ยามดอกวสันต์ผลิบาน 420 ท่าที

Now you are reading ยามดอกวสันต์ผลิบาน Chapter 420 ท่าที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จู่ๆ โจว​เสาจิ่น​ที่​ถูก​โอบกอด​ อด​อุทาน​เสียง​เบา​คำ​หนึ่ง​ไม่ได้​ จับ​แขน​ของ​เฉิงฉือ​ไว้​แน่น​ ริมฝีปาก​อุ่น​ผะ​ผ่าว​ก็​แนบ​บน​ริมฝีปาก​ของ​นาง​

นาง​เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ตกใจ​ว่า​ “รีบ​ปล่อย​ข้า​ลงมา​เร็ว​เจ้าคะ​!”

เฉิงฉือ​ไม่ปล่อย​

รู้สึก​ว่าการ​ที่​โจว​เสาจิ่น​พึ่งพา​เขา​หมด​ทั้งกายและใจ​เช่นนี้​น่าสนใจ​เป็นอย่างมาก​

โจว​เสาจิ่น​โกรธขึ้ง​ยิ่งนัก​

เฉิงฉือยก​ยิ้ม​แล้ว​วาง​นาง​บน​เตียง​เตา​ ส่วน​ตนเอง​ก็​นั่งลง​ตาม​ แล้ว​เริ่ม​ชงชากา​ใหม่​

โจว​เสาจิ่น​จัด​เสื้อผ้า​เครื่องประดับ​ให้​เรียบร้อย​ สีหน้า​ลังเล​เล็กน้อย​

เฉิงฉือ​หยัก​มุมปาก​ขึ้น​ยิ้ม​ๆ กล่าว​เสียง​อบอุ่น​ว่า​ “มีอะไร​หรือ​”

โจว​เสาจิ่น​คิด​แล้ว​คิด​อีก​จึงกล่าวว่า​ “จะต้อง​แยก​ตระกูล​ให้ได้​หรือ​เจ้าคะ​”

จะต้อง​แยก​ตระกูล​ให้​สำเร็จ​นาง​จึงจะแต่งงาน​กับ​เขา​ได้​อย่างนั้น​หรือ​

บุตรสาว​ที่​แต่งงาน​เสมือน​น้ำ​ที่​ถูก​สาด​ออก​ไป​

ใน​ระเบียน​ประวัติ​ตระกูล​ของ​ตระกูล​เดิม​เพียง​บันทึก​วันเกิด​และ​วัน​ออกเรือน​ของ​บุตรสาว​เท่านั้น​

บุตรสาว​ที่​แต่งงาน​ก็​เพียง​ดู​ว่า​สามีเป็น​คน​เช่นไร​เท่านั้น​!

อย่างไรก็ตาม​เพราะว่า​นาง​เติบโต​ใน​ซอย​จิ่ว​หรู​ตั้งแต่​เล็ก​ หาก​แต่งงาน​กับ​ท่าน​น้า​ฉือ​ ท่าน​น้า​ฉือ​จะถูก​ประณาม​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ ถ้าหาก​ท่าน​น้า​ฉือ​เดิน​บน​เส้นทาง​ขุนนาง​ ก็​ยิ่ง​มีความผิด​เช่นนี้​ไม่ได้​เป็นอันขาด​

เห็น​ได้​ว่า​เรื่อง​ต่างๆ​ ใน​โลก​นี้​ล้วน​ยาก​จะสมดั่ง​ใจหวัง​ทั้งสอง​ทาง​

ถ้าหาก​นาง​มิได้​เติบโต​ใน​ซอย​จิ่ว​หรู​ ก็​คง​มิได้​พบ​กับ​ท่าน​น้า​ฉือ​ แต่​เนื่องจาก​นาง​เติบโต​ใน​ซอย​จิ่ว​หรู​ จึงกลาย​เป็นสาเหตุ​ที่​ขวางกั้น​ไม่ให้​นาง​ได้​แต่งงาน​กับ​ท่าน​น้า​ฉือ​

