ราชาโลกเบื้องหลัง 17

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กิต แม็ก และฉัน พวกเราทั้งสามคนไม่ได้คุยกันนานมากแล้ว 

เมื่อตอนม.2 ถึงพวกเราจะมีโอกาสได้อยู่ห้องเดียวกันอีกครั้ง แต่ครึ่งเทอมหลังนั้นพวกเราแต่ละคนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย เนื่องจากกิตมีปัญหาทางบ้านจึงต้องหยุดเรียนบ่อยๆ ส่วนแม็กเองก็หยุดเรียนบ่อยๆเหมือนกัน แต่เหตุผลต่างจากของกิตแบบสุดขั่ว มันมีนัดต้องไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเลยหยุดไป

ทั้งคู่นั้นได้หยุดเรียนบ่อยจนโรงเรียนต้องช่วยหาทางแก้ไขเรื่องเวลาการเรียนที่ไม่เพียงพอ โดยเสนอให้ทั้งกิตและแม็กมาเรียนในช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมแทน ซึ่งทั้งคู่ก็ตอบตกลงและได้มาเรียนในช่วงปิดเทอมจริงๆกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่ต้องมาแก้0แก้ร.

ตอนนี้ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี และคนที่ดูมีท่าทางดีใจที่สุดก็คงเป็นกิตนี่แหละ สีหน้าของมันดูสดใสต่างจากเมื่อตอนนั้นที่มักแสดงท่าทางเคร่งเครียดจนบรรยากาศรอบตัวชวนอึดอัด… 

 

“ ต้องขอบคุณอาจารย์อากาเนะเลยที่ปล่อยเร็ว ในตอนนี้เวลาก็น่าจะเหลือเยอะอยู่พอสมควร ทำไมพวกเราไม่มาเล่าเรื่องในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมากันล่ะ? ”

“ ….ก็เอาสิ แต่พวกเอ็งทั้งคู่มาเรียนกันในช่วงปิดเทอมไม่ใช่เหรอ คิดจะให้ฉันต้องเล่าคนเดียวรึไง? ”

“ ไม่ๆ พอดีว่าพวกเราขอให้อาจารย์แต่ละวิชาสอนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าน่ะ แน่นอนว่าการบ้านก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเหมือนกัน แต่เพราะอย่างงั้นเลยทำให้พวกเราได้เรียนกันแค่ไม่กี่อาทิตย์เอง มันเป็นช่วงเวลาที่…สาหัสสากรรจ์ ” 

 

เมื่อพูดถึงตอนนี้ ทั้งแม็กและกิตเองก็พลันหันหน้าเหม่อมองออกไปผ่านหน้าต่างพร้อมกับมีหยดน้ำตาหยดเล็กๆไหลออกมา 

 

“ อ—อ่า…ดูเหมือนจะพยายามกันน่าดูเลยนะ ” 

 

ฉันคิดไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองต้องเรียนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าพร้อมกับได้การบ้านเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจะได้ตายในสภาพแบบไหนกัน…แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

หลังจากที่กิตได้สติ มันก็กลับเข้าเรื่องทันที มันเสนอให้พวกเราเป่ายิ้งฉุบกันว่าใครจะได้เริ่มเล่าก่อนหรือเล่าทีหลัง และผลลัพธ์จากการประลองสั้นๆนี้ คนที่ได้เริ่มเล่าคนแรกก็คือกิต คนต่อมาก็คือแม็ก และคนสุดท้ายก็คือฉัน 

 

( ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ได้เป็นคนสุดท้ายเนี่ย ) 

 

มองไปที่สีหน้าของกิตฉันถึงกับต้องแปลกใจ ผู้ที่ต้องเริ่มเล่าเป็นคนแรกควรจะมีอาการเกร็งหรือตื่นเต้นสักเล็กน้อยตามปกติ แต่มันกลับแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาเสมือนคนพึ่งถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 มาและอยากโอ้อวดให้คนอื่นรับรู้ในความโชคดีของตัวเองเต็มเเก่เเล้ว

แม็กที่อุตส่าห์หยุดเล่นเกมโป๊และหันมารอฟังเริ่มมีน้ำโหเล็กน้อยเพราะตอนนี้กิตมันเอาแต่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียวโดยที่ไม่เริ่มเล่าสักที 

 

“ นี่! อย่าลีลาเยอะ เดี๋ยวก็หมดคาบโฮมรูมหรอก ”

“ ขอโทษๆ พอดีฉันอยากบอกว่าตอนนี้ฉันมีแฟนแล้วน่ะ แถมยังน่ารักสุดๆด้วย! ”

“ งั้นเหรอ ”

“ เธอเป็นคนใจดีมีเมตตาและยังเป็นคนที่คุยด้วยง่ายอีกด้วย! สวรรค์ได้ประทานพรให้ฉันแล้วแน่เลยล่ะ!! ” 

 

มือข้างนึงของกิตวางทาบที่อกขณะที่มืออีกข้างยกขึ้นด้านหน้า ท่าทางคล้ายกับเจ้าชายที่กำลังพร่ำเพ้อถึงเจ้าหญิง 

 

“ โฮ๋~ เพื่อนของฉันมีแฟนกับเค้าแล้วด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่พร้อมที่จะมีแฟน ”

“ เหะๆ ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาฉันกับแฟนได้ไปทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน เช่น ไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปกินข้าว ถึงจะน่าอายนิดหน่อยแต่เธอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเลย ถ้าจะให้นับละก็เธอคงเสียไปหลายพันแน่ ”

“ ง้อวววว พระเจ้าเข้าข้างนายแล้วนะเนี่ย! มีแฟนเป็นสายเปย์ขนาดนี้ ” 

 

ถ้าเป็นในยุคสมัยก่อน การที่ฝั่งผู้หญิงต้องมาออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับเดตนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆเลย และถึงจะเป็นในยุคปัจจุบันก็ยังหายากอยู่ดีที่ฝั่งผู้หญิงจะเป็นคนออกให้ทุกอย่างโดยที่ฝั่งผู้ชายไม่เสียอะไรเลยแบบนี้

