ผู้รักษาสุดแกร่ง 599 ไวน์ปลอม

Now you are reading ผู้รักษาสุดแกร่ง Chapter 599 ไวน์ปลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟู้เสียวเซวี่ยพอได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา มุมปากของเธอโค้งลง แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ฉินจุน ที่นี่ก็มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรต้องสร้างภาพใส่กันเลย”

ฉินจุนยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไร เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดกันไปเถอะ

เจ้าของรถคันนี้แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ฉินจุนอยู่แล้ว ชื่อที่อยู่บนใบทะเบียนรถน่าจะเป็นชื่อของผู้ช่วยหลิ่วชิงชิง

ส่วนเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์นั้นเขามองว่ามันไม่ได้จำเป็น ก็แค่รถคันเดียวก็เท่านั้น ไม่ว่าจะในมุมมองของหลิ่วชิงชิงหรือว่าฉินจุน พวกเขาต่างก็มองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ไม่ได้จำเป็นอะไรเพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีใครสนใจอะไร

มีแค่พวกเพื่อนสมัยเรียนหัวสูงพวกนี้เท่านั้นแหละที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้น

“ฮ่าฮ่า พวกรถเช่าน่ะชอบใช้ทะเบียนปลอม ฉันแนะนำให้นายเปลี่ยนร้านเช่ารถนะ เจ้าของเลขทะเบียนนี้น่ะฉันรู้จัก เป็นเลขทะเบียนของเจ้านายฉัน ถ้าหากตำรวจจราจรมาเห็นเข้า มากสุดก็อาจจะแค่ปรับนาย แต่ถ้าเพื่อนของท่านประธานฉันมาเห็นเข้า นายหมดหนทางทำมาหากินแน่!”

พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ถึงแม้ว่าการได้หักหน้าฉินจุนในเรื่องนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่ว่าก็ไม่จำเป็นจะต้องกัดไม่ปล่อยพูดไม่เลิก

ฟู้เสียวเซวี่ยในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือฉินจุนในทุก ๆ ด้าน

ไม่ว่าจะเรื่องฐานะการเงิน แวดวงสังคมคนรู้จัก หรือว่าโลกทัศน์ของเธอ ต่างก็เหนือกว่าฉินจุนอยู่หลายขุม

การได้กดหัวฉินจุนรอบด้านแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกับฉินจุนนั้นอยู่คนละระดับกัน ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอสะใจเป็นบ้า

ฟู้เสียวเซวี่ยหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเปิด

“ไวน์Lafite พวกเธอไม่น่าจะเคยดื่มกันมาก่อนนะ?มาทุกคนมาชิมเร็ว”

พอเห็นขวดไวน์Lafiteขวดนี้เข้า ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ว้าว นี่มันไวน์Lafiteจริงด้วยอะ เคยเห็นแต่คนอื่นเขากินในทีวี ฉันไม่เคยกินมาก่อนเลย”

“นั่นสิ ฉันก็ไม่เคยกินมาก่อนเหมือนกัน ไวน์ดี ๆ แพง ๆ แบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าพวกไวน์ปี 1992 หรือ 1982 ราคาขวดละหลายหมื่น ฉันล่ะจ่ายไม่ไหวจริง ๆ ”

“ใช่ ๆ คราวนี้ได้อาศัยบารมีของประธานฟู้ พวกเรารีบมาชิมกันเร็ว”

“……”

การได้มาทานอาหารกับเสี่ยวฟู้เหมือนทำให้พวกเขาได้เปิดโลกกว้าง ทั้งได้ฟังเรื่องซุบซิบของประธานหลิ่ว แถมยังได้ดื่มไวน์แพง ๆ แบบนี้อีกด้วย

เสี่ยวฟู้รินไวน์ให้ทุกคนดื่มคนละแก้ว พอมาถึงตาของฉินจุน เธอก็จงใจเอ่ยถาม

“นายจะดื่มเหรอ?ดูเหมือนว่าเหล้าจะไม่พอน่ะสิ”

ทุกคนต่างรู้ดีว่า เสี่ยวฟู้จงใจทำให้ฉินจุนลำบาก ให้ฉินจุนรู้สึกอับอายต่อหน้าคนอื่น