อารมณ์​ของ​โจว​เสาจิ่น​หดหู่​ลง​เป็นอย่างมาก​

เฉิงฉือ​ลูบ​ศีรษะ​ของ​นาง​พลาง​กล่าวว่า​ “การ​แยก​ตระกูล​เป็น​ทางออก​ที่​ดี​ที่สุด​…หรือว่า​เจ้าอยาก​จะตาม​ข้า​กลับ​ไป​กราบไหว้​บรรพชน​ที่​ซอย​จิ่ว​หรู​ทุกปี​”

เขา​เป็น​คน​ที่​เข้าใจ​นาง​ที่สุด​จริงๆ​

หรือว่า​ความทรงจำ​จาก​ชาติก่อน​จะฝังใจเกินไป​ นาง​จึงหวั่นกลัว​สายตา​จับจ้อง​ของ​คนอื่น​เป็นที่​สุด การ​ตก​เป็นที่​ซุบซิบนินทา​ของ​ผู้อื่น​ ไม่ว่า​จะพูดถึง​นางใน​แง่ดี​หรือไม่​ดี​ก็ตาม​ นาง​ไม่ชอบ​ฟังเลย​ทั้งสิ้น​

โจว​เสาจิ่น​พึมพำ​ขึ้น​ว่า​ “เพียง​รู้สึก​เป็นกังวล​เท่านั้น​เจ้าค่ะ​… เดิมที​ไม่ต้อง​ถึงกับ​แยก​ตระกูล​ก็ได้​… แค่​คิด​ว่า​เพราะ​ตัว​ข้า​เป็นสาเหตุ​ทำให้​ซอย​จิ่ว​หรู​แตก​แยกกัน​… บรรดา​ผู้อาวุโส​และ​ผู้นำ​ตระกูล​ทั้งหลาย​ที่​ล่วงลับ​ไป​แล้ว​ จะต้อง​กล่าวโทษ​ข้า​เป็นแน่​เจ้าค่ะ​…”

“เสาจิ่น!”​ เฉิงฉือ​เรียก​นาง​อย่าง​อาทร​ รู้สึก​ทอดถอนใจ​ขณะ​โอบกอด​นางใน​อ้อมแขน​

โจว​เสาจิ่น​ชอบ​อ้อมกอด​เช่นนี้​ ทั้ง​รู้สึก​สงบใจ​และ​ฟังเสียง​หัว​ใจเต้น​ของ​เฉิงฉือ​ได้​ด้วย​ ราวกับ​นาง​อยู่​ใน​ใจของ​เขา​ก็​ไม่ปาน​

นาง​มิได้​ดิ้น​ขัดขืน​ อิงแอบ​แผง​อก​ของ​เขา​อย่าง​ว่าง่าย​

เขา​จุมพิต​บน​กระหม่อม​ของ​นาง​ กระซิบ​ว่า​ “เมื่อ​ครู่​พี่ชาย​รอง​มาหา​ข้า​ เขา​เห็นด้วย​กับ​การ​แยก​ตระ​กู​ล.​..”

โจว​เสาจิ่น​เงยหน้า​ขึ้น​มาอย่าง​ประหลาดใจ​ ริมฝีปาก​เฉียด​แตะ​ริมฝีปาก​ของ​เขา​

ดวง​หน้า​ของ​นาง​ซับ​สีแดง​เรื่อ​จางๆ

ทว่า​เฉิงฉือ​กลับ​ฉวย​จังหวะ​ไล่​ประกบ​ปาก​ตาม​ ประคอง​ดวง​หน้า​ของ​นางใน​มือ​ บด​จูบ​ริมฝีปาก​กับ​นาง​อย่าง​ดูดดื่ม​

ฉลุลาย​หน้าต่าง​ติด​กระจกใส​

หาง​ตา​ของ​โจว​เสาจิ่น​เห็น​ฉิน​ฟางเล่น​กับ​ซ่งหมิง​ที่​ลาน​ข้างนอก​ได้​

นาง​เบิก​ตาโพลง​ ดิ้น​ขลุกขลัก​ผลัก​เฉิงฉือ​ออก​ไป​

เฉิงฉือ​ปล่อย​นาง​ทันที​

นาง​หอบ​หายใจ​ พลาง​กล่าวว่า​ “ข้างนอก​ๆ มีคน​เจ้าค่ะ​…”

มิได้​ขัดขืน​เขา​เหมือน​เมื่อก่อน​ แต่​กังวล​ว่า​ข้างนอก​มีคน​อยู่​!