แต่การที่ฝั่งผู้หญิงกล้าออกเงินให้หมดแบบนี้ก็หมายความว่าอีกฝ่ายต้องมีการงานทำแล้วหรือไม่ก็แค่บ้านรวยเฉยๆ… 

 

“ นายชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าเหรอ? ”

“ หืม? ไม่หรอก ฉันชอบคนที่อายุเท่ากันมากกว่าน่ะ แฟนของฉันเองก็อายุเท่ากันด้วย และนายต้องตกใจแน่เพราะเธอเองก็เรียนที่โรงเรียนอาสการ์เหมือนกันกับพวกเรานี่แหละ ”

“ อาๆ น่าตกใจจริงด้วย… ”

“ นี่ สีหน้ากับคำพูดของนายมันขัดกันนะ ” 

 

เฮ้อ~โลกมันก็กลมแบบนี้เสมอแหละนะ… 

 

“ แล้วนายกับเธอคนนั้นไปเจอกันได้ยังไงเหรอ? ”

“ …… ” 

 

สิ้นเสียงคำถามของแม็ก ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นของกิตก่อนหน้านี้พลันแปลงเปลี่ยนไปทันที 

 

“ จำไม่ได้อ่ะ… ” 

 

จำไม่ได้? เอาจริงดิ…พึ่งจะคบกันด้วยไม่ใช่เหรอฟะ ถ้างั้นก็น่าจะจำได้สิ เเต่ไอ้หมอนี่กลับบอกว่าจำไม่ได้เนี่ยนะ!? นี่ฉันชักสงสารผู้หญิงคนนั้นเเล้วสิ…

ไม่ใช่แค่ฉันกับแม็กเท่านั้นที่อึ้งกับคำตอบ แม้แต่กิตที่ตอบเองก็กำลังแสดงสีหน้าสับสนออกมา ดวงตาของมันสั่นเทาไปมาราวกับตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  

 

“ …… ” 

 

บรรยากาศภายในกลุ่มตอนนี้เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความอึดอัด สีหน้าของแต่ละคนต่างก็งุนงง ฉันคิดจะหันไปบอกให้แม็กเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองต่อทันทีเพื่อให้หลุดจากบรรยากาศนี่ แต่เหมือนมันเองก็คิดเหมือนกัน มันจึงเป็นฝ่ายชิงพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาก่อน 

 

“ นี่เมฆ ทำไมนายถึงไม่ได้มาเรียนเมื่อวานเหรอ? เมื่อวานนี้เปิดวันแรกเลยนะ ”

“ เฮ้ย อย่ามาเนียน! คิวเอ็งต้องเล่าเฟ้ย! ”

“ เมฆบอกฉันว่าเมื่อวานติดธุระน่ะเลยมาไม่ได้ ”

“ แล้วเอ็งจะไปบอกมันทำหอกไรฟะกิต!? ”

“ ฮะฮ่าๆ เรื่องเล็กน้อยเเบบนั้นอย่าไปใส่ใจเลย ” 

 

บรรยากาศเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว นี่คงต้องยกให้เป็นความดีความชอบของแม็กที่เก่งด้านการชวนนอกเรื่องล่ะนะ 

 

“ ธุระงั้นเหรอ~ ” 

 

ทันใดนั้นแววตาของแม็กก็พลันหรี่ลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ออกมา… 

 

“ เห๋~ งั้นเหรอเนี่ย~ บังเอิญจังเลยนะที่นายหยุดพร้อมกับแก้วน่ะ~ ”

“ ….แล้วไง? ”

“ ก็เมื่อวานนี้แก้วก็หยุดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ…แหมๆ มันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าน้า~ บ้านก็อยู่ข้างๆกันซะด้วยสิ~ วัยรุ่นร้อนแรงงงง~ ”

“ …… ” 

 

ฉันขอถอนคำพูดได้ไหมที่บอกไปว่าไอ้หมอนี่เป็นคนดีคนนึงที่ไว้ใจได้น่ะ ไอ้หมอนี่มันคือคนที่ไม่สมควรไว้วางใจอย่างยิ่ง…

และภายในชั่วพริบตานั้นก็พลันมีฝ่ามือปริศนาฟาดปะทะเข้ากับหลังศีรษะของแม็กแบบจังๆจนเกิดเสียง ‘เพี๊ยะ!’ ดังลั่นห้อง เเม็กที่โดนจู่โจมอย่างกระทันหันรีบยกมือทั้งสองไปกุมบริเวณนั้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเเละร้องโอดโอยอย่างน่าเวทนา

ฉันกับกิตถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้า ม่านตาของฉันถึงกับเปิดขึ้น เจ้าของผ่ามือปริศนานั้นก็คือหญิงสาวผมสีม่วงที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้นี่เอง… 

 

“ พูดจาระวังปากหน่อย ที่กำลังพูดถึงนั่นคือท่านประธานเชียวนะ ถ้านายไม่อยากโดนสมาคมGของพวกเรารุมกระทืบก็หุบปากไปซะ! ”

“ เธอเป็นใครถึงได้มาตบหัวฉันเนี่ย?! ถ้าสมองของฉันได้รับการกระทบกระเทือนเธอจะรับผิดชอบไหวไหม!? ”

“ หืม…งั้นจะให้ฉันตบปากนายแทนไหมล่ะ ”

“ ข—ขอโทษครับ ” 

 

หญิงสาวที่เปิดตัวมาได้โดดเด่นนี้ได้ข่มขู่แม็กด้วยออร่าที่น่าหวาดกลัวทำเอาแม็กถึงกับหง้อยเป็นลูกหมาเลย

และเมื่อเธอได้ยินคำขอโทษของแม็ก เธอก็แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาก่อนจะเดินตรงเข้ามาหากิตอย่างช้าๆ ร่างกายของกิตพลันเเข็งชะงักประหนึ่งกับตัวเองเป็นก้อนหิน มันเปิดปากพยายามพูดอะไรบางอย่าง… 

 

“ อ—อ—อรุณสวัสดิ์นา! ”

“ อรุณสวัสดิ์นะกิต ” 

 

เธอกล่าวทักทายกิตกลับไปด้วยความเป็นมิตรสวนทางกับกิริยาก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว 

ฟังจากคำทักทายของกิตแล้ว ดูเหมือนเธอคนนี้จะเป็นคนรู้จักของกิต แต่ถ้าเป็นคนรู้จักกันแล้วทำไมมันถึงดูเกร็งขนาดนั้นล่ะ? 