คนอื่นตั้งมากมายต่างได้กิน แต่ดันมาไม่พอตอนแก้วของฉินจุน เธอก็แค่อยากจะให้ฉินจุนได้รับรู้รสชาติของความรู้สึกอึดอัดนี้บ้าง

ฉินจุนส่ายหน้า “หึหึ ฉันไม่ดื่มก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้ชอบดื่มไวน์ปลอม”

พอฉินจุนพูดจบ หน้าของเสี่ยวฟู้ก็ชาแข็งทื่อไปเลย ทั้งห้องอาหารก็เงียบลงทันที

ทุกคนต่างแสดงสีหน้าแปลกใจ

“ไวน์ปลอม?”

“ไอ้คนแซ่ฉิน นายพูดมาให้เคลียร์ ๆ เลยนะ ไวน์ของฉันจะเป็นของปลอมได้ยังไง?”

เพื่อนคนอื่น ๆ เองก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

“นั่นน่ะสิ ฉินจุนนายไม่เห็นต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เลย แค่ไม่มีไวน์รินให้นายแล้ว นายถึงกับต้องบอกว่าไวน์ของเสี่ยวฟู้เป็นของปลอมเลยเหรอ?”

“เหล่าฉินนายทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ถ้ามันขนาดนั้นฉันแบ่งของฉันให้ครึ่งแก้วเอามั้ย?นายจะมาพูดแบบนี้มันไม่ได้นะ!”

“ฉันเคยเห็นในทีวีมาก่อน ไวน์Lafiteก็เป็นแบบนี้แหละ ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?”

“……”

พอฉินจุนเอ่ยประโยคนั้นออกมา เหล่าเพื่อน ๆ ก็ต่างไม่พอใจกันใหญ่ โดยเฉพาะฟู้เสียวเซวี่ย

เธอเป็นถึงระดับไหนกัน เธอเป็นถึงตัวแทนหลักประจำภาคใต้เชียวนะ ถือว่าเป็นคนชนชั้นสูงในสังคมเลยก็ว่าได้

เธอเจอผู้คนผ่านโลกมากมาย หมอนี่ดันมาบอกว่าเธอดื่มไวน์ปลอม แบบนี้มันเท่ากับด่าเธอเลยไม่ใช่เหรอ?

ฟู้เสียวเซวี่ยรีบรินไวน์ให้ฉินจุนดื่มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

“อะ นายชิมดู ฉันจะดูสิว่าไวน์นี้ของฉันจะเป็นของปลอมไปได้ยังไง?”

ฉินจุนยกแก้วไวน์ขึ้นมา ก่อนจะเอียงแก้วให้ทุกคนดูแล้วเอ่ย

“ไวน์ที่มีอายุเก็บมานานหลายปีจริง ๆ จะมีสีสันสวยงามแดงสด ยิ่งมีอายุนานมากเท่าไหร่ สีก็จะยิ่งสด”

“อีกอย่างไวน์นี้สีมันขุ่นมาก และสีของมันก็ไม่สดเท่าที่ควร เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผลิตแค่ไม่กี่ปี”

หลังจากพูดจบฉินจุนก็จิบไวน์แล้วส่ายหัว

“พวกเธอลองชิมดูสิ ไวน์นี่มีรสชาติหวานมาก”

“ตามหลักการแล้วไวน์แดงนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการกลั่น เพราะฉะนั้นมันจะมีรสเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ โดยเฉพาะไวน์ที่มีอายุ บางทีจำเป็นต้องทำการเปิดไวน์ทิ้งไว้ก่อนสักสามสิบนาทีเพื่อวอร์มให้ไวน์ที่กักเก็บมานานสัมผัสกับออกซิเจน”

“แต่ว่าไวน์นี้ ยังไม่ทันได้ทำการวอร์มเปิดไวน์ใด ๆ ก่อนเลย ก็มีรสหวานขนาดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันมีปัญหา”

หลังจากที่ฉินจุนพูดจบ ทุกคนก็จิบตามบ้าง มันไม่มีรสเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ เลยจริงด้วยแต่กลับมีรสหวานแทน เหมือนกับพวกไวน์ราคาถูกแบบนั้นเลย

ฉินจุนหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเอ่ย

“ที่สำคัญไวน์ตัวนี้ไม่ใช่ Chateau Lafite Rothschild แต่เป็น Carruades de Lafite ที่เป็นรุ่นรอง”

“เพื่อเป็นการลดต้นทุนลงและออกไวน์แดงตัวใหม่ที่เหมาะสำหรับลูกค้าชนชั้นกลางรายได้ต่ำ โรงงานผลิตไวน์Lafite จึงได้กว้านซื้อโรงงานผลิตไวน์ แล้วทำการผลิตCarruades de Lafite ที่เป็นรุ่นรอง”

“แน่นอนว่าไวน์จากโรงงานย่อยก็เป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี แต่ว่ามันมีอยู่หนึ่งเรื่องก็คือ ในตอนปี 2006 องุ่นเกรดดีมีคุณภาพนั้นขาดตลาด เพราะฉะนั้นองุ่นเกือบทั้งหมดจึงมอบให้โรงงานหลักหมด เพราะฉะนั้นโรงงานย่อยจึงไม่ได้ผลิตไวน์ใด ๆ ออกมาเลย มีเพียงไวน์รุ่นฮว๋าเซี่ยที่ผลิตออกมานิดหน่อย แต่ไวน์ขวดนี้ของเธอเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่”

“ทั้งเป็นCarruades de Lafite ทั้งผลิตในปี 2006แบบนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นไวน์ปลอม”

พอฉินจุนเอ่ยจบ ทุกคนก็เงียบลงทันที

เดิมทีคำพูดของฉินจุนนั้นไม่มีใครเชื่อ แต่ว่าพอได้ยินเขาเอ่ยมาแต่ละประโยคช่างสมเหตุสมผล เหมือนกับว่าพูดความจริง ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

หลาย ๆ คนหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กข้อมูล และก็เป็นไปตามคาด มันตรงตามที่ฉินจุนพูดมาเป๊ะ ๆ ทุกประการ

ในปี 2006 โรงงานย่อยของCarruades de Lafiteนั้นผลิตไวน์ออกมารุ่นหนึ่ง แต่ไม่ใช่รุ่นนี้

ไวน์นี่เป็นของปลอมจริง ๆ เหรอ ?

ฟู้เสียวเซวี่ยหน้าเสีย รู้สึกขายหน้าจนแทบไม่ไหว

ไม่คิดเลยว่าเธอจะสร้างภาพต่อหน้าเพื่อนพวกนี้ไม่สำเร็จ อุตส่าห์หยิบLafiteออกมาก็ดันเป็นของปลอมเสียนี่

“ฮะฮ่า โทษทีฉันประมาทไปหน่อย เคยดื่มแต่Chateau Lafite Rothschild นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินเรื่องCarruades de Lafite ในเมื่อมันเป็นของปลอมก็อย่าดื่มมันเลย”

พูดจบฟู้เสียวเซวี่ยก็เทเหล้านั่นทิ้ง

ท่ามกลางสถานการณ์ตกอยู่ในความอึดอัดต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก

ฉินจุนจึงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นดื่มของฉันแล้วกัน”

พอไม่มีเหล้าแล้วก็ผิดหวังหน้าสลดกันเลยเหรอ?

ฉินจุนหยิบเหล้าออกมาสองขวด เป็นวิสกี้ทั้งสองขวดเลย ขวดหนึ่งเป็นสีเขียว อีกขวดเป็นสีเหลือง

พอเปิดขวดสีเขียวเขาก็รินให้เพื่อน ๆ คนละนิด

“ว้าว วิสกี้เลยเหรอ เหล้าอันนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มันก็เป็นเหล้าอย่างดีเหมือนกันใช่ไหม?”

ฟู้เสียวเซวี่ยเหลือบมองก่อนจะส่งเสียงไม่พอใจ

“เหล้านี่ก็ต้องเป็นเหล้าดีอยู่แล้วสิ พวกเธอไม่เห็นปีที่ผลิตบนขวดเหรอ นี่มันเหล้าสามสิบกว่าปีเชียวนะ ฮึ!” ฟู้เสียวเซวี่ยเอ่ยอย่างกระแหนะกระแหน

พอรินเหล้าสีเขียวให้ทุกคนคนละนิดเดียวเสร็จ ฉินจุนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาควงไปมา

ฟู้เสียวเซวี่ยเห็นแบบนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที

“ฉินจุนสรุปนายรู้เรื่องเหล้าจริง ๆ หรือเปล่า เมื่อกี๊ฉันยังเห็นนายทำเป็นรู้ดีอยู่เลย ที่แท้นายก็รู้แค่เรื่องไวน์แดงงั้นเหรอ?”