ใน​รอยยิ้ม​ของ​เฉิงฉือ​มีความอ่อนโยน​สาย​หนึ่ง​ที่​แม้แต่​เขา​เอง​ก็​ไม่รู้ตัว​วาบ​ผ่าน​ ยิ้มละไม​พลาง​กอด​นาง​ขณะ​เอน​อิง​บน​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​

โจว​เสาจิ่น​โล่งใจ​ไป​เปลาะ​หนึ่ง​

นึกถึง​แต่​ก่อนเวลา​ที่​เขา​ช่วย​นาง​จัด​อาภรณ์​ให้​เรียบร้อย​อย่าง​ว่องไว​ก่อนที่​คนอื่น​จะเข้ามา​ และ​นึกถึง​ว่าขอ​เพียง​นาง​ดิ้น​ขัดขืน​ขึ้น​มาเขา​ก็​ปล่อย​นาง​ทันที​… ใน​ใจของ​นาง​พลัน​รู้สึก​อ่อน​ยวบ​และ​มั่นใจ​

ความจริง​แล้ว​ท่าน​น้า​ฉือ​ไม่เคย​เปลี่ยนแปลง​เลย​สักนิด​

ไม่ว่า​เมื่อไร​ก็​ปกป้อง​นาง​

ต่อให้​หยอกเย้า​กลั่นแกล้ง​เกินไป​บ้าง​แต่​ก็​ทำ​เมื่อ​อยู่​ตามลำพัง​เท่านั้น​

แต่ไหนแต่ไร​ไม่เคย​ปล่อย​ให้​นาง​ถูก​คนอื่น​หัวเราะเยาะ​เลย​สักครั้ง​

นาง​มัวแต่​หวาดกลัว​ มิได้​รับรู้​ถึงสิ่งดี​ๆ ที่​เขา​ทำให้​นาง​

เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​ ร่างกาย​ที่​เดิม​แข็ง​เกร็ง​เล็กน้อย​ก็​ผ่อนคลาย​ลงมา​… ซุก​อิง​อยู่​ใน​อ้อม​อก​ของ​เขา​อย่าง​ว่าง่าย​

กลิ่นหอม​อ่อน​ๆ ใน​วงแขน​ หนำซ้ำ​ยัง​เป็น​หญิงสาว​ที่​ตน​ชื่นชอบ​ ไม่มีสิ่งใด​ที่​ทำให้​คน​รู้สึก​อิ่มเอม​ใจได้​มาก​ไป​กว่า​นี้​

เฉิงฉือ​ลูบไล้​เรือน​ผม​ของ​โจว​เสาจิ่น​ขณะ​หาเรื่อง​ชวน​คุย​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ความตั้งใจ​ของ​พี่ชาย​รอง​ของ​ข้า​ คือ​ถือโอกาส​ปล่อย​พรรค​เจ็ด​ดารา​ออก​ไป​…”

โจว​เสาจิ่น​หยัด​กาย​ขึ้น​นั่ง​อย่าง​ประหลาดใจ​แกม​ยินดี​ในทันที​ รู้สึก​ดี​ต่อ​เฉิงเว่ย​ผู้​ที่​ไม่มีภาพ​จำอะไร​มาโดยตลอด​อย่าง​ที่​ไม่เคย​เกิดขึ้น​มาก่อน​ ตบมือ​พลาง​กล่าวว่า​ “ดีจริง​เจ้าค่ะ​ๆ ข้า​คิด​ว่า​นาย​ท่าน​รอง​เว่ย​กล่าว​ได้​อย่าง​มีเหตุผล​ การ​แยก​ตระกูล​อะไร​นั้น​เป็น​เรื่องเล็ก​ การ​หาทาง​ทิ้ง​พรรค​เจ็ด​ดารา​ออก​ไป​ต่างหาก​ถึงจะเป็น​เรื่องสำคัญ​”