 

“ ม—เมื่อคืนหลับฝันดีไหม…ไม่สิ!? ต—ตอนเช้ากินอะไรมาเหรอ… ”

“ ก็ปกตินะ ”

“ ว—ว้าว! ท—ทรงผมวันนี้น่ารักดีนะ… ”

“ อื้ม ขอบคุณ ”

“ อ—โอ้! นั่นมันกิฟที่เคยไปซื้อด้วยกันนิ เธอใส่มาด้วยเหรอ? ”

“ ก็ใช่ ” 

 

อา…ไอ้บทสนทนาชวนน่าอึดอัดใจนี่มันอะไรกัน?! ทำไมกิตถึงเอาแต่พูดจาตะกุกตะกักแบบนี้เนี่ย? แล้วคุณเธอเป็นใครถึงเดินมาตบหัวคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยฟะ?

คำถามมากมายได้พรั่งพรูเข้ามาในหัวของฉันไม่หยุดและทันใดนั้นเอง กิตก็กล่าวเรื่องที่ทำให้ฉันต้องคิดหนักอีกครั้ง… 

 

“ อ—อาใช่! เธอคนนี้เป็นฟ—เเฟนของฉันเองเเหละ คนที่ฉันเล่าให้พวกนายฟังกันเมื่อกี้ไง…เหมือนที่เล่าเลยใช่ไหมล่ะ! ”

“ ….ห้ะ? ” 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันเห็นกิตกับหญิงสาวผมสีม่วงคนนั้นกล่าวทักทายกันด้วยความเป็นมิตร ความคิดที่ว่า ‘ทั้งคู่อาจจะเป็นแฟนกัน’ ก็ได้โผล่เข้ามาในหัวของฉัน แต่เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเพราะมันก็ถูกปัดทิ้งไปทันที

ใจดี…มีเมตตา…คุยด้วยง่าย…พรจากสวรรค์…มันไม่เห็นจะเหมือนกับสิ่งที่ฟังมาก่อนหน้านี้เลยนี่หว่า บนโลกนี้จะมีคนเมตตาที่ไหนบ้างเดินมาตบหัวคนอื่นเเละแถมยังขู่กระทืบอีก?!

หัวเอ็งมันไปฟาดอะไรมาก่อนจะเล่าเรื่องรึเปล่าฟะเนี่ย??  

 

“ ฉันชื่อ นา พึ่งจะคบกับกิตได้ไม่นานนี้เเละฉันยังเป็น1ในสาวกระดับสูงของสมาคมGอีกด้วย เพราะงั้นเวลาพูดถึงท่านประธานก็ช่วยคิดก่อนพูดนะ… ”  

 

เมื่อนาได้กล่าวเเนะนำตัวเพิ่มเติมให้ฟัง มันก็ทำให้ฉันต้องเเปลกใจมากกว่าเดิมซะอีก 

สาวกระดับสูง? หรือว่าเธอกำลังหมายถึงสมาชิกระดับสูงของสมาคมGงั้นเหรอ นี่นับวันไอ้สมาคมพิลึกนี้ยิ่งเข้าใกล้การเป็นลัทธิไปเรื่อยๆเเล้วนะ จะมีหมอที่ไหนว่างมารักษาให้เด็กนักเรียนโรงเรียนนี้บ้างเนี่ย…  

 

( แต่รู้สึกแปลกๆแฮะ…? ) 

 

ถึงทั้งคู่จะบอกว่าเป็นเเฟนกันเเต่ทำไมถึงได้ดูห่างเหินประหนึ่งกับคนเเปลกหน้าพึ่งเคยเจอกันเนี่ย…หรือเป็นเพราะพึ่งคบกันได้ไม่นานงั้นเหรอ?

ฉันเก็บข้อสงสัยนี้ไว้ในใจและไม่คิดจะถามอะไรอีก มันเป็นเรื่องของคนสองคนซึ่งไม่เกี่ยวกับฉัน และแถมถ้าหากถามออกไปก็ยังจะเป็นการเสียมารยาทอีกด้วย…ฉันคิดเช่นนั้น…แต่ไอ้คนข้างๆฉันมันกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกันน่ะสิ!?

แม็กมันเอ่ยถามคำถามที่สงสัยออกมาเหมือนคนไม่ใช้หัวคิด เป็นคำถามที่จะดึงพวกเรากลับเข้าไปสู่บรรยากาศที่น่าอึดอัดอีกครั้ง 

 

“ นี่ๆ ถึงทั้งคู่จะบอกว่าเป็นเเฟนกัน เเต่ทำไมถึงทำตัวห่างเหินกันเเบบนี้ล่ะ? ไม่สิ คนที่ทำตัวห่างเหินก็น่าจะมีแค่ฝั่งของนาคนเดียวนะ ”

“ …… ”

“ นายเองก็เหมือนกันนะกิต ทำไมนายถึงต้องดูเกร็งขนาดนั้นด้วยล่ะ เธอเป็นแฟนของนายไม่ใช่เหรอ? นายเองก็ดูมีความสุขมากเลยนี่ตอนที่พูดถึงเธอน่ะ แต่ทำไมถึงมาเกร็งเอาป่านนี้ล่ะ? ”

“ ออ…คือ… ” 

 

นี่คือคำถามที่จงใจกวนบาทาอีกฝ่ายรึเปล่าเนี่ย? ไอ้เจ้าแม็กมันไม่กลัวจะโดนตบอีกครั้งรึไงกัน? หรือว่าความเจ็บปวดก่อนหน้านี้มันไม่ได้แทรกซึมเข้าสมองของมันเลย

ถึงฉันอยากจะจับมันมามัดไว้กับโต๊ะเเล้วให้กิตกับนามารุมต่อยมันก็ตาม เเต่มันก็ถามสิ่งที่ฉันสงสัยด้วยเช่นเดียวกัน

เเต่ถ้าเรื่องนี้มันยังยืดยาวต่อไปเเล้วฉันจะได้นอนเมื่อไรกันล่ะ? 