“นี่มันวิสกี้นะ ไม่จำเป็นต้องวอร์มก่อนดื่ม มีแค่ไวน์แดงเท่านั้นถึงจะต้องควงแก้วก่อน ให้ไวน์แดงในสัมผัสกับออกซิเจน เพื่อที่จะได้ลดความเปรี้ยวฝาดของตัวไวน์ลงไป”

“แต่วิสกี้มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น โดยเฉพาะวิสกี้ ซาวร์แบบนี้ ปกติมันก็รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อยู่แล้วดื่มได้เลย”

พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหมดในคำเดียว

เพื่อนคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นเข้า ต่างก็ยกแก้วเหล้าขึ้น ไม่รู้ว่าจะฟังฝ่ายไหนดี

สายตาของทุกคนต่างหันไปมองที่ฉินจุน ราวกับว่ากำลังรอคำตอบจากเขา

ฉินจุนเอ่ย “นี่คือเลม่อน มิ้นต์ มาการิต้า มันเป็นแค่เหล้าธรรมดา ๆ ราคาถูก โดยปกติพวกบาร์เทนเดอร์จะใช้กัน”

“และเนื่องจากวิสกี้ขวดนี้มีอายุมากแล้ว รสชาติของมันจึงเผ็ดมาก การใช้เลม่อน มิ้นต์ มาการิต้านี้ล้างถ้วยสามารถลดรสชาติเผ็ดร้อนนี้ได้”

พูดจบ ฉินจุนก็เทเหล้าในแก้วทิ้ง

“เหล้าอันนี้ไม่ได้ให้พวกเธอกิน แต่เอาไว้ให้พวกเธอวนมันเพื่อล้างแก้วเฉย ๆ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผู้รักษาสุดแกร่ง 599 ไวน์ปลอม

Now you are reading ผู้รักษาสุดแกร่ง Chapter 599 ไวน์ปลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟู้เสียวเซวี่ยพอได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา มุมปากของเธอโค้งลง แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ฉินจุน ที่นี่ก็มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรต้องสร้างภาพใส่กันเลย”

ฉินจุนยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไร เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดกันไปเถอะ

เจ้าของรถคันนี้แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ฉินจุนอยู่แล้ว ชื่อที่อยู่บนใบทะเบียนรถน่าจะเป็นชื่อของผู้ช่วยหลิ่วชิงชิง

ส่วนเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์นั้นเขามองว่ามันไม่ได้จำเป็น ก็แค่รถคันเดียวก็เท่านั้น ไม่ว่าจะในมุมมองของหลิ่วชิงชิงหรือว่าฉินจุน พวกเขาต่างก็มองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ไม่ได้จำเป็นอะไรเพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีใครสนใจอะไร

มีแค่พวกเพื่อนสมัยเรียนหัวสูงพวกนี้เท่านั้นแหละที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้น

“ฮ่าฮ่า พวกรถเช่าน่ะชอบใช้ทะเบียนปลอม ฉันแนะนำให้นายเปลี่ยนร้านเช่ารถนะ เจ้าของเลขทะเบียนนี้น่ะฉันรู้จัก เป็นเลขทะเบียนของเจ้านายฉัน ถ้าหากตำรวจจราจรมาเห็นเข้า มากสุดก็อาจจะแค่ปรับนาย แต่ถ้าเพื่อนของท่านประธานฉันมาเห็นเข้า นายหมดหนทางทำมาหากินแน่!”

พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ถึงแม้ว่าการได้หักหน้าฉินจุนในเรื่องนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่ว่าก็ไม่จำเป็นจะต้องกัดไม่ปล่อยพูดไม่เลิก

ฟู้เสียวเซวี่ยในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือฉินจุนในทุก ๆ ด้าน

ไม่ว่าจะเรื่องฐานะการเงิน แวดวงสังคมคนรู้จัก หรือว่าโลกทัศน์ของเธอ ต่างก็เหนือกว่าฉินจุนอยู่หลายขุม

การได้กดหัวฉินจุนรอบด้านแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกับฉินจุนนั้นอยู่คนละระดับกัน ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอสะใจเป็นบ้า

ฟู้เสียวเซวี่ยหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเปิด

“ไวน์Lafite พวกเธอไม่น่าจะเคยดื่มกันมาก่อนนะ?มาทุกคนมาชิมเร็ว”

พอเห็นขวดไวน์Lafiteขวดนี้เข้า ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ว้าว นี่มันไวน์Lafiteจริงด้วยอะ เคยเห็นแต่คนอื่นเขากินในทีวี ฉันไม่เคยกินมาก่อนเลย”

“นั่นสิ ฉันก็ไม่เคยกินมาก่อนเหมือนกัน ไวน์ดี ๆ แพง ๆ แบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าพวกไวน์ปี 1992 หรือ 1982 ราคาขวดละหลายหมื่น ฉันล่ะจ่ายไม่ไหวจริง ๆ ”

“ใช่ ๆ คราวนี้ได้อาศัยบารมีของประธานฟู้ พวกเรารีบมาชิมกันเร็ว”

“……”

การได้มาทานอาหารกับเสี่ยวฟู้เหมือนทำให้พวกเขาได้เปิดโลกกว้าง ทั้งได้ฟังเรื่องซุบซิบของประธานหลิ่ว แถมยังได้ดื่มไวน์แพง ๆ แบบนี้อีกด้วย

เสี่ยวฟู้รินไวน์ให้ทุกคนดื่มคนละแก้ว พอมาถึงตาของฉินจุน เธอก็จงใจเอ่ยถาม

“นายจะดื่มเหรอ?ดูเหมือนว่าเหล้าจะไม่พอน่ะสิ”

ทุกคนต่างรู้ดีว่า เสี่ยวฟู้จงใจทำให้ฉินจุนลำบาก ให้ฉินจุนรู้สึกอับอายต่อหน้าคนอื่น

คนอื่นตั้งมากมายต่างได้กิน แต่ดันมาไม่พอตอนแก้วของฉินจุน เธอก็แค่อยากจะให้ฉินจุนได้รับรู้รสชาติของความรู้สึกอึดอัดนี้บ้าง

ฉินจุนส่ายหน้า “หึหึ ฉันไม่ดื่มก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้ชอบดื่มไวน์ปลอม”

พอฉินจุนพูดจบ หน้าของเสี่ยวฟู้ก็ชาแข็งทื่อไปเลย ทั้งห้องอาหารก็เงียบลงทันที

ทุกคนต่างแสดงสีหน้าแปลกใจ

“ไวน์ปลอม?”

“ไอ้คนแซ่ฉิน นายพูดมาให้เคลียร์ ๆ เลยนะ ไวน์ของฉันจะเป็นของปลอมได้ยังไง?”

เพื่อนคนอื่น ๆ เองก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

“นั่นน่ะสิ ฉินจุนนายไม่เห็นต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เลย แค่ไม่มีไวน์รินให้นายแล้ว นายถึงกับต้องบอกว่าไวน์ของเสี่ยวฟู้เป็นของปลอมเลยเหรอ?”

“เหล่าฉินนายทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ถ้ามันขนาดนั้นฉันแบ่งของฉันให้ครึ่งแก้วเอามั้ย?นายจะมาพูดแบบนี้มันไม่ได้นะ!”

“ฉันเคยเห็นในทีวีมาก่อน ไวน์Lafiteก็เป็นแบบนี้แหละ ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?”

“……”

พอฉินจุนเอ่ยประโยคนั้นออกมา เหล่าเพื่อน ๆ ก็ต่างไม่พอใจกันใหญ่ โดยเฉพาะฟู้เสียวเซวี่ย

เธอเป็นถึงระดับไหนกัน เธอเป็นถึงตัวแทนหลักประจำภาคใต้เชียวนะ ถือว่าเป็นคนชนชั้นสูงในสังคมเลยก็ว่าได้

เธอเจอผู้คนผ่านโลกมากมาย หมอนี่ดันมาบอกว่าเธอดื่มไวน์ปลอม แบบนี้มันเท่ากับด่าเธอเลยไม่ใช่เหรอ?