เฉิงฉือ​มอง​ดวงตา​วาววับ​และ​ท่าทาง​ปลาบปลื้ม​ยินดี​ของ​นาง​แล้ว​ ก็​คลี่​ยิ้ม​พลาง​ดึง​นาง​เข้าสู่​อ้อม​อก​ของ​ตน​อีกครั้ง​ กล่าว​อย่าง​ไม่ช้าไม่เร็ว​ว่า​ “แต่​พวกเรา​ยัง​มิได้​สืบ​หาว่า​ตระกูล​เฉิงถูก​ยึด​ทรัพย์สิน​ไป​ได้​อย่างไร​ ถ้าหาก​ข้า​ทิ้ง​พรรค​เจ็ด​ดารา​ไป​ จะมีใคร​ที่ไหน​ช่วย​พวกเรา​สืบค้น​เรื่อง​พวก​นี้​เล่า​”

“จริง​ด้วย​เจ้าค่ะ​!” แววตา​ของ​โจว​เสาจิ่น​หม่นหมอง​ลง​ “ไม่รู้​เมื่อไร​จึงจะสืบ​พบ​ความจริง​ได้​นะ​เจ้าคะ​ ล้วน​ต้องโทษ​ข้า​ที่​วัน​ๆ เอาแต่​มอง​พื้นดิน​หนึ่ง​หมู่​สามเฟิน​ใต้เท้า​ตนเอง​ ไม่รู้จัก​สนใจ​เรื่อง​ของ​ตระกูล​เฉิงให้​มาก​ หาไม่​แล้วก็​คง​ไม่ถูก​ลงโทษ​เช่นนี้​หรอก​เจ้าค่ะ​!”

เฉิงฉือยก​ยิ้ม​ขึ้น​มา ถามว่า​ “ตอนที่​เกิดเรื่อง​ขึ้นกับ​ตระกูล​เฉิง เจิงเจี่ยเอ๋อร์​ทำ​อะไร​บ้าง​”

จริง​ด้วย​!

เฉิงเจิงฉลาด​หลักแหลม​กว่า​นาง​มาก​ แต่​ก็​ช่วย​อะไร​ไม่ได้​หรือไม่​รู้​แน่ชัด​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​เหมือนกัน​!

โจว​เสาจิ่น​รู้สึก​ดีขึ้น​มาเล็กน้อย​

เฉิงฉือ​ถามอี​กว่า​ “สามีพี่สาว​ของ​เจ้าก็​ไม่รู้​แน่ชัด​เช่นกัน​ว่า​ตระกูล​เฉิงถูก​ยึดทรัพย์​ได้​อย่างไร​มิใช่หรือ​”

โจว​เสาจิ่น​พยักหน้า​หงึก​ๆ ไม่หยุด​

เฉิงฉือ​ก็​จูบ​แก้ม​ของ​นาง​อีกที​ เอ่ย​ว่า​ “ยัง​ดี​ที่​เจ้าไม่รู้​อะไร​เลย​ หาก​ได้ยิน​เพียง​เศษเสี้ยว​แต่​คาดเดา​ไป​เอง​แล้ว​มาบอก​ข้า​ ข้า​เกรง​ว่า​ชั่วชีวิต​นี้​คง​ไม่มีทาง​รู้​สถานการณ์​จริง​ที่​ตระกูล​เฉิงถูก​ยึดทรัพย์​แล้ว​!”

โจว​เสาจิ่น​แย้ม​รอยยิ้ม​น้อย​ๆ คิ้ว​โค้ง​มน​ราว​พระจันทร์​เสี้ยว​

เฉิงฉือ​ก็​ลูบ​ดวง​หน้า​ของ​นาง​ กระซิบ​ว่า​ “อย่างไรก็ตาม​ หากว่า​สุดท้าย​ข้า​ก็​มิอาจ​ยับยั้ง​ไม่ให้​ตระกูล​เฉิงถูก​ยึดทรัพย์​ได้​ละ​ก็​…”

โจว​เสาจิ่น​ไม่เคย​กังวล​ถึงเรื่อง​นี้​มาก่อน​

นาง​มักจะ​คิด​ว่า​ถ้าหาก​เฉิงฉือ​ตั้งใจจริง​ จะต้อง​รอด​พ้นไป​ได้​อย่าง​แน่นอน​

สำหรับ​ตัวนาง​นั้น​…

โจว​เสาจิ่น​ระบาย​ยิ้ม​จางๆ พลาง​กล่าวว่า​ “ชาติก่อน​ข้า​มีชีวิต​เพียง​ยี่​สิบห้า​ปี​เท่านั้น​เจ้าค่ะ​”

