้ล่ะ โต๊ะเบอร์ 9 เหรอ?”

ไช่ไช่เอ่ย “แน่นอนสิ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะเบอร์ 9 ?”

อายะยิ้มออกมาทันที เธอรอคอยประโยคนี้มานานแล้ว เธอต้องการจะเห็นทุกคนได้เห็นว่า สรุปแล้วยัยไช่ไช่เป็นผู้หญิงหยิ่งยโสขนาดไหน

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ พนักงานคะ มานี่หน่อยสิ!”

อายะเรียกพนักงานคนหนึ่งมา หนุ่มหล่อคนหนึ่งก็วิ่งมาทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม

“คุณผู้หญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”

“พวกคุณช่วยตรวจสอบที ว่าโต๊ะหมายเลข 9 ใครเป็นคนจองไว้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+