ฟู้เสียวเซวี่ยรีบรินไวน์ให้ฉินจุนดื่มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

“อะ นายชิมดู ฉันจะดูสิว่าไวน์นี้ของฉันจะเป็นของปลอมไปได้ยังไง?”

ฉินจุนยกแก้วไวน์ขึ้นมา ก่อนจะเอียงแก้วให้ทุกคนดูแล้วเอ่ย

“ไวน์ที่มีอายุเก็บมานานหลายปีจริง ๆ จะมีสีสันสวยงามแดงสด ยิ่งมีอายุนานมากเท่าไหร่ สีก็จะยิ่งสด”

“อีกอย่างไวน์นี้สีมันขุ่นมาก และสีของมันก็ไม่สดเท่าที่ควร เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผลิตแค่ไม่กี่ปี”

หลังจากพูดจบฉินจุนก็จิบไวน์แล้วส่ายหัว

“พวกเธอลองชิมดูสิ ไวน์นี่มีรสชาติหวานมาก”

“ตามหลักการแล้วไวน์แดงนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการกลั่น เพราะฉะนั้นมันจะมีรสเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ โดยเฉพาะไวน์ที่มีอายุ บางทีจำเป็นต้องทำการเปิดไวน์ทิ้งไว้ก่อนสักสามสิบนาทีเพื่อวอร์มให้ไวน์ที่กักเก็บมานานสัมผัสกับออกซิเจน”

“แต่ว่าไวน์นี้ ยังไม่ทันได้ทำการวอร์มเปิดไวน์ใด ๆ ก่อนเลย ก็มีรสหวานขนาดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันมีปัญหา”

หลังจากที่ฉินจุนพูดจบ ทุกคนก็จิบตามบ้าง มันไม่มีรสเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ เลยจริงด้วยแต่กลับมีรสหวานแทน เหมือนกับพวกไวน์ราคาถูกแบบนั้นเลย

ฉินจุนหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเอ่ย

“ที่สำคัญไวน์ตัวนี้ไม่ใช่ Chateau Lafite Rothschild แต่เป็น Carruades de Lafite ที่เป็นรุ่นรอง”

“เพื่อเป็นการลดต้นทุนลงและออกไวน์แดงตัวใหม่ที่เหมาะสำหรับลูกค้าชนชั้นกลางรายได้ต่ำ โรงงานผลิตไวน์Lafite จึงได้กว้านซื้อโรงงานผลิตไวน์ แล้วทำการผลิตCarruades de Lafite ที่เป็นรุ่นรอง”

“แน่นอนว่าไวน์จากโรงงานย่อยก็เป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี แต่ว่ามันมีอยู่หนึ่งเรื่องก็คือ ในตอนปี 2006 องุ่นเกรดดีมีคุณภาพนั้นขาดตลาด เพราะฉะนั้นองุ่นเกือบทั้งหมดจึงมอบให้โรงงานหลักหมด เพราะฉะนั้นโรงงานย่อยจึงไม่ได้ผลิตไวน์ใด ๆ ออกมาเลย มีเพียงไวน์รุ่นฮว๋าเซี่ยที่ผลิตออกมานิดหน่อย แต่ไวน์ขวดนี้ของเธอเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่”

“ทั้งเป็นCarruades de Lafite ทั้งผลิตในปี 2006แบบนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นไวน์ปลอม”

พอฉินจุนเอ่ยจบ ทุกคนก็เงียบลงทันที

เดิมทีคำพูดของฉินจุนนั้นไม่มีใครเชื่อ แต่ว่าพอได้ยินเขาเอ่ยมาแต่ละประโยคช่างสมเหตุสมผล เหมือนกับว่าพูดความจริง ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

หลาย ๆ คนหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กข้อมูล และก็เป็นไปตามคาด มันตรงตามที่ฉินจุนพูดมาเป๊ะ ๆ ทุกประการ

ในปี 2006 โรงงานย่อยของCarruades de Lafiteนั้นผลิตไวน์ออกมารุ่นหนึ่ง แต่ไม่ใช่รุ่นนี้

ไวน์นี่เป็นของปลอมจริง ๆ เหรอ ?