ชีวิต​นี้​ได้​พบ​เขา​ ต่อให้​มีชีวิต​เพียง​ยี่​สิบห้า​ปี​ ได้​ใช้ชีวิต​ร่วมกับ​เขา​สัก​สิบ​ปี​ นาง​ก็​ไม่เสียใจ​อีกแล้ว​

เฉิงฉือ​ประทับ​ริมฝีปาก​บน​หน้าผาก​ของ​โจว​เสาจิ่น​ จุมพิต​นาง​อยู่​นาน​

ไม่มีหญิงสาว​คนใด​ที่​ให้ความสำคัญ​กับ​เขา​เช่น​เสาจิ่น​อีกแล้ว​… นาง​ทำให้​เขา​รู้สึก​ว่า​ตน​มีค่า​ยิ่งนัก​!

“เสาจิ่น​ เจ้าวางใจ​เถอะ​ เรื่อง​แยก​ตระกูล​จะเป็นไป​อย่าง​ราบรื่น​ยิ่ง​” เฉิงฉือ​กระซิบ​บอก​นาง​ “หยวน​ซื่อ​ให้ความสำคัญ​ต่อ​ความสัมพันธ์​กับ​ตระกูล​หมิ่น​เป็นอย่างมาก​ ซึ่งใน​นั้น​มีทั้ง​ปรารถนา​ที่จะ​ให้​ตระกูล​หมิ่น​กับ​ตระกูล​เฉิงเฝ้าระวัง​ให้​กันและกัน​ และ​ก็​มีความทะนง​ที่​ไม่ยอม​ถูก​ตระกูล​หมิ่น​อยู่​เหนือกว่า​ตน​ ข้า​บอก​หยวน​ซื่อ​เป็นนัย​ๆ ว่า​ ถ้าหาก​เรื่อง​ของ​เจีย​ซ่าน​ถูก​ตระกูล​หมิ่น​ล่วงรู้​เข้า​ ก็​หนี​ไม่พ้น​ที่จะ​ตก​เป็นรอง​ และ​ครั้น​ตก​เป็นรอง​ จะต้อง​สูญเสีย​อำนาจ​ไป​อย่าง​แน่นอน​ ต่อให้​ภายหลัง​เจีย​ซ่าน​รับราชการ​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ เมื่อ​ถึงเวลา​ที่​ต้องการ​ให้​ตระกูล​หมิ่น​ช่วย​เกื้อหนุน​ เกรง​ว่า​ตระกูล​หมิ่น​จะต้อง​ไตร่ตรอง​ดู​อย่าง​ละเอียด​ก่อน​เป็นแน่​ คุณธรรม​นำ​การกระทำ​ หาก​ไร้​ซึ่งคุณธรรม​อัน​ดี​ จะกระทำการ​ใดๆ​ ได้​อย่างไรเล่า​…

…ตอนนี้​หยวน​ซื่อ​กำลัง​ทะเลาะ​กับ​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​มิใช่หรือ​…

…ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​ก็​รู้ดี​ว่า​หยวน​ซื่อ​กำลัง​ทำ​เรื่อง​ให้​ยุ่งยาก​อยู่​…

…ทุกคน​เพียง​หยั่งเชิง​กันและกัน​ดู​ว่า​เส้น​ใต้​สุด​ของ​อีก​ฝ่าย​อยู่​ที่ใด​ก็​เท่านั้น​!…

…เจ้าก็​รู้​อุปนิสัย​ของ​ท่าน​แม่ดี​ จะต้อง​ดูแคลน​การโต้เถียง​กับ​คน​จาก​จวน​รอง​ จึงให้​หยวน​ซื่อ​ไป​ทะเลาะ​กับ​พวกเขา​แทน​เสีย​ ยิ่งกว่านั้น​นาย​ท่าน​ตระกูล​หยวน​ยัง​พา​ที่ปรึกษา​ผู้เชี่ยวชาญ​ด้าน​กฎหมาย​สามท่าน​ไป​ด้วย​ ถึงเวลา​นั้น​ย่อม​ต้อง​ทำให้​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​สับสนวุ่นวาย​เป็นแน่​”