 

“ พวกนายกำลังคุยเรื่องอะไรเหรอ ขอฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหม? ” 

 

ในขณะที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่นั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ได้กล่าวแทรกขึ้นท่ามกลางพวกเรา เสียงนี้มีอนุภาพมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของนักเรียนทั้งห้องให้หันมามองกันที่จุดเดียว

และคนที่สามารถปลดปล่อยออร่าเปล่งประกายได้เช่นนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น… 

 

“ เอ๊ะ? ท่านประธานคะ!? ”

“ เเก้วเองเหรอ ”

“ ว้าว~ คุณประธานผู้เเสนยิ่งใหญ่นี่เอง ”

“ …… ” 

 

เเก้วในสภาพที่มีเเสงเปล่งปลั่งราวกับองค์ศาสดาได้เดินมาอยู่ข้างฉัน พร้อมกับเหล่าสาวกที่เดินตามมาด้านหลังเหมือนลูกเป็ดเดินตามหลังแม่เป็ดไม่มีผิด สายตาของคนพวกนั้นจับจ้องมาที่ฉันด้วยเเรงอาฆาตพญบาท

จู่ๆฉันก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เเต่ที่รู้ๆเลยคือยัยผู้หญิงข้างๆนี่ต้องเป็นต้นเหตุอย่างเเน่นอน 

 

( เฮ้อ~ เธอเอาปัญหามาเพิ่มให้ฉันอีกเเล้วนะ… ) 

 

ณ โรงเรียนเเห่งนี้ ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดก็คือประธานนักเรียน มีอำนาจมากกว่าเหล่าอาจารย์ซะอีก…กิจกรรมภายในเเละภายนอกต้องได้รับการยืนยันจากสภานักเรียนก่อนถึงจะเริ่มดำเนินการได้ เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เเก้ว ไคม์ ผู้ที่เป็นประธานนักเรียนถึง2ปีซ้อน เธอต้องคอยควบคุมสิ่งต่างๆอย่างเป็นระบบระเบียบ นี่เป็นการเเสดงความเป็นผู้นำของเธอได้อย่างดี ทำเอาหลายคนอาจลืมไปเลยว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังมีผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่ด้วย

อุดมการณ์ของโรงเรียนที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยฝีมือของนักเรียนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเข้ามาเรียนที่นี่เเละทางโรงเรียนก็ให้อิสระค่อนข้างมากเลยทีเดียว… 

 

—ดูหมอนั้นดิ! ทำไมมันถึงได้ใกล้ชิดกับท่านประธานขนาดนั้นล่ะ!? 

—ก็ไอ้หมอนั่นคือคนในข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนไง นายไม่เคยได้ยินเหรอ 

—จะข่าวลืออะไรก็ชั่งมันดิวะ! ถ้าไม่ติดที่ว่าท่านประธานยังอยู่ตรงนี้ละก็ฉันคงพุ่งเข้าไปกระทืบมันแล้ว!

—ใจเย็นหน่อยเด็กใหม่ สมาคมของเราไม่ใช่พวกหัวรุนแรง ถ้านายรู้สึกโมโหจงอย่าไปไล่กระทืบใครเด็ดขาดมันไม่ดี แต่ถ้าเป็นการลงทัณฑ์ด้วยฝ่าเท้าก็ว่าไปอย่าง 

 

ไอ้ที่พูดมามันต่างกันตรงไหนฟะ!? แล้วก็ทำไมจู่ๆฉันถึงได้โดนเพ่งเล็งล่ะเนี่ย?! อย่างน้อยก็ช่วยหาเหตุผลที่เข้าท่ากว่านี้มาเกลียดกันหน่อยไม่ได้เหรอ นี่ตรูแค่นั่งอยู่เฉยๆเองนะเฟ้ย…

ฉันตัดสินใจจะฟุบหลับเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงซุบซิบน่ารำคาญอีก เเต่ดูเหมือนพระเจ้าจะชอบกลั่นเเกล้งฉันมากเลยทีเดียว… 

 

“ เอาล่ะ นักเรียนที่น่ารักทุกคนกลับไปนั่งที่ได้เเล้ว อาจารย์จะได้เริ่มสอนเเล้วนะ ”

“ “ คร้าบ~/ค้า~ ” ” 

 

อาจารย์สอนคาบเเรกได้เข้ามาเเล้ว เเละนี่จึงทำให้ฉันพลาดโอกาสนอนอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนน้ำตาน้อยๆมันกำลังจะไหลออกมา 

ฉันเก็บความรู้สึกหดหู่ใจกลับเข้าไปในอกเเละปลอบกับตัวเองว่าช่วงพักจะได้นอนเเน่ ฉันเชื่อเช่นนั้น…

เมื่อหมดคาบเรียนครึ่งเช้าเเล้วฉันก็กะไว้ว่าจะนอนต่อเพราะความง่วงมันยังคงไม่หายไป เเถมยังเพิ่มมากขึ้นไปอีกต่างหาก และขณะที่ฉันกำลังจะก้มหน้านอนนั้นเองก็พลันมีเสียงเรียกหยุดฉันไว้จากการนอนอีกครั้ง… 

 

“ เมฆ นายช่วยมากับฉันหน่อยสิ พอดีมีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ ” 

 

เสมือนลูกโป่งมีรูรั่ว น้ำตาน้อยๆที่เคยเก็บไว้พลันไหลหลั่งออกมาชโลมใบหน้าที่ซีดเซียวของฉัน 

 

“ ขอร้องล่ะครับคุณแก้ว ให้ผมได้นอนเถอะ ไหว้ล่ะ… ”