ฟู้เสียวเซวี่ยหน้าเสีย รู้สึกขายหน้าจนแทบไม่ไหว

ไม่คิดเลยว่าเธอจะสร้างภาพต่อหน้าเพื่อนพวกนี้ไม่สำเร็จ อุตส่าห์หยิบLafiteออกมาก็ดันเป็นของปลอมเสียนี่

“ฮะฮ่า โทษทีฉันประมาทไปหน่อย เคยดื่มแต่Chateau Lafite Rothschild นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินเรื่องCarruades de Lafite ในเมื่อมันเป็นของปลอมก็อย่าดื่มมันเลย”

พูดจบฟู้เสียวเซวี่ยก็เทเหล้านั่นทิ้ง

ท่ามกลางสถานการณ์ตกอยู่ในความอึดอัดต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก

ฉินจุนจึงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นดื่มของฉันแล้วกัน”

พอไม่มีเหล้าแล้วก็ผิดหวังหน้าสลดกันเลยเหรอ?

ฉินจุนหยิบเหล้าออกมาสองขวด เป็นวิสกี้ทั้งสองขวดเลย ขวดหนึ่งเป็นสีเขียว อีกขวดเป็นสีเหลือง

พอเปิดขวดสีเขียวเขาก็รินให้เพื่อน ๆ คนละนิด

“ว้าว วิสกี้เลยเหรอ เหล้าอันนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มันก็เป็นเหล้าอย่างดีเหมือนกันใช่ไหม?”

ฟู้เสียวเซวี่ยเหลือบมองก่อนจะส่งเสียงไม่พอใจ

“เหล้านี่ก็ต้องเป็นเหล้าดีอยู่แล้วสิ พวกเธอไม่เห็นปีที่ผลิตบนขวดเหรอ นี่มันเหล้าสามสิบกว่าปีเชียวนะ ฮึ!” ฟู้เสียวเซวี่ยเอ่ยอย่างกระแหนะกระแหน

พอรินเหล้าสีเขียวให้ทุกคนคนละนิดเดียวเสร็จ ฉินจุนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาควงไปมา

ฟู้เสียวเซวี่ยเห็นแบบนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที

“ฉินจุนสรุปนายรู้เรื่องเหล้าจริง ๆ หรือเปล่า เมื่อกี๊ฉันยังเห็นนายทำเป็นรู้ดีอยู่เลย ที่แท้นายก็รู้แค่เรื่องไวน์แดงงั้นเหรอ?”

“นี่มันวิสกี้นะ ไม่จำเป็นต้องวอร์มก่อนดื่ม มีแค่ไวน์แดงเท่านั้นถึงจะต้องควงแก้วก่อน ให้ไวน์แดงในสัมผัสกับออกซิเจน เพื่อที่จะได้ลดความเปรี้ยวฝาดของตัวไวน์ลงไป”

“แต่วิสกี้มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น โดยเฉพาะวิสกี้ ซาวร์แบบนี้ ปกติมันก็รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อยู่แล้วดื่มได้เลย”

พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหมดในคำเดียว

เพื่อนคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นเข้า ต่างก็ยกแก้วเหล้าขึ้น ไม่รู้ว่าจะฟังฝ่ายไหนดี

สายตาของทุกคนต่างหันไปมองที่ฉินจุน ราวกับว่ากำลังรอคำตอบจากเขา

ฉินจุนเอ่ย “นี่คือเลม่อน มิ้นต์ มาการิต้า มันเป็นแค่เหล้าธรรมดา ๆ ราคาถูก โดยปกติพวกบาร์เทนเดอร์จะใช้กัน”

“และเนื่องจากวิสกี้ขวดนี้มีอายุมากแล้ว รสชาติของมันจึงเผ็ดมาก การใช้เลม่อน มิ้นต์ มาการิต้านี้ล้างถ้วยสามารถลดรสชาติเผ็ดร้อนนี้ได้”

พูดจบ ฉินจุนก็เทเหล้าในแก้วทิ้ง

“เหล้าอันนี้ไม่ได้ให้พวกเธอกิน แต่เอาไว้ให้พวกเธอวนมันเพื่อล้างแก้วเฉย ๆ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+