กล่าวถึง​ตรงนี้​ เฉิงฉือ​ยิ้ม​เย็น​ครั้งหนึ่ง​

โจว​เสาจิ่น​จึงกล่าว​อย่าง​ละล้าละลัง​ว่า​ “ถ้าเกิด​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​ครอง​เหนือ​ลม​เล่า​ พวกเรา​ต้อง​มอบ​เงิน​สามล้าน​เหลี่ยง​ให้​พวกเขา​จริงๆ​ หรือ​ ใน​บ้าน​มีเงิน​มากมาย​ขนาด​นั้น​เชียว​หรือ​เจ้าคะ​”

นาง​คิด​อยู่​เสมอ​ว่า​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​คง​ไม่ยินยอม​แยก​ตระกูล​ไป​ง่ายๆ​ อย่างนั้น​เป็นแน่​

เฉิงฉือ​ชอบใจ​ที่​ได้ยิน​นาง​กล่าว​ถ้อยคำ​เช่น​ ‘พวกเรา​’ และ​ ‘ใน​บ้าน​’

เขา​กระเซ้า​เย้าแหย่​โจว​เสาจิ่น​ว่า​ “ทำไม​หรือ​ เสียดาย​เงิน​กระมัง​”

“อะไร​กัน​เจ้าคะ​!” โจว​เสาจิ่น​ตอบ​อย่าง​ไม่พอใจ​ “เงิน​สามร้อย​เหลี่ยง​ มิใช่เงิน​จำนวน​น้อย​ๆ นะ​เจ้าคะ​ คน​ของ​จวน​หลัก​ล้วน​มิได้​ทำการเกษตร​ เงิน​สามล้าน​เหลี่ยง​นี้​ท้ายที่สุด​ยังคง​ต้อง​ให้​ท่าน​ออก​ให้​ ท่าน​ต้อง​รอ​นาน​เพียงใด​ถึงจะได้​รับเงิน​คืน​ นี่​ก็​ลำบาก​ท่าน​เกินไป​แล้วน​ะเจ้าคะ​!”

ทว่า​เฉิงฉือ​กลับ​ยิ้ม​น้อย​ๆ “นี่​เป็นเรื่อง​ของ​จวน​หลัก​ บอก​ให้​ข้า​ออก​เงิน​เพียง​คนเดียว​ไม่ได้​กระมัง​ อีก​อย่าง​จวน​รอง​ยืนกราน​ขนาด​นี้​แล้ว​ จวน​หลัก​ก็​ไม่มีทางเลือก​ คง​ได้​แต่​ทำ​อะไร​ได้​ก็​ทำ​ไป​ ขาย​อะไร​ได้​ก็​ขาย​ไป​ ให้​ทั่วเมือง​จิน​ห​ลิง​ทราบ​ว่า​เพื่อ​แยก​ตระกูล​ออกมา​ จวน​หลัก​ต้อง​ขัดสน​แร้นแค้น​เพียงใด​…”