“ เอ๋?! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาโลกเบื้องหลัง 17

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กิต แม็ก และฉัน พวกเราทั้งสามคนไม่ได้คุยกันนานมากแล้ว 

เมื่อตอนม.2 ถึงพวกเราจะมีโอกาสได้อยู่ห้องเดียวกันอีกครั้ง แต่ครึ่งเทอมหลังนั้นพวกเราแต่ละคนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย เนื่องจากกิตมีปัญหาทางบ้านจึงต้องหยุดเรียนบ่อยๆ ส่วนแม็กเองก็หยุดเรียนบ่อยๆเหมือนกัน แต่เหตุผลต่างจากของกิตแบบสุดขั่ว มันมีนัดต้องไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเลยหยุดไป

ทั้งคู่นั้นได้หยุดเรียนบ่อยจนโรงเรียนต้องช่วยหาทางแก้ไขเรื่องเวลาการเรียนที่ไม่เพียงพอ โดยเสนอให้ทั้งกิตและแม็กมาเรียนในช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมแทน ซึ่งทั้งคู่ก็ตอบตกลงและได้มาเรียนในช่วงปิดเทอมจริงๆกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่ต้องมาแก้0แก้ร.

ตอนนี้ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี และคนที่ดูมีท่าทางดีใจที่สุดก็คงเป็นกิตนี่แหละ สีหน้าของมันดูสดใสต่างจากเมื่อตอนนั้นที่มักแสดงท่าทางเคร่งเครียดจนบรรยากาศรอบตัวชวนอึดอัด… 

 

“ ต้องขอบคุณอาจารย์อากาเนะเลยที่ปล่อยเร็ว ในตอนนี้เวลาก็น่าจะเหลือเยอะอยู่พอสมควร ทำไมพวกเราไม่มาเล่าเรื่องในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมากันล่ะ? ”

“ ….ก็เอาสิ แต่พวกเอ็งทั้งคู่มาเรียนกันในช่วงปิดเทอมไม่ใช่เหรอ คิดจะให้ฉันต้องเล่าคนเดียวรึไง? ”

“ ไม่ๆ พอดีว่าพวกเราขอให้อาจารย์แต่ละวิชาสอนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าน่ะ แน่นอนว่าการบ้านก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเหมือนกัน แต่เพราะอย่างงั้นเลยทำให้พวกเราได้เรียนกันแค่ไม่กี่อาทิตย์เอง มันเป็นช่วงเวลาที่…สาหัสสากรรจ์ ” 

 

เมื่อพูดถึงตอนนี้ ทั้งแม็กและกิตเองก็พลันหันหน้าเหม่อมองออกไปผ่านหน้าต่างพร้อมกับมีหยดน้ำตาหยดเล็กๆไหลออกมา 

 

“ อ—อ่า…ดูเหมือนจะพยายามกันน่าดูเลยนะ ” 

 

ฉันคิดไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองต้องเรียนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าพร้อมกับได้การบ้านเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจะได้ตายในสภาพแบบไหนกัน…แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

หลังจากที่กิตได้สติ มันก็กลับเข้าเรื่องทันที มันเสนอให้พวกเราเป่ายิ้งฉุบกันว่าใครจะได้เริ่มเล่าก่อนหรือเล่าทีหลัง และผลลัพธ์จากการประลองสั้นๆนี้ คนที่ได้เริ่มเล่าคนแรกก็คือกิต คนต่อมาก็คือแม็ก และคนสุดท้ายก็คือฉัน 

 

( ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ได้เป็นคนสุดท้ายเนี่ย ) 

 

มองไปที่สีหน้าของกิตฉันถึงกับต้องแปลกใจ ผู้ที่ต้องเริ่มเล่าเป็นคนแรกควรจะมีอาการเกร็งหรือตื่นเต้นสักเล็กน้อยตามปกติ แต่มันกลับแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาเสมือนคนพึ่งถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 มาและอยากโอ้อวดให้คนอื่นรับรู้ในความโชคดีของตัวเองเต็มเเก่เเล้ว

แม็กที่อุตส่าห์หยุดเล่นเกมโป๊และหันมารอฟังเริ่มมีน้ำโหเล็กน้อยเพราะตอนนี้กิตมันเอาแต่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียวโดยที่ไม่เริ่มเล่าสักที 

 

“ นี่! อย่าลีลาเยอะ เดี๋ยวก็หมดคาบโฮมรูมหรอก ”

“ ขอโทษๆ พอดีฉันอยากบอกว่าตอนนี้ฉันมีแฟนแล้วน่ะ แถมยังน่ารักสุดๆด้วย! ”

“ งั้นเหรอ ”

“ เธอเป็นคนใจดีมีเมตตาและยังเป็นคนที่คุยด้วยง่ายอีกด้วย! สวรรค์ได้ประทานพรให้ฉันแล้วแน่เลยล่ะ!! ” 

 

มือข้างนึงของกิตวางทาบที่อกขณะที่มืออีกข้างยกขึ้นด้านหน้า ท่าทางคล้ายกับเจ้าชายที่กำลังพร่ำเพ้อถึงเจ้าหญิง 

 

“ โฮ๋~ เพื่อนของฉันมีแฟนกับเค้าแล้วด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่พร้อมที่จะมีแฟน ”

“ เหะๆ ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาฉันกับแฟนได้ไปทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน เช่น ไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปกินข้าว ถึงจะน่าอายนิดหน่อยแต่เธอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเลย ถ้าจะให้นับละก็เธอคงเสียไปหลายพันแน่ ”

“ ง้อวววว พระเจ้าเข้าข้างนายแล้วนะเนี่ย! มีแฟนเป็นสายเปย์ขนาดนี้ ” 

 

ถ้าเป็นในยุคสมัยก่อน การที่ฝั่งผู้หญิงต้องมาออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับเดตนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆเลย และถึงจะเป็นในยุคปัจจุบันก็ยังหายากอยู่ดีที่ฝั่งผู้หญิงจะเป็นคนออกให้ทุกอย่างโดยที่ฝั่งผู้ชายไม่เสียอะไรเลยแบบนี้

แต่การที่ฝั่งผู้หญิงกล้าออกเงินให้หมดแบบนี้ก็หมายความว่าอีกฝ่ายต้องมีการงานทำแล้วหรือไม่ก็แค่บ้านรวยเฉยๆ… 

 

“ นายชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าเหรอ? ”

“ หืม? ไม่หรอก ฉันชอบคนที่อายุเท่ากันมากกว่าน่ะ แฟนของฉันเองก็อายุเท่ากันด้วย และนายต้องตกใจแน่เพราะเธอเองก็เรียนที่โรงเรียนอาสการ์เหมือนกันกับพวกเรานี่แหละ ”

“ อาๆ น่าตกใจจริงด้วย… ”

“ นี่ สีหน้ากับคำพูดของนายมันขัดกันนะ ” 

 

เฮ้อ~โลกมันก็กลมแบบนี้เสมอแหละนะ… 

 

“ แล้วนายกับเธอคนนั้นไปเจอกันได้ยังไงเหรอ? ”

“ …… ” 

 

สิ้นเสียงคำถามของแม็ก ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นของกิตก่อนหน้านี้พลันแปลงเปลี่ยนไปทันที 

 

“ จำไม่ได้อ่ะ… ” 

 

จำไม่ได้? เอาจริงดิ…พึ่งจะคบกันด้วยไม่ใช่เหรอฟะ ถ้างั้นก็น่าจะจำได้สิ เเต่ไอ้หมอนี่กลับบอกว่าจำไม่ได้เนี่ยนะ!? นี่ฉันชักสงสารผู้หญิงคนนั้นเเล้วสิ…

ไม่ใช่แค่ฉันกับแม็กเท่านั้นที่อึ้งกับคำตอบ แม้แต่กิตที่ตอบเองก็กำลังแสดงสีหน้าสับสนออกมา ดวงตาของมันสั่นเทาไปมาราวกับตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  

 

“ …… ” 

 

บรรยากาศภายในกลุ่มตอนนี้เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความอึดอัด สีหน้าของแต่ละคนต่างก็งุนงง ฉันคิดจะหันไปบอกให้แม็กเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองต่อทันทีเพื่อให้หลุดจากบรรยากาศนี่ แต่เหมือนมันเองก็คิดเหมือนกัน มันจึงเป็นฝ่ายชิงพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาก่อน 

 

“ นี่เมฆ ทำไมนายถึงไม่ได้มาเรียนเมื่อวานเหรอ? เมื่อวานนี้เปิดวันแรกเลยนะ ”

“ เฮ้ย อย่ามาเนียน! คิวเอ็งต้องเล่าเฟ้ย! ”

“ เมฆบอกฉันว่าเมื่อวานติดธุระน่ะเลยมาไม่ได้ ”

“ แล้วเอ็งจะไปบอกมันทำหอกไรฟะกิต!? ”

“ ฮะฮ่าๆ เรื่องเล็กน้อยเเบบนั้นอย่าไปใส่ใจเลย ” 

 

บรรยากาศเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว นี่คงต้องยกให้เป็นความดีความชอบของแม็กที่เก่งด้านการชวนนอกเรื่องล่ะนะ 

 

“ ธุระงั้นเหรอ~ ” 

 

ทันใดนั้นแววตาของแม็กก็พลันหรี่ลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ออกมา… 

 

“ เห๋~ งั้นเหรอเนี่ย~ บังเอิญจังเลยนะที่นายหยุดพร้อมกับแก้วน่ะ~ ”

“ ….แล้วไง? ”

“ ก็เมื่อวานนี้แก้วก็หยุดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ…แหมๆ มันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าน้า~ บ้านก็อยู่ข้างๆกันซะด้วยสิ~ วัยรุ่นร้อนแรงงงง~ ”

“ …… ” 

 

ฉันขอถอนคำพูดได้ไหมที่บอกไปว่าไอ้หมอนี่เป็นคนดีคนนึงที่ไว้ใจได้น่ะ ไอ้หมอนี่มันคือคนที่ไม่สมควรไว้วางใจอย่างยิ่ง…

และภายในชั่วพริบตานั้นก็พลันมีฝ่ามือปริศนาฟาดปะทะเข้ากับหลังศีรษะของแม็กแบบจังๆจนเกิดเสียง ‘เพี๊ยะ!’ ดังลั่นห้อง เเม็กที่โดนจู่โจมอย่างกระทันหันรีบยกมือทั้งสองไปกุมบริเวณนั้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเเละร้องโอดโอยอย่างน่าเวทนา

ฉันกับกิตถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้า ม่านตาของฉันถึงกับเปิดขึ้น เจ้าของผ่ามือปริศนานั้นก็คือหญิงสาวผมสีม่วงที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้นี่เอง… 

 

“ พูดจาระวังปากหน่อย ที่กำลังพูดถึงนั่นคือท่านประธานเชียวนะ ถ้านายไม่อยากโดนสมาคมGของพวกเรารุมกระทืบก็หุบปากไปซะ! ”

“ เธอเป็นใครถึงได้มาตบหัวฉันเนี่ย?! ถ้าสมองของฉันได้รับการกระทบกระเทือนเธอจะรับผิดชอบไหวไหม!? ”

“ หืม…งั้นจะให้ฉันตบปากนายแทนไหมล่ะ ”

“ ข—ขอโทษครับ ” 

 

หญิงสาวที่เปิดตัวมาได้โดดเด่นนี้ได้ข่มขู่แม็กด้วยออร่าที่น่าหวาดกลัวทำเอาแม็กถึงกับหง้อยเป็นลูกหมาเลย

และเมื่อเธอได้ยินคำขอโทษของแม็ก เธอก็แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาก่อนจะเดินตรงเข้ามาหากิตอย่างช้าๆ ร่างกายของกิตพลันเเข็งชะงักประหนึ่งกับตัวเองเป็นก้อนหิน มันเปิดปากพยายามพูดอะไรบางอย่าง… 

 

“ อ—อ—อรุณสวัสดิ์นา! ”

“ อรุณสวัสดิ์นะกิต ” 

 

เธอกล่าวทักทายกิตกลับไปด้วยความเป็นมิตรสวนทางกับกิริยาก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว 

ฟังจากคำทักทายของกิตแล้ว ดูเหมือนเธอคนนี้จะเป็นคนรู้จักของกิต แต่ถ้าเป็นคนรู้จักกันแล้วทำไมมันถึงดูเกร็งขนาดนั้นล่ะ? 

 

“ ม—เมื่อคืนหลับฝันดีไหม…ไม่สิ!? ต—ตอนเช้ากินอะไรมาเหรอ… ”

“ ก็ปกตินะ ”

“ ว—ว้าว! ท—ทรงผมวันนี้น่ารักดีนะ… ”

“ อื้ม ขอบคุณ ”

“ อ—โอ้! นั่นมันกิฟที่เคยไปซื้อด้วยกันนิ เธอใส่มาด้วยเหรอ? ”

“ ก็ใช่ ” 

 

อา…ไอ้บทสนทนาชวนน่าอึดอัดใจนี่มันอะไรกัน?! ทำไมกิตถึงเอาแต่พูดจาตะกุกตะกักแบบนี้เนี่ย? แล้วคุณเธอเป็นใครถึงเดินมาตบหัวคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยฟะ?

คำถามมากมายได้พรั่งพรูเข้ามาในหัวของฉันไม่หยุดและทันใดนั้นเอง กิตก็กล่าวเรื่องที่ทำให้ฉันต้องคิดหนักอีกครั้ง… 

 

“ อ—อาใช่! เธอคนนี้เป็นฟ—เเฟนของฉันเองเเหละ คนที่ฉันเล่าให้พวกนายฟังกันเมื่อกี้ไง…เหมือนที่เล่าเลยใช่ไหมล่ะ! ”

“ ….ห้ะ? ” 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันเห็นกิตกับหญิงสาวผมสีม่วงคนนั้นกล่าวทักทายกันด้วยความเป็นมิตร ความคิดที่ว่า ‘ทั้งคู่อาจจะเป็นแฟนกัน’ ก็ได้โผล่เข้ามาในหัวของฉัน แต่เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเพราะมันก็ถูกปัดทิ้งไปทันที

ใจดี…มีเมตตา…คุยด้วยง่าย…พรจากสวรรค์…มันไม่เห็นจะเหมือนกับสิ่งที่ฟังมาก่อนหน้านี้เลยนี่หว่า บนโลกนี้จะมีคนเมตตาที่ไหนบ้างเดินมาตบหัวคนอื่นเเละแถมยังขู่กระทืบอีก?!

หัวเอ็งมันไปฟาดอะไรมาก่อนจะเล่าเรื่องรึเปล่าฟะเนี่ย??  

 

“ ฉันชื่อ นา พึ่งจะคบกับกิตได้ไม่นานนี้เเละฉันยังเป็น1ในสาวกระดับสูงของสมาคมGอีกด้วย เพราะงั้นเวลาพูดถึงท่านประธานก็ช่วยคิดก่อนพูดนะ… ”  

 

เมื่อนาได้กล่าวเเนะนำตัวเพิ่มเติมให้ฟัง มันก็ทำให้ฉันต้องเเปลกใจมากกว่าเดิมซะอีก 

สาวกระดับสูง? หรือว่าเธอกำลังหมายถึงสมาชิกระดับสูงของสมาคมGงั้นเหรอ นี่นับวันไอ้สมาคมพิลึกนี้ยิ่งเข้าใกล้การเป็นลัทธิไปเรื่อยๆเเล้วนะ จะมีหมอที่ไหนว่างมารักษาให้เด็กนักเรียนโรงเรียนนี้บ้างเนี่ย…  

 

( แต่รู้สึกแปลกๆแฮะ…? ) 

 

ถึงทั้งคู่จะบอกว่าเป็นเเฟนกันเเต่ทำไมถึงได้ดูห่างเหินประหนึ่งกับคนเเปลกหน้าพึ่งเคยเจอกันเนี่ย…หรือเป็นเพราะพึ่งคบกันได้ไม่นานงั้นเหรอ?

ฉันเก็บข้อสงสัยนี้ไว้ในใจและไม่คิดจะถามอะไรอีก มันเป็นเรื่องของคนสองคนซึ่งไม่เกี่ยวกับฉัน และแถมถ้าหากถามออกไปก็ยังจะเป็นการเสียมารยาทอีกด้วย…ฉันคิดเช่นนั้น…แต่ไอ้คนข้างๆฉันมันกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกันน่ะสิ!?

แม็กมันเอ่ยถามคำถามที่สงสัยออกมาเหมือนคนไม่ใช้หัวคิด เป็นคำถามที่จะดึงพวกเรากลับเข้าไปสู่บรรยากาศที่น่าอึดอัดอีกครั้ง 

 

“ นี่ๆ ถึงทั้งคู่จะบอกว่าเป็นเเฟนกัน เเต่ทำไมถึงทำตัวห่างเหินกันเเบบนี้ล่ะ? ไม่สิ คนที่ทำตัวห่างเหินก็น่าจะมีแค่ฝั่งของนาคนเดียวนะ ”

“ …… ”

“ นายเองก็เหมือนกันนะกิต ทำไมนายถึงต้องดูเกร็งขนาดนั้นด้วยล่ะ เธอเป็นแฟนของนายไม่ใช่เหรอ? นายเองก็ดูมีความสุขมากเลยนี่ตอนที่พูดถึงเธอน่ะ แต่ทำไมถึงมาเกร็งเอาป่านนี้ล่ะ? ”

“ ออ…คือ… ” 

 

นี่คือคำถามที่จงใจกวนบาทาอีกฝ่ายรึเปล่าเนี่ย? ไอ้เจ้าแม็กมันไม่กลัวจะโดนตบอีกครั้งรึไงกัน? หรือว่าความเจ็บปวดก่อนหน้านี้มันไม่ได้แทรกซึมเข้าสมองของมันเลย

ถึงฉันอยากจะจับมันมามัดไว้กับโต๊ะเเล้วให้กิตกับนามารุมต่อยมันก็ตาม เเต่มันก็ถามสิ่งที่ฉันสงสัยด้วยเช่นเดียวกัน

เเต่ถ้าเรื่องนี้มันยังยืดยาวต่อไปเเล้วฉันจะได้นอนเมื่อไรกันล่ะ? 

 

“ พวกนายกำลังคุยเรื่องอะไรเหรอ ขอฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหม? ” 

 

ในขณะที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่นั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ได้กล่าวแทรกขึ้นท่ามกลางพวกเรา เสียงนี้มีอนุภาพมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของนักเรียนทั้งห้องให้หันมามองกันที่จุดเดียว

และคนที่สามารถปลดปล่อยออร่าเปล่งประกายได้เช่นนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น… 

 

“ เอ๊ะ? ท่านประธานคะ!? ”

“ เเก้วเองเหรอ ”

“ ว้าว~ คุณประธานผู้เเสนยิ่งใหญ่นี่เอง ”

“ …… ” 

 

เเก้วในสภาพที่มีเเสงเปล่งปลั่งราวกับองค์ศาสดาได้เดินมาอยู่ข้างฉัน พร้อมกับเหล่าสาวกที่เดินตามมาด้านหลังเหมือนลูกเป็ดเดินตามหลังแม่เป็ดไม่มีผิด สายตาของคนพวกนั้นจับจ้องมาที่ฉันด้วยเเรงอาฆาตพญบาท

จู่ๆฉันก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เเต่ที่รู้ๆเลยคือยัยผู้หญิงข้างๆนี่ต้องเป็นต้นเหตุอย่างเเน่นอน 

 

( เฮ้อ~ เธอเอาปัญหามาเพิ่มให้ฉันอีกเเล้วนะ… ) 

 

ณ โรงเรียนเเห่งนี้ ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดก็คือประธานนักเรียน มีอำนาจมากกว่าเหล่าอาจารย์ซะอีก…กิจกรรมภายในเเละภายนอกต้องได้รับการยืนยันจากสภานักเรียนก่อนถึงจะเริ่มดำเนินการได้ เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เเก้ว ไคม์ ผู้ที่เป็นประธานนักเรียนถึง2ปีซ้อน เธอต้องคอยควบคุมสิ่งต่างๆอย่างเป็นระบบระเบียบ นี่เป็นการเเสดงความเป็นผู้นำของเธอได้อย่างดี ทำเอาหลายคนอาจลืมไปเลยว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังมีผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่ด้วย

อุดมการณ์ของโรงเรียนที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยฝีมือของนักเรียนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเข้ามาเรียนที่นี่เเละทางโรงเรียนก็ให้อิสระค่อนข้างมากเลยทีเดียว… 

 

—ดูหมอนั้นดิ! ทำไมมันถึงได้ใกล้ชิดกับท่านประธานขนาดนั้นล่ะ!? 

—ก็ไอ้หมอนั่นคือคนในข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนไง นายไม่เคยได้ยินเหรอ 

—จะข่าวลืออะไรก็ชั่งมันดิวะ! ถ้าไม่ติดที่ว่าท่านประธานยังอยู่ตรงนี้ละก็ฉันคงพุ่งเข้าไปกระทืบมันแล้ว!

—ใจเย็นหน่อยเด็กใหม่ สมาคมของเราไม่ใช่พวกหัวรุนแรง ถ้านายรู้สึกโมโหจงอย่าไปไล่กระทืบใครเด็ดขาดมันไม่ดี แต่ถ้าเป็นการลงทัณฑ์ด้วยฝ่าเท้าก็ว่าไปอย่าง 

 

ไอ้ที่พูดมามันต่างกันตรงไหนฟะ!? แล้วก็ทำไมจู่ๆฉันถึงได้โดนเพ่งเล็งล่ะเนี่ย?! อย่างน้อยก็ช่วยหาเหตุผลที่เข้าท่ากว่านี้มาเกลียดกันหน่อยไม่ได้เหรอ นี่ตรูแค่นั่งอยู่เฉยๆเองนะเฟ้ย…

ฉันตัดสินใจจะฟุบหลับเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงซุบซิบน่ารำคาญอีก เเต่ดูเหมือนพระเจ้าจะชอบกลั่นเเกล้งฉันมากเลยทีเดียว… 

 

“ เอาล่ะ นักเรียนที่น่ารักทุกคนกลับไปนั่งที่ได้เเล้ว อาจารย์จะได้เริ่มสอนเเล้วนะ ”

“ “ คร้าบ~/ค้า~ ” ” 

 

อาจารย์สอนคาบเเรกได้เข้ามาเเล้ว เเละนี่จึงทำให้ฉันพลาดโอกาสนอนอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนน้ำตาน้อยๆมันกำลังจะไหลออกมา 

ฉันเก็บความรู้สึกหดหู่ใจกลับเข้าไปในอกเเละปลอบกับตัวเองว่าช่วงพักจะได้นอนเเน่ ฉันเชื่อเช่นนั้น…

เมื่อหมดคาบเรียนครึ่งเช้าเเล้วฉันก็กะไว้ว่าจะนอนต่อเพราะความง่วงมันยังคงไม่หายไป เเถมยังเพิ่มมากขึ้นไปอีกต่างหาก และขณะที่ฉันกำลังจะก้มหน้านอนนั้นเองก็พลันมีเสียงเรียกหยุดฉันไว้จากการนอนอีกครั้ง… 

 

“ เมฆ นายช่วยมากับฉันหน่อยสิ พอดีมีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ ” 

 

เสมือนลูกโป่งมีรูรั่ว น้ำตาน้อยๆที่เคยเก็บไว้พลันไหลหลั่งออกมาชโลมใบหน้าที่ซีดเซียวของฉัน 

 

“ ขอร้องล่ะครับคุณแก้ว ให้ผมได้นอนเถอะ ไหว้ล่ะ… ”

“ เอ๋?! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+