นัยน์ตา​ของ​โจว​เสาจิ่น​ลุก​วาบ​ขึ้น​มา นาง​กล่าวว่า​ “ความคิด​นี้​ดี​ยิ่ง​เจ้าค่ะ​ ถึงเวลา​นั้น​คน​ทั้งเมือง​จิน​ห​ลิง​ย่อม​รู้​ว่า​จวน​หลัก​จ่าย​เงิน​ไป​เท่าใด​… ถึงตอนนั้น​คนอื่น​จะต้อง​คิด​ว่า​ ที่​จวน​หลัก​ยอม​จ่าย​เงิน​เป็น​จำนวนมาก​ก็​เพื่อ​ต้องการ​ขีดเส้น​แบ่ง​กับ​จวน​รอง​และ​จวน​สามอย่าง​ชัด​เจน.​.. เห็น​ได้​ว่า​จวน​หลัก​ต้องการ​แยก​ตระกูล​อาจ​มิได้​มีสาเหตุ​มาจาก​การ​ที่​ท่าน​ลุง​ใหญ่​จิงเป็น​ขุนนาง​ใหญ่​แล้ว​ดูหมิ่นดูแคลน​จวน​อื่นๆ​…” ขอ​เพียง​นาง​นึกถึง​สีหน้า​ตอนที่​เฉิงซวี่​ของ​จวน​รอง​ได้ยิน​ข่าวลือ​นี้​แล้ว​โกรธ​หัวฟัดหัวเหวี่ยง​ ก็​หัวเราะ​ร่วน​ออกมา​ใน​ทันใด​ คิด​ว่า​ผู้​ที่​คิด​แผน​นี้​ออกมา​ได้​ช่างยอดเยี่ยม​ยิ่งนัก​ จึงเอ่ย​ถามเฉิงฉือ​ว่า​ “แผน​นี้​ผู้ใด​เป็น​คน​คิด​เจ้าคะ​ ช่างฉลาด​ปราดเปรื่อง​จริงๆ​! ต่อให้​แยก​ตระกูล​ ก็​ยัง​ทำให้​จวน​รอง​ต้อง​เสียหน้า​…”

เฉิงฉือยก​ยิ้ม​ขึ้น​มาทันที​ “เช่นนั้น​เจ้าคิด​จะตกรางวัล​ให้​ผู้​ที่​คิด​แผน​นี้​อย่างไร​”

“หา​!” โจว​เสาจิ่น​งงงัน​

เฉิงฉือ​หัวเราะ​เบา​ๆ พลาง​กล่าวว่า​ “ข้า​เป็น​คน​คิด​แผนการ​นี้​ขึ้น​มาเอง​…”

โจว​เสาจิ่น​เบิกตา​กว้าง​

เฉิงฉือ​โน้ม​กาย​ลง​ละเลียด​ริมฝีปาก​ของ​นาง​… ลมหายใจ​ร้อนผ่าว​นั้น​ห่อหุ้ม​นาง​ไว้​ ทำให้​นาง​รู้สึก​วิงเวียน​คล้าย​หายใจไม่ออก​ ทว่า​ใน​ใจกลับ​ขบคิด​ว่า​ ทำไม​ท่าน​น้า​ฉือ​ถึงชอบ​จูบ​นาง​ขนาด​นี้​นะ​…

ทั้งสอง​คน​คลอเคลีย​กัน​บน​เตียง​เตา​อยู่​นาน​

นอกจาก​โอบกอด​โจว​เสาจิ่น​ใน​อ้อมแขน​และ​จูบ​แล้ว​ เฉิงฉือ​มิได้​ทำ​อะไร​เกินเลย​ไป​กว่า​นั้น​

เขา​สะกด​กลั้นใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​

ทว่า​โจว​เสาจิ่น​กลับ​รู้สึก​พึงพอใจ​ยิ่งนัก​

รู้สึก​ว่า​ทำ​เช่นนี้​…ดีกว่า​ถูก​เฉิงฉือ​ทำตัว​เหลวไหล​กับ​ตน​

เมื่อ​กลับ​ถึงซอ​ยอ​วี๋เฉียน​ โจว​เสาจิ่น​ถึงนึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ตน​ยัง​ไม่ได้​ถามเฉิงฉือ​ว่า​ทำไม​จึงชื่นชอบ​นาง​…ตอนนี้​ข้อ​นี้​ดูจะ​สำคัญ​กว่า​…

ทว่า​พอ​นาง​เดิน​เข้า​ประตู​ชั้นใน​ก็​เห็น​เสวี่ย​ฉิว​วิ่ง​ปรี่​เข้ามา​ปาน​เงาขาว​สาย​หนึ่ง​พลาง​เห่า​ “โฮ่งๆ ๆ”

ทันใดนั้น​โจว​เสาจิ่น​ก็​ลืม​ทุกอย่าง​ไป​หมด​ อุ้ม​เสวี่ย​ฉิว​ที่​กระโจน​ใส่นาง​ขึ้น​มา พลาง​เอ่ย​ถามจี๋เสียง​ที่​เฝ้ายาม​ใน​บ้าน​อย่าง​ประหลาดใจ​ระคน​ยินดี​ว่า​ “เสวี่ย​ฉิว​มาได้​อย่างไร​หรือ​”

เสี่ยว​เชวี่ย​วิ่งเหยาะๆ​ เข้ามา​ ตอบ​ว่า​ “คุณหนู​รอง​ ตอนที่​นาย​ท่าน​สี่เดินทาง​ผ่านเมือง​เป่า​ติ้ง​ได้​พูดคุย​กับ​นาย​ท่าน​ บอ​กว่า​ท่าน​อยู่​ที่นี่​แล้ว​รู้สึก​เหงา​ยิ่งนัก​ ให้​นาย​ท่าน​สี่ช่วย​เอา​เสวี่ย​ฉิว​ เสี่ยว​หวง​กับ​เสี่ยว​ชุ่ย​มาให้​ท่าน​ นาย​ท่าน​สี่ขี่​ม้าเร็ว​ ส่วน​บ่าว​เพิ่ง​มาถึงเมื่อ​ครู่​ขอรับ​”

เสวี่ย​ฉิว​อยู่​ที่​จวน​เป่า​ติ้ง​มาระยะ​หนึ่ง​แล้ว​ ทุกคน​ทั้ง​ผู้ใหญ่​ผู้น้อย​ล้วน​รู้​ว่า​นี่​เป็น​สัตว์เลี้ยง​ของ​โจว​เสาจิ่น​ จึงเป็นมิตร​และ​ชมชอบ​มัน​มาก​ นอกจากนี้​เด็ก​มักจะ​ชื่นชอบ​สัตว์​ตัวเล็ก​ๆ เหล่านี้​เป็นพิเศษ​ ไม่รอ​ให้​โจว​เสาจิ่น​เอ่ยปาก​ โจว​โย่วจิ่น​ที่​ถูก​แม่นม​อุ้ม​เข้ามา​พร้อมกับ​ห​ลี่​ซื่อ​ก็​เรียก​อย่าง​ดีใจ​ขึ้น​ว่า​ “เสวี่ย​ฉิว​ๆ”

เสวี่ย​ฉิว​ก็​ชอบ​เล่น​กับ​โจว​โย่วจิ่น​เหมือนกัน​ วิ่ง​เข้า​ไปหา​พลาง​เห่า​ “โฮ่งๆ ๆ” ขณะ​หมุนตัว​รอบ​โจว​โย่วจิ่น​

โจว​โย่วจิ่น​หัวเราะ​เริงร่า​ ดิ้น​ขลุกขลัก​ลงพื้น​ แล้ว​นั่งยองๆ​ บน​พื้น​กอด​เสวี่ย​ฉิว​

โจว​เสาจิ่น​รู้สึก​ว่า​บรรยากาศ​พลัน​สดใส​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​มา

ห​ลี่​มามากระซิบ​กล่าว​กับ​ห​ลี่​ซื่อ​ว่า​ “ไม่สู้ท่าน​ให้​คุณหนู​สามเลี้ยง​สุนัข​สัก​ตัว​เช่นกัน​เถอะ​นะ​เจ้าคะ​”

ห​ลี่​ซื่อ​กลอกตา​ให้​นาง​ครั้งหนึ่ง​ ตอบ​ว่า​ “นี่​มิใช่เป็น​การชิงดีชิงเด่น​กับ​คุณหนู​รอง​หรอก​หรือ​ ก่อนอื่น​ รอ​ให้​คุณหนู​รอง​ออกเรือน​ไป​แล้ว​เอา​เสวี่ย​ฉิว​ไป​ด้วย​ ค่อย​ให้​คุณหนู​สามเลี้ยง​สุนัข​สัก​ตัว​ดีกว่า​”

ขณะที่​กล่าว​อยู่​นั้น​ มีบ่าว​เด็ก​วิ่ง​เข้ามา​แจ้งว่า​ “ฮูหยิน​ นาย​ท่าน​จาก​เมือง​จิ่ว​เจียง​ที่​เจียง​ซีส่งคน​มามอบ​เทียบ​ให้​ พรุ่งนี้​จะมาถึงจิงเฉิงขอรับ​”

………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด